LOGINลู่ชุนไม่ได้คาดหวังว่าอาหารของจ้าวลี่หลินจะมีรสชาติเช่นไร ขอเพียงอุ่นท้องก็พอแล้ว รีบกินจะได้รีบนอน พรุ่งนี้ยังต้องออกเดินทางแต่เช้า เขายกชามจ่อที่ริมฝีปากใช้ตะเกียบพุ้ยเข้าไปเต็มคำ รอรับรสชาติที่แสนจะย่ำแย่ของอาหาร แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะโจ๊กธรรมดาสามัญชามนี่กลับมีรสชาติที่แสนจะอร่อย เขายังไม่อยากจะเชื่อจึงได้กินเข้าไปอีกคำใหญ่ ๆ คำแล้วคำเล่าเพียงครู่เดียวโจ๊กชามใหญ่ก็หมดลงไป นี่เขายังไม่ได้ลองกินผักโขมหมักเกลือสักคำเลยนะ
"ส่งชามมาเถอะข้าจะเติมข้าวให้ท่านเจ้าค่ะ" ลู่ชุนส่งชามให้นางอย่างว่าง่าย จ้าวลี่หลินก็ตักให้เขาอีกเต็มชาม โจ๊กในหม้อพลันหมดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว เขาขมวดคิ้วขึ้นพลางชะโงกหน้าไปมองชามของนางที่ตั้งเอาไว้บนพื้น กับจานผักโขมจานเล็ก ๆ ข้างกัน
"แบ่งใส่ชามเจ้าไปสิ" จ้าวลี่หลินยิ้มกว้างออกมา อย่างน้อยเขาก็แสดงความห่วงใยออกมาให้เห็น เช่นนั้นอนาคตต่อจากนี้ของนางนับว่าไม่แย่นักกระมัง
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้ากินเล็กน้อยก็อิ่มแล้ว ท่านต่างหากต้องใช้แรงงานมากกว่าข้า ท่านกินเถอะ" ลู่ชุนไม่พูดอะไรอีก เขารับชามข้าวมา ตั้งหน้าตั้งตากินไม่สนใจนางอีก
"ท่านลองกินคู่กับผักดูสิเจ้าคะ เข้ากันนักเชียว" มือที่กำลังพุ้ยข้าวชะงักค้าง เขาเหลือบไปมองผักสีเขียวในจาน จากนั้นก็ยกตะเกียบไปคีบเข้ามาวางในชาม คลุกกับโจ๊กจนชุ่มแล้วจึงกินเข้าไปในปาก ดวงตาคมเบิกขึ้น โจ๊กเนื้อแห้งนี้ว่ารสดีแล้ว กินกับผักโขมหมักเกลือยิ่งดีเข้าไปอีก
จ้าวลี่หลินเห็นเขากินคำแล้วคำเล่าก็ยกยิ้มขึ้นมา จากนั้นตนเองก็เริ่มกินบ้าง สายตาเรียวเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่กินคำโต ไม่รู้ทำไมหัวใจนางถึงได้พองโตจนคับอก เมื่อก่อนนางก็ชอบทำอาหารเช่นนี้ ทุกครั้งที่นางและเพื่อนในกลุ่มมีเวลาตรงกัน ก็มักจะนัดกันมาทำอาหารกินด้วยกันที่บ้านของซ่งไป๋ลู่ นางรับหน้าที่เข้าครัวทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำอาหารไม่เป็น แต่เพราะนางชอบอาหารกระมัง บางครั้งหลี่จื่อเว่ยก็มักจะนำเหล้านอกมาดื่ม นางบอกว่าอาหารดีย่อมคู่กับสุราดี ส่วนกวนจือหลินนั่นน่ะหรือ รายนั้นเป็นเจ้ามือใหญ่ วัตถุดิบต่าง ๆ ในการทำอาหารก็ได้กวนจือหลินนี่แหละที่ออกเงินอยู่คนเดียว ว่าไปแล้วก็คิดถึงเหลือเกิน ไม่รู้ว่าป่านนี้เพื่อนทั้งสามของนางจะเป็นอย่างไรบ้าง จะรู้หรือไม่ว่านางมิได้ตายจาก แต่วิญญาณนางทะลุมิติมาในนิยายต่างหาก
หลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้ว จ้าวลี่หลินก็เก็บของทั้งหมดใส่ตะกร้า นำไปล้างที่แม่น้ำด้านหลัง ฉวยโอกาสอาบน้ำไปด้วยเลย อย่างไรบาดแผลนางก็ต้องทำความสะอาดหากไม่เช่นนั้นจะอักเสบเอาได้ นางทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว ครั้นเดินกลับมา ก็เจอเข้ากับลู่ชุนที่ยืนหันหลังอยู่ไม่ไกล
"ท่านจะมาอาบน้ำเช่นกันหรือ"
"อืม.." เขาตอบกลับเสียงเบา นางจึงพยักหน้ารับและยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน เขาอยากอาบน้ำก็ไม่แปลกอันใด วันนี้ทั้งวันเขาก็บังคับม้าลากเกวียนจนเหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง แต่กระนั้นก็แปลกเสียจริง นางไม่รู้สึกว่าเขาตัวเหม็นเลยสักนิด
"เช่นนั้นข้าจะเตรียมที่นอนให้ท่าน ข้ากลับไปก่อนนะ" ชายหนุ่มพยักหน้าและก้าวขาลงไปที่แม่น้ำ จ้าวลี่หลินเดินกลับไปเตรียมที่นอนให้เขาจริง ๆ นางหยิบผ้ามาปูทับหญ้าแห้งที่เขาวางไว้ใต้ต้นไม้ จากนั้นก็หยิบผ้าห่มพับตั้งไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่แล้วเมื่อหันไปเห็นหีบใส่เสื้อผ้า นางก็ต้องขมวดคิ้ว เขาไปอาบน้ำอย่างไรถึงไม่เตรียมอาภรณ์ไปเปลี่ยน แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องเบิกตาขึ้น ความหวานล้ำสายหนึ่งวูบเข้ามาอย่างว่องไวเพียงครู่เดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
"หรือเขาต้องการไปเฝ้าระวังให้ข้า" นางเม้มปากกลั้นยิ้มเอาไว้ อย่าได้คิดเข้าข้างตนเองเชียว เขาก็แค่ทำไปตามหน้าที่เท่านั้น แต่กระนั้นเจ้าหัวใจไม่รักดีก็เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา
"ท่านมาแล้ว" จ้าวลี่หลินเห็นร่างกายด้านบนที่เปลือยเปล่า หยดน้ำยังเกาะเต็มเนื้อตัว กางเกงที่สวมใส่ดูชื้นทว่าไม่ได้เปียก ไม่ใช่ว่าเขาเปลือยกายลงน้ำกระมัง ใบหน้าหวานแดงซ่านขึ้นมา ถึงอย่างไรวิญญาณนางก็ยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่นะ
"อืม..หยิบเสื้อตัวใหม่ให้ข้า" เขาออกคำสั่งเสียงเข้ม นางรีบเปิดหีบหยิบเสื้อสีดำตัวใหม่ และผ้าเช็ดผมส่งให้เขา ผมยาวเปียกเรียบไปทางด้านหลัง
"ท่านเช็ดผมให้แห้งก่อน ข้าจะตากเสื้อตัวเก่าให้ท่าน ส่งมาสิ"
เขาส่งมันให้นางจากนั้นก็รับผ้าเช็ดผมและเสื้อไปนั่งที่ข้างกองไฟ เช็ดมันจนแห้งจากนั้นก็สวมเสื้อให้เรียบร้อย ร่างหนาเอนกายลงนอนบนผ้าสะอาดที่ปูเอาไว้ ครั้นหันไปมองก็เห็นนางปีนขึ้นไปบนเกวียน คิ้วหนาขมวดขึ้น นางจะขึ้นไปนอนข้างบนนั้นหรืออย่างไร แต่ก็ไม่ได้แปลกอันใด ตลอดเวลาที่เดินทางมานางก็มักจะไปนอนบนเกวียน เขารู้ว่านางรังเกียจ คนที่นางรักก็คือพี่ใหญ่ของเขา หากไม่ใช่เพราะมารดานางบังคับให้แต่งกับเขา นางก็คงไม่ยินดี แต่จะว่าไปนั่นก็เพราะมารดานางและมารดาเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน จึงอยากให้เขาและนางแต่งกันคงคิดอยากให้ช่วยดูแลกันกระมัง แต่มารดาเขาก็คิดผิดเสียแล้ว นอกจากไม่ดูแลแล้ว นางยังทำร้ายเขาอีกต่างหาก
"กลางคืนอากาศหนาว เจ้ายังบาดเจ็บมานอนข้างกองไฟเถอะ ระวังจะล้มป่วยเป็นภาระให้ข้า หากเช่นนั้นข้าก็ยินดีที่จะทิ้งเจ้าเอาไว้ข้างทางให้เป็นอาหารของหมาป่าเสีย" จ้าวลี่หลินเพิ่งจะล้มตัวลงนอนก็ต้องลุกขึ้นมา นางเม้มปากแน่น ๆ เจ้าคนพิลึกนั่น ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย ไม่รู้เป็นบ้าอันใด จากที่หัวใจนางเพิ่งจะเต้นแรงเพราะเขา พลันตอนนี้ก็ห่อเหี่ยวลงเสียแล้ว
นางปีนลงจากเกวียนไปล้มตัวลงนอนข้าง ๆ กับเขา ทั้งสองนอนตะแคงหันหลังให้กัน ต่างฝ่ายก็ไม่เอ่ยวาจาใดอีก เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอของร่างอรชรที่ดังอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มจึงได้หลับตาลงบ้าง เสียงแมลงกลางคืนส่งเสียงร้องเหมือนดนตรีขับกล่อมให้คนทั้งคู่เข้าสู่ห้วงนิทรา ผ่านไปอีกหลายชั่วยามลู่ชุนก็สะดุ้งขึ้นมา กวาดตาไปมองเงาดำที่แทงกระบี่เข้ามา เขาล้วงมือไปที่ใต้ผ้าปูนอน หยิบกระบี่คู่ใจออกมาปัดคมกระบี่ของคนชุดดำออกไป ร่างหนากระโจนตามเข้าไป ฟาดฟันผู้บุกรุกอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
เพียงไม่นานคนชุดดำทั้งสามก็สิ้นลมหายใจใต้คมกระบี่ของเขา อีกสองคนกระโดดหายไปต่อหน้า ลู่ชุนไม่ได้ตามไป เขาไปหาร่างที่ไร้ลมหายใจ ปาดกระบี่เช็ดเลือดไปที่เสื้อของร่างนั้น หันไปทางที่นอนก็เห็นหญิงสาวลุกขึ้นนั่งถือมีดทำอาหาร ตั้งท่าระวังภัยอยู่ก่อน ริมฝีปากหยักกระตุกขึ้น ตอนแรกคิดว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องจากนางเสียอีก ถือว่าปรับตัวได้รวดเร็วดี
