LOGIN
เสียงฟ้าคำรามกึกก้องราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังเกรี้ยวกราดอยู่เหนือผืนนภา สายฝนเม็ดหนากระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาจนทั่วทั้งบริเวณขาวโพลนไปด้วยม่านน้ำ ไอเย็นยะเยือกแทรกซึมผ่านรอยแตกของผนังไม้สักเก่าคร่ำคร่า กัดกินผิวเนื้อของหญิงสาวร่างบางที่กำลังสั่นเทาอยู่มุมห้อง
“กูถามว่า... พ่อของมึงซ่อนมันไว้ที่ไหน!!”
เสียงตะคอกนั้นหยาบกระด้างและเสียดแทงยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่า ธนิดา ยกมือขึ้นกุมแก้มข้างซ้ายที่เริ่มบวมช้ำ รสคาวเลือดจางๆ คละคลุ้งอยู่ในปาก ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วใบหน้า แต่สิ่งที่กัดกินหัวใจของเธอมากกว่าคือความหวาดกลัวที่เกาะกุมจนขั้วหัวใจหนาวเหน็บ
“ฮึก... ฉันไม่รู้... ฉันไม่รู้จริงๆ” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ แววตาคู่สวยที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองกลุ่มชายฉกรรจ์ตรงหน้าด้วยความสิ้นหวัง
บ้านไม้ที่เคยเป็นวิมานอันอบอุ่นของเธอกับพ่อ บัดนี้แปรสภาพเป็นนรกบนดิน ข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย แจกันดอกไม้ที่เธอเพิ่งจัดเมื่อเช้าแตกละเอียดอยู่แทบเท้า เศษกระเบื้องคมกริบสะท้อนแสงไฟวูบวาบราวกับกำลังรอคอยที่จะดื่มเลือด
“ปากแข็งนักนะแม่ตัวดี...” ไอ้โชติ ชายร่างยักษ์ผู้มีแววตาดุร้ายเยี่ยงโจร แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม มันสาวเท้าเข้ามาใกล้ เงาทะมึนของมันทาบทับร่างเล็กที่จนตรอก “ถ้าไม่อยากเจ็บตัวไปมากกว่านี้ ก็คายความลับออกมา หรือจะให้กูรื้อค้นตัวมึงแทนบ้านหลังนี้ดีล่ะ! หื้ม?”
มือหยาบกร้านเอื้อมมาหมายจะกระชากคอเสื้อ ธนิดากรีดร้องสุดเสียง ความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นสัญชาตญาณเอาตัวรอด เธอคว้าแจกันใบเล็กที่ใกล้มือที่สุดฟาดสวนออกไป
เพล้ง!
“โอ๊ย! นังแพศยา!” เลือดสีแดงสดไหลอาบหน้าผากของมัน ไอ้โชติคำรามลั่นด้วยความบ้าคลั่ง มันง้างมือขึ้นเตรียมจะมอบจุดจบให้แก่เธอ
วินาทีนั้น ธนิดาหลับตาแน่น หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะทะลุอก รอรับชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกหนี
ปัง!
เสียงกัมปนาทดังสนั่นเพียงนัดเดียว ตัดผ่านเสียงสายฝนและเสียงลมหายใจของทุกคนในห้อง
ร่างของไอ้โชติกระตุกเกร็ง ดวงตาเบิกโพลองด้วยความตกตะลึง ก่อนที่ร่างใหญ่โตนั้นจะค่อยๆ ทรุดฮวบลงกับพื้นไม้กระดาน เลือดสีเข้มไหลนองแผ่ขยายวงกว้าง ตัดกับแสงไฟสลัวอย่างน่าสยดสยอง
ความเงียบเข้าครอบงำฉับพลัน... เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นโครมคราม
ท่ามกลางม่านฝนที่โปรยปรายอยู่เบื้องหลังประตูบานใหญ่ ร่างสูงสง่าของใครบางคนปรากฏตัวขึ้น เขายืนนิ่งสงบราวกับรูปปั้นเทพบุตรที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต แต่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายอันตรายที่ชวนให้หายใจไม่ทั่วท้อง
ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำสนิทที่ขับเน้นรูปร่างกำยำสมส่วน ใบหน้าคมคายหล่อเหลาราวกับไม่มีอยู่จริง ดวงตาคู่คมกริบภายใต้คิ้วเข้มจ้องมองเข้ามาในห้อง แววตานั้นว่างเปล่า เย็นชา แต่กลับทรงอำนาจจนทำให้ลูกน้องที่เหลืออีกสองคนมือไม้สั่น ขาแข็งก้าวไม่ออก
เขาไม่ได้ดูรีบร้อน ไม่ได้ดูโกรธเกรี้ยว เขาก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาอย่างแผ่วเบา รองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นไม้เกิดเสียงดังกึกก้องเป็นจังหวะที่มั่นคง ราวกับพญามัจจุราชที่กำลังเดินเล่นในสวนหลังบ้าน
“ใครอนุญาตให้พวกมึง... แตะต้องของของกู”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ นุ่มนวลชวนฟังแต่กลับแฝงด้วยความกดดันมหาศาลที่ทำให้อากาศในห้องหนักอึ้ง
“มึง... มึงเป็นใครวะ!” หนึ่งในลูกน้องตะโกนถามเสียงหลง พยายามยกปืนขึ้นเล็ง
ชายหนุ่มเพียงแค่ปรายตามอง ริมฝีปากหยักได้รูปกระตุกยิ้มมุมปาก มันเป็นรอยยิ้มที่งดงามแต่เคลือบแฝงไปด้วยยาพิษ
ปัง! ปัง!
