Share

ถึงตายก็ไม่ยอม

“ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมเข้าไปเล่า” เฮ่ยเสี่ยวฉางถามวิญญาณดวงสำคัญพลางยกมือเกาศีรษะเเกรกๆ

พวกเขาหรืออุตส่าห์วางแผนคิดบทละครกันมาเป็นอย่างดี ทว่าพอถึงเวลาที่ต้องปฏิบัติจริง เด็กสาวผู้เป็นคู่วาสนากลับไม่ยอมให้ความร่วมมือเสียนี่ ทำเอาเฮ่ยเสี่ยวอู่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม

“ไม่เอาหรอก ก็หนิงหนิงเพิ่งรู้นี่นาว่าการจะการเป็นคู่วาสนา หมายถึงต้องเป็นคนรักของตี้จวินอะไรนั่น หนิงหนิงไม่ได้ชอบเขา เพราะอย่างนั้นไม่มีทางไปสร้างวาสนาอะไรด้วยหรอก”

พวกเขาล้อเล่นหรือไร เธอชอบผู้ชายในฝันคนนั้นต่างหาก ตี้จวินอะไรนั่นต่อให้เป็นท่านเทพที่ไหนก็ไม่เอาด้วยเด็ดขาด!

เฮ่ยเสี่ยวอู่ถลึงตาโปนใส่แทบถลนออกนอกเบ้า ส่วนทางเฮ่ยเสี่ยวฉางก็เบะปากเกือบปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย พวกเขาวางแผนกำกับบทละครเพื่อให้เรื่องราวดำเนินไปได้ เเต่วิญญาณดวงสำคัญดันไม่เอาด้วยเเบบนี้ก็เเย่น่ะสิ ถ้าหากว่าไม่สามารถทำให้ชาตินี้ของตี้จวินผ่านพ้นด่านเคราะห์ได้สำเร็จ คนแรกที่ต้องถูกเล่นงานคือเขาและเสี่ยวอู่เป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นเฮ่ยเสี่ยวฉางจึงเริ่มเกลี้ยกล่อมดวงวิญญาณตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง จะอย่างไรเสียเขาก็ต้องทำให้นางยอมร่วมมือให้จงได้

“เสี่ยวหนิงคนดี เจ้าอย่าได้พูดแบบนั้นไป ในหกภพภูมิดินแดนทั้งหลาย ตี้จวินนั้นคือผู้ที่มีพลังอำนาจเหนือใคร ท่านเป็นเทพบรรพกาลที่เเม้เเต่องค์เง็กเซียนยังต้องให้ความเกรงใจ” เพราะถ้าหากไม่เกรงใจก็จะถูกเล่นงานจนน่วม… แน่นอนว่าประโยคหลังนั้นเฮ่ยเสี่ยวฉางไม่ได้บอกออกไป

หยูหนิงฟังแล้วขมวดคิ้วนิ่วหน้า เธอไม่ได้สนใจว่าตี้จวินที่ยมทูตยกยอนั่นจะมีอำนาจอะไรนี่นา

“หนิงหนิงไม่ได้สนใจว่าเขาจะมีอำนาจอะไร ต่อให้ยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็เถอะ ถ้าแม้แต่เสี่ยวอู่กับเสี่ยวฉางยังกลัว ก็แสดงว่าตี้จวินนั่นต้องเป็นคนที่น่ากลัวมากเเน่ๆ”

เฮ่ยเสี่ยวฉางแทบเอาหัวโขกประตูคฤหาสน์ตรงหน้า เด็กๆ เดี๋ยวนี้จะโตเร็วรู้ความกันเกินไปแล้ว แค่เห็นท่าทางของเขากับเสี่ยวอู่นางก็เดาได้ถูกต้องเสียแล้ว แต่ว่าเขาจะยอมให้นางคิดแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

“เจ้าเข้าใจผิดไปแล้ว พวกข้านั้นไม่ได้เกรงกลัวสักหน่อย เขาเรียก...ใช่แล้ว...เขาเรียกเคารพเทิดทูนต่างหาก” เพราะถ้าไม่เคารพก็อาจจะต้องถูกซ้อมเหมือนกับองค์เง็กเซียน...แน่นอนว่าประโยคนี้เฮ่ยเสี่ยวฉางก็ไม่ได้เอ่ยออกไปเช่นกัน