ตอนที่ 21 ซื้อที่ดินเพิ่มในเมื่อลู่ชุนรับของกำนัลของภรรยามาแล้วทั้งคืน เช้าวันต่อมาเขาก็ไม่รอช้า หากรีบจัดการธุระให้นางเสร็จเร็วไวไม่แน่ว่า คืนนี้เขาอาจจะได้นอนมองหญิงงามควบขี่บนตัวเขาอีกก็ได้ "ท่านหัวหน้าหยางขอรับ" ลู่ชุนตะโกนเรียกผู้เฒ่าสกุลหยางอยู่หน้ารั้วบ้าน ป้าหยางชะโงกหน้าออกมาดู ครั้นเห็นเป็นผู้ใดก็รีบวิ่งเข้าไปเรียกหยางซูเม่ยออกมาต้อนรับ แน่นอนว่าซูเม่ยย่อมต้องยินดี นางจัดทรงผมตนเองให้เรียบร้อย ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม เดินด้วยท่วงท่าที่ดูเหมือนจะงดงามออกไป"พี่ชุนเองหรือ เข้ามาก่อนเถอะเจ้าค่ะ ท่านปู่ออกไปดูนาข้าวสาลีอีกประเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้ว" ลู่ชุนดูลังเลอยู่บ้าง ทว่าซูเม่ยก็บอกว่ายังมีมารดาของนางที่อยู่ในบ้านอีก เขาจึงได้ตอบตกลง แต่กระนั้นก็นั่งรอที่โต๊ะใต้ต้นไม้เท่านั้น ไม่ได้เข้าไปถึงในบ้าน ถึงแม้เขาจะไม่ได้คิดอันใด แต่ชายหญิงก็ไม่ควรอยู่กันตามลำพัง อีกอย่างเขาก็มีภรรยาแล้วด้วย ต่อให้อยากเห็นนางดื่มน้ำส้มบ้างก็ตาม"แม่ข้าซื้อชามาใหม่ ท่านปู่ชอบดื่มชาน่ะ พี่ชุนลองดื่มดูเจ้าค่ะ" "ขอบใจเจ้ามาก" ลู่ชุนรับจอกชาขึ้นดื่ม กลิ่นชาเก่ามีกลิ่นอับ รสชาติของชาก็ไม่ดีเท่าไร หากไม
ตอนที่ 20 สามีกลับมาแล้วจ้าวลี่หลินเดินกลับจากลำธารพร้อมกับว่านถิงถิง ครั้นเมื่อถึงทางแยกบ้านสกุลว่านต้องเลี้ยวไปทางซ้าย ส่วนบ้านสกุลลู่ยังต้องตรงไปจนเกือบถึงเขาด้านหลังหมู่บ้าน นางอุ้มตะกร้าเดินอ้อมไปยังหลังหมู่บ้าน ไม่รู้ป่านนี้เสี่ยวไป๋จะกลับมาหรือยัง แต่ในใจนางก็รู้ดีว่า อาชาตัวนั้นเป็นม้าที่รู้ความเป็นอย่างมาก มันทั้งรู้ภาษามนุษย์ และยังมีความเฉลียวฉลาด แต่กระนั้นก็อดห่วงมันไม่ได้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ทั้งนางและลู่ชุนก็เปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่จนหมด อาภรณ์หรูหราที่เคยใส่ในเมืองนำออกไปขายจนเกือบหมด เหลือไว้เพียงไม่ถึงสามชุด เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าเหมือนชาวบ้านที่นี่ แต่ก็ไม่น่าเสียดายเลยสักนิด นางชอบที่นี่ทั้งยังชินกับมันอีกด้วย ร่างอรชรเดินมาหยุดที่รั้วบ้าน ครั้นเห็นว่าประตูเปิดอยู่ นางก็ยิ้มกว้างออกมา รีบวิ่งเข้าไปวางตะกร้าเอาไว้ที่พื้น ก่อนจะกระโดดกอดชายหนุ่มที่ยืนอ้าแขนรออยู่ก่อนแล้ว"ข้ากลับมาแล้ว""ท่านกลับมาแล้ว ท่านพี่เหตุใดจึงกลับช้านักเจ้าคะ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่ ท่านได้รับบาดเจ็บหรือเปล่าให้ข้าดูหน่อยเถอะ อาหารแห้งที่ข้าทำให้พอกินหรือไม่เจ้าคะ" "ข้าตอบไม่ทันแล้ว หลินห
