นิ้วเรียวกำลังเลือกหยิบดอกจำปีในกระทงใบตองขนาดกำลังดีมีก้านยาวจากขั้วออกมาเล็กน้อยพอที่จะนำมามัดกับเส้นผมสีดำขลับของปรางไหม หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ เธอส่องกระจกเงาตรงหน้าดูผมยาวถึงกลางหลัง เธอปล่อยให้มันยาวอย่างอิสระมาสามปีแล้ว เธอมองมันอยู่เพียงครู่ก่อนจะรวบขึ้นเป็นมวยเผยให้เห็นไรผมรุ่ยร่ายบางๆ ดูเข้ากับดอกจำปีที่พันไว้กับเส้นผมดำเงางามที่แสนภูมิใจของตนเอง
เป็นผู้หญิงนี่นะ ยังไงก็รักสวยรักงามอยู่ดี
แพรดาวระบายลมหายใจเบาๆถึงอย่างไรเธอก็น่ารักที่สุดได้เท่านี้ เธอรู้ว่าตัวเองหน้าตาธรรมดาแทบไม่มีความโดดเด่นอะไรเลย การเรียนก็ปานกลาง ตอนเด็กๆ ย้ายบ้านบ่อยจนเธอแทบจำไม่ได้ว่าบ้านเดิมจริงๆอยู่ที่ไหน เธอรู้แค่ว่าแม่จ๋าจะกุมมือเล็กๆของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ ตั้งแต่จำความได้ก็มีแค่แม่จ๋าที่อยู่กับเธอ จะวันพ่อหรือวันพิเศษอะไรที่โรงเรียนจัดกิจกรรมก็จะมีแค่แม่จ๋าที่มาอยู่ตรงหน้า เธอเคยถามแต่เห็นการฝืนยิ้มจนพูดไม่ออกและแอบไปร้องไห้ทำให้เลิกถาม หากการถามถึงผู้ชายคนนั้นทำให้แม่จ๋าเสียใจ เธอไม่ทำดีกว่า อยู่จนอายุครบ22ปี เธอเลิกคิดถึงผู้ชายที่เรียกว่าพ่อไปแล้ว
เป็นอีกวันที่เธอตระเวนยื่นใบสมัครงาน
หลังจากรับรู้ได้ถึงความผิดหวังลางๆ แต่เธอก็พยายามไม่ให้ตัวเองเศร้าเกินไปนัก ระหว่างที่เดินออกจากตึกสูงตระหง่าน เธอขยับแว่นสายตาที่กระจกเริ่มเป็นรอยเพราะใช้มานานและเห็นคุณยายนั่งขายกระทงดอกจำปี เธอจึงอุดหนุนเพราะราคาแค่ยี่สิบบาท
แพรดาวรู้ดีว่าตัวเองไม่มีอะไรโดดเด่นต่อให้ยืนอยู่กับผู้คนมากมายเธอก็คงถูกเลือนหายไม่มีใครพบเห็นแต่อย่างเดียวที่เธอทำได้ก็คือดูแลแม่จ๋าไม่ให้แม่จ๋าต้องทุกข์ใจเพราะเธอวันนี้แพรดาวออกจากบ้านแต่เช้าเพราะมีนัดสัมภาษณ์งานถึง 2 ที่ สัมภาษณ์งานเสร็จแล้วเธอรู้สึกได้ทันทีว่าจะต้องพบกับความผิดหวังอีกแน่นอน จำไม่ได้แล้วว่าส่งใบสมัครงานเป็นครั้งที่เท่าไหร่ เธอเพียรพยายามหางานทำให้ตรงกับที่ร่ำเรียนมาแต่ดูเหมือนว่าการหางานประจำนั้นจะยิ่งยากเย็น และเธอเองก็ไม่มีหัวทางด้านค้าขายยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของแม่ อย่างเดียวที่ทำได้ตอนนี้ก็คือเป็นแม่บ้านรับจ้างทำความสะอาดก็อาศัยอิทธิพลของแม่อีกนั่นแหละ เธอไม่ได้รู้สึกว่างานแม่บ้านเป็นงานต่ำต้อยแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าอยากหางานทำให้หนูกับที่เรียนจนจบปริญญาตรี