กล่าวจบ ยมทูตชุดขาวก็สะกิดสหายยมทูตด้วยกันยิกๆ เป็นเชิงให้ช่วยกันชมเทพบรรพกาลจอมวายร้ายให้ดวงวิญญาณตรงหน้าฟัง เฮ่ยเสี่ยวอู่นั้นเข้าใจสัญญาณที่อีกฝ่ายส่งมาดี เขาจึงพยายามคิดหาข้อดีของจอมเทพอันธพาลเพื่อจะสาธยายออกมาบ้าง และแล้วเฮ่ยเสี่ยวอู่ก็ได้รู้ว่าในความคิดมุมมองทั้งสามของเขา ตี้จวินจอมวายร้ายผู้นั้นไม่มีข้อดีอะไรเลยสักอย่าง!

ยิ่งคิดเฮ่ยเสี่ยวอู่ก็ยิ่งอึกอัก ยมทูตชุดดำไม่สามารถคิดหาข้อดีของจอมเทพออกมาชมได้สักข้อ

เฮ่ยเสี่ยวฉางมองท่าทางสหายแล้วเบะปากร่ำไห้ในใจ โธ่...เสี่ยวอู่เจ้าคนซื่อ ทำไมไม่หลับหูหลับตาพูดส่งๆ ไปก่อนเล่า

เนิ่นนานกว่าที่เฮ่ยเสี่ยวอู่จะขยับ เขาเปิดปากค้นหาเสียงตนเองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเริ่มเอ่ยคำพูดออกมาได้ ทั้งเฮ่ยเสี่ยวฉางเเละหยูหนิงต่างก็กลั้นลมหายใจรอฟังอย่างลุ้นระทึก

“ตี้จวินนั้นมีข้อดีมากมาย ตัวอย่างเช่น ท่าน...รูปงามกว่าผู้ใดในหกแดน”

ใช่แล้ว นี่นับเป็นข้อดีเพียงหนึ่งเดียวของเจ้าเทพอันธพาลนั่น ทำให้เขาสามารถพูดออกมาได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดต่อมโนธรรมภายในใจ

เฮ่ยเสี่ยวฉางน้ำตาไหลพราก กู่ร้องในอกด้วยความยินดี เสี่ยวอู่ช่างทำได้ดีมาก อย่างน้อยเจ้าเทพจอมวายร้ายนั่นก็มีดีในด้านรูปโฉมละนะ แต่ชั่วขณะที่เห็นท่าทางของหยูหนิง ยมทูตชุดขาวก็รู้สึกตัวในทันทีว่าเท่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะชักจูงสาวน้อยตรงหน้าเป็นเเน่!

เฮ่ยเสี่ยวฉางรีบส่งสายตาเป็นสัญญาณให้สหายกล่าวคำพูดต่อ แต่เฮ่ยเสี่ยวอู่นั้นคล้ายสติหลุดลอยไปเสียแล้ว เขาคิดหาข้อดีของจอมเทพอยู่เป็นนานก่อนจะเงียบหายขาดการติดต่อไปเสียเฉยๆ

“นอกจากรูปงาม มีอำนาจ แล้วตี้จวินคนนั้นมีข้อดีอะไรอีก เสี่ยวอู่ยังตอบไม่ได้เลย เห็นไหมล่ะ แค่นี้ก็ดูออกแล้วว่าตี้จวินคนนั้นจะต้องร้ายกาจมากแน่ๆ” หยูหนิงพูดพลางส่ายหัวปฏิเสธ

เฮ่ยเสี่ยวฉางเเทบปรบมือให้สาวน้อยตรงหน้า นางช่างเอ่ยวาจาได้ถูกใจเขาเสียเหลือเกิน ใช่แล้ว เจ้าเทพบรรพกาลผู้นั้นทั้งร้ายกาจและโหดเหี้ยมเกินใคร

ทว่าเขาจำต้องหลอกตนเองเพื่อให้รอดพ้น ดังนั้นยมทูตรูปลักษณ์ชายชราจึงต้องออกโรงเชิดชูเป้าหมายเพื่อชักจูงสาวน้อยตรงหน้า เฮ่ยเสี่ยวฉางถลกแขนเสื้อสีขาวด้วยท่าทีขึงขังราวกับพร้อมต่อยตี เขาโพล่งออกมาด้วยเสียงอันดังเพื่อสร้างความฮึกเหิมให้ตัวเอง

