LOGINม้าลากเกวียนหยุดลงตรงป่าข้างทางพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำจนแทบจะลาลับขอบฟ้า ลู่ชุนโดดลงจากเกวียนลากไปใต้ต้นไม้ปล่อยให้ม้ากินหญ้าอ่อน ๆ ตรงนั้น เขามิได้ปลดเกวียนออกจากตัวม้าเพราะถึงอย่างไรก็ต้องมัดเข้าไปใหม่อยู่ดี ชายหนุ่มถือถังน้ำเดินหายไปทางด้านหลัง จ้าวลี่หลินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ลงไปข้างล่าง เกวียนกับรถม้าย่อมแตกต่างกัน ความสะดวกสบายก็ไม่เหมือนกันเป็นธรรมดา
นางนั่งเหม่อมองไปยังท้องฟ้า เหล่านกน้อยบินผ่านหน้า พวกมันคงกำลังกลับรังของตนเอง แล้วนางเล่า!!.นางกำลังจะไปที่ใดกัน แล้วที่ไหนถึงจะเป็นรังของตนเอง เสียงม้าร้องปลุกหญิงสาวให้หลุดจากภวังค์ ลู่ชุนกลับมาแล้ว เขายกถังน้ำมาตั้งตรงหน้าม้าสีดำ เมื่อสักครู่เขาคงไปตักน้ำมาให้ม้ากระมัง นางเหม่อมองเขาอยู่นานเท่าใดไม่รู้ จนกระทั่งร่างกำยำรับรู้ได้ถึงสายตาของนาง เขาจึงหันกลับมาทั้งสีหน้าและแววตาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"ยังจะนั่งอยู่อีก ไม่ลุกขึ้นมาหุงหาอาหารเล่า จะรอให้ใครทำให้เจ้ากัน"
"ให้ข้าทำอาหารหรือ" จ้าวลี่หลินชี้นิ้วมาที่ใบหน้าตนเอง ลู่ชุนแค่นยิ้มหยันมิใช่ว่าเขาไม่รู้ว่านางทำอาหารไม่เป็น สตรีแพศยาอย่างนาง จะทำสิ่งใดเป็นนอกจากยั่วบุรุษไปวัน ๆ ครั้นเห็นนางไม่ยอมลงมาเสียทีเขาก็ยิ่งรังเกียจนางมากยิ่งขึ้น
"หากไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นผู้ใด หรือว่าจะให้เสี่ยวไป๋ทำให้กิน"
"เสี่ยวไป๋..ผู้ใดกันที่นี่มีท่านกับข้า แล้วจะมีเสี่ยวไป๋มาจากไหน หรือท่านนัดผู้ใดไว้หรือ" ตั้งแต่ออกจากจวนสกุลลู่ ลู่ชุนก็ไม่ได้ให้ผู้ใดติดตามมาด้วยสักคน ข้างกายเขามีบ่าวที่ซื่อสัตย์เสียที่ไหน ล้วนเป็นคนของฮูหยินใหญ่ทั้งสิ้น แล้วยามที่ออกมาก็มีเพียงนางที่เป็นภรรยากับเขาผู้เป็นสามี จะมีเสี่ยวไป๋อันใดที่ไหนกัน
ครั้นได้ยินคำถามของจ้าวลี่หลิน ชายหนุ่มก็หันมายกมือขึ้นไปลูบบนหัวอาชาสีดำ มันเงยหน้าขึ้นมามองนาง ก่อนจะพ่นลมหายใจดังฟืด..เหมือนกับว่าฟังที่นางกับลู่ชุนพูดกันเข้าใจอย่างนั้น
"เสี่ยวไป๋ก็อาชาย่ำสวรรค์ของข้านี่อย่างไร"
