Войтиเพราะเคยมีประสบการณ์ทำงานตามงานเลี้ยงมาบ้าง สำหรับแพรดาวจึงไม่ยากนัก การจำชื่อเมนูเครื่องดื่มเด่นๆ มาวันแรกไม่ได้ทำงานจริงแต่เรียนรู้งาน คนที่มีประสบการณ์ได้ทำงานที่โซนB ซึ่งเป็นชั้นบนที่แบ่งเป็นห้องพิเศษอีกหลายห้อง ส่วนแพรดาวทำงานที่โซนA ซึ่งดูแล้วก็ไม่ต่างจากร้านเหล้าทั่วไปที่มีเวทีเล็กๆ สำหรับการเล่นดนตรีสด
เสื้อพนักงานเป็นเสื้อโปโลสีดำคลิบแดง บนอกเสื้อปักโลโก้ร้าน กางเกงผ้าขายาวกับรองเท้าคัชชูทำให้เดินสบายคล่องตัว เธอไม่คิดว่าที่นี่จะเตรียมให้พนักงานขนาดนี้ แต่ก็นับว่าดีมากแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ แพรดาวเรียนรู้งานจากผู้จัดการหรือพี่ดาด้ารวมทั้งคนอื่นๆ 3 วัน ทุกอย่างไปอย่างราบรื่นด้วยดี
กลางวันแพรดาวไปทำงานตามที่บริษัทนัดหมาย เดี๋ยวนี้มีคนมาทำงานเป็นแม่บ้านกันมากขึ้น เธอไม่ได้มีงานทำทุกวัน การมีรายได้กลางคืนจึงเป็นความหวังกับเธอมากทีเดียว แต่ที่สุดแล้วเธอก็หวังจะได้ทำงานประจำที่มั่นคง ระหว่างนี้แพรดาวก็ยังอ่านหนังสือทบทวนความรู้ของตัวเองตลอดเพื่อจะได้สอบเข้าทำงานราชการ
หญิงสาวหยุดหน้าประตูห้องที่คุ้นเคย เธอลังเลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่ตัวเองก็มาทำความสะอาดที่ห้องนี้หลายครั้งแล้ว ความกลัวยังคงซ่อนอยู่แต่แววตาและรอยยิ้มอ่อนโยนนั้นก็ทำให้เธออยากกลับมายืนตรงนี้ บางที...นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอทำงานเป็นแม่บ้าน ถ้างานกลางคืนไปได้ดี เธอก็ต้องหยุดงานกลางวัน ให้ทำงานทั้งสองกะ ร่างกายเธอรับไม่ได้ไหวอย่างแน่นอน
หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา เธอสูดลมหายใจลึกเรียกกำลังใจให้ตัวเองแล้วหยิบคีย์การ์ดจะเปิดห้อง แต่ประตูกลับถูกเปิดออกก่อน ร่างเล็กผงะตกใจก้าวถอยหลังเสียหลักสะดุดเท้าตัวเอง ร่างของเธอหงายไปด้านหลัง แต่มือของชายหนุ่มรวดเร็วกว่าคว้าแขนเรียวเล็กแล้วดึงไว้ไม่ให้ล้มลง ทว่าร่างนุ่มนิ่มกลับซุกอยู่ในอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจ กลิ่นครีมอาบน้ำที่ผสานเข้ากับกลิ่นกายและไอร้อนของชายหนุ่มทำให้แพรดาวตัวแข็งราวกับก้อนหิน เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก กระทั่งข้างหูได้ยินเสียงเป่าลมหายใจโล่งอก
“ฟู่! โชคดีที่คว้าไว้ทัน ไม่งั้นคุณล้มใส่กระถางต้นไม้แล้ว”
“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ!”