“ทำไมจะไม่มีกัน เสี่ยวหนิงเอ๋ย เจ้าจงฟังข้อดีของท่านเทพที่ข้าจะเอ่ยต่อไปนี้ให้ดีๆ ก็แล้วกัน จะได้รู้ว่าท่านผู้นั้นยิ่งใหญ่เเละเกรียงไกรเพียงใด” พูดจบเจ้าตัวก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกล่าวต่อ “ข้อที่หนึ่ง ตี้จวินคือเทพบรรพกาลนอกฝั่งฟ้าเพียงหนึ่งเดียวที่สวรรค์เราหลงเหลืออยู่ในยามนี้”

แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วจะไม่เคยมีใครต้องการอยากได้ก็ตามเถอะ

“ข้อที่สอง ตี้จวินคือเทพที่มีพลังแกร่งกล้าที่สุดในสามภพภูมิหกแดน ขนาดเทียนจวินยังต้องยอมลงให้เลย”

จะไม่ยอมได้อย่างไร ในเมื่อถูกซัดแปะติดภูเขาเจ้าแม่หวังมู่ถึงสามวันสามคืน เขาไม่ได้โกหกนะ เทียนจวินยอมอ่อนข้อให้ตี้จวินจริงๆ เพราะไม่อย่างนั้นพระองค์ก็จะถูกทุบตี

“ข้อสาม ตี้จวินนั้นเป็นเทพที่มีใจเมตตากรุณาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แม้แต่ยามที่มีปีศาจบุกเข้ามารังแกเทพเซียนน้อยในสระมรกต ท่านก็ยังออกหน้าจัดการเจ้าปีศาจตนนั้นให้”

อันนี้เขาก็ไม่ได้โกหก ตี้จวินหักแขนหักขาแล้วเตะโด่งปีศาจตนนั้นลงมายังแดนยมโลกให้เหยียนหลัวหวางจริงๆ ถึงแม้เหตุผลที่ลงมือจะเป็นเพราะเจ้าปีศาจดวงตกหลงเข้าไปเกี้ยวท่านเทพก็เถอะ ทว่าพอเห็นสภาพอันน่าเวทนาของปีศาจตนนั้น ทุกคนต่างก็พร้อมใจกันเทคะแนนความสงสารให้อย่างท่วมท้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องชะตาขาดขนาดไหน ถึงได้กล้าเข้าไปเกี้ยวท่านเทพบรรพกาลจอมวายร้ายนั่น!

“และข้อที่สี่ ตี้จวินนั้นมีรูปโฉมงดงามที่สุดในสามภพอย่างที่เสี่ยวอู่บอกจริงๆ”

ใช่งามมาก งามจนสวนทางกับจิตใจที่ชั่วร้ายของเจ้าตัวเลย!

เฮ่ยเสี่ยวฉางพยายามสะกดจิตตัวเองสุดชีวิต ก่อนจะหลอกให้สาวน้อยตรงหน้าเชื่อ เขาต้องเชื่อมั่นเสียก่อนว่าตี้จวินเป็นเทพที่นิสัยดีอย่างยิ่ง ดังนั้นยมทูตขาวจึงบอกลามโนธรรมในใจ พร้อมกับหลอกตนเองไปด้วย

หยูหนิงขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันไม่รู้จะทำอย่างไรดี ใช่ว่าตัวเธอจะไม่สงสารยมทูตทั้งสอง แต่คุณแม่เคยบอกเอาไว้ว่า ในชีวิตของเราจะมีคนที่สามารถอยู่ด้วยตลอดไปได้แค่หนึ่งเท่านั้น และคนที่เธออยากอยู่ด้วยก็ไม่ใช่ตี้จวินอะไรนั่นสักหน่อย

‘เฮ้อ...จะทำยังไงดีนะ’

ความเงียบของราตรีกาลแผ่ปกคลุมทั้งสามร่าง สองยมทูตต่างนิ่งเงียบรอฟังคำตอบจากอีกหนึ่งดวงวิญญาณ จนผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่มีผู้ใดกล่าวคำพูดออกมา ในที่สุดก็เป็นเฮ่ยเสี่ยวอู่ที่หมดความอดทนก่อนใคร

เขาคว้าแขนพลางฉุดลากดวงวิญญาณตัวปัญหาทะลุผ่านประตูคฤหาสน์ ลอยตัดสวนดอกไม้มุ่งหน้าไปทางเรือนของคุณชายเพียงหนึ่งเดียวของสกุลจวินทันที โดยมีเสียงโวยวายจากร่างเล็กที่ถูกลากดังขึ้นตลอดทาง

