เสียงล้อยางบดถนนดังครืด ใบหน้างามเอาแต่มองถนนข้างที่เธอนั่ง เฝ้ามองแสงสีเหลืองนวลจากริมถนน ดวงเก่าผ่านไปดวงใหม่ก็เข้ามาแทนที่ เป็นเช่นนั้นตลอดทาง ความเงียบก่อตัวขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้หลังจากธัชกรรู้สึกว่าเขาทำอะไรให้เธอไม่พอใจอะไรสักอย่างหรือเปล่า หลังจากที่พูดประโยคนั้นกวินตราก็เอาแต่เงียบไม่คุยกับเขาเลย
“คุณโกรธผมหรือเปล่า” เสียงนุ่มเอ่ยทัก นิ้วเรียวยาวเอื้อมไปปรับความเย็นของเครื่องปรับอากาศให้เบาลงนิดหน่อยเพราะอีกคนเหมือนจะสะท้านเอาแต่ลูบแขนเพียงแต่ไม่ยอมบอกเขาตรง ๆ
“เปล่าค่ะ”
กวินตราตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เธอเคยชื่นชมเขาอยู่หรอก ทั้งความเก่ง ความรักครอบครัว แล้วยังความขยันรวมไปถึงหน้าตา เขาไม่มีที่ติ แต่เมื่อได้ยินประโยคนั้น ให้อยู่กับเขาที่นี่ จู่ ๆ ความกลัวก็ก่อเกิดขึ้นมาในใจจนพูดอะไรไม่ออก
“ถ้าอย่างนั้นเหนื่อยสินะครับ ง่วงก็นอนเลยก็ได้ ถึงไร่แล้วผมจะปลุก” ธัชกรบอกเสียงเรียบทว่าในใจกลับเป็นห่วงความรู้สึกอีกฝ่าย แต่กลับไม่กล้าถามออกไปตรง ๆ กลัวว่าเธอจะรู้สึกไม่ดี
พอได้ยินประโยคนั้นเหมือนกวินตราจะผ่อนลมหายใจเพื่อจัดการความว้าวุ่นในใจ คิดว่าวันนี้เธอคงเหนื่อยเกินไปที่เดินซื้อของเป็นเพื่อนธัชกรตั้งแต่เช้าจนค่ำ เสียงเพลงคลอเบา ๆ ช่วยได้เยอะ ธัชกรเปิดเพลงให้อีกฝ่ายแล้วยื่นเสื้อของเขาเพื่อให้เธอคลุมร่าง
“กลางคืนอากาศเย็น อีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง หลับเลยก็ได้ครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวรับเสื้อของชายหนุ่มโดยง่ายเพราะคิดว่าแค่เธอตึงใส่เขา เขาคงรู้สึกไม่ดีมากอยู่แล้ว หากจะปฏิเสธเรื่องเสื้ออีกเขาคงคิดว่าเธอรังเกียจที่เขานั้นเคยผ่านการมีครอบครัวมาแน่ ๆ อันที่จริงกวินตราไม่เคยนึกจะรังเกียจเพียงแต่ตอนนี้เธอยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นใหม่ได้หรือยัง อีกอย่างเขาก็เคยมีคนที่รักมากมาก่อน ไม่แน่หากเธอคนนั้นกลับมาบางทีเขาอาจจะเปลี่ยนใจกลับไปรักกัน เธอจะไปสำคัญเท่าแม่ของลูกของเขาได้อย่างไร
พอคิดไปเรื่อยจนหัวสมองมันล้ากวินตราก็ผล็อยหลับไปจริง ๆ
เมื่อสังเกตเห็นศีรษะอีกคนโยกไปมาตามจังหวะของการเคลื่อนที่รถอย่างไร้การควบคุม ธัชกรก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวได้หลับสนิทไปแล้ว สีหน้าที่เป็นกังวลมองอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู บ่อยครั้งที่เขาคิดว่าตัวเองจะถูกรังเกียจที่เคยแต่งงานมาก่อนหรือเปล่า แต่วันนี้พอได้อยู่กับเธอทั้งวันก็มีความกล้าเพิ่มขึ้น ตอนนั้นถึงได้กล้าชวนเธอมาอยู่ที่ไร่กับเขาแบบนั้น
