"คะ คุณหนูใหญ่"
หลี่อี้ผงะถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก สายตาที่มุ่งร้ายของคุณหนูใหญ่ทำให้แผ่นหลังของนางเย็นเฉียบด้วยความหวาดกลัว
"คุกเข่า!!"
"จะ เจ้าค่ะ"
หลี่อี้ทรุดกายลงตรงหน้าของอวี้หลันทันที เนื้อตัวของนางสั่นเทาด้วยความขลาดกลัว
อำนาจของคุณหนูใหญ่นางไม่ควรดูแคลนเลย หากเรื่องที่นางทำกิริยาไม่เหมาะสมล่วงรู้ไปถึงหูของท่านเสนาบดีแล้วละก็...นางคงถูกโบยจนหลังขาดเป็นแน่ มีใครไม่รู้บ้าง ท่านเสนาบดีรักและเอ็นดูคุณหนูใหญ่มากมายนัก ถ้าไม่ใช่เพราะฮูหยินรองและคุณหนูรองคอยกดข่มคุณหนูใหญ่ตั้งแต่ยังเด็กจนไม่กล้ามีปากมีเสียง ป่านนี้อำนาจในจวนคงตกเป็นของคุณหนูใหญ่ไปแล้ว แต่เพราะเหตุใดคุณหนูใหญ่ผู้ถึงได้ลุกขึ้นมาต่อกรกับพวกนางเล่า!
เรื่องนี้ยังคงเป็นสิ่งที่ค้างคาใจของหลี่อี้
"เห็นแก่แม่รอง ข้าจะให้เจ้าคุกเข่าอยู่ตรงนี้สักหนึ่งชั่วยามก็แล้วกัน ต่อไปอย่าได้มาท้าทายข้าอีกเล่า เพราะครั้งหน้าข้าจะไม่ใจดีแบบนี้อีก"
"จะ เจ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนูใหญ่ที่เมตตาเจ้าค่ะ"
หลี่อี้โขกศีรษะขอบคุณเป็นการใหญ่ แต่ใบหน้าของนางกลับซีดเผือดจนกลายเป็นสีขาว แค่คุกเข่าหนึ่งก้านธูปนางก็เกินจะทนไหวแล้ว แต่นี่นางกลับถูกสั่งให้คุกเข่านานถึงหนึ่งชั่วยาม สังขารของนางก็ได้ร่วงโรยไปตามวัยนานแล้ว หัวเข่าก็ไม่ใคร่จะดีนัก และที่ตรงนี้ยังเป็นพื้นหินที่ร้อนระอุ ทั้งยังแสงแดดที่ส่องลงมายังร้อนแรงเจิดจ้า จนเม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมาเต็มกรอบหน้าของนางด้วย หลี่อี้คิดในใจว่านางคงได้ตายอยู่ตรงนี้เป็นแน่
อวี้หลันเดินเข้ามายังเรือนของโจวลี่เฟย ทันทีที่นางก้าวเท้าเข้ามาน้ำเสียงเล็กแหลมพลันตวาดก้องออกมาทันที
"หลันเอ๋อร์ เจ้าด่าทอเยว่เอ๋อร์ของข้าเช่นนั้นหรือ?"