“โอ๊ย! เสี่ยวอู่อย่ามาบังคับกันนะ บอกว่าไม่ก็คือไม่สิ ให้ตายหนิงหนิงก็ไม่ทำ!” เสียงใสเอ่ยอย่างเด็ดขาด

ร่างสูงของยมทูตชุดดำพลันหยุดชะงัก เขาหันหน้ามาสบตากับสาวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา พลางถามขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางกดดัน

“ไม่ทำจริงๆ หรือ”

เห็นท่าทีคุกคามแฝงไปด้วยความกดดันของอีกฝ่าย หยูหนิงก็อดรู้สึกหวั่นเกรงจนตัวสั่นไม่ได้ ทว่าในใจคิดต่อต้านสุดชีวิต นี่เป็นอนาคตของตนเอง จะยอมให้ใครมาบงการได้อย่างไร มันเป็นความรู้สึกของเธอนะ

“ให้ตายก็ไม่ทำ!” เสียงใสเอ่ยชัดเจน ดวงตากลมสั่นไหวจนรู้สึกได้ แต่เจ้าตัวก็ยังยืนกรานความคิดเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

เฮ่ยเสี่ยวอู่กัดริมฝีปากขบฟันเเน่น เขามองวิญญาณตรงหน้าดวงตาวาววับเต็มไปด้วยโทสะ นี่นางคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน กับอีแค่วิญญาณต้นไม้เล็กๆ จากโลกมนุษย์ ถ้าหากไม่ได้เหยียนหลัวหวางนำน้ำทิพย์จากสระมรกตมารด จะก่อเกิดไอวิญญาณขึ้นมาได้หรือ และที่สำคัญหากไม่ใช่เพราะตี้จวินใช้พลังเทพเปลี่ยนแปลงแกนวิญญาณให้ นางจะสามารถมายืนเอาแต่ใจอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ช่างไม่รู้จักประมาณตัวเองเอาเสียเลย คิดว่านางมีสิทธิ์เลือกได้อย่างนั้นหรือ

เฮ่ยเสี่ยวฉางเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาคั่นกลางระหว่างทั้งคู่เอาไว้ทันที ดวงตาเหลือบเห็นฝ่ามือเฮ่ยเสี่ยวอู่ที่กำแน่น เจ้าตัวรู้ได้ทันทีว่าสหายตนเริ่มจะหมดความอดทนเเล้ว เขานึกกลัวเหลือเกินว่าเสี่ยวอู่จะทำร้ายดวงวิญญาณตรงหน้านี่

ยมทูตชุดขาวส่งสายตาขัดขวางอีกฝ่าย เขานั้นคิดแตกต่างกับสหาย เฮ่ยเสี่ยวอู่อาจมองหยูหนิงเป็นเพียงต้นไม้ไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าในสายตาเฮ่ยเสี่ยวฉางแล้ว สาวน้อยตรงหน้าก็เป็นสรรพสิ่งมีชีวิตที่เหมือนๆ กับพวกเขา ดังนั้นนางจึงมีสิทธิ์ที่จะเลือก คิดใคร่ครวญ ไตร่ตรอง หรือแม้แต่ปฏิเสธ

ในความคิดของเฮ่ยเสี่ยวฉาง เด็กสาวตรงหน้าถือว่าเป็นเด็กดีคนหนึ่ง อีกฝ่ายไม่เคยออกปากต่อว่าพวกเขาที่ทำเรื่องผิดพลาด จนเป็นเหตุที่ทำให้นางต้องไปเกิดผิดที่ อีกทั้งไม่เคยร่ำไห้ร้องโวยวายในยามต้องคืนร่างให้วิญญาณอีกดวง ตั้งแต่พวกเขานำนางมายังภพนี้ นางเองก็ไม่เคยสร้างปัญหาหรือเรียกร้องสิ่งใด นั่นยิ่งทำให้เสี่ยวฉางรู้สึกถูกชะตากับหยูหนิงเข้าไปใหญ่

“เสี่ยวอู่ ห้ามเจ้าทำร้ายนางนะ”