หญิงสาวเดินอย่างเบื่อหน่ายริมถนนและตัดสินใจนั่งพักที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งเธอไม่รู้ว่าทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับเธอขนาดนี้ แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดโกรธสังคมหรือสิ่งอื่นใดการที่เธอยังมีอยู่มีลมหายใจมีร่างกายที่ครบสามสิบสอง ได้แต่บอกตัวเองว่าจะท้อไม่ได้เด็ดขาด เธอบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะต้องให้แม่จ๋าไม่มีชีวิตที่อยู่อย่างสุขสบาย ชีวิตเธอถึงจะไม่มีพ่อแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกหรือบางทีการไม่มีคนคนนั้นอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ เธอเคยเห็นหลายครอบครัวที่พ่อทำร้ายลูกสามีทำร้ายภรรยาบางทีผู้ชายคนนั้นอาจไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเรียกว่าพ่อแค่ได้ถอนหายใจยังเบื่อหน่ายไม่นานนัก
เสียงข้อความไลน์ของเธอก็ดังขึ้น หญิงสาวเปิดโทรศัพท์แล้วอ่านข้อความ
เกรซ : แพรว่างไหม มาหาหน่อยสิมีงานพิเศษให้ทำ
เป็นข้อความจากเพื่อนสนิทที่ชื่อเกรซ เกรซเป็นสาวสวยระดับดาวมหาวิทยาลัย แพรดาวรู้จักกับเกรซเพราะว่าเรียนคณะเดียวกันและทำกิจกรรมด้วยกัน เกรซเป็นเพื่อนไม่กี่คนของแพรดาวทั้งที่มีฐานะดีกว่า แต่ก็ยอมพบกับเธอนักศึกษายากจนที่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเอกชนก็เพราะสอบชิงทุนได้
หญิงสาวพิมพ์ข้อความตอบกลับ
แพรดาว : ได้สิวันนี้ว่างอยู่เดี๋ยวจะไปหานะ
เกรซ : ดีเลยมาเจอที่นี่นะ จะแนะนำงานให้
ครู่หนึ่งเกรซก็ส่งโลเกชั่นมาให้พร้อมกับโอนค่ารถแท็กซี่ แพรดาวไม่รู้ว่าเกรซจะแนะนำงานอะไรให้ แต่เพื่อนสาวโอนเงินเป็นค่าเดินทาง แสดงว่าอยากให้เธอไปหาจริงๆ หญิงสาวเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าสะพายแล้วเรียกแท็กซี่แล้วไปตามสถานที่ที่เกรซนัดไว้ การจราจรไม่ติดขัดนักและไม่ไกลจากบริษัทที่เธอเพิ่งไปสัมภาษณ์งานมา จึงใช้เวลาเดินทางราวๆครึ่งชั่วโมง หญิงสาวประหลาดใจเล็กน้อยที่มาอยู่หน้าสถานที่แห่งหนึ่ง อาจเป็นเวลากลางวันจึงมองไม่ค่อยออกนะว่าเป็นสถานที่แบบไหนมี แต่มีรปภ.เฝ้าอยู่ที่ประตูทางเข้าออก
“ขอโทษค่ะ หนูมาเพื่อนนัดไว้ที่นี่...เอ่อ...ชื่อเกรซค่ะ”
“อ้อ...เข้าไปได้เลย เดินตรงไป”
“ขอบคุณค่ะ”
แพรดาวค่อยโล่งใจหน่อย แต่พอก้าวมาด้านในก็แอบตกใจเล็กๆ เป็นเวลากลางวันแท้ๆ แต่ข้างในค่อนข้างมืด เธอปรับสายตาครู่หนึ่งแล้วเดินตรงไปตามที่รปภ.บอก เดินไปแค่อึดใจก็พบว่าเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีโต๊ะและเก้าอี้จัดวางอย่างลงตัว เบื้องหน้ามีเวทีสำหรับการแสดง เกรซรออยู่ก่อนแล้วโบกมือไปให้แพรดาว
“เป็นไงบ้างยายแพรไม่เจอกันหลายเดือน”
ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่ได้เจอกันบ่อยนะ เกรซเป็นสาวสวยทำงานเป็นพริตตี้มีรายได้ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย และยังเป็นอินฟลูฯ ขายสินค้าเสริมความงาม สิ่งที่เกรซไม่เคยบอกใคร ที่เธอคบกับแพรดาวเป็นเพื่อนก็เพราะว่าแพรดาวช่วยทำงานทำรายงาน หรือเลคเชอร์วิชาที่ไม่ได้เข้าเรียน ที่จริงมันก็คือผลประโยชน์ร่วมกันนั่นแหละ เธอก็ไม่ได้ใช้เพื่อนทำงานฟรีเสียหน่อยก็มีให้ค่าขนมกินบ้างนิดๆหน่อยๆเวลาที่แพรดาวเดินตามเธอไปไหน คนจืดๆ อย่างแพรดาวทำให้เธอยิ่งกลายเป็นจุดเด่น แต่ดูเหมือนยัยนี่จะโง่และใส่ซื่อจริงๆ ที่คิดว่าเธอคบกับแพรดาวด้วยความเป็นเพื่อน
เพื่อนมันก็มีหลายระดับนะทำไงได้ล่ะคนเราก็ต้องเลือกที่จะคบกัน
แพรดาวก้าวเข้ามาใกล้ก็เห็นว่าเพื่อนสนิทไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว เธอแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยกมือไหว้ตามมารยาท
“สวัสดีค่ะ”
“นี่คุณแม่ดาด้า” เกรซแนะนำคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า “แม่ดาด้าค่ะ นี่แพรเพื่อนเกรซเองค่ะ”
“มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ” ชายหนุ่มเอนตัวไปด้านหน้ากอดพวงมาลัยรถหลวมๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “พักที่นี่สินะ คอนโดหรูเชียว นี่ถ้าไม่รู้ว่าแบ็คของเธอเป็นใคร คงนึกว่ามีเสี่ยเลี้ยงแน่ๆ” “แบ็คคืออะไรคะ” เธอเอียงคอถามเขา “คนที่หนุนหลังเธอไง” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “คนที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่ของเธอ” “อ้อ...จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูก...แต่...” เรื่องนี้ไม่อนุญาตให้พูดกับคนอื่น เธอก็เลยอ้ำอึ้งไม่รู้จะอธิบายยังไง “เข้าใจแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรหรอก” เขาโบกมือไปมา “ไปนอนเถอะ” “ขอบคุณค่ะ” แพรดาวยกมือไหว้แล้วลงจากรถ ถ้าคืนนี้ไม่มีเขาช่วยต้องแย่แน่ๆ “นี่!” “คะ” หญิงสาวหันกลับมามอง สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านทำให้ผมยาวปลิวไหวเล็กน้อยจนเธอต้องยกมือขึ้นจับปลายผม “เธอบอกว่ามีคนหน้าเหมือนผม” “อ้อ! ใช้ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ “แต่นิสัยไม่เหมือนกันเลย” “งั้นที่เธอละเมอก็คือเรียกชื่อคนๆนั้นสินะ” เพราะอยู่ในแสงสลัวจึงไม่เห็นว่าตอนนี้ใบหน้
ราวกับความฝัน แพรดาวลืมตามองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เธอนอนมองคนที่หลับตาพริ้มอยู่จนมั่นใจว่าไม่ได้ฝัน แต่เกิดลังเลว่าคนที่เธอมองเห็นตรงหน้านี้เป็นใคร ‘พี่ดิน’ หรือ ‘มิสเตอร์ดาร์ก’ ก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว คนที่แกล้งหลับอยู่นานก็ทนไม่ไหว ยื่นหน้าไปประกบริมฝีปากฉกจูบอย่างรวดเร็ว เสียงร้องอุทานถูกดูดกลืนไปหมดสิ้น กลายเป็นเสียงอู้อี้ครางในลำคอ ดวงตาที่เมื่อครู่ยังปิดอยู่นั้นลืมตาจ้องมองขณะที่เรียวลิ้นร้อนแทรกในโพรงปากสาว ดวงตาร้อนแรงทำให้แพรดาวดันแผ่นอกเขาออก ทว่าอีกฝ่ายกลับโอบรัดร่างนุ่มนิ่มแน่นขึ้น ราวกับรู้ว่าหญิงสาวจูบไม่เป็นและไม่เคยถูกจูบมาก่อน เธอเหมือนจะเป็นลมเพราะหายใจไม่ออก เขาจึงยอมผละจากริมฝีปากหวาน “พี่...