ตอนที่ 19 ภรรยาของพี่ชุนวันที่สี่ผ่านไปจ้าวลี่หลินก็ยังคงต้องอยู่กับอนุไป๋ที่บ้านเพียงลำพัง ตอนแรกสามีบอกว่าจะกลับมาวันนี้ แต่รอจนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา นางเดินไปชะเง้อมองที่หน้าประตูบ้าน และเดินกลับเข้ามาอย่างนี้ซ้ำ ๆ จนครั้งสุดท้ายเจ้าม้าดำชื่อขาวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป มันเดินเข้าไปกัดอาภรณ์ของนาง และลากกลับเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็ใช้เท้าถีบประตูปิดลง นางโกรธเป็นอย่างมาก ตะโกนด่าเจ้าม้าบ้านั่นอย่างไม่ไว้หน้า"ไอ้ม้าบ้าเอ๊ย ไหนเจ้าหวงสามีข้านักหนา เขายังไม่กลับบ้านแต่เจ้ากลับดีนัก ไม่เป็นห่วงแล้วยังมาขังข้าไว้อีก" เสี่ยวไป๋ส่งเสียงร้องขึ้นมาหนึ่งคำ ก็เลิกสนใจนางอีก มันเดินกลับไปที่คอกของตนเอง ปล่อยให้นายหญิงวิปลาสตะโกนด่าต่อไปจ้าวลี่หลินด่าไปจนเหนื่อยล้านางหลับไปตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ตื่นขึ้นมาก็เป็นยามเช้าเข้าไปแล้ว หญิงสาวลากร่างกายที่ห่อเหี่ยวไปล้างหน้าบ้วนปาก และออกไปที่คอกเสี่ยวไป๋"ข้าลืมตัดหญ้ามาให้ เจ้าออกไปหากินเองละกัน นี่พูดก็พูดเถอะ ปกติแล้วเป็นม้าก็ต้องออกไปหาอาหารเองอยู่แล้ว มิใช่หน้าหนาวเสียหน่อย ยังต้องให้ตัดหญ้าให้อีก" เสี่ยวไป๋ไหนเลยจะสนใจนาง มันย่ำเท้าวิ่งออกไ
ตอนที่ 18 เก็บเกี่ยวผลผลิตรอบแรกลู่ชุนขึ้นเขาไปได้สามวันแล้ว ในช่วงสามวันนี้ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก วัน ๆ นางก็เอาแต่ก่อกวนเสี่ยวไป๋ ทะเลาะกับมันสักรอบสองรอบ จากนั้นก็ไปทำปุ๋ยหมักของนาง ตั้งแต่ที่ได้ฟังคำพูดของสามี นางก็เลิกคิดเรื่องมือวิเศษของนางไปเสีย เพราะนางลองใช้ชุบชีวิตหนูที่สามีหามา ปรากฏว่ามันก็ต้องถูกนำมาแกงอยู่ดี และอีกอย่างตามความคิดของนางนั้น ไม่ว่ามือคู่นี้จะปลูกอะไรก็มักจะขึ้นเสมอ นางจึงนำก้อนทองที่เก็บไว้ห้าก้อนมาปลูกเสีย นอกจากทองจะไม่งอกแล้ว มันยังดำอีกด้วย เรื่องนี้จึงเป็นอันจบไป "สะใภ้ลู่!!..สะใภ้ลู่อยู่หรือไม่" จ้าวลี่หลินยกเท้าขึ้นจากบ่อหมัก นางเดินไปล้างเท้าที่ถังน้ำ แล้วจึงเดินมาหน้าบ้าน"น้าชิงอีนี่เอง เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ" ชิงอีมารดาของอาซินเดินเข้าไปในบ้าน นางก้มหน้ามองแต่ทางตรงหน้า ไม่สอดส่ายสายตามองไปทั่วเหมือนป้าหยางภรรยาลุงไห่ นั่นจึงทำให้จ้าวลี่หลินรู้สึกดีกับนางมากขึ้น นางพาน้าชิงอีเข้ามานั่งในห้องโถงใหญ่ในบ้าน รินน้ำชาส่งไปตรงหน้า "อืม..ชาดี..สมแล้วที่เป็นสตรีจากเมืองหลวง" ชิงอีสูดดมกลิ่นชาก่อนจะยกขึ้นดื่ม ความจริงนางไม่รู้หรอกว่าชาดีหรือไม่ ชาวบ้านเช่นนาง