เฮ่ยเสี่ยวอู่ได้ยินเสียงร้องห้ามจึงค่อยๆ ลดมือลง พยายามข่มอารมณ์หักห้ามโทสะภายในใจ ทว่าก็ยังไม่วายเอ่ยแย้งอย่างขุ่นเคือง “แต่…เสี่ยวฉาง เจ้าก็เห็นนี่ นางดื้อดึงเอาแต่ใจเกินไปแล้ว ถึงขนาดตายก็ไม่ยินยอม...” เสียงท้ายประโยคของเฮ่ยเสี่ยวอู่พลันขาดหาย เมื่อสายตาหันไปเห็นร่างของมนุษย์ผู้หนึ่งเข้าเสียก่อน

เฮ่ยเสี่ยวฉางมองสหายก่อนที่ดวงตาจะมีแววเคลิบเคลิ้มขึ้นมาในทันที เช่นเดียวกับสองยมทูต หยูหนิงที่มองทางเดียวกันก็มีอันตกตะลึงไปชั่วขณะ นี่มันคุณคนในฝันของเธอไม่ใช่หรือ

ในศาลากลางสวนเยื้องกับบริเวณที่สองยมทูตหนึ่งดวงวิญญาณกำลังทุ่มเถียงกัน ปรากฏร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีแสงจันทร์ให้เห็น เจ้าตัวยืนหันหน้ามองท้องฟ้ามาทางทิศเดียวกับผู้บุกรุกทั้งสาม บรรยากาศรอบกายนั้นให้ความรู้สึกสูงส่งและเอื้อมไม่ถึงอย่างยิ่ง

เรือนร่างสูงสง่า ใบหน้างดงามราวรูปสลัก คิ้วเรียวดกดำ ดวงตาคมทรงเมล็ดซิ่ง [1] อีกทั้งริมฝีปากหยักสวยรับกับจมูกโด่งได้รูบอย่างลงตัว ช่างเป็นความงามที่โดดเด่นเกินผู้ใดในสามภพหกเเดนที่ยมทูตทั้งสองต่างก็รู้จักกันดี

“ตี้จวิน!”

ท่านเทพจอมอันธพาล!

สองยมทูตกับอีกหนึ่งวิญญาณมองคนงามเบื้องหน้าด้วยเเววตาเลื่อนลอย เเละท่านเทพในร่างมนุษย์ก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของพวกเขาด้วย เห็นดังนั้นเฮ่ยเสี่ยวอู่จึงค่อยระบายลมหายใจอย่างโล่งอก พลางหันไปเปิดปากกับเด็กสาวข้างตัวอีกครั้ง

“เจ้าเด็กน้อย ข้าจะถามอีกครั้งเดียวเท่านั้น ว่าจะยอมเป็นคู่สร้างวาสนากับตี้จวินหรือไม่ ถ้าหากเจ้าไม่ยอมข้าจะ...”

“มัวยืนชักช้าอยู่ทำไมเล่าเสี่ยวอู่ พวกเรารีบไปวางเเผนขั้นต่อไปที่เรือนของตี้จวินกันเถอะ ไปๆ เสี่ยวฉางก็ด้วย อย่ามัวแต่ใจลอยสิ” เสียงใสของดวงวิญญาณหนึ่งเดียวในที่นั้นร้องเร่งพร้อมกับฉุดรั้งเฮ่ยเสี่ยวฉางจนแทบจะนำหน้าเสียเอง

เฮ่ยเสี่ยวอู่เชื่อว่าหากรู้เส้นทางอีกฝ่ายคงทำเป็นเเน่ เขามองภาพตรงหน้าเเล้วให้นึกมึนงงยิ่งกว่าเดิม

‘เอ่อ...นางวิญญาณต้นไม้ จำได้ว่าตอนเเรกเจ้าเป็นคนบอกไว้เองนะว่าถึงตายก็ไม่ยอมน่ะ...’

เช่นนั้นเเล้วภาพที่เขาเห็นตรงหน้านี่มันคืออะไร

[1] เมล็ดซิ่ง เป็นพืชในวงศ์เดียวกับ apricot เมล็ดซิ่งมีลักษณะคล้ายเมล็ดอัลมอนด์ จึงถูกเรียกว่าอัลมอนด์จีน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   ล่อลวงให้หลงรัก

