สามี(2) - 3
"เจทจะขอโทษทำไม?...เจทไม่ได้ทำอะไรผิด" หญิงสาวหันหน้าไปเอ่ยถามคนที่กำลังบังคับพวงมาลัยรถ
"ก็อยากขอโทษ...ถ้าพูดขอโทษแล้วไอติมหายโกรธ เจทยอม..." ชายหนุ่มลูกครึ่งเอ่ยบอกพลางมือบังคับพวงมาลัยไปด้วย
"ไอติมไม่ได้โกรธ...แค่ไม่ชอบน้ำหอม เห็นหน้าเธอแล้วไอติมอารมณ์เสีย" เธอให้เหตุผลในแบบที่คิด อารมณ์ที่เป็นแสดงออกมาทางแววตาชัดเจน...เจทที่มองหน้าหญิงสาวเริ่มใจชื้น แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย เมื่อใบหน้าสวยนั้นยังไร้รอยยิ้ม
"เจทอยากให้ไอติมยิ้ม...เจทไม่ชอบเลยเวลาไอติมหน้าบึ้ง" ชายหนุ่มพูดอย่างใจเย็นแต่น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาบ่งบอกว่าเขาแคร์เธอที่สุด...พื้นที่ของหัวใจของเขาจะไม่มีใครมาทับซ้อนแทนที่เธอได้
"อยากให้ไอติมยิ้มเหรอ?" หญิงสาวที่นั่งเคียงข้างเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าและน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"อืม" เจทเอ่ยสั้น ๆ พร้อมกับจอดรถสนิท
"ชาไข่มุกแก้วหนึ่ง" หญิงสาวที่เห็นสีหน้าเพื่อนห่อเหี่ยวไม่สดใส เธออยากให้เขาเป็นเพื่อนที่ยิ้มร่า ไม่อยากให้เขาหน้าเศร้าเช่นกัน
"แค่นั้นเหรอ?" ชายหนุ่มเอ่ยถามออกมาอย่างฉงนใจ การเรียกร้องที่แสนจะเล็กน้อยเพียงนี้แลกกับรอยยิ้มสดใส ทำไมเขาจะยอมไม่ได้ ในเมื่อยอมให้เธอทุกอย่างมาตั้งแต่เด็กๆ
"อืม"
"แล้วไอติมจะยิ้มใช่ไหม? จะอารมณ์ดีใช่ไหม?" ชายหนุ่มย้อนถามอีกครั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
"ใช่!" หญิงสาวตอบด้วยเสียงหนักแน่น หันไปยิ้มอ่อนให้คนที่เคียงข้าง
"งั้นไปเลยอยากกินกี่แก้วก็กิน กินให้พุงแตกไปเลย" ชายหนุ่มดีใจปรี่ประชิดตัวเพื่อนหญิง วงแขนแกร่งกอดคอลากไอติมเดินเข้าห้างที่มีแอร์เย็นฉ่ำอย่างรีบร้อน
"ว๊าย!! เจท ... แค่ก แค่ก หายใจไม่ออก ....แปะ แปะ แปะ" หญิงสาวที่ถูกลากอย่างไม่ทันตั้งตัว แรงชายที่มีมากกว่าวงแขนรัดคอเธอทำให้หายใจไม่สะดวก จนต้องตีแขนแกร่งที่เนื้อแน่นอย่างห้ามปราม
"ฮ่า ฮ่า .... หยอก ๆ" คนที่ถูกตีไม่มีโอดโอยต่อความเจ็บเพียงเล็กน้อยกลับหัวเราะร่าชอบใจและคลายวงแขนออกจากคอหญิงสาวเท่านั้น....เปลี่ยนตำแหน่งของมือจับข้อมือหญิงสาวให้เดินตาม
...สิ่งที่เจททำแม้จะคุ้นชิน แต่การกระทำนี้มันทำให้หญิงสาวใจเต้นแรง สายตามองต่ำไปยังมือหนานั้นด้วยใจสั่นไหว อมยิ้มในใจอย่างเอ่อล้น แต่คำว่าเพื่อนที่ไม่สามารถถลำลึกเกินกว่าที่ทำตามใจตัวเอง เธอไม่รู้ว่าหากพูดความรู้สึกที่มีออกไปเขายังจะเป็นเช่นเดิมอยู่ไหม เขาจะมีหัวใจที่ตรงกันกับเธอหรือเปล่า หรือทุกอย่างจะยังเป็นเพียงคำว่าเราในฐานะเพื่อนดังเดิม
"ไอติมเป็นอะไรอ่ะ" ชายหนุ่มที่หันกลับมามองต้องเอ่ยถามเมื่อหญิงสาวนั้นยิ้มและก้มหน้าอย่างคนเลื่อนลอย
"............."
