อินฟลูสาวมองด้วยรอยยิ้มดีใจ เธอทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนคลับสำเร็จแล้ว เชฟหนุ่มเลื่อนรูปและคืนปากกาให้ บนกระดาษแผ่นนั้นมีลายเซ็นชื่อ ‘หัสดิน’ และคำอวยพรให้การรักษาราบรื่นด้วยดี
“ขอบคุณมากนะคะ และขอโทษที่รบกวน” พลอยไพลินเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋า และเตรียมตัวกลับ เธอมีข้อมูลของเชฟดินอยู่บ้าง ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบให้คนอื่นเข้าใกล้มากเกินไป “คุณจะไปพบน้องอันดาเมื่อไหร่ครับ” “ออกจากนี้ก็ไปโรงพยาบาลค่ะ คงไม่ทันเวลาเยี่ยมแต่จะฝากคุณแม่ของน้องไว้” “รอสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหลังร้าน และไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เดินออกมาพร้อมถุงขนมสองถุง “ถุงนี้ฝากให้น้องอันดา ถ้ากินไม่ได้ก็ให้คุณแม่หรือคนในครอบครัวก็ได้ครับ ส่วนถุงนี้ของคุณกับเพื่อน” “เกรงใจจัง” “คราวหน้ามาเวลาร้านเปิดนะครับ” “ขอบคุณมากค่ะ” เป็นเกรซที่พูดขึ้นแล้วรับถุงขนมทั้งสองถุงไว้ พลอยไพลินได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งแล้วขอตัวกลับ ระหว่างที่เดินมาที่รถยนต์ของตนก็อดหันไปมองที่ร้านขนมไม่ได้ “เชฟดินตัวจริงหล่อกว่าในช่องยูทูปเสียอีก” เกรซเปรยแล้วกระแซะไหล่เพื่อนเบาๆ “ชอบล่ะสิ” หญิงสาวได้แต่ยิ้มหน้าแดง แล้วตั้งใจว่าจะต้องกลับมาร้านนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน “อ้อ! ขอบใจนะเกรซ อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนลินทั้งที่ตัวเองก็งานยุ่งมาก” “เพื่อนกันไม่ต้องขอบใจหรอก” เกรซฉีกยิ้มกว้างแล้วขึ้นไปนั่งบนรถของพลอยไพลิน ทั้งสองรู้จักกันเพราะเคยทำงานเป็นพริตตี้ออกอีเว้นท์งานเดียวกัน แต่ทุกคนโฟกัสที่พลอยไพลิน เธอกลายเป็นตัวประกอบไปเสียนี่ นี่แหละที่ทำให้เธอเลือกที่จะคบเพื่อน หรือให้ใครมาอยู่ข้างๆ ถ้าโดดเด่นเกินไป เธอก็ไม่ถูกมองเห็น แต่ถ้าอีกคนเฉย เงียบไม่มีปากเสียงก็ยิ่งทำให้เธอโดดเด่นสะดุดตา ที่เกรซมากับพลอยไพลินวันนี้เพราะต้องการทำคลิปที่เธอช่วยสานฝันให้น้องอันดา ที่จริง เกรซไม่รู้เรื่องน้องอันดาอะไรนี้เลยสักนิด แต่ต้องอาศัยเกาะกระแสเรื่องดราม่าให้ตัวเองเป็นที่รู้จัก คนเราทุกวันนี้เสพเรื่องดราม่ายิ่งกว่าซีรีย์เสียอีก เธอต้องหาผู้ติดตามมากๆ เดี๋ยวนี้ลูกค้าจะจ้างงานก็ต้องดูว่ามีผู้ติดตามในเฟซบุ๊ค,ไอจี,ติ๊กต็อก จำนวนผู้ติดตามยิ่งเยอะ เธอก็ได้ค่าตอบแทนสูงไปด้วย “จริงสิ เพื่อนของเกรซคนนั้นนะ ยังหางานอยู่ไหม” พลอยไพลินถามขณะที่ขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว “คนที่น่ารักๆ ยิ้มหวานๆ ชื่อแพรดาวอะไรสักอย่าง” “ยัยแพรนะเหรอคะ” เกรซถามเหมือนจำไม่ได้ ทั้งที่เธอชอบหนีบแพรดาวไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ “ใช่ๆ คนนั้นนะ ตอนโน้นเจอกันเห็นว่าหางานประจำอยู่ พอดีลูกพี่ลูกน้องของพลอยรับพนักงานออฟฟิศ ถ้าแพรยังไม่ได้งานทำลินจะได้แนะนำให้ค่ะ” “ว๊า! เสียดายจัง ถามช้าไปค่ะ ตอนนี้ยัยแพรได้งานทำแล้วค่ะ” “เสียดายจังเลย แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกค่ะ คนเก่งๆ อย่างแพร เสียดายก็แค่ขี้อายไปหน่อย ทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนสวยแต่แต่งตัวไม่เป็น” “แพรก็เป็นแบบนั้นแหละค่ะ เกรซเองก็เคยบอกแล้ว สอนแต่งหน้าทำผมบ้างให้ดูดี อย่างน้อยก็เสริมบุคลิกของตัวเอง” “ใช่เลยค่ะ ไม่ต้องตามแฟชั่นแต่ทำให้ตัวเองดูดี” เกรซได้แต่ลอบเบ้ปากกลอกตามองบน ปล่อยให้ยัยแพรดาวเข้าใจไปว่าตัวเองด้อยไปทุกอย่างนั้นแหละดีแล้ว ที่จริงก็มีคนถามเรื่องแพรดาวอยู่บ่อยๆ เธอก็บอกปัดไปเช่นทุกครั้ง เรื่องอะไรเธอจะให้คนอื่นดีกว่าตัวเอง ส่วนงานที่คลับหรูนั้น เธอก็แอบหวังจะให้แพรดาวช่วยเธอยามจำเป็น อีกอย่าง ยัยซื่อบื้อนั้นก็คงไม่รู้ว่าเป็นคลับแบบไหน อาจจะมีเสี่ยลงพุงอยากรับเลี้ยงก็ได้ แค่คิด...ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีเชอรี่ก็คลี่ยิ้ม เธอไม่ยอมให้ใครได้ดีไปกว่าเธอแน่นอน สองวันต่อมา หญิงสาวหมุนตัวไปมาหน้ากระจกเงา วันนี้ไปทำงานวันแรกและยังไม่มีเครื่องแบบใส่ เกรซบอกให้เธอใส่กางเกงยีนส์ไปทำงานก่อนก็ได้ ค่อยไปรับชุดพนักงานที่นั้น “ทำงานวันแรก เขาจะสอนงานให้ไม่ได้ให้ทำอะไรหรอก” แต่แพรดาวก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ถ้าทำงานนี้ไปได้ดี แม้จะเป็นงานกลางคืนแต่เงินเดือนสูงกว่างานออฟฟิศ เธอก็อยากทำเพื่อเก็บเงินสำหรับที่อยู่ใหม่ อยู่ที่นี่มาหลายปี และยังผูกพันกับเจ้าของบ้านเช่า แต่บ้านเช่าก็คือบ้านเช่า เธอจะถูกเชิญออกไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เวลาที่ลูกหลานของคุณตาบรรพตมาเยี่ยมก็มักมองมาทางสองแม่ลูกด้วยสายตารังเกียจเหยียดหยาม แม้ว่าคุณตายืนยันว่าจะไม่ย้ายไปไหนหรือขายที่ดินแปลงนี้ จนกว่าเธอและแม่จะมีหนทางไปที่ดีกว่า ท่านจึงจะยอมปล่อยที่ดินแปลงนี้ไป คุณตามีเมตตากับแม่และเธอมาก จะไปหาบ้านเช่าดีๆ ราคาถูกแบบนี้ได้ที่ไหนกัน