"เจ้าค่ะแม่รอง"
"เจ้า! นี่เจ้าเสียสติไปแล้วสินะ แค่เศษเงินเจ้าถึงกับด่าเยว่เอ๋อร์ และต่อว่าข้าว่าอบรมลูกไม่ดี หากวันนี้ข้าไม่ลงโทษให้เจ้าหลาบจำ เจ้าคงจะไม่สำนึกสินะ"
โจวลี่เฟยถลึงตามองอวี้หลันด้วยความไม่พอใจ ทางด้านข้างของนางมีอวี้ซูเยว่ที่นั่งยิ้มด้วยความสาสมใจ การได้เห็นอวี้หลันกำลังจะถูกมารดาลงโทษคือสิ่งที่บันเทิงที่สุดสำหรับนาง
"นั่นน่ะสิเจ้าคะ แค่เศษเงินทำไมน้องรองจะต้องมาแย่งชิงจากข้าอีก ช่างน่าขำนัก"
"เจ้าเป็นพี่เจ้าก็ควรเสียสละให้น้องสาวของเจ้าสิ นี่สินะเพราะว่าเจ้าไม่มีมารดาอบรมสั่งสอน เจ้าถึงได้มีนิสัยหยาบกร้านเช่นนี้ได้"
อวี้หลันรู้สึกเหลืออดกับโจวลี่เฟย นางเงยหน้าขึ้นมองโจวลี่เฟยอย่างไม่หลบเลี่ยง ทั้งยังเหยียดยิ้มออกมาอย่างถือดี
"ถ้าหากข้ามีมารดาอบรมสั่งสอนแล้วมีนิสัยเช่นน้องรอง ข้าขอตายเสียยังดีกว่า และแม่รองเจ้าคะ ข้าคือบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ซึ่งเกิดจากภรรยาเอก แม้ว่าแม่รองจะอาวุโสกว่าข้า แต่อย่าได้ลืมฐานะของข้าไปเล่า อำนาจที่ท่านถือครองมานานกว่าสิบปี ข้าจะทวงคืนกลับมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ถ้าหากแม่รองยังทำให้ข้าอารมณ์เสียเช่นนี้อีก ข้าคงต้องพูดเรื่องที่ผ่านมาให้ท่านพ่อได้ทราบแล้วล่ะเจ้าค่ะ"
"เจ้ากล้าหรือ"
โจวลี่เฟยกดเสียงต่ำด้วยความไม่พอใจ
"แล้วทำไมข้าต้องไม่กล้าด้วยล่ะเจ้าคะ ที่ผ่านมาเพราะข้ายังเด็กจึงยังมิรู้ความ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ข้าอายุสิบแปดหนาวแล้ว อายุมากพอที่จะเข้ามาจัดการงานในจวนได้แล้วนะเจ้าคะ"
คำขู่ของอวี้หลันได้ผลเป็นอย่างยิ่ง โจวลี่เฟยกัดฟันกรอดด้วยความแค้นใจ นังเด็กที่ไม่รู้ประสากลับแข็งข้อกับนางเช่นนั้นหรือ ช่างหาญกล้าดีแท้
"ได้! วันนี้ข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าไปได้แล้ว"
"เจ้าค่ะ อ้อ...แม่รองช่วยดูแลน้องรองให้ดีด้วยนะเจ้าคะ ถ้าวันใดที่น้องรองมายุ่มย่ามกับข้าอีก ข้าก็ไม่รู้ว่าจะพลั้งปากเอ่ยสิ่งใดออกไปบ้าง และเครื่องประดับที่น้องรองเคยฉกฉวยไปจากหีบของข้า วานเอามาคืนข้าให้ครบด้วยนะเจ้าคะ"
"ได้!!"
อวี้หลันค้อมศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้มหวาน...
คล้อยหลังที่อวี้หลันเดินจากไป โจวลี่เฟยพลันบันดาลโทสะขว้างปาข้าวของจนแตกกระจายไปหมด เช่นเดียวกับอวี้ซูเยว่ที่แค้นใจไม่ต่างกัน
"ท่านแม่เจ้าคะ เหตุใดมันถึงได้ทำตัวปีกกล้าขาแข็งเช่นนี้ มันทำเหมือนกับเราไม่มีค่าให้ต้องเกรงกลัวเลยนะเจ้าคะ"
"แม่เองก็แปลกใจไม่ต่างกับเจ้า"
"นี่เราต้องทำตามที่มันสั่งหรือเจ้าคะ ข้าไม่ยอมนะท่านแม่ เครื่องประดับพวกนั้นมันงดงามมากเลยนะเจ้าคะ"
โจวลี่เฟยพลันตวาดเสียงดังใส่บุตรสาวที่โง่เขลาของตน
"ถ้าเจ้าไม่คืนก็รอตอบคำถามจากบิดาของเจ้าได้เลย อยากโดนลงโทษจากบิดาของเจ้าใช่หรือไม่"
"ท่านแม่..."