    หลังจากหักห้ามใจไม่ให้ยืนมองคนรูปงามสำเร็จ สองยมทูตกับหนึ่งดวงวิญญาณก็เดินทางมาถึงเรือนมู่ตานของคุณชายจวินเทียนเฮ่อ พวกเขาพากันทะลุผ่านเข้าไปวางแผนในห้องนอนเจ้าของเรือนอย่างถือวิสาสะมู่ตานนั้นเป็นชื่อของบุปผา หากเป็นบุรุษทั่วไปนำมาใช้ตั้งชื่อเรือนเช่นนี้คงดูไม่สมชาย ทว่าพอเป็นหนุ่มรูปงามในอาภรณ์แสงจันทร์นั่น กลับให้ความรู้สึกว่าสมตัวเป็นอย่างยิ่งแล้ว“เจ้าต้องทำให้ตี้จวินหลงรักในตัวเจ้า” เฮ่ยเสี่ยวอู่ประกาศขึ้นเป็นประโยคแรก หลังจากทรุดลงนั่งล้อมวงสุมหัวกันเป็นที่เรียบร้อย “จงใช้รูปลักษณ์และเสน่ห์ของหญิงสาวที่เจ้าพึงมี ล่อลวงให้ท่านหลงใหลเสีย”กล่าวจบทุกสายตาก็หันมาจับจ้องดวงวิญญาณหญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นั้น ไม่เว้นเเม้เเต่เจ้าตัวเองที่พอก้มหน้ามองดูตนเองเเล้วก็นึกอยากร่ำไห้นัก รูปลักษณ์และเสน่ห์อย่างนั้นหรือจริงอยู่ว่าหยูหนิงนั้นออกจากร่างมนุษย์มาตอนอายุสิบห้าย่างสิบหกปี เป็นสาวน้อยวัยกำลังขบเผาะ อีกทั้งยังน่ารักราวกับตุ๊กตาแก้วเจียระไน สำหรับมาตรฐานของคนทั่วไปคงต้องบอกว่าอยู่ในเกณฑ์ดีงามเเล้ว เเต่…เป้าหมายนั้นคือผู้ใด ตี้จวินเชียวนะ ถ้าหากเป็นบุรุษอื่นทั่วไปแล้ว ด้วยรูปลักษณ์ของหยู

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   ถึงตายก็ไม่ยอม

    “ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมเข้าไปเล่า” เฮ่ยเสี่ยวฉางถามวิญญาณดวงสำคัญพลางยกมือเกาศีรษะเเกรกๆพวกเขาหรืออุตส่าห์วางแผนคิดบทละครกันมาเป็นอย่างดี ทว่าพอถึงเวลาที่ต้องปฏิบัติจริง เด็กสาวผู้เป็นคู่วาสนากลับไม่ยอมให้ความร่วมมือเสียนี่ ทำเอาเฮ่ยเสี่ยวอู่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม“ไม่เอาหรอก ก็หนิงหนิงเพิ่งรู้นี่นาว่าการจะการเป็นคู่วาสนา หมายถึงต้องเป็นคนรักของตี้จวินอะไรนั่น หนิงหนิงไม่ได้ชอบเขา เพราะอย่างนั้นไม่มีทางไปสร้างวาสนาอะไรด้วยหรอก”พวกเขาล้อเล่นหรือไร เธอชอบผู้ชายในฝันคนนั้นต่างหาก ตี้จวินอะไรนั่นต่อให้เป็นท่านเทพที่ไหนก็ไม่เอาด้วยเด็ดขาด!เฮ่ยเสี่ยวอู่ถลึงตาโปนใส่แทบถลนออกนอกเบ้า ส่วนทางเฮ่ยเสี่ยวฉางก็เบะปากเกือบปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย พวกเขาวางแผนกำกับบทละครเพื่อให้เรื่องราวดำเนินไปได้ เเต่วิญญาณดวงสำคัญดันไม่เอาด้วยเเบบนี้ก็เเย่น่ะสิ ถ้าหากว่าไม่สามารถทำให้ชาตินี้ของตี้จวินผ่านพ้นด่านเคราะห์ได้สำเร็จ คนแรกที่ต้องถูกเล่นงานคือเขาและเสี่ยวอู่เป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นเฮ่ยเสี่ยวฉางจึงเริ่มเกลี้ยกล่อมดวงวิญญาณตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง จะอย่างไรเสียเขาก็ต้องทำให้นางยอมร่วมมือให้จงได้“เสี่ยวหนิงคนดี