รวดเร็ว แม่นยำ และไร้ความปรานี
กระสุนสองนัดเจาะเข้าจุดตายอย่างเงียบเชียบ ร่างไร้วิญญาณอีกสองร่างร่วงหล่นลงสู่พื้นราวกับใบไม้ร่วง กลิ่นดินประสิวผสมปนเปกับกลิ่นคาวเลือดที่เริ่มคละคลุ้งรุนแรงขึ้น แต่มันกลับไม่สามารถกลบกลิ่นกายหอมอ่อนๆ แบบผู้ดีที่แผ่ออกมาจากตัวชายหนุ่มได้เลย
นาวินลดปืนในมือลง เขาข้ามกองเลือดเหล่านั้นมาหยุดยืนตรงหน้าธนิดา หญิงสาวนั่งตัวสั่นงันงก สายตาจับจ้องไปที่เขาด้วยความหวาดหวั่นปนหลงใหลอย่างประหลาด
เขาค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งชันเข่าตรงหน้าเธอ นิ้วมือเรียวยาวที่เย็นเฉียบเอื้อมมาเชยคางมนของเธอขึ้นเบาๆ บังคับให้สบตา การสัมผัสของเขานุ่มนวลราวกับกลัวว่าเธอจะแตกสลาย แต่แววตานั้นกลับจ้องลึกเข้าไปถึงวิญญาณ
“เจ็บมากไหม...” เขาเอ่ยถามแผ่วเบา ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยไล้น้ำตาที่หางตาของเธออย่างอ่อนโยน
ธนิดาพูดไม่ออก ลำคอแห้งผาก เธอสัมผัสได้ถึงความอันตรายที่แผ่ออกมาจากผู้ชายคนนี้ แต่น่าแปลกที่ในความอันตรายนั้น เธอกลับรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
“คุณ... คุณฆ่าพวกเขา” เสียงหวานสั่นเครือ
“คนพวกนี้ทำเธอเจ็บ” นาวินตอบเรียบๆ ราวกับเป็นเรื่องธรรมชาติ “และใครที่ทำให้ของสำคัญของฉันมีรอยขีดข่วน... มันต้องชดใช้”
“ของสำคัญ?” เธอทวนคำงุนงง
นาวินขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกโด่งคมสันแทบชนแก้มเนียนของเธอ ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดผิวหน้า ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวผิดจังหวะ
“พ่อของเธอติดหนี้ฉัน... ไม่ใช่แค่เงินตรา แต่เป็นบางสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้” เสียงทุ้มกระซิบชิดริมฝีปาก “ในเมื่อเขาไม่อยู่ชดใช้ เธอก็ต้องเป็นหลักประกันให้ฉันแทน”
“แต่ฉัน... ฉันไม่มีเงิน...”