"ไอติม....ไอติม!!!" เมื่อเห็นว่าเอ่ยถามแล้วเธอนั้นเงียบ เขาจึงเพิ่มระดับเสียงเรียกขานให้ดังกว่าเดิม แต่เธอก็ยังไม่ตอบกลับเขาแต่อย่างใด จนต้องเพิ่มระดับเสียงให้ดังมากขึ้น
"ห๊ะ ห๊ะ...เจทว่าอะไรนะ" เสียงเข้มที่แผดดังทำให้หญิงสาวที่เหม่อลอยคิดไกลสะดุ้งตกใจ ขานรับติดขัดทำเอาตั้งหลักไม่ทัน
"ไอติมเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า เจทเรียกตั้งหลายรอบก็ไม่ยอมตอบ" ชายหนุ่มใช้มืออังหน้าผากนูนพลางเอ่ยถามอย่างห่วงใย
"ไอติมไม่ได้เป็นอะไร...เราไปดูหนังกันดีกว่า" หญิงสาวรีบปฏิเสธเร็วไว เพราะไม่อยากให้เขานั้นจับพิรุธได้
"อืม...ปะ" เจทตอบรับพร้อมกับจับข้อมือของไอติมให้เดินตาม การกระทำนี้ทำเอาใจของหญิงสาวนั้นเต้นแรงอีกครั้ง แต่เธอนั้นพยายามที่จะสลัดความคิดของตัวเองออกไป ไม่อยากคิดไกลเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนที่เขามอบให้
...การดูหนังที่เจทเป็นคนเลือก หนังที่หญิงสาวอย่างไอติมนั้นไม่ค่อยจะชอบใจสักเท่าไหร่ เธอเพียงนั่งดูเป็นเพื่อนเขาเท่านั้นเพราะความชอบของเพื่อนที่เธอไม่อยากปฏิเสธ และของกำนันที่เขาจะตอบแทนเธอหากหนังฉายจบ ไม่ใช่เธองกนะแต่ทุกอย่างที่เธอทำต้องไม่สูญเปล่าและเวลาก็เท่านั้น
"ฮ้าว...." เสียงหาวที่ดังออกมาเบา ๆ พร้อมกับมือเรียวที่ปิดปากไปพลาง จนคนที่นั่งเคียงข้างอย่างเจทมองแล้วมองอีกอย่างนึกขำ อาการง่วงนอนที่เหมือนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอก็ยังถ่างตาที่จะดูหนังเป็นเพื่อนเขาจนจบเรื่อง
"ง่วงเหรอ" ชายหนุ่มขยับหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบถามแค่ได้ยินเพียงสองคน เพราะเกรงใจคนอื่น ๆ ที่อยู่ในโรงหนังเช่นกัน
"ไม่ ๆ ไอติมไม่ง่วง..." หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธทั้งที่เจทนั้นสังเกตเห็นอาการของเธอหลายครั้งจนตัดสินใจเอ่ยถาม
"ง่วงก็นอน"
"อ๊ะ!!!" หญิงสาวร้องอย่างตกใจเมื่อเจทนั้นดันหัวของเธอให้อิงกับไหล่แกร่ง แม้จะพยายามหลีกห่างแต่มือหนาของเจทก็ออกแรงกดหัวเธอลงดังเดิม
"นอนเถอะ...เจทดูคนเดียวได้แค่ไอติมอยู่เป็นเพื่อนข้าง ๆ ก็พอ" ใบหน้าที่อยู่ใกล้มือใหญ่ที่ยังจับหัวให้หนุนไหล่ ลมหายใจอุ่นที่กระทบกับผิวหน้า ทำให้หญิงสาวนั้นใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก การกระทำของเจทที่เหมือนกับคู่รัก แต่คำว่าเพื่อนมันย้ำชัดในสถานะ
'อยู่เป็นเพื่อนข้าง ๆ ก็พอ'
เพียงได้ยินคำนี้ความรู้สึกที่ถลำลึกจึงเริ่มเลือนลางออกไป
"อะ อืม" หญิงสาวตอบเค่นเสียงในลำคอพร้อมกับหลับตาลง ความรู้สึกของมือหนาที่ยังประคอบใบหน้าของเธอให้อยู่นิ่ง มืออุ่นที่สัมผัสมันทำให้เธอนั้นรู้สึกดีไม่น้อยจนคล้อยหลับสนิทไป