"ม้าของท่านมิใช่สีดำหรือ สีดำเหตุใดชื่อเสี่ยวไป๋ หรือว่าท่านตาบอดสี มองสีขาวกับสีดำไม่ออก" เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าม้าสีดำ เจ้าคนบ้านี่กลับตั้งชื่อให้ว่าเสี่ยวไป๋ พิลึกเหลือเกิน ยิ่งนางพูดออกมาเช่นนี้ เจ้าม้าบ้านั่นก็เหมือนจะไม่พอใจ มันตะกุยขาหน้าขึ้นร้องเสียงดัง นางที่นั่งบนเกวียนถูกกระชากจนล้มก้นกระแทกลงไปที่พื้น เจ็บจนน้ำตาแทบไหล บ้า!!..บ้าทั้งม้าทั้งเจ้าของมัน
"เจ้าน่ะสิตาบอด มิเห็นหรือว่าดวงตาเสี่ยวไป๋ขาวราวไข่มุก ทั้งกระจ่างเหมือนจันทรา ใต้หล้านี้จะหาอาชาที่สง่างามเหมือนเสี่ยวไป๋ไม่มีแล้ว" ทั้งคนและม้าหันไปมองหน้ากัน ใบหน้าดูพึงพอใจเป็นอย่างมาก เจ้าเสี่ยวไป๋นั่นก็เอียงใบหน้าถูไถกับฝ่ามือใหญ่ ร้องฮี่ ๆ คล้ายออดอ้อน ใช่!!..เจ้าม้าดำนี่มันกำลังออดอ้อน ช่างประหลาดนัก
"อย่ามัวพูดมากเบาปัญญาอยู่ ลงมาปรุงอาหารให้ข้าได้แล้ว" จ้าวลี่หลินหมดคำจะเอ่ย นางรื้อหม้อและข้าวสารที่จัดเตรียมเอาไว้บนเกวียนออกมา หยิบเนื้อแห้งหนึ่งพวง พร้อมทั้งเครื่องปรุงรสใส่ตะกร้าแล้วกระโดดลงจากเกวียนอย่างคล่องแคล่ว
ลู่ชุนมิได้หวังว่านางจะทำเป็น แต่กระนั้นเมื่อเห็นท่าทางแข็งขันของนางก็อดจะแปลกใจมิได้ ครั้นเห็นนางกระโดดลงมายืนบนพื้นได้แต่ก็เซถอยหลังไป คิ้วเรียวของนางขมวดขึ้นพร้อมกับมือที่ยกกุมหน้าท้อง ตนเอง เสียงร้องครางแผ่วเบาดังออกมาจากริมฝีปากสีซีด สมน้ำหน้าช่างไม่รู้จักประมาณตนเอง นางบาดเจ็บอยู่มิใช่หรือ ทำตัวอวดเก่งกระโดดลงมาได้อย่างไรกัน ชายหนุ่มแสยะยิ้มออกมา ไม่สนใจสตรีนางนั้นอีก เขาหันไปเตรียมก่อกองไฟ และหาหญ้าแห้งมากองเอาไว้เป็นที่นอนคืนนี้ เสี่ยวไป๋กินหญ้าเสร็จมันก็ทิ้งตัวลงนอนใต้ต้นไม้ ไม่ได้สนใจผู้เป็นเจ้าของอีก
กลิ่นโจ๊กเนื้อโชยเข้าจมูกบุรุษที่นั่งหลับตาใต้ต้นไม้ เขาสูดดมเข้าไปพร้อมกับท้องที่เริ่มส่งเสียงประท้วงเบา ๆ จ้าวลี่หลินยิ้มหวานออกมา นางตักโจ๊กชามใหญ่ส่งให้เขา พร้อมกับผักหมักเกลือจานหนึ่ง ลู่ชุนย่อมไม่ปฏิเสธของกินอยู่แล้ว เขารับมาทว่าใบหน้าก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ
"ข้าต้มโจ๊กใส่เนื้อแห้ง ส่วนผักโขมหมักเกลือนั่น..รสชาติยังไม่เข้ากันสักเท่าไร ข้าเพิ่งเข้าไปเก็บเมื่อสักครู่ ท่านลองกินดู" อ้อ..ที่นางเดินเข้าป่าไปเมื่อสักครู่ก็เพื่อไปเก็บผักนี่มาหรอกหรือ เขาก็นึกว่านางจะไปปลดเบาเสียอีก