ตอนที่ยื่นเสื้อให้เขากลัวแทบตายว่าเธอจะปฏิเสธ แต่พอเห็นเธอเอื้อมมือมารับความกังวลก็ได้คลายลงไป
เสียงล้อยางบดกับถนนที่ถูกปูด้วยยางมะตอยหยาบภายในไร่ ธัชกรพยายามขับให้นิ่มและเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เลี้ยวเข้าไร่ไม่นานก็ถึงที่บ้านใหญ่ เขาเห็นรถเก๋งคุ้นตาก็รู้ได้ทันทีว่าเมียเก่ามา ทันเท่าความคิดน้องสาวสุดที่รักก็วิ่งออกมารับแทบจะทันที
“พี่กร มาช้าจังหนูอึดอัดแทบแย่ นี่มินไปไหนคะ”
“หลับน่ะ อยู่ในรถ”
เมธาวีชะเง้อมอง ก่อนจะลากพี่ชายของเธอออกมาคุยในที่ที่มองจากในบ้านไม่เห็น
“ดีแล้วค่ะที่หลับ วันนี้พี่ญามาบอกว่าจะรอพี่”
“อ๋อ เจ้าแฝดล่ะ” ธัชกรตอบเสียงเรียบไม่ได้ตกใจอะไร
“ยังจะเฉยอีก นี่รถไฟจะชนกันอยู่รอมร่อแล้วนะ” แม่สื่อเป็นกังวลมาทั้งวัน ได้แต่ภาวนาให้พ่อกับแม่ที่เสียไปแล้วของเธอช่วยพี่ชายให้หนีพ้นจากตัวสูบเงินนั่นแทบจะตลอดเวลา
“แล้วจะให้พี่ทำไง เขาคงมาหาลูก”
“มาหาลูกก็ดีสิ นี่ลูกเข้านอนยังไม่คิดจะแวะไปหาลูกเลยทั้งวันเอาแต่เดินสำรวจบ้าน ไม่รู้อยากจะมาขโมยอะไรหรือเปล่า ดีนะพี่ให้หนูเอาไปเก็บไว้ที่เซฟในธนาคารที่กรุงเทพ” หญิงสาวเล่าว่าทั้งวันอดีตพี่สะใภ้ทำตัวยังไงตอนพี่เธอไม่อยู่ “...นี่คงเพราะยังหาอะไรไม่เจอก็เลยยังอยู่นี่ ถ้าเจอป่านนี้แม้แต่พี่ก็คงมาไม่ทันเจอหน้านางหรอก”
“อืม ช่างเถอะตอนนี้ญาอยู่ไหนละ”
“ไม่รู้...” พูดจบเหมือนเมธาวีจะคิดอะไรได้สักอย่างเลยบอกพี่ชาย “...อยู่ในห้องพี่กรแน่เลยอะพี่ นี่อย่าคิดกลับไปกินของเก่าเชียวนะ ไม่งั้นโดนทิ้งอีกรอบหนูจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลยด้วย”
“พี่รู้แล้วน่า เราไปบอกคนงานให้มาขนของด้วย”
น้องสาวตัวแสบเหลือบไปมองเห็นรถไฟฟ้าสองล้อคันใหญ่ที่หลังกระบะก็หันมามองพี่ชายด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“นี่รู้จักกันไม่กี่เดือนก็เปย์เพื่อนหนูแล้วเหรอ เพื่อนหนูน่ารักใช่มั้ยล้า”
“เพ้อเจ้อ พี่ซื้อมาใช้ในไร่ รีบไปบอกลุงหมายไป เดี๋ยวถ้าพวกเขาหลับก่อนเธอจะได้ยกลงคนเดียวนะพี่ไม่ช่วยด้วย”
“ก็ได้ ไม่อยากให้อยู่เป็นก้างก็บอกมาตรง ๆ สิ ชิ” พูดจบเมธาวีก็เดินจากไปทันทีเพื่อทำตามคำสั่งของพี่ชาย
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปมองพบว่าไฟห้องเขาเปิดอยู่ ทันใดนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็แสดงความกังวลขึ้น ธัชกรเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วอุ้มกวินตราทั้งงที่ยังห่มเสื้อของเขา เวลาเธอนอนเนี่ยหลับลึกยิ่งกว่าอะไร นี่ถ้าแผ่นดินไหวจะรู้ตัวกับเขาบ้างไหมเนี่ย
