ปลายยามโฉว่ (01.00-02.59น.) ซึ่งอันที่จริงแม่นมฝานเหอเคลิ้มหลับไปแล้ว นางเหนื่อยสายตัวแทบขาดมาหลายวันติด ๆ กัน แต่เพราะเสียงอุทานร้องตกใจของสาวใช้รุ่นเล็กที่ชื่อ เสี่ยวฉุน ทำให้ร่างมีเนื้อมีหนังมากสักหน่อยสะดุ้งโหยง ก่อนสั่งให้อีกฝ่ายทำกิริยาให้สำรวม
“แม่นม...เมื่อครู่ มันเอ่อ...มีเสียงแปลก ๆ อีกแล้ว หรือว่า คุณหนูกับท่านแม่ทัพจะลุกขึ้นมาเล่นผีผาและรำกระบี่ ฝึกทวนยาวด้วยกันอีกรอบ!”
ฝานเหอสงสารเด็กน้อยเสี่ยวฉุนเหลือเกิน นางยังไม่ประสีประสา อีกทั้งอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกอย่าง ก่อนออกจากคฤหาสน์สกุลเนี่ย ฝานเหอพยายามเหลือเกินให้เนี่ยหยวนซูเลือกสาวใช้นางอื่น แต่อีกฝ่ายยืนยันชี้นิ้วไปที่เสี่ยวฉุน ซึ่งเป็นม้าดีดกะโหลก และอ่อนหัดไปทุกเรื่องในการดูแลเจ้านาย ให้ดีที่สุดคือนางขี่ม้าได้ ใช้อาวุธหนักเบาเป็น ทั้งยังร่ายรำมีดสั้นคู่ยอดเยี่ยม ขว้างกระสวยต่าง ๆ แม่นยำ
ฝานเหอครั่นคร้ามใจเหลือเกินว่า เนี่ยหยวนซูต้องการมาเปิดสงครามในจวนจิ่งหรืออย่างไร เพราะในหีบที่นำมาจากคฤหาสน์สกุลเนี่ย ใบหนึ่งมีอาวุธลับอัดแน่นอยู่ โดยเฉพาะของเหล่านั้นมาจากทางทะเล เป็นสินค้าใหม่ที่เจ้าบ้านเนี่ยกำลังทำการค้ากับพวกโจรชุดดำที่เรียกว่านินจา และยังมีพวกกำยาน รวมถึงของเป็นพิษร้ายแรงหลายอย่างที่ได้จากชาวสยาม!
“เหลวไหล ไม่ว่าเจ้านายจะทำสิ่งใด เจ้าสมควรฟังหรือ อีกอย่าง สำรวจโดยรอบดีหรือยัง มีผู้ใดมายุ่มย่ามที่เรือนไป๋เหลียนฮวาหรือไม่”
เสี่ยวฉุนทำท่านึกอยู่นาน อันที่จริงนางได้ยินทั้งเสียงแมว เสียงสุนัข เสียงแมลงกลางคืนดังสลับกันไปมา หากพอสำรวจก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
“มีแมววิ่งบนหลังคา แต่ข้าไล่มันไปแล้ว”
“แมวที่ไหน...” ฝานเหอถาม
“เออ ไม่แน่ใจ แต่ข้าถามมันเช่นนี้”
แม่นางน้อยว่า และทบทวนความจำของตน
“ใครน่ะ...”
“เหมียว!”
“อ้าว แมวหรือ...ข้าถามและมันตอบว่า”
“ใช่ แมว!”
“เสี่ยวฉุน เจ้านี่ไม่ได้ความโดยแท้ นั่นคงเป็นเพราะมีผู้ใดมาแอบดูสิ่งต่าง ๆ ในเรือนไป๋เหลียนฮวาเป็นแน่!” ฝานเหอตบหน้าอกตาผาง และร้อนอกร้อนใจเหลือเกิน
“เช่นนี้ต้องทำสิ่งใดแม่นม”
“พรุ่งนี้เช้าต้องรีบรายงานคุณหนู เราจะได้เตรียมการรับมือพวกสกุลจิ่ง
อีกอย่าง เสียงที่เจ้าได้ยินในเรือนของคุณหนู จำได้หรือไม่ว่าดังเช่นไร”
สาวใช้รุ่นเล็กทำท่านึก จากนั้นก็ร้องครางด้วยท่วงทำนองที่ชวนให้ฝานเหอต้องตัวแข็งทื่อ!