“ฉันไม่ได้ต้องการเงินตอนนี้” เขายิ้มร้าย ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ “ฉันต้องการรหัสผ่านที่พ่อเธอขโมยไป และจนกว่าฉันจะได้มันคืน ร่างกายนี้ ลมหายใจนี้ จะต้องเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว”
เขาถอดเสื้อสูทตัวนอกออกคลุมไหล่ที่สั่นเทาของเธอ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงโอบล้อมกายเธอไว้ราวกับกรงขังที่มองไม่เห็น ก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย
“ไปกันเถอะ... สัญญาใจของเรา เริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ วินาทีนี้”
ธนิดาซบหน้าลงกับอกกว้างที่แข็งแกร่ง ปล่อยให้เขาพาเธอเดินฝ่าสายฝนและศพคนตายออกไปสู่โลกใบใหม่ โลกที่มืดมิด อันตราย แต่น่าหลงใหลที่มีผู้ชายชื่อนาวินเป็นผู้ปกครอง
ฟ้าร้องกึกก้องจนผนังสั่นสะเทือน เม็ดฝนกระหน่ำราวกับพายุร้ายกำลังโหมกระหน่ำใส่โลกใบนี้ไม่หยุดในห้องใต้ดินขนาดเล็กที่ซ่อนตัวอยู่หลังคฤหาสน์ ธนิดากับนาวินนั่งอยู่ด้วยกันบนฟูกผืนเก่า มีเพียงแสงเทียนริบหรี่เป็นเพื่อน ความเงียบชวนอึดอัดกำลังคืบคลานขึ้นระหว่างทั้งสองคน“ข้างบนระเบิดเสียหายหนัก” นาวินพูดเรียบ ๆธนิดาพยักหน้า ดวงตาไม่กล้าสบกับเขา “เราจะติดอยู่ที่นี่นานแค่ไหน?”“จนกว่าคนของฉันจะกวาดล้างพวกมันหมด... หรืออาจจะต้องรอจนกว่าฝนจะหยุด”เธอกอดเข่าตัวเองแน่น ลมหายใจเบาเหมือนกลัวว่าเสียงจะไปกระทบใจใครผ่านไปเกือบสิบนาที นาวินจึงลุกไปหยิบผ้าห่มผืนใหญ่ที่วางอยู่มุมห้อง และโยนมันคลุมตัวเธอ“เข้ามานี่” เขาเอ่ยนิ่ง ๆ พลางตบฟูกข้างตัวเธอลังเล “ฉัน... ไม่หนาว”“อย่าดื้อ”เมื่อเธอขยับตัวเข้าไปใกล้ ใต้ผ้าห่มเดียวกัน ความอบอุ่นของร่างกายเริ่มแผ่ซ่านออกมา แต่มันไม่ใช่แค่เพียงไออุ่นจากผิวหนัง หากแต่เป็นความร้อนที่ซ่อนอยู่ในใจทั้งคู่ฝนยังคงตกแต่เสียงฝนเริ่มจางลงในใจของทั้งสอง เมื่อดวงตาคู่นั้นเริ่มสบกันโดยไม่มีคำพูดใด ๆ“รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงพาเธอมาที่นี่?” เขาถามเบา ๆ“เพราะฉันเสี่ยงตายเพื่อคุณงั้น
เสียงปิดประตูดังปัง พร้อมแรงดึงที่กระชากไหล่เล็กให้หันกลับมาเผชิญหน้าร่างสูงที่เต็มไปด้วยความคุกรุ่น“คิดจะหนีฉันเหรอ!” น้ำเสียงของนาวินต่ำลึกและเต็มไปด้วยแรงกดดัน เขาแทบไม่ต้องข่มอารมณ์ให้มากกว่านี้ เพราะตอนนี้ทุกหยดเลือดในกายกำลังเดือดพล่านธนิดาถอยกรูดหลังชิดผนัง ใบหน้าซีดเผือดทั้งที่ดวงตายังเปล่งแสงกร้าว “ฉันไม่ได้หนี ฉันแค่... เลือกจะไม่อยู่ในที่ที่อันตรายอีกต่อไป!”“อันตรายเหรอ?” เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกหนึ่งก้าว ดวงตาคู่คมไล่มองเรือนร่างเธออย่างไม่ปิดบังเจตนา “หรือว่าเธอกลัวหัวใจตัวเอง?”“อย่ามาเล่นคำกับฉันนะ...”นาวินไม่ให้เธอพูดจบ มือหนาตรึงข้อมือเล็กทั้งสองไว้เหนือศีรษะ เขากระแทกเธอกับผนังอย่างไม่อ่อนโยน แล้วกระซิบชิดใบหู“ถ้ากล้าจะ ‘ไป’ โดยไม่บอก ฉันก็จะ ‘ลงโทษ’ เธอให้หลาบจำไปจนถึงเช้า”เขาไม่ปล่อยเวลาให้เธอตั้งตัว ริมฝีปากหยาบกร้านกดลงบนลำคอขาวเนียน ก่อนจะลากต่ำลงเรื่อย ๆ ผ่านกระดูกไหปลาร้า ราวกับกำลังลงอาคมแห่งความเป็นเจ้าของธนิดาเผลอครางเสียงสั่นเมื่อริมฝีปากของเขาแตะจุดไวสัมผัสตรงเหนือเนินอก นิ้วมือของเขาคลายกระดุมเสื้อเธอทีละเม็ดช้า ๆ ทว่าร้อนแรง“นาวิน...หยุด...” เธอครางอ