ร่างบางถูกอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน กลิ่นกายหอมกรุ่นของหญิงสาวลอยฟุ้งผสมกับกลิ่นของเขาที่มาจากเสื้อ มองดูดวงหน้างามที่กำลังหลับพริ้มเหมือนกับเด็กน้อย เขาคลี่ยิ้มบาง ๆ ธัชกรเดินเข้ามาในบ้านแม่บ้านก็เดินออกมาต้อนรับเขาจึงถามว่าแขกไปไหนแล้ว แม่บ้านก็บอกว่าตอนนี้ชัญญานอนรอเขาอยู่ที่ห้อง ตอนนี้หลับไปแล้วน่าจะรอนานเกินไป
พอได้ฟังธัชกรจึงพยักหน้ารับก่อนจะพาร่างที่หลับใหลไม่ได้สติเดินขึ้นไปโดยมีแม่บ้านเดินตามมาเปิดประตูให้ ทันทีที่ประตูห้องปิดลงเขาได้ยินเสียงของภรรยาเก่าดังอยู่หน้าห้องในเวลาเดียวกันกับที่กวินตราตื่นขึ้นพอดี เธอตกใจไม่น้อยที่ตื่นมาในอ้อมกอดของเขาแบบนี้
ในระยะที่เขาได้ยินเสียงของชัญญาถามแม่บ้าน หากอีกคนส่งเสียงไม่วายถูกจับได้กันพอดี
“โทษนะคุณ”
ริมฝีปากอุ่นจรดลงจูบริมฝีปากของคนตัวเล็กที่กำลังจะส่งเสียงร้องบอกให้เขาปล่อยเธอลง กวินตราตัวแข็งทื่อขณะที่เหลือบมองสบตาอีกฝ่ายที่กำลังมองเธอกลับมาเหมือนกันในความมืด ดวงตาของทั้งคู่ใสแป๋วราวกับเด็กน้อยที่พบความตื่นเต้น เมื่อกวินตราจะอ้าปากร้องอีกครั้ง ธัชกรก็ขยับปากปิดปากเธอเอาไว้ตามเดิมจนเหมือนทั้งคู่กำลังมอบจูบหวานดูดดื่ม
“เมื่อกี้ใครเข้าไปในห้อง” ชัญญาเดินออกมาถามแม่บ้านเพราะเธอเหมือนได้ยินเสียงรถจนเธอต้องตื่นออกมาดู
“ไม่มีนี่คะ”
“กรกลับมาหรือยัง”
“ป้าพึ่งกลับมาจากห้องของคุณหนูทั้งสอง คุณจะเข้าไปดูเด็ก ๆ หน่อยมั้ยคะ” หญิงชราเริ่มเปลี่ยนเรื่อง เห็น ๆ อยู่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจมาเพราะคิดถึงลูก
“โอ๊ยไม่ล่ะ หลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
พูดจบก็เดินกลับเข้าห้องของตัวเองไป หลังจากที่ได้ยินเสียงปิดประตูธัชกรก็วางกวินตราลงทว่าอีกฝ่ายกลับอ่อนยวบแทบไม่มีแรงยืน
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ” ธัชกรถาม
“มะ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” กวินตราจับริมฝีปากที่ยังร้อนของตัวเอง แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อกี้ธัชกรพึ่งจูบตัวเองไป
“ผมขอโทษ ผมกลัวว่าชัญญาจะได้ยินน่ะก็เลยทำแบบนี้”
“ใครเหรอคะ ภรรยาของคุณงั้นเหรอ”
“อดีตครับ” ธัชกรเปลี่ยนสรรพนามทันควัน “เมื่อกี้...คุณโอเคหรือเปล่า”
“ไม่โอเคค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนขาดทุน” กวินตรามองคนตรงหน้าที่ใช้เพียงความสว่างจากนอกหน้าต่างเห็นใบหน้าของเขาที่มองเธอกลับมาด้วยอารมณ์กล้า ๆ กลัว
กวินตราคลี่ยิ้ม ริมฝีปากบางยังเต้นตุ้บ ๆ ความอุ่นจากเขายังประทับตราตรึงที่ริมฝีปากของเธอ กลิ่นกายที่เธอนอนสูดมาตลอดทางมันทำให้คุ้นเคยทั้งที่พึ่งถูกเขารุกจูบไปกลับไม่ได้รู้สึกโกรธ ทว่าในใจกลับรู้สึกอีกอย่าง