และยังคอยดูแลอยู่ห่างๆด้วย เธอเองก็อยากอยู่ดูแลคุณตาบรรพต แต่แม่ก็เคยพูดว่าคุณตามีลูกหลานมากมายที่อยากรับคุณตาไปอยู่ด้วย เพียงแค่ติดที่คุณตาดื้อเหลือเกิน จริงๆ แล้วถ้าคุณตาไปอยู่กับลูกๆหลานๆ อาจจะดีกว่าอยู่คนเดียวแบบนี้ หรือเพราะบ้านหลังนี้มีความทรงจำของคุณยายอยู่ เรื่องความรักคือเรื่องที่เธอไม่เข้าใจ เช่นที่เธอเดาว่าแม่อาจจะรักพ่อมากจนไม่เปิดใจให้ใครใหม่ หรือไม่ก็ฝังใจไม่ยอมมีใครในชีวิตอีก เธอเองก็ไม่เคยมีคนรักหรือแฟนเลย ชีวิตเธอยุ่งจะตาย ทั้งเรียน ทั้งทำงานพิเศษ ทุกวันคิดแค่ว่าอยากให้แม่ไม่ต้องลำบาก ใช้ชีวิตสุขสบาย ได้กินของอร่อย ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันบ้าง เพราะฐานะการเงินไม่ค่อยดี เธอแทบไม่เคยไปไหนเลย แต่ก็ไม่กล้างอแง เพราะเห็นแม่ทำงานเหนื่อยทุกวัน ถ้าจะมีแฟน ก็อยากมีคนที่ดูอบอุ่นใจดีเหมือนคุณตาบรรพต แพรดาวยิ้มให้ตัวเอง ผมยาวสลวยรวบขึ้นเป็นหางม้าดูคล่องแคล่ว เธอหยิบกระเป๋าผ้าคล้องไหล่แล้วเดินลงมาออกมาเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน แม่นั่งดูโทรทัศน์พลางเย็บผ้าไปด้วย หญิงสาวขมวดคิ้วแล้วเดินไปหอมแก้มแม่ “แม่จ๋าอย่าทำงานหนักนะ เดี๋ยวปวดตาอีก” “รู้แล้วๆ ลูกก็ดูแลตัวเองดีๆ” “จ๊ะแม่ แพรไปทำงานก่อนนะคะ” แม่พยักหน้าให้ แม้ในใจไม่ยินดีที่ลูกไปทำงานกลางคืน แต่เมื่อลูกตัดสินใจแล้ว ก็ได้แต่เป็นห่วงเท่านั้น เช่นเดียวกับแพรดาวที่เป็นห่วงแม่ งานรับซ่อมเสื้อผ้าน้อยลง แม่ไปขอแบ่งงานเย็บเสื้อผ้าโหลมาทำที่บ้านวันทั้งวันได้ยินเสียงถีบจักรทั้งวันเธอเป็นห่วงแม่เหลือเกิน
หัสดินรู้ว่าคำพูดของตัวเองดูประหลาด แต่เขาก็รู้อีกนั้นแหละว่า เธอคงเจอกับตัวตนอีกด้านหนึ่งของเขาไปแล้ว ในห้องมีกล้องวงจรปิดซ่อนไว้ทำให้รู้ว่าวันนั้นเธอเจออะไรไปบ้าง และเจ้าดาร์กก็ไม่ยอมบอกเขาเสียด้วย “ขนมอร่อยมาก แพรไม่เคยกินเค้กอร่อยๆแบบนี้มาก่อนค่ะ” หญิงสาวพูดไปตามที่รู้สึก “พูดเกินไป ฝีมือพี่ไม่เท่าไหร่หรอก” เขาพูดยิ้มๆ พยายามเพิ่มความสนิทสนมยิ่งขึ้น “อร่อยจริงๆค่ะ” จะเรียกว่าถูกหลอกด้วยของอร่อยก็ไม่ผิดนัก แพรดาวรู้สึกดีกับผู้ชายคนนี้จริงๆ “แพรขอเอากลับไปฝากแม่ได้ไหมคะ แพรอยากให้แม่ได้กินของอร่อยๆ แบบนี้” “ไม่ได้” เขาตอบแสร้งทำหน้าจริงจัง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าเสียก็รีบพูดขึ้นทันที “พี่หมายถึง ชุดนี้พี่เตรียมมาให้แพร แต่ครั้งหน้าพี่จะเตรียมไว้ให้คุณแม่ของแพรก็แล้วกัน” “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจมากแล้ว แต่ละอย่างดูแพงๆทั้งนั้น” หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อยก็พูดออกไป “คุณ...” “พี่” “เอ่อ...” “เรียกพี่ดินก็ได้ ชื่อเต็มพี่ก็คงรู้แล้ว” “เอ่อ...พี่ดิน” ช่างเถอะ เธ