แสงแดดยามเช้าตรู่สาดส่องผ่านผ้าม่านโปร่งสีขาวเข้ามาตกกระทบเตียงนอนนุ่ม สร้างลวดลายของแสงเงาที่ดูอบอุ่นและสงบเงียบ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วจากสวนหน้าบ้านและเสียงคลื่นกระทบฝั่งแผ่วเบา เป็นนาฬิกาปลุกธรรมชาติที่ดีที่สุดสำหรับบ้านพักริมทะเลแห่งนี้นาวินลืมตาตื่นขึ้นก่อนใครตามความเคยชิน เขานอนตะแคงเท้าแขนมองดูหญิงสาวในอ้อมกอดที่ยังคงหลับสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของธนิดาเปรียบเสมือนดนตรีที่ไพเราะที่สุดที่ขับกล่อมจิตวิญญาณอันแข็งกระด้างของเขาให้อ่อนโยนลงปลายนิ้วหนาเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปรกแก้มใสของภรรยาอย่างเบามือ เขายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ใครจะเชื่อว่าอดีตหัวหน้าแก๊งมาเฟียที่เคยมองโลกเป็นสีเทาหม่น จะมานอนยิ้มให้กับคนรักในยามเช้าแบบนี้"อือ..." ธนิดาขยับตัวเล็กน้อย ครางงัวเงียในลำคอเมื่อถูกรบกวน เธอกะพริบตาถี่ๆ ปรับโฟกัส ก่อนจะคลี่ยิ้มหวานเมื่อเห็นใบหน้าของสามีเป็นสิ่งแรกของวัน"อรุณสวัสดิ์ค่ะ... คุณบาริสต้า" เสียงหวานแหบพร่าเล็กน้อยจากการเพิ่งตื่น"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณนาย" นาวินก้มลงจูบหน้าผากมนหนักๆ "ตื่นสายนะวันนี้ เมื่อคืนโดนกวนดึกไปหน่อยเหรอ?"ธนิดาหน้าแดงซ่าน นึกถึงกิจกรรมรักท่ามกลางสายฝนเมื
ท้องฟ้าเหนือทะเลแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาทะมึน เมฆฝนก้อนใหญ่เคลื่อนตัวเข้าปกคลุมจนบดบังแสงจันทร์ที่เคยสุกสกาว เสียงฟ้าคำรามครืนครั่นดังมาจากขอบฟ้าไกลๆ ก่อนที่สายฝนเม็ดหนาจะเทกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับโกรธเกรี้ยวใครมานับร้อยปีภายในห้องนอนชั้นสองของบ้านพักริมทะเล บรรยากาศกลับแตกต่างจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง แสงไฟสีส้มสลัวจากโคมไฟหัวเตียงสร้างความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย กลิ่นเทียนหอมอโรมากลิ่นวานิลลาลอยอบอวลจางๆ ผสมกับเสียงเม็ดฝนกระทบกระจกหน้าต่างที่กลายเป็นดนตรีขับกล่อมยามค่ำคืนธนิดานั่งกอดเข่าอยู่บนม้านั่งบุนวมริมหน้าต่าง เหม่อมองออกไปในความมืดมิดที่มีเพียงเส้นสายของน้ำฝน เธอสวมเพียงเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของนาวินที่ยาวคลุมลงมาถึงต้นขา เผยให้เห็นขาเรียวสวยที่ซ่อนอยู่ในเงามืด"คิดอะไรอยู่..."เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับวงแขนแกร่งที่โอบรัดรอบเอวเธอจากด้านหลัง นาวินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาสวมเพียงกางเกงนอนขายาวเปลือยท่อนบน อวดมัดกล้ามสวยงามที่มีหยดน้ำเกาะพราว ผมเปียกชื้นลู่ลงมาปรกหน้าผากทำให้เขาดูเด็กลงและเซ็กซี่อย่างร้ายกาจนาวินวางคางลงบนไหล่เล็ก สูดดมกลิ่นหอมของสบู่ที่ติดอยู่บนผิวกายเธอ "หรือเธ