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   โปเย โปโลเย

    เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ได้ ในที่สุดหยูหนิงก็ค่อยๆ รู้สึกตัวได้สติ เด็กสาวมองรอบด้านที่จะว่ามืดก็ไม่ใช่สว่างก็ไม่เชิงอย่างงุนงง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมองเห็นว่าข้างกายของตนนั้นมีคนแปลกหน้าอยู่ด้วยสองคน“พวกคุณเป็นใคร”คนแปลกหน้าทั้งสองเป็นหญิงสาวสวยต่างสไตล์ คนหนึ่งสวยเรียบๆ ท่าทางไม่สบอารมณ์ ใบหน้าเผยแววบึ้งตึง ส่วนอีกคนนั้นเรียกได้ว่าสวยหยาดฟ้ามาดิน เรือนร่างอวบอัดของเธออยู่ในชุดสีเเดงเพลิงเจิดจ้า พอเห็นว่าหยูหนิงรู้สึกตัว ทั้งคู่ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเอ่ยคำทักทายขึ้น“สวัสดีหยูหนิง ฉันคือเสี่ยวฟ่าง เป็นยมทูต” คำทักทายแสนเรียบง่าย แต่ฟังเเล้วชวนให้รู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง คนเเรกเอ่ยปากมาก็ทำเอาสมองคิดตามไม่ทันเเล้ว อีกคนที่มาด้วยกันยิ่งทำให้หยูหนิงคล้ายภายในหัวระเบิดดัง 'ปั้ง’“สวัสดี ฉันอี้ฉาง เป็นเจ้าของร่างและสถานะที่เธอกำลังครอบครองในตอนนี้!”‘คุณเเม่ขา หยูหนิงอยากเป็นลม ต้องทำยังไงคะ!’แม้จะคิดในใจเช่นนั้น ทว่าเธอก็ไม่ได้เป็นลมไปจริงๆ หยูหนิงฟังเรื่องราวจากยมทูตเสี่ยวฟ่างแล้วทำความเข้าใจเงียบๆ ที่แท้ทั้งร่างกายและทุกอย่างที่เป็น ‘หยูหนิง’ นั้นไม่ใช่ของเธอแม้

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   พบแล้ว(2)

    เร่งฝีเท้าเดินออกจากร้านมาได้ไม่นาน หยูหนิงก็นึกได้ว่าเธอลืมของเสียเเล้ว“ไม่น่ารีบร้อนออกมาจนลืมหนังสือเลย” เด็กสาวบ่นกับตัวเองเบาๆ ยามหันหลังเดินกลับเส้นทางเก่า ร่างบางผ่านตรอกซอยเล็กๆ ที่อยู่ก่อนถึงจุดหมาย ซึ่งเธอคงจะเดินเลยไป ถ้าในที่เเห่งนั้นไม่มีร่างของคนคุ้นเคยอยู่ ทว่ายังไม่ทันที่หยูหนิงจะส่งเสียงเรียกอีกฝ่าย หนึ่งในสองก็กล่าวคำพูดขึ้นมาเสียก่อน“ที่นายคอยหลบหน้าฉันช่วงนี้เป็นเพราะหนิงหนิงสินะ”“ไม่เกี่ยวอะไรกับหนิงหนิง อย่าลืมนะว่าตั้งแต่แรกพวกเราเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว” น้ำเสียงเย็นชาของฝ่ายชายดังขึ้นโต้ตอบผู้หญิงอีกคนมองร่างสูงตรงหน้าด้วยดวงตาฉ่ำน้ำ ริมฝีปากบางถูกขบเม้มจนเเน่น ก่อนที่เธอจะถามขึ้นมาอีกครั้ง“เเล้วที่นายนอนกับฉันมันคืออะไร อย่างนี้นายยังกล้าบอกว่าพวกเราไม่เกี่ยวข้องกันอีกหรือเฉิงเหยียน!”‘นอนอย่างนั้นหรือ เฉิงเหยียนกับรั่วฉินนี่นะ!’ หยูหนิงตกใจไม่น้อย ร่างเล็กขยับหลบชิดมุมกำเเพงเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นตัวเอง ในใจยังคงสับสนกับสถานะของเพื่อนทั้งสองไม่คลาย“หึ! ก็เรียก 'sexfriend' ยังไงล่ะ เธอมีความสุข ตัวฉันเองก็พอใจ ในเมื่อพวกเราต่างก็วิน-วินด้วยกันทั้งค

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   พบแล้ว (1)