ห้องทำงานของผู้เป็นสามียังเปิดสว่างจ้าแม้ว่าตอนนี้จะเริ่มดึกแล้ว เธอมองไปยังห้องทำงานของสามีก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเอง หวังจัดการชำระร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ความตั้งใจหลังจัดการตัวเองเสร็จ คิดจะเข้าไปหาผู้เป็นสามีด้วยความห่วงใยที่มี พร้อมกับแก้วนมอุ่น ๆ ในมือ“งานใกล้เสร็จยัง” ผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามพร้อมกับร่างกายที่เย้ายวนเดินนวยนาดเข้าไปใกล้ชายผู้เป็นสามี“ใกล้แล้วครับ ลูกหลับแล้วเหรอ?” เขาเงยหน้ามอง แล้วจึงเอ่ยถามพร้อมกับร่างของภรรยาให้นั่งลงบนตักแกร่ง วงแขนโอบรอบเอวของเธอ และซบแก้มลงต้นแขนเล็กนั้นอย่างรักใคร่“หลับแล้วค่ะ สกีอยากให้เจทเล่านิทานให้ฟัง แต่บอกแล้วว่าเจททำงานไอติมเล่าให้ฟังแป๊บเดียวก็หลับปุ๋ยเลย...อ่ะ! ดื่มนมอุ่น ๆ หน่อยนะไอติมชงมาให้” เธอยื่นแก้วนมในมือไปตรงหน้าสามีพร้อมกับยิ้มอ่อน“ไม่อยากกินมันไม่อร่อย”“ก็นมที่เจทดื่มประจำนะ รสชาติก็เหมือนเดิมจะไม่อร่อยได้ยังไงคะ?”“งั้นไอติมก็กินเองสิ ชิมดูว่ามันอร่อยจริงหรือเปล่า”เธอบอกตามจริง พร้อมกับสิ่งที่ทำให้สงสัยต่อคำปฏิเสธที่สามีเปรยออกมา แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นความกะล่อนของสามีเธอที่แอบแฝงเธอยกแก้วนมขึ้นมาดื่มอย่างว่าง่
สี่ปีผ่านไปเด็กน้อยเติบใหญ่ไปตามกาลเวลา จนตอนนี้อยู่ในวัยที่กำลังหัดพูดและช่างสงสัย เป็นหลานชายของบ้านที่ทุกคนนั้นรักและเอ็นดูที่สุด เพราะความน่ารักของเด็กชาย ใบหน้าของลูกเสี้ยวที่มีเคล้าของผู้เป็นพ่อประปราย ทำให้เด็กชายนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมามีเรื่องวุ่นวายให้เธอและครอบครัวนั้นปวดหัว เพราะความมักมากของอาไฟที่ทำให้ต้องมีการดัดนิสัยกันมากมาย กว่าจะมามีครอบครัวที่สมบูรณ์ก็กินเวลาไปนานหลายปี แต่สุดท้ายพ่อเสือก็สิ้นลายกลับกลายมาเป็นลูกแมวที่แสนเชื่อง และยังมีเมียเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับกลาน แถมยังมีเด็กหญิงอันดาผู้น่ารักสดใส เธอเป็นที่รักของทุก ๆ คน ส่วนนิสัยของเธอนั้นไม่ต้องพูดถึง เธอได้พ่อมาเต็ม ๆ แต่เหมือนจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่ก็มีบางมุมที่อ่อนไหวง่ายดั่งกับผู้เป็นแม่ และเธอก็มักจะมาเที่ยวเล่นกับเด็กชายสกีเป็นประจำ"มัมสกีอยากหาน้าปัง" เด็กชายตัวน้อยเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ ที่ตอนนี้อยู่ในครัวเตรียมมื้อเช้า เขามักเป็นแบบนี้ประจำเพราะติดคุณน้าขนมปังที่สดใส ผูกพันจนใกล้ชิดกันมาแต่ไหนแต่ไร"วันนี้น้าปังไม่อยู่ครับคนเก่ง" คุณแม่ไอติมย่อตัวลงต่ำ แล้วลูบหัวลูกชายตัวน้อยอย่างอ่
