อินฟลูสาวมองด้วยรอยยิ้มดีใจ เธอทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนคลับสำเร็จแล้ว เชฟหนุ่มเลื่อนรูปและคืนปากกาให้ บนกระดาษแผ่นนั้นมีลายเซ็นชื่อ ‘หัสดิน’ และคำอวยพรให้การรักษาราบรื่นด้วยดี
“ขอบคุณมากนะคะ และขอโทษที่รบกวน” พลอยไพลินเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋า และเตรียมตัวกลับ เธอมีข้อมูลของเชฟดินอยู่บ้าง ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบให้คนอื่นเข้าใกล้มากเกินไป “คุณจะไปพบน้องอันดาเมื่อไหร่ครับ” “ออกจากนี้ก็ไปโรงพยาบาลค่ะ คงไม่ทันเวลาเยี่ยมแต่จะฝากคุณแม่ของน้องไว้” “รอสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหลังร้าน และไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เดินออกมาพร้อมถุงขนมสองถุง “ถุงนี้ฝากให้น้องอันดา ถ้ากินไม่ได้ก็ให้คุณแม่หรือคนในครอบครัวก็ได้ครับ ส่วนถุงนี้ของคุณกับเพื่อน” “เกรงใจจัง” “คราวหน้ามาเวลาร้านเปิดนะครับ” “ขอบคุณมากค่ะ” เป็นเกรซที่พูดขึ้นแล้วรับถุงขนมทั้งสองถุงไว้ พลอยไพลินได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งแล้วขอตัวกลับ ระหว่างที่เดินมาที่รถยนต์ของตนก็อดหันไปมองที่ร้านขนมไม่ได้ “เชฟดินตัวจริงหล่อกว่าในช่องยูทูปเสียอีก” เกรซเปรยแล้วกระแซะไหล่เพื่อนเบาๆ “ชอบล่ะสิ” หญิงสาวได้แต่ยิ้มหน้าแดง แล้วตั้งใจว่าจะต้องกลับมาร้านนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน “อ้อ! ขอบใจนะเกรซ อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนลินทั้งที่ตัวเองก็งานยุ่งมาก” “เพื่อนกันไม่ต้องขอบใจหรอก” เกรซฉีกยิ้มกว้างแล้วขึ้นไปนั่งบนรถของพลอยไพลิน ทั้งสองรู้จักกันเพราะเคยทำงานเป็นพริตตี้ออกอีเว้นท์งานเดียวกัน แต่ทุกคนโฟกัสที่พลอยไพลิน เธอกลายเป็นตัวประกอบไปเสียนี่ นี่แหละที่ทำให้เธอเลือกที่จะคบเพื่อน หรือให้ใครมาอยู่ข้างๆ ถ้าโดดเด่นเกินไป เธอก็ไม่ถูกมองเห็น แต่ถ้าอีกคนเฉย เงียบไม่มีปากเสียงก็ยิ่งทำให้เธอโดดเด่นสะดุดตา ที่เกรซมากับพลอยไพลินวันนี้เพราะต้องการทำคลิปที่เธอช่วยสานฝันให้น้องอันดา ที่จริง เกรซไม่รู้เรื่องน้องอันดาอะไรนี้เลยสักนิด แต่ต้องอาศัยเกาะกระแสเรื่องดราม่าให้ตัวเองเป็นที่รู้จัก คนเราทุกวันนี้เสพเรื่องดราม่ายิ่งกว่าซีรีย์เสียอีก เธอต้องหาผู้ติดตามมากๆ เดี๋ยวนี้ลูกค้าจะจ้างงานก็ต้องดูว่ามีผู้ติดตามในเฟซบุ๊ค,ไอจี,ติ๊กต็อก จำนวนผู้ติดตามยิ่งเยอะ เธอก็ได้ค่าตอบแทนสูงไปด้วย “จริงสิ เพื่อนของเกรซคนนั้นนะ ยังหางานอยู่ไหม” พลอยไพลินถามขณะที่ขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว “คนที่น่ารักๆ ยิ้มหวานๆ ชื่อแพรดาวอะไรสักอย่าง” “ยัยแพรนะเหรอคะ” เกรซถามเหมือนจำไม่ได้ ทั้งที่เธอชอบหนีบแพรดาวไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ “ใช่ๆ คนนั้นนะ ตอนโน้นเจอกันเห็นว่าหางานประจำอยู่ พอดีลูกพี่ลูกน้องของพลอยรับพนักงานออฟฟิศ ถ้าแพรยังไม่ได้งานทำลินจะได้แนะนำให้ค่ะ” “ว๊า! เสียดายจัง ถามช้าไปค่ะ ตอนนี้ยัยแพรได้งานทำแล้วค่ะ” “เสียดายจังเลย แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกค่ะ คนเก่งๆ อย่างแพร เสียดายก็แค่ขี้อายไปหน่อย ทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนสวยแต่แต่งตัวไม่เป็น” “แพรก็เป็นแบบนั้นแหละค่ะ เกรซเองก็เคยบอกแล้ว สอนแต่งหน้าทำผมบ้างให้ดูดี อย่างน้อยก็เสริมบุคลิกของตัวเอง” “ใช่เลยค่ะ ไม่ต้องตามแฟชั่นแต่ทำให้ตัวเองดูดี” เกรซได้แต่ลอบเบ้ปากกลอกตามองบน ปล่อยให้ยัยแพรดาวเข้าใจไปว่าตัวเองด้อยไปทุกอย่างนั้นแหละดีแล้ว ที่จริงก็มีคนถามเรื่องแพรดาวอยู่บ่อยๆ เธอก็บอกปัดไปเช่นทุกครั้ง เรื่องอะไรเธอจะให้คนอื่นดีกว่าตัวเอง ส่วนงานที่คลับหรูนั้น เธอก็แอบหวังจะให้แพรดาวช่วยเธอยามจำเป็น อีกอย่าง ยัยซื่อบื้อนั้นก็คงไม่รู้ว่าเป็นคลับแบบไหน อาจจะมีเสี่ยลงพุงอยากรับเลี้ยงก็ได้ แค่คิด...ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีเชอรี่ก็คลี่ยิ้ม เธอไม่ยอมให้ใครได้ดีไปกว่าเธอแน่นอน สองวันต่อมา หญิงสาวหมุนตัวไปมาหน้ากระจกเงา วันนี้ไปทำงานวันแรกและยังไม่มีเครื่องแบบใส่ เกรซบอกให้เธอใส่กางเกงยีนส์ไปทำงานก่อนก็ได้ ค่อยไปรับชุดพนักงานที่นั้น “ทำงานวันแรก เขาจะสอนงานให้ไม่ได้ให้ทำอะไรหรอก” แต่แพรดาวก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ถ้าทำงานนี้ไปได้ดี แม้จะเป็นงานกลางคืนแต่เงินเดือนสูงกว่างานออฟฟิศ เธอก็อยากทำเพื่อเก็บเงินสำหรับที่อยู่ใหม่ อยู่ที่นี่มาหลายปี และยังผูกพันกับเจ้าของบ้านเช่า แต่บ้านเช่าก็คือบ้านเช่า เธอจะถูกเชิญออกไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เวลาที่ลูกหลานของคุณตาบรรพตมาเยี่ยมก็มักมองมาทางสองแม่ลูกด้วยสายตารังเกียจเหยียดหยาม แม้ว่าคุณตายืนยันว่าจะไม่ย้ายไปไหนหรือขายที่ดินแปลงนี้ จนกว่าเธอและแม่จะมีหนทางไปที่ดีกว่า ท่านจึงจะยอมปล่อยที่ดินแปลงนี้ไป คุณตามีเมตตากับแม่และเธอมาก จะไปหาบ้านเช่าดีๆ ราคาถูกแบบนี้ได้ที่ไหนกัน และยังคอยดูแลอยู่ห่างๆด้วย เธอเองก็อยากอยู่ดูแลคุณตาบรรพต แต่แม่ก็เคยพูดว่าคุณตามีลูกหลานมากมายที่อยากรับคุณตาไปอยู่ด้วย เพียงแค่ติดที่คุณตาดื้อเหลือเกิน จริงๆ แล้วถ้าคุณตาไปอยู่กับลูกๆหลานๆ อาจจะดีกว่าอยู่คนเดียวแบบนี้ หรือเพราะบ้านหลังนี้มีความทรงจำของคุณยายอยู่ เรื่องความรักคือเรื่องที่เธอไม่เข้าใจ เช่นที่เธอเดาว่าแม่อาจจะรักพ่อมากจนไม่เปิดใจให้ใครใหม่ หรือไม่ก็ฝังใจไม่ยอมมีใครในชีวิตอีก เธอเองก็ไม่เคยมีคนรักหรือแฟนเลย