รุ่งเช้า ฝานเหอต้องตกใจจนผมเกือบขาวไปทั้งศีรษะ ฝ่ายเสี่ยวฉุนก็ฉี่แทบจะราด เพราะเมื่อเข้าไปในห้องนอนเจ้านาย กลิ่นที่อบอวลหาใช่ความอับชื้นหรือกลิ่นเหงื่อชายหญิง แม้ข้าวของต่าง ๆ กระจัดกระจายหล่นไปตามพื้น และขาเตียงไม่ได้หักก็จริง แต่ภาพใต้หีบสินเจ้าสาว ทั้งตำราร้อยเล่มเกวียนคืนเข้าหอวางหราอยู่บนพื้น มิหนำซ้ำยังเผยให้เห็นว่ามันถูกเปิดใช้งานเสียด้วย
เนี่ยหยวนซูล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแล้วและกำลังนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง วาดคิ้ว เติมสีปากให้แดงสด แต่สิ่งที่ชวนให้ฝานเหอต้องลอบถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อยคือนางมีท่าทางเหมือนคนดื่มสุราและยังไม่สร่างเมา!
“คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดถึงได้มีอาการเช่นนี้”
ดวงตากลมโตมองมาที่ฝานเหอ และเนี่ยหยวนซูเอ่ยว่า “ข้าอยากร่ำสุราทั้งวันทั้งคืน จะได้ลืมเรื่องที่ถูก...ชายผู้นั้นข่มเหงจิตใจและร่างกาย”
เมื่อคุณหนูที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กดูแลอย่างดีกล่าวเช่นนี้ ฝานเหอจึงโกรธแค้นจับใจ นางเป็นบ่าวก็จริง หากอยู่ในสกุลชั้นสูงมาตลอด บิดาเป็นบัณฑิต มารดาอยู่สำนักคุ้มภัย และการที่ฉางหรูมารดาอีกฝ่ายแต่งเข้าสกุลเนี่ย ก็เป็นประสงค์ของไทเฮา ฝ่ายนั้นทำหน้าที่เป็นแม่สื่อให้การแนะนำฉางหรูกับเนี่ยข่ายในงานเลี้ยงบุปผาเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน
ในเวลาต่อมาทั้งสองจึงตกหลุมรักกัน หากตอนนี้ฉางหรูจากไปแล้ว ก่อนสิ้นใจ นางฝากฝังให้ฝานเหอดูแลคุณหนูผู้นี้ให้ดีที่สุด และฝานเหอให้สัญญาว่า ทั้งชีวิตของนางจะมอบให้กับเนี่ยหยวนซู
“แม่ทัพจิ่ง...ทำร้ายคุณหนูหรือเจ้าคะ” ฝานเหอถามเสียงสั่น
“เอ่อ มันเป็นคืนเข้าหอ ข้าเข้าใจดี แต่หากพูดไปว่าเขาทำร้ายคงไม่ถูกต้อง อย่างไรข้าก็เป็นภรรยาของเขาตามกฎหมายแคว้นเฉิงโจว”
ฝานเหอโล่งใจขึ้นมาได้สักหน่อย ฝ่ายเสี่ยวฉุนอยากรู้สิ่งต่าง ๆ มาก นางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ เนี่ยหยวนซู แล้วเอ่ยถาม
“บ่าวเห็นคนสนิทของแม่ทัพจิ่งมารออยู่ด้านหน้า และต้นยามเหม่า (05.00-06.59 น.) ก็เห็นพวกเขาออกจากเรือนหลังนี้ ท่าทางของท่านแม่ทัพจิ่งดูหงุดหงิด และยังถีบคนสนิทที่ชื่อเกอสวินล้มหงายหลังด้วยเจ้าค่ะ”
“เฮ้อ เจ้าอารมณ์ เผด็จการ ทั้งยังเป็นลาโง่!” เนี่ยหยวนซูส่ายหน้าช้า ๆ และนึกถึงภาพความอึดอัด และสายตาคมกริบของจิ่งหลัวคุน ยามที่เขามองนาง ก่อนหุนหันออกจากห้องนี้ไปพร้อมผ้าไหมสีขาวรองเตียงผืนนั้น ที่มีคราบสีแดงเป็นด่างดวง!