การแต่งงานที่เป็นสัญลักษณ์ยืนยันต่อการใช้ชีวิตคู่ มันคือการเริ่มต้นของชีวิตที่ต้องจับมือเดินเคียงข้างกันไป ไม่ว่าจะพบเจออุปสรรคอะไรจะต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ และจะต้องเชื่อใจซึ่งกันและกัน ความรักของคนทั้งสองที่มีให้กันยังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง จนบัดนี้ล่วงเลยเวลามานานเป็นปี และพวกเขากำลังจะมีทายาทตัวน้อยหลังจากที่พยายามผลิตจนตอนนี้สำเร็จผลแล้ว"เจทคะ...เสร็จหรือยัง" ไอติมเรียกขานผู้เป็นสามี เพราะว่าวันนี้มีนัดฉลองวันเกิดให้กับน้องสาวที่ก้าวขึ้นสู่อายุสิบแปดปีบริบูรณ์"เสร็จแล้วครับ" เจทที่อยู่ในชุดธรรมดา แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ก็ทำให้เขาดูดีได้ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกดีเป็นทุนเดิม"หล่อจังเลยค่ะคุณพ่อเจท" ไอติมเอ่ยแซวผู้เป็นสามีพร้อมฉีกยิ้มสวยส่งให้"วันนี้คุณแม่ก็สวย" ต่างคนก็ต่างชมกันไปมาตามประสาคนที่รักกันเสมอต้นเสมอปลาย“จุ๊บ!! สามีน่ารักจริง ๆ เลย” ไอติมเขย่งเท้าแล้วแตะจูบริมฝีปากของผู้เป็นสามี กิริยาเช่นนี้พวกเขามักแสดงออกเป็นประจำจนคุ้นชิน“เนี้ยก็ชอบทำให้รักตลอดเลย เจทจะไปไหนได้ล่ะครับ หื้ม” ผู้เป็นสามีแนบหน้าผากชิดกับหญิงสาว ปลายจมูกถูกเสียดสีไปมา เป็นความน่ารักของคนทั้งสองที่ยัง
"เจท วันนี้น้ำอุ่นเข้ามาสมัครงานแล้วนะ ไอติมดีใจมากเลยจะได้มีคนช่วยงานอาไฟแล้ อาไฟจะได้ไม่เหนื่อย"หญิงสาวที่นั่งทานข้าวอยู่ในร้านอาหารกับสามีเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่แสนจะดีใจกับการมาร่วมงานของรุ่นน้องที่เธอเอ็นดู แม้จะไม่ค่อยได้เอ่ยถึง แต่ทั้งสองก็ผูกพันกัน"เหรอ ดีแล้วล่ะ" เจทว่าขึ้นพร้อมกับตักข้าวเข้าปาก"เจทว่าน้ำอุ่นจะทำงานกับอาไฟไหวไหมอ่ะ ไอติมกลัวว่าน้ำอุ่นจะทนไม่ไหว เพราะอาไฟค่อนข้างจริงจังกับงานมาก ๆ""น่าจะได้นะ จากที่เห็นน้องน่าจะมีความอดทนดีเลยทีเดียว" ความกังวลใจทำให้เธอต้องเอ่ยถามผู้เป็นสามีออกไป แล้วเจทก็ให้คำตอบในทันที"ไอติมก็ว่าแบบนั้นแหละ...แล้วกับข้าวอร่อยไหมคะ?"เธอตอบอย่างเห็นตาม แล้วจึงเอ่ยถามถึงอาหารตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม"อร่อย แต่ไม่สู้กินเมีย เอ๊ย!! กินกับเมียที่บ้าน"“เจท!! พูดบ้าอะไรเนี้ย อายคนอื่นบ้างไหม?”เจทพูดแซวพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ไอติมเธอต่อว่าเขา พร้อมกับฟาดมือลงแขนแกร่งนั้นอย่างลงโทษ คำพูดแซวมันทำให้เธอเขินอาย เพราะอยู่ในที่สาธารณะ มองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีใครได้ยินหรือไม่ แล้วจึงจ้องตาเขม็งข่มขู่ผู้เป็นสามี“ล้อเล่นครับ ไม่เอาไม่ทำหน้าแบบนั้น หน้า