พี่ดิน” ชายหนุ่มชะงักไปทันที เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างหอมกรุ่นที่โอบกอดตลอดคืน “เมื่อกี้...เรียกว่าอะไรนะ” “เอ่อ...” แพรดาวทำตาปริบๆ เธอก็ไม่รู้ทำไมเมื่อครู่คิดว่าเขาคือ ‘พี่ดิน’ ทั้งที่ตอนนี้เธอนอนอยู่ในห้องทำงานมิสเตอร์ดาร์ก เพราะไม่ได้ยินคำตอบที่พอใจ เขาโน้มหน้าลงกดหน้
แพรดาวขมวดคิ้ว มือเรียวกระชับสาบเสื้อจนมั่นใจแล้วค่อยๆ เดินออกมา เธอเพิ่งเห็นว่าโซฟาในห้องของเขาถูกปรับเป็นเตียงนอนได้ด้วย และมันก็มีหมอนวางอยู่ “เสื้อผ้าเปียกเอาใส่ถุงซักผ้าแล้วไปวางหน้าห้อง” เขาสั่งโดยไม่มอง แม้ปากบ่นว่าขนมไม่อร่อยแต่ก็กินจนแก้มตุ้ย “ค่ะ” แพรดาวเอาเสื้อผ้าเปียกของตัวเองใส่ถุงพลาสติกสำหรับรอซัก และมองหาเสื้อผ้าของเขา ชายหนุ่มเห็นเธอมองไปมองมาก็เอ่ยปากถาม “หาอะไร” “สะ..เสื้อ...เสื้อของมิสเตอร์ล่ะคะ” “ฉันไม่เคยซัก มีแต่ทิ้ง” เขาพูดแล้วปัดมือไปมา แล้วกวาดตามองหญิงสาว เพราะผมเธอเปียกแต่ก็ยังมองออกว่าเธอตัดผมสั้นกว่าเดิมไปเล็กน้อย แพรดาวเขินอายที่ถูกจ้องมองจึงก้าวเร็วๆ เอาถุงเสื้อไปวางที่หน้าประตูแล้วเดินกลับเข้ามา “ห้องนี้ไม่มีผ้าห่ม” เขาพูดห้วนๆ แล้วชี้ไปที่เตียง “ไปนอน” “คะ?” “จะกลับบ้านสภาพนี้เหรอ” แพรดาวส่ายหน้าไปมาแล้วไปนั่งบนเตียง เธอไม่รู้จะทำอะไรก็เอาหยิบหมอนมาวางบนตัก “ให้นอนไม่ใช่ให้นั่ง” โดนดุอีกครั้งทำเอาหญิงสาวสะด
เขาอยู่ในด้านมืดแต่ไม่ชอบเห็นผู้หญิงถูกรังแก โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่า เขาสั่งให้ลูกน้องจัดการคนนั้นแล้วหันมาสนใจหญิงสาวที่อยู่ในรถ "อวดเก่ง" แพรดาวได้ยินเสียงคุ้นเคยจึงปรือตาขึ้นมอง เธอครางเสียงแผ่วขอความช่วยเหลือ "ร้อน ทรมาน"มิสเตอร์เลิกคิ้วแล้วยื่นมือไปแตะเนื้อตัวผ่าวร้อนของเธอ "ไอ้ระยำ!" ไม่รู้ว่าเขาด่าใคร แต่เวลานี้ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง และยังรู้สึกแปลกประหลาดไปหมด สัมผัสได้เพียงความแข็งแกร่งที่โอบอุ้มเธอ มือเรียวเล็กยื่นไปคล้องคอเขาไว้ แล้วขยับหน้าเข้าหาแผ่นอกกว้างหาความปลอดภัย "จัดการมัน""ครับเจ้านาย"ยุ่งกับใครไม่ยุ่ง ไปยุ่งกับผู้หญิงของมิสเตอร์ดาร์ก "อดทนหน่อย" น้ำเสียงแข็งกระด้างแต่แฝงความห่วงใยทำให้แพรดาวรู้สึกปลอดภัยในอ้อมแขนนี้มิสเตอร์ดาร์กอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกมาทางส่วนตัวกลับมาที่ห้องทำงาน เขาวางเธอบนเก้าอี้แต่หญิงสาวยังไม่ยอมปล่อยมือที่คล้องคอเขาอยู่"รู้ตัวไหมว่าเธอโดนวางยา""ไม่..ไม่รู้ค่ะ""เหอะ! ทำงานร้านเหล้าแต่ไม่รู้จักระวังตัว" เขาบ่นแล้วแกะมือออก "ทรมานจัง" เสียงครางหวานปลุกเร้าชายหนุ่มให้แทบคลุ้มคลั่ง แต่เขาต้องกัดฟันข่มใจเดินไปหยิบน้ำเย็นมาให้เธอดื่ม