เนี่ยหยวนซูลูบที่ลำคอระหงของตน เมื่อคืนนางใช้แผนอันแยบยลมากมาย กว่าจะได้รอยช้ำเป็นจ้ำ ๆ ที่ลำคอ หลังใบหู และเนินหน้าอกอวบสวย
7 เดือนต่อมา หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย เนี่ยหยวนซูที่ยามนี้ท้องโตใกล้คลอด มีความสุขในการกินกว่าใคร ส่วนจิ่งหลัวคุนแม้จะเลิกแพ้อาหารแทนนางและไม่ค่อยเป็นลมหรือมีอาการหน้ามืด แต่เขากลับเป็นห่วงภรรยาชนิดที่เรียกว่าไม่ยอมห่างไปไหน ด้วยได้ยินเรื่องสตรีเสียชีวิตระหว่างคลอดบุตร รวมถึงอันตรายหลังการคลอด อีกทั้งสิ่งที่อาจเกิดกับชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก ทั้งหมดเป็นเพราะเขาฟังผู้อื่นมากเกินไป ทั้งยังอ่านตำราต่างๆ เยอะ เรื่องนี้เนี่ยหยวนซูเข้าใจว่าเป็นเพราะเขารักและห่วงนาง “ท่านพี่ ข้าเพียงแค่อยากเดินเล่นสักหน่อย...” เนี่ยหยวนซูบอกเขา เช้านี้นางกินทั้งของคาวของหวานแล้วยังมีผลไม้อีก “แต่หมอบอกให้เจ้าอยู่นิ่งๆ ช่วงนี้ใกล้กำหนดที่ลูกจะลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว” “ท่านพูดถูก แต่ให้นั่งๆ นอนๆ ไม่ขยับตัว มันทำให้ข้าอึดอัด บางทีก็เครียด ซึ่งอาจส่งผลถึงเด็กน้อยของเรา” นางว่าจบจึงมองชายหนุ่ม อ้อนวอนเขาด้วยสายตา “ได้ แต่แค่เดินที่สวนด้านหน้าเท่านั้น เราจะไม่ไปมากกว่านี้” เนี่ยหยวนซูไม่อยากขัดใจสามี แค่เขาให้นางออกจากเร
จิ่งหลัวคุนไม่อาจยืนนิ่งเฉย อาการเขาคล้ายคนจะหน้ามืดตามด้วยการวูบหมดสติ ยามนั้นแม้จิ่งป๋อฉุดแขนพี่ชายไว้ แต่กลายเป็นว่าเขาถูกเตะเสียนี่ แถมไม่ใช่เตะธรรมดา หากส่งผลให้จิ่งป๋อร้องโอดโอยอย่างน่าสงสาร ด้วยใครกันจะทนแรงของอดีตแม่ทัพหนุ่มไหว โดยเฉพาะอีกฝ่ายคือนักแสดงในโรงละคร วันๆ ร้องเพลง เล่นดนตรี สรรหาเรื่องรื่นเริงเท่านั้น ยามนี้จิ่งป๋อไม่ใช่หนุ่มน้อย ปีนี้อายุเขาสมควรออกเรือน ทว่าอย่างที่พี่ชายห่วงคือจนป่านนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจิ่งป๋อสนใจสตรีหรือบุรุษกันแน่ และที่จิ่งหลัวคุนแสดงท่าทีขึงขังก่อนทำร้ายน้องชาย เป็นเพราะเขา อ้างว่าตนสุขภาพดี ทว่าสภาพอย่างที่เห็น เขาดูแย่หนัก หน้าซีดท่าทางอิดโรย ฝ่ายจื่อเยว่มองคนเป็นพ่อสลับอาหนุ่มหล่อ ก่อนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย และถามว่า “เมื่อเช้าท่านพ่อ แพ้อาหารใดหรือไม่เจ้าคะ” นางถามอย่างซื่อๆ นั่นแหละ ดวงตากลมโตมองจิ่งหลัวคุนอย่างต้องการคำตอบ “เหตุใดถึงถามพ่อเช่นนี้ เรื่องพรรคนั้นย่อมไม่เกิดขึ้น” “เอ แต่ลูกได้ยินเสียงคล้ายคนอาเจียน โอ้กอ้ากหลายหนเชียว” และสายตาลูกสาวกับน้องชายหันไปทางจิ่งห