เพราะเคยมีประสบการณ์ทำงานตามงานเลี้ยงมาบ้าง สำหรับแพรดาวจึงไม่ยากนัก การจำชื่อเมนูเครื่องดื่มเด่นๆ มาวันแรกไม่ได้ทำงานจริงแต่เรียนรู้งาน คนที่มีประสบการณ์ได้ทำงานที่โซนB ซึ่งเป็นชั้นบนที่แบ่งเป็นห้องพิเศษอีกหลายห้อง ส่วนแพรดาวทำงานที่โซนA ซึ่งดูแล้วก็ไม่ต่างจากร้านเหล้าทั่วไปที่มีเวทีเล็กๆ สำหรับการเล่นดนตรีสด เสื้อพนักงานเป็นเสื้อโปโลสีดำคลิบแดง บนอกเสื้อปักโลโก้ร้าน กางเกงผ้าขายาวกับรองเท้าคัชชูทำให้เดินสบายคล่องตัว เธอไม่คิดว่าที่นี่จะเตรียมให้พนักงานขนาดนี้ แต่ก็นับว่าดีมากแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ แพรดาวเรียนรู้งานจากผู้จัดการหรือพี่ดาด้ารวมทั้งคนอื่นๆ 3 วัน ทุกอย่างไปอย่างราบรื่นด้วยดี กลางวันแพรดาวไปทำงานตามที่บริษัทนัดหมาย เดี๋ยวนี้มีคนมาทำงานเป็นแม่บ้านกันมากขึ้น เธอไม่ได้มีงานทำทุกวัน การมีรายได้กลางคืนจึงเป็นความหวังกับเธอมากทีเดียว แต่ที่สุดแล้วเธอก็หวังจะได้ทำงานประจำที่มั่นคง ระหว่างนี้แพรดาวก็ยังอ่านหนังสือทบทวนความรู้ของตัวเองตลอดเพื่อจะได้สอบเข้าทำงานราชการ หญิงสาวหยุดหน้าประตูห้องที่คุ้นเคย
อินฟลูสาวมองด้วยรอยยิ้มดีใจ เธอทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนคลับสำเร็จแล้ว เชฟหนุ่มเลื่อนรูปและคืนปากกาให้ บนกระดาษแผ่นนั้นมีลายเซ็นชื่อ ‘หัสดิน’ และคำอวยพรให้การรักษาราบรื่นด้วยดี “ขอบคุณมากนะคะ และขอโทษที่รบกวน” พลอยไพลินเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋า และเตรียมตัวกลับ เธอมีข้อมูลของเชฟดินอยู่บ้าง ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบให้คนอื่นเข้าใกล้มากเกินไป “คุณจะไปพบน้องอันดาเมื่อไหร่ครับ” “ออกจากนี้ก็ไปโรงพยาบาลค่ะ คงไม่ทันเวลาเยี่ยมแต่จะฝากคุณแม่ของน้องไว้” “รอสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหลังร้าน และไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เดินออกมาพร้อมถุงขนมสองถุง “ถุงนี้ฝากให้น้องอันดา ถ้ากินไม่ได้ก็ให้คุณแม่หรือคนในครอบครัวก็ได้ครับ ส่วนถุงนี้ของคุณกับเพื่อน” “เกรงใจจัง” “คราวหน้ามาเวลาร้านเปิดนะครับ” “ขอบคุณมากค่ะ” เป็นเกรซที่พูดขึ้นแล้วรับถุงขนมทั้งสองถุงไว้ พลอยไพลินได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งแล้วขอตัวกลับ ระหว่างที่เดินมาที่รถยนต์ของตนก็อดหันไปมองที่ร้านขนมไม่ได้ “เชฟดินตัวจริงหล่อกว่าในช่องยูทูปเสียอีก” เกรซเปรยแล้วกระแซะไหล่เพื่อนเบาๆ “ชอบล่ะสิ” หญิงสาวได้แต่ยิ้มหน้าแดง แล้วตั้งใจว่าจะต้องกลับม