หัสดินก้มมองคนตัวเล็กที่ลนลานดิ้นขลุกขลักในวงแขน เมื่อมั่นใจว่าเธอยืนได้มั่นคงแล้วจึงยอมปล่อยและถอยออกมาเล็กน้อย ใบหน้าระบายยิ้มจนดวงตาหยีเล็ก
“ผมเห็นคุณยืนนิ่งหน้าประตูตั้งนานสองนาน นึกว่าลืมคีย์การ์ดก็เลยออกมาเปิดประตูให้”
“คุณเห็นหรือคะ” แพรดาวทำหน้างุนงง แล้วเขาก็เฉลยด้วยการชี้ให้ดูมุมหนึ่งที่มีกล้องตัวเล็กๆ ติดอยู่ทำให้เธอยิ้มเก้อเขินออกมา นั้นสินะ ห้องพักหรูหราแบบนี้ก็ต้องมีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว
“วันนี้คุณอยู่ห้องหรือคะ ให้ฉันมาทำความสะอาดวันหลังไหม?” ปกติเจ้าของห้องมักไม่ค่อยอยู่ เวลาทำความสะอาดเปิดเครื่องดูฝุ่นก็เสียงดังแล้ว ไหนจะฝุ่นในห้องอีก
“ผมรอคุณอยู่ เข้ามาเถอะ” ชายหนุ่มเบี่ยงตัวให้เธอเดินเข้าไปด้านใน
แพรดาวประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยินแต่ก็เดินเข้าไปโดยง่าย อาจเพราะรอยยิ้มของเขาที่ทำให้เธอลืมเรื่องที่ทำให้ ‘กลัว’ ไปชั่วขณะ และลดความหวาดระแวงไปทันที
“วางกระเป๋าก่อนแล้วมานั่งตรงนี้” หัสดินพูดราวกับอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิท และแม่บ้านสาวก็ทำตามอย่างว่าง่าย เธอวางกระเป๋าผ้าที่คล้องไหล่แล้วเดินไปที่โต๊ะรับประทานอาหารขนาดเล็กที่ครั้งหนึ่งทั้งสองนั่งกินข้าวด้วยกัน เขาเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่งแล้วหยิบผ้าผืนหนึ่งคลี่ออก
“ขออนุญาตนะครับคุณผู้หญิง”
“คะ?” แม้รู้ว่าเป็นท่าทางการบริการของบริกรเวลาที่ไปรับประทานในร้านอาหารหรู แต่เธอเพิ่งเคยมีคนทำให้แบบนี้เป็นครั้งแรก ก็แน่ล่ะ ที่ผ่านมาทำให้คนอื่นตลอดนี่ ร่างสูงโน้มตัวลงเล็กน้อยวางผ้าบนตักของหญิงสาวแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบเค้กที่เตรียมไว้ออกมาวางบนโต๊ะ
“นี่...”
“เค้กมะพร้าวอ่อน” เขาอธิบายแล้วเดินไปรินน้ำเย็นหนึ่งแก้วกับน้ำผลไม้อีกแก้วมาให้ “ลองชิมสิ ผมทำเอง”
“คุณ...คุณทำขนมเหรอคะ” เธอไม่ค่อยรู้เรื่องของเขานัก ก็หน้าที่เธอแค่ทำความสะอาดนี่นะ ไม่ใช่สายลับปลอมตัวมาเสียหน่อย
“อืม” เขาตอบด้วยรอยยิ้มแล้วนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แววตาจ้องมองเธอราวกับเด็กหนุ่มที่อวดผลงานของตัวเอง “ลองชิมสิ”
“ค่ะ” มือเรียวหยิบช้อนที่เป็นรูปพลั่วเล็กๆน่ารักสีเงินตักเค้กคำเล็กๆ ค่อยๆ ละเลียดกิน เธอเองก็ไม่ได้กินของดีของแพงนัก แม้จะชื่นชอบของหวานเอามากๆ แต่เพราะรายได้น้อยนัก จะได้กินอะไรอร่อยๆ แต่ละครั้งก็ต้องเป็นวันพิเศษ
ความหวานที่ลงตัวคือสิ่งแรกที่แพรดาวสัมผัสได้ เนื้อเค้กละมุนไม่แน่นจนเกินไป ครีมก็ไม่เลียนแบบขนมตลาดนัด เธอตักกินคำที่สอง คำที่สาม คำที่สี่ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาอ่อนโยนมองด้วยรอยยิ้ม นี่คือความสุขของคนทำขนมอย่างหัสดิน ที่เขาเปิดร้านเล็กๆ ก็เผื่อได้เห็นสีหน้ามีความสุขของคนที่กินขนมฝีมือของเขา
“อร่อยไหม?”
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ!”