    “หนิงหนิง นี่เธอจะไม่ไปเรียนที่เดียวกับพวกเราจริงๆ น่ะหรือ” รั่วฉินเพื่อนวัยเด็กที่เรียนมาด้วยกันตั้งเเต่ชั้นประถมเอ่ยขึ้นหยูหนิงมองถ้วยไอศกรีมตรงหน้า จนเวลาผ่านไปพักหนึ่งจึงเงยหน้ามามองคนถามเเล้วพยักหน้าแทนคำตอบ“ทำไมล่ะ เพราะอะไรหนิงหนิงถึงไม่ไปเรียนที่เดียวกับพวกเรา” คราวนี้ทั้งกลุ่มหันมาถามเป็นเสียงเดียวกันเด็กสาววัยสิบห้าเวลาอยู่รวมกันแล้วเหมือนนกกระจอกเเตกรังอย่างที่เขาว่าจริงด้วย หยูหนิงคิดในใจพลางหัวเราะขำๆ ดวงตาสีดำคู่โตหันไปมองที่ถ้วยของคนอื่น โดยลืมให้เหตุผลเพื่อนตัวเองเสียสนิท'อืม...วานิลลาของรั่วฉินน่ากินมากเลย สตรอว์เบอร์รี่ของหวางอินก็ดูท่าทางจะอร่อย ชาเขียวของมั่วฉางก็สีสันน่ากินสุดๆ หรือเราจะเเลกกันคนละคำกับพวกเธอดี'เห็นท่าทางอยู่ในโลกส่วนตัวของหยูหนิงแล้ว ทุกคนก็ได้เเต่ส่ายหน้าปลงตก เพราะรู้ดีว่าต่อให้พยายามถามอีกก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา พวกเธอจึงหันไปสนใจถ้วยไอศกรีมตัวเองบ้าง ทว่าพอไอศกรีมหมดเสียงจอเเจก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง หยูหนิงมองเพื่อนๆ ที่พยายามถามเธออย่างเอาเป็นเอาตาย เเล้วส่ายหน้านึกในใจขำๆ เวลาเรียนตั้งใจกันขนาดนี้ไหมเนี่ย“สรุปว่าเธอจะไม่ไปสอบเข้าที่เดียวกั

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   กำเนิดเกิดเป็นมนุษย์

    จากวันกลายเป็นเดือน จากเดือนเคลื่อนเป็นปี โลกมนุษย์ทั้งอดีตเเละอนาคตผันผ่านไปตามกาลเวลากระบองเพชรน้อยต้นไม้จากเมืองมนุษย์ถูกนำลงสู่ยมโลก ได้ไอหยินเเละหยาดน้ำทิพย์จากสระมรกตหล่อเลี้ยงจนเริ่มมีพลังวิญญาณ ทว่ายังมิทันได้สร้างรูปลักษณ์ของตนเองขึ้นมา นางกลับถูกความมักง่ายของมหาเทพบรรพกาลนอกฝั่งฟ้าเล่นงาน โดนเปลี่ยนเเปลงวิญญาณด้วยพลังเทพ ต้องเข้าสู่วัฏสงสารเพื่อเวียนว่ายตายเกิดบัดนี้นางถือกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์เต็มตัวแล้ว อิ๋งอิ๋งน้อยของเหยียนหลัวหวางมีชื่อใหม่ในชาติภพนี้ว่า 'หยูหนิง' เกิดในครอบครัวสกุลหยูที่มีฐานะค่อนข้างดี ทว่าตอนที่หยูหนิงเกิด ในห้องคลอดนั้นไร้เสียงร้องของทารกให้ได้ยิน มีเพียงความเงียบที่แผ่ขยาย ไม่ว่าคุณหมอหรือนางพยายาลจะใช้วิธีไหน เด็กน้อยก็เพียงแค่นอนมองตาเเป๋วข่าวร้ายที่มาพร้อมการเกิดของลูกสาวทำให้ผู้เป็นเเม่เเทบหัวใจสลาย สามีที่เป็นช่างภาพไปถ่ายงานนอกสถานที่ เกิดอุบัติเหตุรถที่โดยสารพลิกคว่ำ เพราะคนขับรถบัสประมาทจึงทำให้สามีเสียชีวิต ทว่าคนในตระกูลหยูกลับพากันกล่าวโทษว่าเพราะลูกสาวเธอเป็นตัวซวยเฮอะ สารเลว...เด็กเกิดมาจะไปรู้เรื่องอะไร รถบัสพลิกคว่ำเพราะคนขับหลับใน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status