ผิดแต่เรื่องทายาทอีกฝ่ายที่เสี่ยวฉุนไม่ได้รายงานไป เนื่องจากตกลงกับเกอสวินไว้ว่าอยากให้เนี่ยหยวนซูกับจิ่งหลัวคุนได้ปรับความเข้าใจกันเสียก่อน และช่วงสองสามปีให้หลังนางติดต่อเกอสวินไม่ได้เช่นกัน จวบจนได้พบหน้าอีกครั้ง เสี่ยวฉุนก็ต้องยอมรับว่าเกอสวินเป็นหนุ่มเต็มตัว และเขาขโมยหัวใจนางไปหมดแล้วช่วงเช้าวันส่งตัวเจ้าสาว ฝานเหอมีสีหน้าไม่สู้ดี ด้วยของที่เตรียมเอาไว้ในห้องหอหายไป รวมถึงพัดของเจ้าสาวแล้วก็ผ้าคลุมหน้า สิ่งที่สำคัญมาก ด้วยสองสิ่งนี้เกี่ยวพันถึงเจ้าบ่าวด้วย แต่ยังโชคดีที่มีชุดสำรองเอาไว้“ไม่มีเจ้าคะเถ้าแก่เนี้ย” ฝานเหอบอกเนี่ยหยวนซู และนางไม่ได้เซ้าซี้ถามสิ่งใดหายไปอีกบ้าง แต่กวาดตามองหาไปทั่วๆ ห้องก่อนก้าวออกไปด้านนอก ยามนั้นเสียงดนตรี เสียงโห่ร้องดังเป็นระยะและอาหารเครื่องดื่มมีให้กินอิ่มหนำเป็นอย่างมากร่างสูงของจิ่งหลัวคุนเดินมาหาหญิงสาว ใบหน้าเขาแดงด้วยฤทธิ์สุรา“อาซู... เห็นน้องสามหรือไม่”เนี่ยหยวนซูถอนหายใจเล็กน้อย และถามว่า “นี่คงไม่ใช่ว่า ท่านกับคุณชายสามจะวางแผน ร้ายๆ กับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหรอกนะ”“โอ้มิได้ ไม่มีการมอมสุรา หรือใส่ยากำหนัดในอาหารทั้งนั้น อาซูก็รู้ บ่า
ตอนพิเศษของหมั้นต่างหน้าจิ่งหลัวคุนไม่ได้รับใช้ทางด้านทหารแคว้นเฉิงโจวมาได้เกือบสามปี และเขาดูมีความสุข หัวเราะบ่อยครั้ง ใบหน้าคมคายประดับรอยยิ้มให้เห็นบ่อยๆ แม้ตัวเขาเสียดายหลายสิ่งโดยเฉพาะประสบการณ์ที่สะสมมา แต่ชีวิตย่อมต้องเดินหน้าส่วนภรรยาเขา เนี่ยหยวนซูนั้นอยากเป็นเถ้าแก่เนี้ยคนดังดูแลการค้าทั่วทั้งอาณาจักรอันกว้างใหญ่ และปากบอกอยู่เสมอว่าไม่สนใจเขา ไม่ว่าจะทำสิ่งใดต่อจากนี้ให้จิ่งหลัวคุนเลือกเอง แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคืนตำแหน่งทางการทหารก็แอบเสียดายไม่ได้ ดังนั้นจึงต่อว่าเขาพอให้หายหงุดหงิดใจ ด้วยหากเขายังเป็นแม่ทัพแคว้นเฉิงโจว อย่างไรคงมีความสามารถเจรจาค้าขายกับทางการและแคว้นพันธมิตรได้“ตอนนี้ นอกจากเป็นลาโง่ ท่านยังเป็นฉลามตาบอด ว่ายน้ำไม่รู้ทิศทาง คิดอย่างไร ถึงทิ้งตำแหน่งทรงเกียรติแล้วมาเป็นโจรสลัด!”จิ่งหลัวคุนหัวเราะ และเอ่ยว่า“เป็นเพราะต้องการแบ่งเบาภาระภรรยา การค้าขายทางน้ำ นับว่าสำคัญ ข้าจึงอยากทำหน้าที่เป็นหน่วยพิเศษคุ้มครองสินค้าทุกอย่างที่เจ้าขายและต้องการซื้อหาให้ปลอดภัยที่สุด”“ฮึ... แล้วคิดว่า เงินที่ท่านหาได้จากการเป็นคนส่งของ มันจะพอให้ข้าถลุงเล่นหรือ”ชายหน