ชีวิตเธอยุ่งจะตาย ทั้งเรียน ทั้งทำงานพิเศษ ทุกวันคิดแค่ว่าอยากให้แม่ไม่ต้องลำบาก ใช้ชีวิตสุขสบาย ได้กินของอร่อย ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันบ้าง เพราะฐานะการเงินไม่ค่อยดี เธอแทบไม่เคยไปไหนเลย แต่ก็ไม่กล้างอแง เพราะเห็นแม่ทำงานเหนื่อยทุกวัน ถ้าจะมีแฟน ก็อยากมีคนที่ดูอบอุ่นใจดีเหมือนคุณตาบรรพต แพรดาวยิ้มให้ตัวเอง ผมยาวสลวยรวบขึ้นเป็นหางม้าดูคล่องแคล่ว เธอหยิบกระเป๋าผ้าคล้องไหล่แล้วเดินลงมาออกมาเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน แม่นั่งดูโทรทัศน์พลางเย็บผ้าไปด้วย หญิงสาวขมวดคิ้วแล้วเดินไปหอมแก้มแม่ “แม่จ๋าอย่าทำงานหนักนะ เดี๋ยวปวดตาอีก” “รู้แล้วๆ ลูกก็ดูแลตัวเองดีๆ” “จ๊ะแม่ แพรไปทำงานก่อนนะคะ” แม่พยักหน้าให้ แม้ในใจไม่ยินดีที่ลูกไปทำงานกลางคืน แต่เมื่อลูกตัดสินใจแล้ว ก็ได้แต่เป็นห่วงเท่านั้น เช่นเดียวกับแพรดาวที่เป็นห่วงแม่ งานรับซ่อมเสื้อผ้าน้อยลง แม่ไปขอแบ่งงานเย็บเสื้อผ้าโหลมาทำที่บ้านวันทั้งวันได้ยินเสียงถีบจักรทั้งวันเธอเป็นห่วงแม่เหลือเกิน
แววตาที่เปลี่ยนไปจากอ่อนโยนกลายเป็นแข็งกร้าว ทำให้แพรดาวได้แต่กัดริมฝีปากไม่กล้าแม้แต่ครึ่งคำ “อุตส่าห์ว่าจะนอนแล้วเชียว ก็ดันถูกปลุกจนได้” เขาทำเสียงรำคาญในลำคอแล้วเลื่อนมือข้างหนึ่งมาแตะลำคอของหญิงสาว “คะ...คุณ...คุณเป็นใคร” “แล้วคิดว่าไงล่ะ” เขาถามย้ำอีกครั้ง “นี่ห้องพี่ดิน...” “แล้วไงต่อ...คิดหน่อยสิ ปกติเธอก็ไม่ใช่คนโง่นี่นะ” ทุกอย่างบนตัวมิสเตอร์ดาร์กเหมือนกับพี่ดิน ตอนที่เปิดประตูเธอก็คิดว่าเขาเป็นพี่ดิน แต่ตอนนี้ น้ำเสียงที่ใช้และวิธีการเรียก ‘เธอ’ ไม่ใช่ ‘น้องแพร’ ตอกย้ำว่าเขาคือมิสเตอร์ดาร์ก “แพร...แพรไม่รู้ค่ะ...ไม่รู้จริงๆ” “ก็เธออยากรู้ไม่ใช่เหรอ รู้ไหม คนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่น มันไม่ค่อยได้ตายดีนักหรอกนะ” มือใหญ่เลื่อนมากำลำของหญิงสาว นิ้วกร้านสัมผัสผิวบอบบางปลายนิ้วกดที่ลำคอของเธอ เพราะแรงบีบจากฝ่ามือของอีกฝ่ายทำให้แพรดาวหน้าซีดลงไปทันที เธอยกมือขึ้นทุบแผ่นเปลือยเปล่า เขาใช้เพียงมือข้างเดียวก็บีบคอเธอได้แล้ว “อะ...อึก...พะ...พี่
“มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ” ชายหนุ่มเอนตัวไปด้านหน้ากอดพวงมาลัยรถหลวมๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “พักที่นี่สินะ คอนโดหรูเชียว นี่ถ้าไม่รู้ว่าแบ็คของเธอเป็นใคร คงนึกว่ามีเสี่ยเลี้ยงแน่ๆ” “แบ็คคืออะไรคะ” เธอเอียงคอถามเขา “คนที่หนุนหลังเธอไง” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “คนที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่ของเธอ” “อ้อ...จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูก...แต่...” เรื่องนี้ไม่อนุญาตให้พูดกับคนอื่น เธอก็เลยอ้ำอึ้งไม่รู้จะอธิบายยังไง “เข้าใจแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรหรอก” เขาโบกมือไปมา “ไปนอนเถอะ” “ขอบคุณค่ะ” แพรดาวยกมือไหว้แล้วลงจากรถ ถ้าคืนนี้ไม่มีเขาช่วยต้องแย่แน่ๆ “นี่!” “คะ” หญิงสาวหันกลับมามอง สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านทำให้ผมยาวปลิวไหวเล็กน้อยจนเธอต้องยกมือขึ้นจับปลายผม “เธอบอกว่ามีคนหน้าเหมือนผม” “อ้อ! ใช้ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ “แต่นิสัยไม่เหมือนกันเลย” “งั้นที่เธอละเมอก็คือเรียกชื่อคนๆนั้นสินะ” เพราะอยู่ในแสงสลัวจึงไม่เห็นว่าตอนนี้ใบหน้
ราวกับความฝัน แพรดาวลืมตามองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เธอนอนมองคนที่หลับตาพริ้มอยู่จนมั่นใจว่าไม่ได้ฝัน แต่เกิดลังเลว่าคนที่เธอมองเห็นตรงหน้านี้เป็นใคร ‘พี่ดิน’ หรือ ‘มิสเตอร์ดาร์ก’ ก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว คนที่แกล้งหลับอยู่นานก็ทนไม่ไหว ยื่นหน้าไปประกบริมฝีปากฉกจูบอย่างรวดเร็ว เสียงร้องอุทานถูกดูดกลืนไปหมดสิ้น กลายเป็นเสียงอู้อี้ครางในลำคอ ดวงตาที่เมื่อครู่ยังปิดอยู่นั้นลืมตาจ้องมองขณะที่เรียวลิ้นร้อนแทรกในโพรงปากสาว ดวงตาร้อนแรงทำให้แพรดาวดันแผ่นอกเขาออก ทว่าอีกฝ่ายกลับโอบรัดร่างนุ่มนิ่มแน่นขึ้น ราวกับรู้ว่าหญิงสาวจูบไม่เป็นและไม่เคยถูกจูบมาก่อน เธอเหมือนจะเป็นลมเพราะหายใจไม่ออก เขาจึงยอมผละจากริมฝีปากหวาน “พี่...พี่ดิน” ชายหนุ่มชะงักไปทันที เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างหอมกรุ่นที่โอบกอดตลอดคืน “เมื่อกี้...เรียกว่าอะไรนะ” “เอ่อ...” แพรดาวทำตาปริบๆ เธอก็ไม่รู้ทำไมเมื่อครู่คิดว่าเขาคือ ‘พี่ดิน’ ทั้งที่ตอนนี้เธอนอนอยู่ในห้องทำงานมิสเตอร์ดาร์ก เพราะไม่ได้ยินคำตอบที่พอใจ เขาโน้มหน้าลงกดหน้
แพรดาวขมวดคิ้ว มือเรียวกระชับสาบเสื้อจนมั่นใจแล้วค่อยๆ เดินออกมา เธอเพิ่งเห็นว่าโซฟาในห้องของเขาถูกปรับเป็นเตียงนอนได้ด้วย และมันก็มีหมอนวางอยู่ “เสื้อผ้าเปียกเอาใส่ถุงซักผ้าแล้วไปวางหน้าห้อง” เขาสั่งโดยไม่มอง แม้ปากบ่นว่าขนมไม่อร่อยแต่ก็กินจนแก้มตุ้ย “ค่ะ” แพรดาวเอาเสื้อผ้าเปียกของตัวเองใส่ถุงพลาสติกสำหรับรอซัก และมองหาเสื้อผ้าของเขา ชายหนุ่มเห็นเธอมองไปมองมาก็เอ่ยปากถาม “หาอะไร” “สะ..เสื้อ...เสื้อของมิสเตอร์ล่ะคะ” “ฉันไม่เคยซัก มีแต่ทิ้ง” เขาพูดแล้วปัดมือไปมา แล้วกวาดตามองหญิงสาว เพราะผมเธอเปียกแต่ก็ยังมองออกว่าเธอตัดผมสั้นกว่าเดิมไปเล็กน้อย แพรดาวเขินอายที่ถูกจ้องมองจึงก้าวเร็วๆ เอาถุงเสื้อไปวางที่หน้าประตูแล้วเดินกลับเข้ามา “ห้องนี้ไม่มีผ้าห่ม” เขาพูดห้วนๆ แล้วชี้ไปที่เตียง “ไปนอน” “คะ?” “จะกลับบ้านสภาพนี้เหรอ” แพรดาวส่ายหน้าไปมาแล้วไปนั่งบนเตียง เธอไม่รู้จะทำอะไรก็เอาหยิบหมอนมาวางบนตัก “ให้นอนไม่ใช่ให้นั่ง” โดนดุอีกครั้งทำเอาหญิงสาวสะด