"ออกไปได้แล้ว แม่อยากพักผ่อน"
"เจ้าค่ะ"
อวี้ซูเยว่เดินคอตกจากมา นางไม่อยากคืนเครื่องประดับที่เอามาจากอวี้หลันเลย ของทุกชิ้นล้วนล้ำค่าและงดงามจนนางอยากจะได้มาเป็นของตัวเอง ทำไมนังอวี้หลันถึงได้รับแต่ของดี ๆ ไปกันนะ ทั้งเครื่องประดับล้ำค่า และความรักจากท่านพ่อที่นางได้รับแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น มันคงจะดีกว่านี้ถ้าจวนตระกูลอวี้จะไม่มีอวี้หลันอีกต่อไป!!
ตอนพิเศษ 2ชุดนอนตัวใหม่ อวี้หลันเดินเข้าไปยังห้องนอนบุตรสาวเพื่อสั่งความแม่นมกับรั่วซี หลีกงกงที่อยู่ด้วยก็รู้ความนัก เขายังเอ่ยกับอวี้หลันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกด้วย"พระชายาไม่ต้องเป็นห่วงท่านหญิงน้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกับรั่วซีจะช่วยดูแลท่านหญิงน้อยให้เอง พระชายาโปรดทรงวางใจได้เลยพ่ะย่ะค่ะ" หลีกงกงขยับเข้ามาใกล้อีกนิดเพื่อให้ได้ยินกันสองคน "ท่านหญิงน้อยคงจะเหงาน่าดูเลยนะพ่ะย่ะค่ะ ทางที่ดีพระชายาน่าจะประทานน้องให้กับท่านหญิงน้อยสักหลาย ๆ คนก็ดีนะพ่ะย่ะค่ะ""หลีกงกง! เจ้านี่นะ"อวี้หลันทั้งขำทั้งฉุน หลีกงกงผู้นี้ช่างเจ้ากี้เจ้าการยิ่งนัก"โปรดเห็นใจคนแก่ขี้เหงาเช่นกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะพระชายา""เฮ้อ...เรื่องนี้หลีกงกงคงต้องไปกราบทูลองค์ชายสามแล้วล่ะว่าเขาจะมีความสามารถหรือไม่ ข้ามิอาจตอบได้หรอกนะ"อวี้หลันแสร้งถอนหายใจ ทั้งที่ใจจริงนางนั้นกำลังวางแผนเช่นกันว่าอยากจะมีบุตรอีกสัก 2 คนเพื่อให้เป็นเพื่อนเล่นกัน"เช่นนั้นข้าคงต้องออกแรงมากหน่อยเสียแล้วใช่หรือไม่"น้ำเสียงห้วนดุที่
ตอนพิเศษ 1เจิ้งลี่จิน เวลาล่วงเลยผ่านไปไวยิ่งนักในความรู้สึกของอวี้หลัน นับตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้ก็ร่วม 1 ปีกว่าแล้ว ตอนนี้ชีวิตของนางเปลี่ยนแปลงไปจนนางไม่นึกฝันเลย บัดนี้นางได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้นมาแล้ว บุตรสาวตัวน้อยผู้เป็นความสุขทั้งมวลให้กับนางกับเจิ้งจื่อห้าว เด็กน้อยที่น่าเอ็นดูนักในสายตาของผู้เป็นพ่อเป็นแม่'เจิ้งลี่จิน' บุตรสาวตัวน้อยที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความรักของคนทั้งสอง เจ้าก้อนแป้งน้อยตัวขาวอวบอ้วน นางมีดวงตากลมโตสุกสกาวดั่งเช่นมารดา แต่จมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากนั้นถอดแบบบิดามิมีผิดเพี้ยน ไม่ว่าผู้ใดต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าเจิ้งลี่จินช่างมีใบหน้าเหมือนกับบิดายิ่งนักคำพูดนี้เองที่ทำให้เจิ้งจื่อห้าวถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความภาคภูมิใจ ตัวเขาเองก็รู้สึกดียิ่งนักที่บุตรสาวมีใบหน้าเหมือนกันกับเขา และยิ่งนางมีดวงตาเหมือนกับอวี้หลันเขายิ่งรู้สึกดีเพิ่มขึ้นไปอีกอวี้หลันจดจำความยากลำบากของการคลอดเจิ้งลี่จินได้ดี วันเวลากว่าจะผ่านมาได้ช่างแสนสาหัสยิ่งนัก แต่เมื่อคิดว่านี่คือการเสียสละของมารดาเพื่อให้เจ
บทส่งท้าย วังเจียวจินอวี้หลันนอนอยู่บนเตียงด้วยความเบื่อหน่าย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากที่นางถูกลอบสังหาร ตอนนี้นางได้หาเป็นอะไรมากที่บอกว่าตกใจก็เสแสร้งทั้งนั้น แต่กลายเป็นว่าเจิ้งจื่อห้าวนั้นตื่นตระหนกเกินไป เขาเป็นกังวลมากจนนางนึกเสียใจที่ใช้แผนการนี้ขึ้นมา สุดท้ายแล้วนางก็ต้องนอนอยู่นิ่ง ๆ บนเตียง โดยที่ไม่สามารถย่างกรายออกไปจากห้องได้เลย"ฮ่ะฮ่าเป็นอย่างไรบ้างเล่า ข้าล่ะนึกชอบใจนักที่องค์ชายสามทรงสั่งห้ามเจ้าลุกออกจากเตียงเช่นนี้ สมแล้วที่เจ้าใช้แผนการนี้หลอกล่อให้ฮองเฮาติดกับ ทั้งยังหลอกใช้ข้าอีกด้วย"กู้เฟยหนี่ว์ที่มาเยี่ยมอวี้หลันเอ่ยบ่นอีกฝ่าย นางยังคงรู้สึกไม่พอใจกับแผนการของอวี้หลันนัก แม้ผลลัพธ์จะดีที่สามารถกำจัดอำนาจของฮองเฮาไปได้ ทำให้องค์รัชทายาทรู้จักตัวตนอีกด้านหนึ่งของพระมารดาแต่มันก็เสี่ยงเกินไป"เจ้าไม่ต้องมาหัวเราะข้าเลย เจ้าเองก็ชอบไม่ใช่หรือที่ได้สังหารคน หึ!""ข้าชอบที่ได้ออกแรงก็จริง ข้อนี้ข้าไม่ปฏิเสธแต่ข้าไม่
"เสด็จพี่คงได้ยินทั้งหมดแล้ว ข้าคิดว่าท่านคงรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่ ฮองเฮาอาจจะทรงรักและหวังดีต่อเสด็จพี่ด้วยใจจริง แต่กลับผู้อื่นนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ ผู้ใดก็ตามที่มาขวางทางอำนาจหรือหมดประโยชน์แล้ว ฮองเฮาก็สามารถกำจัดได้ทุกคนโดยไม่สนวิธีการ แม้มันจะโหดเหี้ยมเพียงใดก็ตาม ข้าหวังว่าเสด็จพี่จะไม่ช่วยคนผิดนะพ่ะย่ะค่ะ"เจิ้งจื่อห้าวเอ่ยทิ้งท้ายแล้วจึงได้เดินจากไป... หลักฐานทุกอย่างล้วนชี้ไปที่เสนาบดีโจว ปิ่นทองคำที่อยู่ในมือหัวหน้ามือสังหารก็คือของขวัญที่ฮองเฮาทรงได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ เพราะเหตุนี้เองโจวซูหลิ่งจึงไม่อาจหลีกหนีเอาตัวรอดไปได้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็มีความผิด"หม่อมฉันถูกคนใส่ความเพคะฝ่าบาท นี่ต้อง...ต้องเป็นฝีมือของบ่าวทรยศเป็นแน่ มันผู้นั้นต้องแอบขโมยปิ่นของหม่อมฉันไปเพื่อเป็นหลักฐานมามัดตัวหม่อมฉันเพคะ นี่คือการใส่ความเพคะฝ่าบาท"โจวซูหลิ่งร่ำร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ตนเอง หากนางไม่ยอมรับจะทำอะไรนางได้ หลักฐานเพียงแค่นี้มิอาจจะเอาผิดนางได้หรอก"เจ้ายอมรับความผิดซะเถิดฮองเฮา เห็นแก่องค์รัชทายาทอย่าให้ชื่อเสีย