"เพียงแค่เติมให้เต็มท้องจะรสชาติเช่นไรหาได้สำคัญไม่ ยามที่ข้าออกรบแม้กระทั่งเปลือกไม้ก็ยังกินมาแล้ว" จ้าวลี่หลินเม้มปากขึ้น นางมิใช่คนในภพนี้มิอาจรับรู้ได้ถึงความลำบากของเขา แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ว่านางจะไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และยิ่งนิยายที่นางรีวิวแต่ละเรื่อง ก็บรรยายถึงความยากไร้ของคนในอดีตได้เป็นอย่างดี
"หากวันหน้าท่านอยากกินสิ่งใด ขอเพียงบอกข้าย่อมยินดีทำให้ท่าน"
"หึ..ข้าไม่บังอาจรับความหวังดีจากเจ้า ครั้งหน้าข้าอาจไม่ได้ตื่นมาในห้องหวังอี๋เหนียง แต่คงตื่นมาในเล้าหมูกระมัง" ไม่ใช่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเกิดสิ่งใดขึ้น เหตุที่เขาถูกไล่ออกจากจวนก็เพราะว่า เขาตื่นขึ้นมาในสภาพเปลือยเปล่าบนเตียงของหวังอี๋เหนียง อนุคนโปรดของบิดา
ลู่ชุนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองไปนอนกับอี๋เหนียงได้อย่างไร แต่หากจำไม่ผิดสุราที่ภรรยาแสนดีของเขานำเข้ามาให้คงมีบางสิ่งผิดปกติไปกระมัง มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องบ้านี่ได้อย่างไรกัน แต่ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นฝีมือของนาง แต่ก็หาหลักฐานมิได้ จะเอาเรื่องนั่นหรือ หึ..ก็แค่สตรีผู้หนึ่ง สมน้ำหน้าก็แต่นาง คงหวังว่าช่วยผู้อื่นเล่นงานเขาแล้ว นางจะได้อยู่กับคนรักหรือ หึ!!..เป็นอย่างไร สุดท้ายคนเหล่านั้นก็หวังสังหารนางเพื่อปิดปาก
จ้าวลี่หลินมิได้รู้ถึงความคิดของชายหนุ่ม นางรู้แค่เพียงว่าคนที่ติดค้างเขาคือร่างเก่านี้ มิใช่นาง!!..แต่กระนั้นนางเข้ามาอาศัยร่างกายนี้อยู่จะนิ่งเฉยได้เช่นไร สิ่งใดทำได้นางก็ต้องทำไปก่อน และที่สำคัญ...นางไม่มีทางไป นอกจากติดตามเขาแล้ว นางจะไปที่ใดได้อีก ลู่ฮูหยินไม่ปล่อยนางแน่ ดูจากที่ส่งคนมาสังหารนางนั่นปะไร หากไม่กอดขาทองคำนี้ไว้ ลมหายใจนี้ก็คงจบสิ้นแล้ว จะว่าไปแล้วที่ร่างเดิมรวมทั้งนางรอดพ้นจากการไล่ล่ามาได้ ก็เพราะมีลู่ชุนที่ปกป้องทั้งสิ้น นางจะยอมจากไปพบเจอความตายหรือ ฝันไปเถอะ..