สัมพันธ์ลับ(รัก) สุดยอด ตอนที่12 ชายหนุ่มบรรจงแต่งหน้าเค้กด้วยแววตามุ่งมั่น ผู้ช่วยยืนมองอย่างชื่นชมในความสามารถ จนเมื่อหัสดินเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเชฟหนุ่มคนนี้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับรอยยิ้มตลอดเวลา ไม่แปลกใจเลยที่เป็นเชฟทำขนมหวาน ก็หวานตั้งแต่รอยยิ้มของเชฟแล้ว “เรียบร้อย หยิบมือถือให้หน่อย” หัสดินพูดแล้วยื่นมือไปรับรับสมาร์ทโฟนจากผู้ช่วยเชฟอีกคนที่ถือโทรศัพท์ให้เขา ชายหนุ่มรับมาแล้วถ่ายรูปหลายๆมุมก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วยื่นมือไปทางผู้ช่วยอีกคน “ขอมีดหน่อย” “นี่ค่ะ” ผู้ช่วยส่งมีดตัดเค้กให้ เชฟหนุ่มรับมือแล้วบรรจงตัดสี่ชิ้นแล้วหยิบมาวางบนจานเล็กเรียบหรูสีเข้มขับเน้นให้เนื้อเค้กสีครีมดูสวยน่ากินมากยิ่งขึ้น “ชิ้นนี้ของผม ที่เหลือพวกคุณช่วยกันชิม ชิมแล้วบอกด้วยว่าเป็นไง” “อร่อยสุดยอดค่ะ” พนักงานคนหนึ่งรีบพูดขึ้นสร้างเสียงหัวเราะในห้องครัว แต่หัสดินกลับส่ายหน้าระอาใจ อาจเพราะใบหน้าเขาอมยิ้มตลอดจึงเหมือนเอ็นดูอีกฝ่ายมากกว่า “ลิ้นยังไม่ได้สัมผัสเลย บอกอร่อยแล้วได้ไง”
สัมพันธ์ลับ(รัก) สุดยอด ตอนที่11 “แม่ไม่เห็นด้วย” “แต่...แพรรับปากผู้จัดการแล้วว่าจะไปทำงานนี่คะ” “ไม่ได้ แม่ไม่อนุญาต ทำงานกลางคืนอันตรายเกินไป แม่เป็นห่วง” แม่จ๋าหรือจริยาพูดน้ำจริงจัง “ที่นั้นเขารับรองลูกค้าชั้นสูง ต้องการคนพูดได้หลายภาษา ถ้าทำงานดีผ่านช่วงทดลองงานก็จะได้ทำแบบประจำมีเงินเดือนด้วยนะคะแม่จ๋า” “ลูกแพรก็อดใจรออีกหน่อยสิลูก หนูสมัครไปตั้งหลายที มันต้องสักทีสิ” คุณจริยาพูดด้วยความหงุดหงิด มือที่กำลังซ่อมเสื้อให้ลูกค้าถึงกับสั่นจนลูกสาวสังเกตเห็น แพรดาวปราดเข้าไปหาแล้วยื่นมือไปจับมือที่หยาบกร้านของแม่ไว้ “แม่จ๋า แพรโตแล้วเรียนจบแล้ว แพรไม่อยากเป็นภาระให้แม่ งานสมัยนี้หายากเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี ให้แพรไปทำงานเถอะนะ” “ใช่สิ แพรโตแล้ว แม่ห้ามอะไรก็ไม่ฟังแล้ว” “ไม่ใช่แบบนั้น แพรไม่อยากให้แม่จ๋าลำบาก ตั้งแต่จำความได้แม่จ๋าไม่เคยสุขสบายเลย ต้องทำงานหนักเลี้ยงแพรคนเดียว ขนาดแม่ประสบอุบัติจนเป็นแบบนี้ก็ยังไม่ได้หยุดเลย แม่จ๋าจะให้แพรใช้ชีวิตทีความสุขได้ยังไง” “โธ่ลูก” แม่พูด