เขาอยู่ในด้านมืดแต่ไม่ชอบเห็นผู้หญิงถูกรังแก โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่า เขาสั่งให้ลูกน้องจัดการคนนั้นแล้วหันมาสนใจหญิงสาวที่อยู่ในรถ "อวดเก่ง" แพรดาวได้ยินเสียงคุ้นเคยจึงปรือตาขึ้นมอง เธอครางเสียงแผ่วขอความช่วยเหลือ "ร้อน ทรมาน"มิสเตอร์เลิกคิ้วแล้วยื่นมือไปแตะเนื้อตัวผ่าวร้อนของเธอ "ไอ้ระยำ!" ไม่รู้ว่าเขาด่าใคร แต่เวลานี้ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง และยังรู้สึกแปลกประหลาดไปหมด สัมผัสได้เพียงความแข็งแกร่งที่โอบอุ้มเธอ มือเรียวเล็กยื่นไปคล้องคอเขาไว้ แล้วขยับหน้าเข้าหาแผ่นอกกว้างหาความปลอดภัย "จัดการมัน""ครับเจ้านาย"ยุ่งกับใครไม่ยุ่ง ไปยุ่งกับผู้หญิงของมิสเตอร์ดาร์ก "อดทนหน่อย" น้ำเสียงแข็งกระด้างแต่แฝงความห่วงใยทำให้แพรดาวรู้สึกปลอดภัยในอ้อมแขนนี้มิสเตอร์ดาร์กอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกมาทางส่วนตัวกลับมาที่ห้องทำงาน เขาวางเธอบนเก้าอี้แต่หญิงสาวยังไม่ยอมปล่อยมือที่คล้องคอเขาอยู่"รู้ตัวไหมว่าเธอโดนวางยา""ไม่..ไม่รู้ค่ะ""เหอะ! ทำงานร้านเหล้าแต่ไม่รู้จักระวังตัว" เขาบ่นแล้วแกะมือออก "ทรมานจัง" เสียงครางหวานปลุกเร้าชายหนุ่มให้แทบคลุ้มคลั่ง แต่เขาต้องกัดฟันข่มใจเดินไปหยิบน้ำเย็นมาให้เธอดื่ม
คงเพราะต่างรู้ว่ามิสเตอร์ดาร์กโหดขนาดไหน ต่อให้ห้องทำงานไม่ได้ล็อกก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปเฉียดใกล้แพรดาวเดินมาตามทางที่คุ้นเคย เธอเปิดประตูเข้าไปแล้วเอาขนมไปวางบนโต๊ะทำงาน หญิงสาวลลังเลอยู่คู่หนึ่งหันซ้ายหันขวาหยิบกระดาษโน๊ตบนโต๊ะเขียนข้อความสั้นๆวางไว้ให้เขา‘ขนมค่ะแทนคำขอบคุณอร่อยมากๆเลยกินกับกาแฟได้เลยนะคะ’แพรดาวดวงตากลมกวาดตามองในห้อง เธอคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกภาพความทรงจำต่างๆ ก็ผุดขึ้นมา หน้านิ่งๆดุๆ แต่ก็ยอมให้เธอปล่อยโฮโดยไม่ขับไล่ไปไหน หรือตอนที่เขาสั่งให้เธอนั่งรอที่นี้จนผล็อยหลับไป รอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว คนๆนั้นก็ไม่ได้น่ากลัวแบบที่คนอื่นหวาดกลัวนักหรอก เธอหันซ้ายหันขวาแล้วเห็นกล้องวงจรปิดที่อยู่มุมห้อง มือเรียวหยิบถุงขนมชูขึ้นแล้วพูดว่า“หวังว่าจะชอบขนมนะคะ” มือเรียววางกระดาษบนโต๊ะแล้วเอาถุงขนมทับอีกที มองดูจนมั่นใจว่าจะอยู่ในตำแหน่งที่เขามองเห็นแล้วเดินออกมาใจจริงแพรดาวอยากกลับที่พักมากกว่า แต่เกรซโทรเข้ามาพอดี สมองกำลังคิดหาทางหลบเลี่ยงแต่จู่ๆ ก็มีคนมาคล้องแขนเธอ“ว้าว! แพรดาวนิวลุค!เกือบจำไม่ได้เลยนะเนี้ย” เกรซทำตาโตแล้วจับไหล่เพื่อนสาวหมุนตัวไปมา