ตอนที่ 21 ซื้อที่ดินเพิ่มในเมื่อลู่ชุนรับของกำนัลของภรรยามาแล้วทั้งคืน เช้าวันต่อมาเขาก็ไม่รอช้า หากรีบจัดการธุระให้นางเสร็จเร็วไวไม่แน่ว่า คืนนี้เขาอาจจะได้นอนมองหญิงงามควบขี่บนตัวเขาอีกก็ได้ "ท่านหัวหน้าหยางขอรับ" ลู่ชุนตะโกนเรียกผู้เฒ่าสกุลหยางอยู่หน้ารั้วบ้าน ป้าหยางชะโงกหน้าออกมาดู ครั้นเห็นเป็นผู้ใดก็รีบวิ่งเข้าไปเรียกหยางซูเม่ยออกมาต้อนรับ แน่นอนว่าซูเม่ยย่อมต้องยินดี นางจัดทรงผมตนเองให้เรียบร้อย ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม เดินด้วยท่วงท่าที่ดูเหมือนจะงดงามออกไป"พี่ชุนเองหรือ เข้ามาก่อนเถอะเจ้าค่ะ ท่านปู่ออกไปดูนาข้าวสาลีอีกประเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้ว" ลู่ชุนดูลังเลอยู่บ้าง ทว่าซูเม่ยก็บอกว่ายังมีมารดาของนางที่อยู่ในบ้านอีก เขาจึงได้ตอบตกลง แต่กระนั้นก็นั่งรอที่โต๊ะใต้ต้นไม้เท่านั้น ไม่ได้เข้าไปถึงในบ้าน ถึงแม้เขาจะไม่ได้คิดอันใด แต่ชายหญิงก็ไม่ควรอยู่กันตามลำพัง อีกอย่างเขาก็มีภรรยาแล้วด้วย ต่อให้อยากเห็นนางดื่มน้ำส้มบ้างก็ตาม"แม่ข้าซื้อชามาใหม่ ท่านปู่ชอบดื่มชาน่ะ พี่ชุนลองดื่มดูเจ้าค่ะ" "ขอบใจเจ้ามาก" ลู่ชุนรับจอกชาขึ้นดื่ม กลิ่นชาเก่ามีกลิ่นอับ รสชาติของชาก็ไม่ดีเท่าไร หากไม
ตอนที่ 20 สามีกลับมาแล้วจ้าวลี่หลินเดินกลับจากลำธารพร้อมกับว่านถิงถิง ครั้นเมื่อถึงทางแยกบ้านสกุลว่านต้องเลี้ยวไปทางซ้าย ส่วนบ้านสกุลลู่ยังต้องตรงไปจนเกือบถึงเขาด้านหลังหมู่บ้าน นางอุ้มตะกร้าเดินอ้อมไปยังหลังหมู่บ้าน ไม่รู้ป่านนี้เสี่ยวไป๋จะกลับมาหรือยัง แต่ในใจนางก็รู้ดีว่า อาชาตัวนั้นเป็นม้าที่รู้ความเป็นอย่างมาก มันทั้งรู้ภาษามนุษย์ และยังมีความเฉลียวฉลาด แต่กระนั้นก็อดห่วงมันไม่ได้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ทั้งนางและลู่ชุนก็เปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่จนหมด อาภรณ์หรูหราที่เคยใส่ในเมืองนำออกไปขายจนเกือบหมด เหลือไว้เพียงไม่ถึงสามชุด เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าเหมือนชาวบ้านที่นี่ แต่ก็ไม่น่าเสียดายเลยสักนิด นางชอบที่นี่ทั้งยังชินกับมันอีกด้วย ร่างอรชรเดินมาหยุดที่รั้วบ้าน ครั้นเห็นว่าประตูเปิดอยู่ นางก็ยิ้มกว้างออกมา รีบวิ่งเข้าไปวางตะกร้าเอาไว้ที่พื้น ก่อนจะกระโดดกอดชายหนุ่มที่ยืนอ้าแขนรออยู่ก่อนแล้ว"ข้ากลับมาแล้ว""ท่านกลับมาแล้ว ท่านพี่เหตุใดจึงกลับช้านักเจ้าคะ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่ ท่านได้รับบาดเจ็บหรือเปล่าให้ข้าดูหน่อยเถอะ อาหารแห้งที่ข้าทำให้พอกินหรือไม่เจ้าคะ" "ข้าตอบไม่ทันแล้ว หลินห