คนที่ถูกเรียกว่า ‘ดาด้า’ ชื่อจริงคือ ‘ดาริน’ เธอเป็นสาวประเภทสองผ่านการทำศัลยกรรมมาครบทุกอย่างแล้ว กิริยาท่าทางก็เหมือนผู้หญิงทุกอย่าง มองผ่านๆ แทบหาจุดจับผิดว่าเคยเป็นผู้ชายมาก่อนไม่เจอ “แพรยังหางานทำอยู่ใช่ไหม” เกรซพูดเข้าประเด็น “ก็อย่างที่รู้นั่นแหละ” แพรดาวยิ้มเหงาๆคนไม่มีเส้นสายนี้หางานยากจริงๆ“มาทำงานพิเศษที่นี่ก่อนไหม”“ทำอะไรเหรอ” แพรดาวมองรอบตัว “ที่นี่ขาดแม่บ้านเหรอคะ”ดารินแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่เกรซหัวเราะร่า“ยัยแพร เธอดูถูกตัวเองไปแล้วนะ ที่นี่ชื่อ ซีเคร็ท คลับ เป็นคลับรับเฉพาะรับเฉพาะลูกค้า VIP ที่มีบัตรผ่านเท่านั้นไม่ใช่ทุกคนจะเข้ามาที่นี่ได้ง่ายๆ จะเปิดบริการเร็วๆนี้ แต่ยังขาดพนักงานที่มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะพูดภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่นได้คล่องๆ ฉันก็เลยนึกถึงเธอขึ้นมาจะแนะนำเธอให้แม่ดาด้ารู้จัก”“อย่างนั้นเองเหรอ” แพรยาวยิ้มเขินๆ ออกใสดารินสนใจเด็กสาวคนนี้มากขึ้น เธออยู่ในแวดวงนี้มานานย่อมดูคนออกแม้แต่กับเกรซที่ชอบทำตัวสนิทสนมกับเธอ แต่จริงๆ ก็ต้องรักษาระยะไม่ใกล้ชิดมากเกินไป“ยัยแพรเก่งภาษาค่ะ พูดอังกฤษกับญี่ปุ่นได้” เกรซเ
นิ้วเรียวกำลังเลือกหยิบดอกจำปีในกระทงใบตองขนาดกำลังดีมีก้านยาวจากขั้วออกมาเล็กน้อยพอที่จะนำมามัดกับเส้นผมสีดำขลับของปรางไหม หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ เธอส่องกระจกเงาตรงหน้าดูผมยาวถึงกลางหลัง เธอปล่อยให้มันยาวอย่างอิสระมาสามปีแล้ว เธอมองมันอยู่เพียงครู่ก่อนจะรวบขึ้นเป็นมวยเผยให้เห็นไรผมรุ่ยร่ายบางๆ ดูเข้ากับดอกจำปีที่พันไว้กับเส้นผมดำเงางามที่แสนภูมิใจของตนเองเป็นผู้หญิงนี่นะ ยังไงก็รักสวยรักงามอยู่ดี แพรดาวระบายลมหายใจเบาๆถึงอย่างไรเธอก็น่ารักที่สุดได้เท่านี้ เธอรู้ว่าตัวเองหน้าตาธรรมดาแทบไม่มีความโดดเด่นอะไรเลย การเรียนก็ปานกลาง ตอนเด็กๆ ย้ายบ้านบ่อยจนเธอแทบจำไม่ได้ว่าบ้านเดิมจริงๆอยู่ที่ไหน เธอรู้แค่ว่าแม่จ๋าจะกุมมือเล็กๆของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ ตั้งแต่จำความได้ก็มีแค่แม่จ๋าที่อยู่กับเธอ จะวันพ่อหรือวันพิเศษอะไรที่โรงเรียนจัดกิจกรรมก็จะมีแค่แม่จ๋าที่มาอยู่ตรงหน้า เธอเคยถามแต่เห็นการฝืนยิ้มจนพูดไม่ออกและแอบไปร้องไห้ทำให้เลิกถาม หากการถามถึงผู้ชายคนนั้นทำให้แม่จ๋าเสียใจ เธอไม่ทำดีกว่า อยู่จนอายุครบ22ปี เธอเลิกคิดถึงผู้ชายที่เรียกว่าพ่อไปแล้ว