เนี่ยหยวนซูส่ายหน้า “อย่าเลย...จะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่า ข้ากำลังต้องการคำตอบจากพ่อค้าเรือเหล่านี้ หากเขายินยอมขายให้ข้า พวกท่านจะได้ทำการเก็บอากรเพื่อเข้าหลวงอย่างถูกต้อง ในครั้งต่อไปสินค้าทุกอย่างที่มาถึงเมืองเป่ยซาน ไม่ว่าจะค้าขายสิ่งใดต้องจ่ายเงินเข้าหลวง!”น้ำเสียงเนี่ยหยวนซูฟังแล้วก็เด็ดขาด แต่นั่นคือการป้องกันปัญหาในภายภาคหน้า เพื่อไม่ให้ใครคิดเอาเปรียบ หรือนำสินค้าไร้คุณภาพมาหลอกขายในราคาที่สูงเกินกว่าเหตุเมื่อเนี่ยหยวนซูเอ่ยจบ ร่างสูงใหญ่ของบุรุษที่มีผมหยักสลวยเส้นเล็กสีปีกอีกา ก้าวลงมาจากเรือลำใหญ่ที่สุดดวงตาคมกริบจ้องมาที่เนี่ยหยวนซู ในวาบแรกที่สายตาคนทั้งคู่ประสานกัน เป็นเหตุให้หญิงสาวต้องหวั่นไหว“เอ...คนตัวโต ท่านเป็นใครถึงกล้ามองมารดาข้าเช่นนี้ ไม่กลัวข้าควักลูกตาท่านหรือ” จื่อเยว่เอ่ย และวางท่าราวกับเป็นผู้พิทักษ์เนี่ยหยวนซู“เยว่เอ๋อร์อย่าได้เสียมารยาทกับผู้อื่น”“มิได้นะท่านแม่...ข้าเป็นลูกย่อมต้องปกป้องท่าน จะให้บุรุษใดมามองเช่นนี้ ถูกต้องที่ไหนกัน”“ฮ่า ๆ ๆ ลูกของอาซูหรอกหรือ...มิน่า ถึงขี้เหร่เช่นเจ้า และยังเป็นแม่นางน้อยด้วย”คนผู้นั้นเอ่ยและหัวเราะชอบใจ“ไร้มา
บทส่งท้ายเนี่ยหยวนซูคาดไว้แล้วว่า เมื่อวันที่นางสามารถยืนด้วยลำแข้งของตน มีกิจการใหญ่โต ขยายสาขาไปมากมาย ย่อมมีวันที่สินค้าขาดแคลน และยามนี้ต้องผลิตถ่านที่ทั้งหอม ไร้ควัน ให้ความร้อนได้นาน ที่ต้องส่งเข้าคลังหลวงเพื่อเป็นของวังหลังโดยเฉพาะ แต่กลับขาดวัตถุดิบซึ่งก็คือไม้ดำหอม นอกจากนั้นยังมีชุดหนังกระดาษที่ใช้ในการรบยุคใหม่ เนื่องจากน้ำหนักเบาป้องกันสนิมได้ดีสำหรับเมืองติดแม่น้ำหรือชายทะเล“วันนี้จะมีเรือการค้าจากชาวต่างชาติ และเมืองทางใต้เข้ามาหลายลำ พวกเขาเป็นชาวเล สกุลเก่าแก่เจ้าค่ะ”เนี่ยหยวนซูได้ยินเรื่องนี้มาพักใหญ่ ทั้งเป็นปัญหาต่อการค้านางมิน้อย การค้าทางเรือยังไม่ได้มีการควบคุมดีพอ อีกทั้งมีสินค้าหลากหลาย ผู้คนให้ความสนใจทุกครั้งที่เดินทางมาถึงสร้างความตื่นตาตื่นใจต่อชาวเมือง ขุนนางน้อยใหญ่ และเศรษฐีต่างออกมาใช้เงินซื้อหาสิ่งของต่าง ๆ เข้าเรือน พลอยให้ช่วงเวลาดังกล่าวร้านค้าในเครือสกุลเนี่ยได้รับผลกระทบ ที่ผ่านมานางจึงเปิดโต๊ะเจรจากับทางการ ขอให้สินค้าทุกชนิด ลงทะเบียนก่อนทำการซื้อขาย ในภายภาคหน้าต้องเข้าร่วมสมาคมของเมืองเป่ยซาน ก่อนนำมาวางขายได้ มิเช่นนั้นการค้าในเมืองนี้คงเ