ตอนที่ 19 ภรรยาของพี่ชุนวันที่สี่ผ่านไปจ้าวลี่หลินก็ยังคงต้องอยู่กับอนุไป๋ที่บ้านเพียงลำพัง ตอนแรกสามีบอกว่าจะกลับมาวันนี้ แต่รอจนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา นางเดินไปชะเง้อมองที่หน้าประตูบ้าน และเดินกลับเข้ามาอย่างนี้ซ้ำ ๆ จนครั้งสุดท้ายเจ้าม้าดำชื่อขาวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป มันเดินเข้าไปกัดอาภรณ์ของนาง และลากกลับเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็ใช้เท้าถีบประตูปิดลง นางโกรธเป็นอย่างมาก ตะโกนด่าเจ้าม้าบ้านั่นอย่างไม่ไว้หน้า"ไอ้ม้าบ้าเอ๊ย ไหนเจ้าหวงสามีข้านักหนา เขายังไม่กลับบ้านแต่เจ้ากลับดีนัก ไม่เป็นห่วงแล้วยังมาขังข้าไว้อีก" เสี่ยวไป๋ส่งเสียงร้องขึ้นมาหนึ่งคำ ก็เลิกสนใจนางอีก มันเดินกลับไปที่คอกของตนเอง ปล่อยให้นายหญิงวิปลาสตะโกนด่าต่อไปจ้าวลี่หลินด่าไปจนเหนื่อยล้านางหลับไปตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ตื่นขึ้นมาก็เป็นยามเช้าเข้าไปแล้ว หญิงสาวลากร่างกายที่ห่อเหี่ยวไปล้างหน้าบ้วนปาก และออกไปที่คอกเสี่ยวไป๋"ข้าลืมตัดหญ้ามาให้ เจ้าออกไปหากินเองละกัน นี่พูดก็พูดเถอะ ปกติแล้วเป็นม้าก็ต้องออกไปหาอาหารเองอยู่แล้ว มิใช่หน้าหนาวเสียหน่อย ยังต้องให้ตัดหญ้าให้อีก" เสี่ยวไป๋ไหนเลยจะสนใจนาง มันย่ำเท้าวิ่งออกไ
ตอนที่ 18 เก็บเกี่ยวผลผลิตรอบแรกลู่ชุนขึ้นเขาไปได้สามวันแล้ว ในช่วงสามวันนี้ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก วัน ๆ นางก็เอาแต่ก่อกวนเสี่ยวไป๋ ทะเลาะกับมันสักรอบสองรอบ จากนั้นก็ไปทำปุ๋ยหมักของนาง ตั้งแต่ที่ได้ฟังคำพูดของสามี นางก็เลิกคิดเรื่องมือวิเศษของนางไปเสีย เพราะนางลองใช้ชุบชีวิตหนูที่สามีหามา ปรากฏว่ามันก็ต้องถูกนำมาแกงอยู่ดี และอีกอย่างตามความคิดของนางนั้น ไม่ว่ามือคู่นี้จะปลูกอะไรก็มักจะขึ้นเสมอ นางจึงนำก้อนทองที่เก็บไว้ห้าก้อนมาปลูกเสีย นอกจากทองจะไม่งอกแล้ว มันยังดำอีกด้วย เรื่องนี้จึงเป็นอันจบไป "สะใภ้ลู่!!..สะใภ้ลู่อยู่หรือไม่" จ้าวลี่หลินยกเท้าขึ้นจากบ่อหมัก นางเดินไปล้างเท้าที่ถังน้ำ แล้วจึงเดินมาหน้าบ้าน"น้าชิงอีนี่เอง เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ" ชิงอีมารดาของอาซินเดินเข้าไปในบ้าน นางก้มหน้ามองแต่ทางตรงหน้า ไม่สอดส่ายสายตามองไปทั่วเหมือนป้าหยางภรรยาลุงไห่ นั่นจึงทำให้จ้าวลี่หลินรู้สึกดีกับนางมากขึ้น นางพาน้าชิงอีเข้ามานั่งในห้องโถงใหญ่ในบ้าน รินน้ำชาส่งไปตรงหน้า "อืม..ชาดี..สมแล้วที่เป็นสตรีจากเมืองหลวง" ชิงอีสูดดมกลิ่นชาก่อนจะยกขึ้นดื่ม ความจริงนางไม่รู้หรอกว่าชาดีหรือไม่ ชาวบ้านเช่นนาง
ตอนที่ 17 ปีศาจสาวของข้าผู้เดียว"เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ" หลังจากจบบทรักลู่ชุนก็รั้งภรรยาสาวเข้ามากอด เขาก้มลงจูบที่กลางศีรษะ ดวงตาปรือฉ่ำใกล้เข้าสู่ห้วงนิทราเต็มที่แล้ว แต่กระนั้นก็ฝืนเอาไว้ เห็นใบหน้าหวานเหมือนกำลังมีเรื่องค้างคาใจ "เปล่าหรอกเจ้าค่ะ..ท่านพี่ครั้งนี้ท่านจะขึ้นเขานานหรือไม่" "คิดว่าจะไปสักสี่ห้าวัน ครั้งนี้อาตงกับอาซินขอไปด้วย คงต้องล่าให้เยอะขึ้นหน่อย จะได้ปันกันได้""ก็ดีเจ้าค่ะ" ลู่ชุนลูบหลังนางเบา ๆ เขาหลับตาลงอีกครั้ง ครั้นกำลังจะหลับก็ได้ยินเสียงนางอีกแล้ว"ท่านพี่คิดว่าผักที่ข้าปลูกโตไวเกินไปหรือไม่ อาตงบอกว่าผักข้าโตไวเกินไป มันผิดปกติใช่หรือไม่""โตไวแล้วไม่ดีหรือ โตไวก็เอาไปขายได้ไว เจ้าก็บอกไปอย่างที่เจ้าบอกก็ถูกต้องแล้ว ปุ๋ยอะไรของเจ้านั่นอย่างไร มันเร่งการเจริญเติบโตให้ผักพวกนั้น หลินหลินเจ้าอย่าคิดมากเลย ดินดี น้ำดี การดูแลดีย่อมทำให้ผลผลิตออกมาดี" "แต่ชาวบ้านที่นี่ยังคงเชื่อเรื่องลี้ลับ ข้าเกรงว่า"อาทิตย์ก่อนมีนักพรตผ่านมาทางหมู่บ้าน นักพรตชรานั่นบอกว่าที่หมู่บ้านมีกลิ่นอายของปีศาจ จึงได้ทำพิธีขับไล่สิ่งอัปมงคล ท่านหัวหน้าหยางให้ภรรยาเรี่ยไรเงิ
ตอนที่ 16 ผักโตไวซ่า!!..น้ำอุ่นร้อนไหลออกจากถังไม้ไผ่กระเพื่อมแล้วกระเพื่อมเล่า มือเรียวเกาะขอบถังยันตัวขึ้นรับแรงอัดกระแทกจากทางด้านล่าง"อ้าส์...ท่านพี่..""หลินหลินนั่งทับลงมาเร็วเข้า" มือหนาบีบเอวบางจนขึ้นรอยนิ้ว เขาอ้าขาออกแรงดึงเอวเล็ก บังคับให้นางทิ้งตัวลงมาบนกลางกายเขา "อื้อ...จุกเจ้าค่ะ" จ้าวลี่หลินเชิดหน้าห่อปากความคับแน่นทำให้นางไม่อาจขยับกายได้ ลู่ชุนถูกความบีบรัดของนางทรมานจนแทบจะสิ้นท่า เขาคำรามเสียงแหบพร่า โน้มตัวดันนางไปข้างหน้า กดทับให้นางเป็นฝ่ายตั้งรับ จ้าวลี่หลินคุกเข่าในอ่างน้ำ มือเล็กกำขอบอ่างเอาไว้แน่น สะโพกมนแอ่นขึ้นรับแรงกระแทกจากสามีจนตัวโยน"หลินหลินเด็กดี..อ้าส์..อ้าขาออกอีกนิด""มะ..ไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ..อื้อ..มันชิดขอบแล้ว..อู๊ย..." นางก็อยากจะอ้าขาให้กว้างกว่านี้อยู่หรอก ทว่าอ่างน้ำมันก็มีพื้นที่อยู่เท่านี้ "รัดแน่นถึงเพียงนี้ชอบที่สามีทำใช่หรือไม่..ซี้ด.."เสียงแหบพร่าของสามีหนุ่มทำเอาร่างอรชรทรุดตัวลงไปในน้ำ ลู่ชุนรั้งเอวนางขึ้นมา ขยับท่าให้ถนัดกระแทกแท่งเนื้อเข้าในช่องรัก ยิ่งโหมกระแทกแรงเพียงใด เสียงครางหวานและเสียงแหบพร่าก็ประสานกันดังยิ่งขึ้น กลบเ