“ทำไมต้องขอโทษล่ะ” หัสดินหัวเราะร่า “ถูกปากหรือเปล่า”
“อร่อยมากค่ะ กินเพลินเลย แพรไม่เคยกินเค้กอร่อยๆแบบนี้มาก่อน”
“พูดให้ผมดีใจเล่นหรือเปล่า” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เย็น เขายกถาดเค้กออกมาแล้ววางตรงหน้าแม่บ้านสาว “เตรียมไว้ให้”
“โอ้โห้! หมดนี้เลยหรือคะ?” แพรดาวเคยเห็นเค้กสวยๆแบบนี้ชิ้นล่ะเป็นร้อยเชียว
“ผมทำเอง ถ้าคุณชอบก็เอาไปหมดนี่แหละ” เห็นสายตาตื่นเต้นของผู้หญิงคนนี้แล้ว เขาอดคิดถึงเลขาของพี่ชายไม่ได้ ทุกครั้งที่เขาเอาขนมไปฝาก แม้สีหน้าจะนิ่งเฉย แต่แววตามีความตื่นเต้นดีใจทุกครั้ง
นี่แหละความสุขของคนทำขนมอย่างเขา
“อยากกินหมดนี้เลยค่ะ แต่กินหมดคงไม่ต้องทำงานแล้ว”
“วันนี้ไม่ต้องทำงานหรอก” เขามองไปรอบห้อง “ผมทำคราวไปบ้างแล้ว เสื้อผ้าก็ส่งซักไปแล้ว นี่ก็...ไม่มีอะไรแล้วนะ”
“ทำไมล่ะคะ ฉันทำงานไม่ดีเหรอ”
“เปล่าๆ ผมแค่...อยากให้วันนี้คุณพักสักวัน”
“อะไรนะคะ”
“อะๆ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ คือ...แค่ตอบแทนที่คุณทำของกินอร่อยให้”
“นั้น...คุณจ้างฉันต่างหากล่ะ”
ฝ่ามือใหญ่สอดไปใต้เสื้อนอนน่ารัก แล้วหัสดินต้องประหลาดใจเมื่อรู้ว่าผิวเรียบเนียนนุ่มนั้นไม่มีอาภรณ์ชิ้นน้อยปกปิด เขาผละจากริมฝีปากหวานเพื่อให้หญิงสาวได้สูดอากาศหายใจ แม้อยู่ในความมืดเขายังเห็นประกายตางดงามของคนรัก “มันอึดอัด น้องแพรเลยไม่ได้ใส่...” แพรดาวพูดเสียงเบาหวิว ปกตินอนคนเดียวก็ใส่ชุดนอนแต่ไม่ใส่ชุดชั้นใน และตั้งแต่แต่งงานกันมาก็ไม่เห็นว่าสามีหมาดๆ จะเป็นฝ่ายเริ่มอะไรสักนิด แรกๆ แพรดาวถึงกับหาชุดชั้นในเซ็กส์ซี่มาใส่ แต่เพราะเขาหลับเป็นตายเธอก็ก็ถอดใจ ไม่คิดว่าคืนที่ไม่ได้เตรียมตัว เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มแบบนี้ “ไม่ใส่อะไรนอนก็ได้นะ งั้นพี่ถอดด้วยน้องแพรจะได้ไม่เขิน” หัสดินยิ้มทะเล้นให้แล้วขยับตัวถอยออกมาเพื่อถอดเสื้อนอนของตัวเองออก สายตาของแพรดาวปรับกับความมืดในห้องได้แล้วจึงเห็นร่างกายกำยำของคนรัก เขาโน้มตัวแล้วพูดเสียงพร่า “พี่ดินเป็นของน้องแพรแล้วอยากมองก็มองอยากจับลูบคลำตรงไหนก็ได้” เขาดึงมือเล็กมาวางบนแผ่นอกของตน แพรดาวเขินอายแต่ก็ลองลูบกล้ามเนื้อแน่นของคนตรงหน้า เพียงการสัมผัสแผ่วเบากลับปลุกเร้าเลือดในกายให้เดือดพล่านจนเข
แพรดาวเพิ่งได้พบหน้าคุณพ่อคุณแม่ของหัสดินครั้งแรกก็ตอนที่ผู้หลักผู้ใหญ่มาพบหน้าเพื่อเจรจาการสู่ขอและแต่งงาน คุณแม่ของหัสดินดูเป็นกังวลอยู่ไม่น้อยแต่พอได้คุยกันตามลำพังและรู้ว่าเธอรู้เรื่องที่เขาเป็นโรคสองบุคลิกแล้วและอยู่ระหว่างการรักษาตัว ‘ถ้าหนูแพรไม่รังเกียจ ก็ฝากลูกชายแม่ด้วยนะจ๊ะ’ ‘จะรังเกียจได้ยังไงคะ พี่ดินยังไม่เคยรังเกียจตอนที่น้องแพรเป็นแค่แม่บ้านกับเด็กเสิร์ฟเลยค่ะ และไม่ว่าจะเป็นเชฟดินหรือมิสเตอร์ดาร์ก น้องแพรก็รักทั้งสองคนค่ะ’ สวนเรือนหอนั้น สร้างขึ้นใหม่ในบริเวณเดียวกับคฤหาสน์ตระกูลศาตนันท์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง สองหนุ่มสาวตัดสินใจพักด้วยกันที่คอนโดของหัสดิน ‘จะไม่คับแคบไปเหรอ อยู่คอนโดสองคนแบบนั้น’ คทาภัทรอดเป็นกังวลไม่ได้ แต่อีกส่วนก็ดีใจเพราะอยู่ใกล้กัน ‘ดีเสียอีก ห้องเล็กดูแลง่าย เลี้ยงแมวก็ได้ แล้วก็ใกล้ที่ทำงานด้วยค่ะ’ ตั้งแต่ตัดสินใจรับการรักษา แพรดาวไม่เห็นบุคลิกของมิสเตอร์ดาร์กเลย เพียงแค่บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนทั้งสองคนรวมอยู่ในร่างผู้ชายตรงหน้า เชฟดินที่ดูอ่อนโยนขี้เล่นเส
การปรากฏตัวของสองหนุ่มตระกูลศาตนันท์ ทำให้นักข่าวและช่างภาพหันไปสนใจแสงแฟลชวูบวาบชวนตาพร่า แม้คนมากมายเพียงใดแต่สายตาของหัสดินมีเพียงแพรดาวเท่านั้น หัสวีร์เดินเข้ามาแล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน เขาสวมสูทสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำในขณะที่น้องชายต่างมารดาสวมสูทสีดำลบบุคลิกเชฟหนุ่มขี้เล่นไปหมดสิ้น “ผมเป็นตัวแทนตระกูลศาตนันท์ แต่คิดว่าอีกไม่กี่วันญาติผู้ใหญ่ของเราจะขอเข้าไปเยี่ยมเยือนทักทายที่บ้านนะครับ” คทาภัทรได้ยินก็กระตุกยิ้มมุมปาก ดูเหมือนจะมีคนรีบร้อนแต่งงานจริงๆ “เรื่องที่ควรทำให้ถูกต้องก็ควรรีบทำ ใช่ไหมครับคุณคทาภัทร” หัสวีร์พูดขึ้นอย่างรู้ทัน เอาเถอะอย่างไรวันข้างหน้าก็เป็นญาติกันแล้ว เขาจะมาใส่ใจท่าทีไร้สาระนี้เพื่ออะไร คนเป็นพ่อแม่ย่อมมองออกว่าลูกสาวมีใจให้ใคร ทำให้ถูกครรลองย่อมดีกว่าปล่อยให้ลูกสาวไปค้างแรมกับผู้ชายโดยไม่มีสถานะที่ชัดเจน แล้วแพรดาวก็สัญญาแล้วว่าต่อให้แต่งงานแล้วก็จะยังทำงานที่บริษัทอัครเวช ครอบครัวของศาตนันท์เองก็อยู่กรุงเทพฯ ไม่ได้ห่างกันไกลจนมาเยี่ยมเยือนกันไม่ได้ หัสดินก้าวเท้าเข้าไป
ขอบตาของคทาภัทรดำคล้ำเพราะอดนอน ในขณะที่น้องสาวหน้าชื่นตาบานจนน่าหมั้นไส้ เพิ่งคุยกันเรื่องนี้แท้ๆ แต่แพรดาวกลับมาค้างคืนกับหัสดิน แม้รู้ว่าน้องสาวทำตามที่พูดแน่นอน แต่เขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี “พี่ภัทร” แพรดาวเข้าไปกอดเอวพี่ชาย การมีพี่น้องนี้ดีแบบนี้เองเหรอที่ผ่านมาใช้ชีวิตกับแม่จ๋าแค่สองคน หนีเจ้าหนี้บ้าง หลบซ่อนคนต้องย้ายโรงเรียน ผ่านเรื่องมากมายสุดท้ายก็ได้อยู่กับครอบครัวและคนที่รัก คทาภัทรได้แต่ถอนหายใจแล้วก็ยิ้มบางๆ เคยจินตนาการไว้เขาต้องเป็นพี่ชายที่หวงน้องสาว ใครจะมาจีบน้องต้องผ่านเขาก่อน นี่พอเกิดขึ้นจริงเขาก็อดปวดหัวไม่ได้เลย แต่ทำอย่างไรได้เล่า ก็เขามีน้องสาวคนเดียว และเป็นคนที่เขาเคยทำหายไป “เอาล่ะๆ ไม่ได้ยอมรับไอ้ เอ่อ หัสดินหรอกนะ” “ค่ะ น้องแพรทราบแล้ว” หญิงสาวไม่อยากกวนอารมณ์พี่ชาย ทุกอย่างคลี่คลายไปได้ด้วยดีแล้วก็ไม่อยากให้มีเรื่องไม่สบายใจอีก “ทำไมพี่ภัทรไม่ชอบพี่ดินล่ะคะ” “พี่ก็ไม่ชอบทุกคนที่เข้าใกล้น้องแพรนั้นแหละ” เขาสารภาพไปตามตรง “แต่ที่สำคัญ หัสดินไม่ใช่คนดีนักหรอก” แพรดาว
แพรดาวออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนเสื้อยืดตัวยาวลายหมีพูห์สีเหลืองอ่อน กางเกงขาสั้นแต่เหมือนไม่ได้ใส่อะไร ชายเสื้อยืดยาวคลุมสะโพกอย่างพอดี มือเล็กก็ดึงชายเสื้อลงอีกแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก กลิ่นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทำให้แพรดาวเดินไปตามกลิ่นหอมๆ ทีแรกก็ไม่คิดว่าตัวเองจะหิว แต่พอได้กลิ่นอาหารท้องก็ร้องทันที “โทษทีนะ พี่หลับไปนาน ไอ้มิสเตอร์ดาร์กมันยัดแต่เบียร์ไว้ในตู้เย็น มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ กินรองท้องไปก่อน ถ้าไงพี่จะโทรสั่งอาหารมาให้อีกที” “ไม่เป็นไรค่ะ นี่ก็เยอะนะคะ” เธอยิ้มเขย่งปลายเท้าเพื่อเปิดตู้ชั้นบนเพื่อหยิบชาม แต่หัสดินเอื้อมมือไปหยิบก่อน “ไปนั่งรอดีๆ” เขาพูดน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอทำตามอย่างว่าง่ายก็อารมณ์ดีขึ้น เขาตักบะหมี่ใส่ชามแล้วยกมาบริการให้ จากนั้นก็ยกชามของตนเองมาวางแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม “ว้าว วันนี้เชฟดินต้มบะหมี่ให้กินเลยนะเนี้ย” แพรดาวยิ้มทะเล้นแล้วกินบะหมี่ในชามของตน “เอาไว้คราวหน้าจัดให้ทั้งคาวและหวานครบเซ็ต” “จะรอค่ะ” แพรดาวสูดเส้นบะหมี่อย่างมีควา
จูบ? แบบนี้เรียกจูบที่ไหนกัน ไอ้ดินมันไม่ได้สอนเลยหรือไงนะ นั้นคือสิ่งที่มิสเตอร์ดาร์กคิด แต่สิ่งที่แพรดาวทำคือรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีประกบริมฝีปากกับเขาก่อน เพียงสัมผัสเบาๆกลับทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลง เธอผละจากริมฝีปากเขาแล้วกลับมานั่งที่เดิม อยากจะต่อว่าแต่ก็ทำไม่ลง ชายหนุ่มจึงได้แต่ส่ายหน้าไปมาก่อนยิ้มมุมปาก “มิน่า ไอ้ดินมันถึงได้หลงเธอนัก” “พูดแบบนี้หมายความว่าไง” แพรดาวย่นจมูกใส่ “หรือว่า...แพรไม่คู่ควรกับพี่ดินเหรอคะ” “สมัยไหนแล้วมาใช้คำโบราณแบบนี้” เขาหัวเราะแล้วนึกอยากสูบบุหรี่ แต่นึกได้ทิ้งบุหรี่และไฟแช็กไปนานแล้ว “แล้วทำไมมิสเตอร์ดาร์กพูดแบบนั้นละคะ” “ก็เธอไม่ทิ้งเขา ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นคนโรคจิต” “ก็ไม่ใช่ฆาตกรนี่คะ” เธอยิ้มบางๆออกมา “ตอนที่น้องแพรเป็นแค่แม่บ้าน พี่ดินก็ใจดีกับแพรมาก หรือตอนที่แพรเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ซีเคร็ทคลับ มิสเตอร์ดาร์กก็ดูแลแพร ไม่ว่าทั้งจะเป็นมิสเตอร์ดาร์กหรือพี่ดิน แพรก็รักทั้งสองคนมาก แพรให้คุณมีความสุขกับชีวิต...”