บทที่ 32ล้มทั้งกระดาน "พระชายา พระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ"ฉีหมิงที่เพิ่งจัดการมือสังหารเสร็จรีบตรงเข้ามาถามไถ่อวี้หลันด้วยความเป็นห่วงทันที เขายังคงตกใจไม่หายที่ได้เห็นท่วงท่าการสังหารคนของคุณหนูกู้ เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณหนูกู้จะมีวรยุทธ์ที่ล้ำเลิศเช่นนี้ เพลงกระบี่ที่ใช้เมื่อครู่ก็งดงามอ่อนช้อยแต่เต็มไปด้วยความดุดัน คุณหนูกู้วาดกระบี่ไปทิศทางใดล้วนต้องได้อาบโลหิตทุกครั้งไป นอกจากองค์ชายสามผู้เป็นนายแล้วก็มีคุณหนูกู้นี่แหละที่เขานับถือเรื่องวรยุทธ์ด้วยใจจริง"ข้าไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกตกใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง"น้ำเสียงอ่อนแรงที่ดังออกมาจากรถม้ายิ่งทำให้ฉีหมิงรู้สึกผิด กู้เฟยหนี่ว์ชำเลืองตามองมารยาของสหายแล้วเบะปากด้วยความหมั่นไส้'นางหรือที่ตกใจ ต้องเป็นข้าเสียมากกว่าที่ควรตกใจกับแผนการนี้ของนาง'"พระชายาทรงรู้สึกเจ็บท้องหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ให้ท่านหมอมาดูอาการก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" ในขบวนรถม้านี้ได้มีท่านหมอมาด้วย
"อาอันน้องพี่" สองพี่น้องต่างเดินเข้าไปสวมกอดกันด้วยความคิดถึง สายใยระหว่างพี่น้องเรียงร้อยถักทอเข้าด้วยกัน "ข้าคิดถึงท่านพี่มากเลยขอรับ แล้วนี่..." อวี้เวยอันหันไปมองบุรุษข้างกายของพี่สาว หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นสามีของพี่สาวของเขากัน "นี่คือองค์ชายสามเจิ้งจื่อห้าว พระสวามีของพี่เอง" "คารวะองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเสียมารยาทแล้ว ขอองค์ชายสามได้โปรดอย่าได้ถือสาเลยพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรีบทำความเคารพเจิ้งจื่อห้าวทันที เพราะเขาดีใจที่ได้เจออวี้หลันมากเกินไปจึงได้เสียมารยาทกับองค์ชายสาม "ไม่ต้องมากพิธีรีตองหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว" เขาเอ่ยอย่างใจดี เรียกรอยยิ้มหวานจากคนข้างกายที่กำลังนึกหวั่นว่าเขาอาจจะเข้ากับน้องชายของนางไม่ได้ แต่เมื่อได้เห็นเช่นนี้ก็หมดห่วง "ขอบคุณองค์ชายสามที่เมตตาพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรู้สึกถูกชะตาพี่เขยผู้นี้ยิ่งนัก สายตาของเขาพลันมองไปเห็นหน้าท้องที่นูนเด่นของพี่สาว "ท่านพี่อ้วนขึ้นหรือขอรับ" แม้จะพยายามพูดเส