คงเพราะต่างรู้ว่ามิสเตอร์ดาร์กโหดขนาดไหน ต่อให้ห้องทำงานไม่ได้ล็อกก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปเฉียดใกล้แพรดาวเดินมาตามทางที่คุ้นเคย เธอเปิดประตูเข้าไปแล้วเอาขนมไปวางบนโต๊ะทำงาน หญิงสาวลลังเลอยู่คู่หนึ่งหันซ้ายหันขวาหยิบกระดาษโน๊ตบนโต๊ะเขียนข้อความสั้นๆวางไว้ให้เขา‘ขนมค่ะแทนคำขอบคุณอร่อยมากๆเลยกินกับกาแฟได้เลยนะคะ’แพรดาวดวงตากลมกวาดตามองในห้อง เธอคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกภาพความทรงจำต่างๆ ก็ผุดขึ้นมา หน้านิ่งๆดุๆ แต่ก็ยอมให้เธอปล่อยโฮโดยไม่ขับไล่ไปไหน หรือตอนที่เขาสั่งให้เธอนั่งรอที่นี้จนผล็อยหลับไป รอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว คนๆนั้นก็ไม่ได้น่ากลัวแบบที่คนอื่นหวาดกลัวนักหรอก เธอหันซ้ายหันขวาแล้วเห็นกล้องวงจรปิดที่อยู่มุมห้อง มือเรียวหยิบถุงขนมชูขึ้นแล้วพูดว่า“หวังว่าจะชอบขนมนะคะ” มือเรียววางกระดาษบนโต๊ะแล้วเอาถุงขนมทับอีกที มองดูจนมั่นใจว่าจะอยู่ในตำแหน่งที่เขามองเห็นแล้วเดินออกมาใจจริงแพรดาวอยากกลับที่พักมากกว่า แต่เกรซโทรเข้ามาพอดี สมองกำลังคิดหาทางหลบเลี่ยงแต่จู่ๆ ก็มีคนมาคล้องแขนเธอ“ว้าว! แพรดาวนิวลุค!เกือบจำไม่ได้เลยนะเนี้ย” เกรซทำตาโตแล้วจับไหล่เพื่อนสาวหมุนตัวไปมา
หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีน้ำเงินเข้มแบบเรียบง่ายแต่ตัดเย็บประณีตเพราะเป็นแบรนด์หรู แพรดาวรู้สึกขัดเขินเล็กน้อยเพราะไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ ปกติเสื้อผ้ามือสองคล้องกระเป๋าผ้า ตอนนี้ถูกคทาภัทรกับคุณนิตยาจับแปลงโฉมเสียใหม่ ทั้งทรงผมที่เคยปล่อยยาวแล้วมัดรวบง่ายๆ ก็ถูกตัดแต่งเป็นทรงสมัย และเพราะเธอยังไม่คุ้นจึงให้เล็มผมออกแต่มันตัดแล้วก็ดูเหมือนดาราเกาหลีเลยทีเดียว “ลูกแม่น่ารักจริงๆ น่าจะได้เจอกันเร็วกว่านี้” คุณนิตยาพูดแล้วก็น้ำตาซึม ยิ่งเห็นว่ารู้สึกผ่ายผอมขนาดไหนและต้องทำงานส่งตัวเองเรียนอีกก็ยิ่งรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น “ได้เจอกันก็ดีแล้วค่ะ” แพรดาวไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้แต่ลึกๆ เธอก็ยังหวาดกลัวว่าความโชคดีนี้จะไม่ยืนยาว บางครั้งก็รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันจนกลัวที่จะตื่นหลังจากที่กินอาหารเย็นเสร็จแล้วคุณนิตยาก็ให้คนขับรถมาส่งที่คอนโด ส่วนคทาภัทรแยกไปทำงานก่อนแล้ว“เอาไว้แม่จะมารับไปกินข้าวอีกนะ”“คราวหน้าน้องแพรทำกับข้าวให้แม่นิตยากินนะคะ”“หนูชอบทำอาหารเหรอ”“ค่ะ”“ดีเลย แม่ก็ชอบ แต่ไม่ได้เข้าครัวนานแล้ว พ่อลูกงานยุ่งแม่ก็ไม่รู้จะทำกับข