แพรดาวกวาดตามองให้ห้องแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ เธอมาทำความสะอาดที่นี่หลายครั้ง แต่เจ้าของบ้านมักเก็บทุกอย่างค่อนข้างเป็นระเบียบ ทำให้การทำงานของเธอง่ายและกินแรงน้อยมาก แต่วันนี้ห้องของเขา...อย่างกับถูกรื้อค้น หรือว่า... จะมีโจรขึ้นบ้าน! ใบหน้าสวยขาวซีดไร้สีเลือด พยายามตั้งสติแล้วล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าผ้าที่คล้องไหล่ แต่ความตื่นกลัวของเธอทำให้มือไม้สั่นควานหาโทรศัพท์ไม่ถือ “บ้าจริง อยู่ไหน หรือลืมเอามาจากบ้านด้วย” แม่บ้านสาวเริ่มร้อนรน ทันใดนั้นเธอรู้สึกถึงได้ไอร้อนจากด้านหลัง เมื่อเอี้ยวใบหน้ามองพลันเห็นใบหน้าของชายผู้หนึ่ง รอยยิ้มเพิ่งจุดขึ้นที่มุมปากทว่าฝ่ามือของเขากลับยกมือขึ้นปิดครึ่งปากครึ่งจมูกของเธอ “เธอเป็นใคร!” “อื้อ!” หญิงสาวเบิกตาโต เธอยอมรู้จักชายคนนี้แต่เขากลับทำเหมือนไม่เคยเห็นเธอมาก่อน ความกลัวทำให้ร่างเล็กดิ้นรนขัดขืน และทำให้วงแขนนั้นโอบรัดเธอแน่นขึ้น ร่างอ่อนนุ่มในชุดแม่บ้านไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหวั่นไหว เขาพร้อมจะบิดคอเธอให้หักคามือ แต่ก็ค่อยๆ คลายออกเมื่อรู้ว่าอ
สถานที่ ภายใน ห้องนอน เวลา เที่ยงคืน คุณเคยจมน้ำไหม? น้ำที่มีแต่โคลนตม ...โคลนที่ทะลักเข้าปาก เท้าที่แตะไม่ถึงพื้น และมือที่พยายามไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยวผมกำลังรู้สึกเช่นนั้นในวินาทีนี้.... ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนี้บ่อยนักหรอก มันจะโถมเข้าใส่ในสภาวะที่ตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาที่หาทางออกไม่ได้อยู่เสมอ อาการนั้นเสมือนคนโรคประสาท ย้ำคิดย้ำทำ คิดอยู่แค่ว่าจะไปให้พ้นสภาพที่เป็นอยู่ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน ไปอย่างไร แต่สุดท้าย ผมเลือกที่จะเดิน...เดิน...เดิน...และเดิน... ผมไม่ใช่คนชอบแก้ปัญหา แต่เป็นนักตัดปัญหา ตัดมันทิ้งๆไปซะให้มันพ้นๆตัวก็พอแล้ว ชีวิตมันก็แค่นี้ สั้นยาวก็เท่านี้ อยู่ไม่นานนักหรอก ยังไงก็ตายอยู่ดี แปลกนะ... คนเราหนีความตายไม่พ้น แต่เพรียกหาความตายเสียเหลือเกิน ความตายนั้นสวยงามนักหรือ? ถึงได้ปรารถนานักยามเมื่อมีปัญหา มันคือทางออกแห่งปัญหาทั้งมวลหรือ? แต่ครั้งหนึ่ง.. ผมก็ใช้มันเพื่อเป็นทางออกของปัญหา และใช้มันเป็นการเรียกสายตาคนในครอบครัวให้เหลียวแล วัยเด็กของ