ตอนที่ 17 ปีศาจสาวของข้าผู้เดียว"เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ" หลังจากจบบทรักลู่ชุนก็รั้งภรรยาสาวเข้ามากอด เขาก้มลงจูบที่กลางศีรษะ ดวงตาปรือฉ่ำใกล้เข้าสู่ห้วงนิทราเต็มที่แล้ว แต่กระนั้นก็ฝืนเอาไว้ เห็นใบหน้าหวานเหมือนกำลังมีเรื่องค้างคาใจ "เปล่าหรอกเจ้าค่ะ..ท่านพี่ครั้งนี้ท่านจะขึ้นเขานานหรือไม่" "คิดว่าจะไปสักสี่ห้าวัน ครั้งนี้อาตงกับอาซินขอไปด้วย คงต้องล่าให้เยอะขึ้นหน่อย จะได้ปันกันได้""ก็ดีเจ้าค่ะ" ลู่ชุนลูบหลังนางเบา ๆ เขาหลับตาลงอีกครั้ง ครั้นกำลังจะหลับก็ได้ยินเสียงนางอีกแล้ว"ท่านพี่คิดว่าผักที่ข้าปลูกโตไวเกินไปหรือไม่ อาตงบอกว่าผักข้าโตไวเกินไป มันผิดปกติใช่หรือไม่""โตไวแล้วไม่ดีหรือ โตไวก็เอาไปขายได้ไว เจ้าก็บอกไปอย่างที่เจ้าบอกก็ถูกต้องแล้ว ปุ๋ยอะไรของเจ้านั่นอย่างไร มันเร่งการเจริญเติบโตให้ผักพวกนั้น หลินหลินเจ้าอย่าคิดมากเลย ดินดี น้ำดี การดูแลดีย่อมทำให้ผลผลิตออกมาดี" "แต่ชาวบ้านที่นี่ยังคงเชื่อเรื่องลี้ลับ ข้าเกรงว่า"อาทิตย์ก่อนมีนักพรตผ่านมาทางหมู่บ้าน นักพรตชรานั่นบอกว่าที่หมู่บ้านมีกลิ่นอายของปีศาจ จึงได้ทำพิธีขับไล่สิ่งอัปมงคล ท่านหัวหน้าหยางให้ภรรยาเรี่ยไรเงิ
ตอนที่ 16 ผักโตไวซ่า!!..น้ำอุ่นร้อนไหลออกจากถังไม้ไผ่กระเพื่อมแล้วกระเพื่อมเล่า มือเรียวเกาะขอบถังยันตัวขึ้นรับแรงอัดกระแทกจากทางด้านล่าง"อ้าส์...ท่านพี่..""หลินหลินนั่งทับลงมาเร็วเข้า" มือหนาบีบเอวบางจนขึ้นรอยนิ้ว เขาอ้าขาออกแรงดึงเอวเล็ก บังคับให้นางทิ้งตัวลงมาบนกลางกายเขา "อื้อ...จุกเจ้าค่ะ" จ้าวลี่หลินเชิดหน้าห่อปากความคับแน่นทำให้นางไม่อาจขยับกายได้ ลู่ชุนถูกความบีบรัดของนางทรมานจนแทบจะสิ้นท่า เขาคำรามเสียงแหบพร่า โน้มตัวดันนางไปข้างหน้า กดทับให้นางเป็นฝ่ายตั้งรับ จ้าวลี่หลินคุกเข่าในอ่างน้ำ มือเล็กกำขอบอ่างเอาไว้แน่น สะโพกมนแอ่นขึ้นรับแรงกระแทกจากสามีจนตัวโยน"หลินหลินเด็กดี..อ้าส์..อ้าขาออกอีกนิด""มะ..ไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ..อื้อ..มันชิดขอบแล้ว..อู๊ย..." นางก็อยากจะอ้าขาให้กว้างกว่านี้อยู่หรอก ทว่าอ่างน้ำมันก็มีพื้นที่อยู่เท่านี้ "รัดแน่นถึงเพียงนี้ชอบที่สามีทำใช่หรือไม่..ซี้ด.."เสียงแหบพร่าของสามีหนุ่มทำเอาร่างอรชรทรุดตัวลงไปในน้ำ ลู่ชุนรั้งเอวนางขึ้นมา ขยับท่าให้ถนัดกระแทกแท่งเนื้อเข้าในช่องรัก ยิ่งโหมกระแทกแรงเพียงใด เสียงครางหวานและเสียงแหบพร่าก็ประสานกันดังยิ่งขึ้น กลบเ