ค่ำคืนที่ท้องฟ้าเปิดโล่ง ไร้เมฆหมอกบดบัง ดวงจันทร์กลมโตทอแสงสีนวลสาดส่องลงบนผืนน้ำทะเลจนเกิดเป็นประกายระยิบระยับดุจเพชรนับพันเม็ด เสียงคลื่นซัดสาดหาดทรายขาวดังเป็นจังหวะขับกล่อมธรรมชาติให้หลับใหล แต่สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งสวมแหวนหมั้นกันหมาดๆ รัตติกาลนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นนาวินจูงมือธนิดาเดินลัดเลาะไปตามชายหาดที่เงียบสงบ ห่างไกลจากบ้านพักและร้านกาแฟของพวกเขาออกมาพอสมควร จนกระทั่งถึงเวิ้งอ่าวเล็กๆ ที่ถูกโอบล้อมด้วยโขดหินธรรมชาติ เป็นมุมส่วนตัวที่มีเพียงหาดทราย สายลม และแสงจันทร์"คุณพาฉันมาเดินไกลขนาดนี้ จะแอบพาไปฆ่าหมกทรายหรือเปล่าคะเนี่ย" ธนิดาแกล้งแซว ทำลายความเงียบนาวินหยุดเดิน หันมามองเธอด้วยสายตาพราวระยับที่ทำให้ธนิดารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เขารั้งเอวบางเข้ามาแนบชิด จนหน้าอกนุ่มหยุ่นของเธอเบียดกับแผงอกแกร่งของเขา"ฆ่าหมกทรายมันเชยไป..." เขากระซิบเสียงพร่าชิดริมฝีปากเธอ “พามากินไปชมวิวไป น่าจะเหมาะกว่า"ธนิดาหน้าแดงซ่าน ตีอกเขาเบาๆ "คนทะลึ่ง! ที่โล่งแจ้งขนาดนี้ใครจะไปยอม...""ไม่มีใครหรอก แถวนี้เป็นเขตส่วนตัวของเรา" นาวินไม่พูดเปล่า เขาช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวอ
เสียงคลื่นซัดสาดหาดทรายขาวละเอียดดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เคล้าคลอไปกับเสียงกระดิ่งลมที่แขวนอยู่หน้าประตูร้านกาแฟเล็กๆ สไตล์มินิมอลริมทะเล กลิ่นหอมกรุ่นของเมล็ดกาแฟคั่วบดลอยอบอวลผสมผสานกับไอเค็มของทะเล สร้างบรรยากาศที่แปลกใหม่แต่ลงตัวอย่างน่าประหลาดป้ายไม้เหนือประตูร้านสลักคำว่า The Moonlight ตัวอักษรหวัดๆ แต่สวยงามฝีมือเจ้าของร้านภายในเคาน์เตอร์บาร์นาวินในชุดเสื้อยืดสีขาวสะอาดตากับผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเข้มกำลังขะมักเขม้นกับการเทนมลงในถ้วยกาแฟเพื่อทำลาเต้อาร์ต แม้ใบหน้าจะยังคงความคมเข้มดุดันตามแบบฉบับอดีตมาเฟีย แต่แววตาที่จ้องมองฟองนมนั้นกลับเต็มไปด้วยความตั้งใจและอ่อนโยนจนน่าเอ็นดู"เบี้ยวอีกแล้วค่ะคุณบาริสต้า"เสียงใสๆ ดังขึ้นจากโต๊ะมุมร้าน ธนิดาละสายตาจากบัญชีรายรับรายจ่ายในแท็บเล็ต เงยหน้าขึ้นมองผลงานศิลปะในถ้วยกาแฟของสามีแล้วหลุดขำออกมา "นั่นรูปหัวใจหรือรูปก้อนเมฆคะเนี่ย"นาวินถอนหายใจพรืด วางเหยือกนมลงแล้วยกมือเท้าเอว "ยากกว่ายิงปืนอีก ฉันว่าฉันเหมาะกับการชงกาแฟดำเพียวๆ มากกว่านะ""ไม่ได้ค่ะ" ธนิดาลุกเดินมาหาเขาที่เคาน์เตอร์ เอื้อมมือไปจัดปกเสื้อให้เขาเรียบร้อย "คุณบอกเองว่าจะเปิดร




![DarkZ [I] MYZTERY HORO](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