การฮันนีมูนจบสิ้นในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ของหลายเดือนที่ผ่านมา กลับเข้าสู่การทำงานสานต่อธุรกิจของครอบครัวอย่างเต็มตัว ทั้งเจทและไอติมได้เข้ามาทำงานกับผู้เป็นพ่อจนชำนาญ ตามความถนัดของแต่ละคน และพ่อเจก็ฝึกฝนจนคนทั้งคู่นั้นเก่งพอที่จะทำงานได้โดยไม่ต้องมีพ่อเจคอยแนะนำแบบแต่ก่อนLineLineLineเสียงของการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันสีเขียวดังขึ้น เรียกความสนใจของคนที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานที่กองท่วมหัว“น้ำอุ่น”เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เฝ้ารอตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่ได้พบเจอกันในต่างแดนเธอก็เฝ้ารอด้วยความหวังจากรุ่นน้องที่เอ็นดู เห็นดังนั้นจึงรีบตอบกลับทันทีไอติม : “ดีใจที่น้ำอุ่นทักมา สบายดีไหม?”ไอติมพิมพ์ถามกลับบ้าน พร้อมกับรอยยิ้มของความหวังและห่วงใยรุ่นน้องที่ทักมาน้ำอุ่น : “สบายดีค่ะ พี่ไอติมสบายดีเหมือนกันใช่ไหม?”ไอติม : “สบายดีมาก ๆ เลยจ้า การทักมาครั้งนี้พี่จะได้รับข่าวดีหรือเปล่าน้อ”ทั้งสองคนพิมพ์ตอบโต้กันไปมา งานที่คั่งค้างของไอติมถูกเมินไปชั่วครู่ เมื่อเธอมีสิ่งที่สนใจมากกว่าน้ำอุ่น : “ยังว่างให้หนูทำงานด้วยไหมคะ?”ไอติม : “ดีใจจัง พี่รอเรามานานแล้ว ยังว่างอยู่หน้าที่เดิ
เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ ทั้งคู่จึงเดินออกมาเพื่อมุ่งหน้ากลับสู่ที่พัก การมาเที่ยวพักผ่อนทำให้กระชับความสัมพันธ์ของคนทั้งสองให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พวกเขาเธอเรียบไปตามทางเดินที่มีผู้คนพลุกพล่านมากมาย แสงไฟในยามราตรีดูสวยงามตระกานตา เดินมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะถึงที่พักพลางหยอกล้อพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตามประสาปึก!“อ๊ะ!!”“ขอโทษค่ะ”เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นเป็นภาษาอังกฤษและก้มหัวอย่าง เมื่อเธอนั้นเดินมาชนกับหญิงสาวที่เดินเกาะแขนของผู้เป็นสามี“น้ำอุ่น”“พี่ไอติม บังเอิญจังเลยค่ะ ดีใจจัง”“นี่พี่เจทค่ะ สามีของพี่...เจทนี่น้ำอุ่นค่ะเป็นรุ่นน้องของไอติม เจทจำได้ไหม ที่ไอติมเคยเล่าให้ฟังว่าน้องน่ารักมาก”“อ่อ จำได้ ๆ สวัสดีครับ”“สวัสดีค่ะพี่เจท”ไอติมทักท้วงทันทีเมื่อเงยหน้ามองแล้วพบเจอกับคนรู้จัก ทั้งคู่มีอาการตกใจไม่ต่างกันกับการพบเจอในต่างแดน ไอติมรีบแนะนำสามีให้รู้จักกับรุ่นน้อง แม้จะเรียนอยู่ที่เดียวกันแต่เจทผู้ที่ไม่ค่อยสนใจใคร นอกจากผู้หญิงที่ชื่อไอติมเพียงคนเดียว ทั้งสองคนทักทายกันด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรด้วยสีหน้าระรื่น“แล้วน้ำอุ่นมาเที่ยวเหรอ...พอดีพี่กับเจทมาฮันนีมูล