กวินตรารวบรวมความกล้าเข้าไปจรดริมฝีปากกับเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะใจตรงกันกับเธอ เขาตอบสนองเธออย่างรวดเร็ว และเริ่มนำเกมกลับกลายเป็นว่าคนเริ่มก่อนเป็นผู้ตามเสียเอง
ธัชกรหันไปมองกวินตราแล้วพยักหน้าให้อย่างเข้าใจขณะที่เมธาวีเองก็ดูไม่ได้ใส่ใจเหมือนเมื่อก่อนแล้วเขาจึงตอบรับหลังจากที่ทานอะไรเสร็จวันนี้เมธาวีจะขอไปเดินตรวจงานกับกวินตราด้วย ส่วนธัชกรจะตามไปทีหลังเพราะว่าจะรออยู่คุยกับชัญญาก่อนในห้องรับแขกทั้งคู่ได้นั่งลงแล้วเปิดใจ ชัญญาเริ่มบทสนทนาทันทีไม่อ้อมค้อม“ฉันคิดดีแล้วนะคะ คือว่าฉันจะไปจากที่นี่”“คุณจะไปไหน อยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ผมไม่ว่าหรอก ลูกจะได้อยู่กับคุณด้วย”ชัญญาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าธัชกรต้องพูดแบบนี้ เขาเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ“ฉันรู้ค่ะว่าคุณไม่ว่า แต่ฉันคงติดอยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้หรอกนะคะ อีกอย่างไม่นานคุณก็จะแต่งงานใหม่ ถ้ามีเมียเก่าอยู่ด้วยมันจะดูน่าเกลียดไปมั้ย ฉันไม่อยากตกเป็นขี้ปากพวกเด็ก ๆ ในไร่” ชัญญาพูดทีเล่นทีจริง“ใครจะกล้าว่าคุณ ที่นี่ก็บ้านของคุณเหมือนกันอย่าลืมสิครับ...เอาเป็นว่าคุณตัดสินใจยังไงผมจะไม่ขัดขวางเลย แต่ขออย่างเดียวขอให้คุณมาเยี่ยมเด็ก ๆ บ้าง ที่นี่ต้อนรับคุณเสมอนะ”ชัญญาน้ำตาคลอ เธอพึ่งจะคิดได้ว่าจร
ชัญญามองหน้าหัสดินด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ“คุณไม่เสียดายเหรอคะ”“เสียดายสิครับ เสียดายมาก ๆ แต่ว่าผมเองก็ทำให้โอกาสมันหลุดมือไปเอง อีกนิดเดียวพวกเราจะได้แต่งงานกันแล้วแท้ ๆ แต่ผมกลับทำมันพังเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง”“พวกคุณกำลังจะแต่งงาน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นคะ” ชัญญาพลิกเปลี่ยนท่านอนคว่ำเพื่อรอฟังเรื่องของอีกคนที่ดูเหมือนจะน่าสงสารกว่าเธอเสียอีกหัสดินถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับชัญญาฟังชัญญายกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ เธอฟังจบก็ถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้ ที่แท้ชีวิตของชายคนนี้ก็น่าสงสารขนาดนี้ แต่เธอกลับคิดว่าเขาเข้มแข็งมาก ๆ ที่กล้าจะยอมรับความจริง“อยากกลับไปหาคุณมินมั้ยคะ ถ้าคุณอยากแย่งเธอฉันจะช่วย” ชัญญาถามด้วยสีหน้าจริงจังหัสดินชะงักไปครู่ใหญ่ ความคิดมากมายตีกันในหัวแต่ครู่เดียวชัญญาก็หลุดขำออกมา“ล้อเล่นน่ะค่ะ”“ตกใจหมดเลยครับ บอกตรง ๆ ผมก็เสียดายมินนะ แต่ว่าผมคงไม่แย่งเธอกลับมาแล้วละครับ ตอนนี้เธอเจอคนดี ๆ แล้ว ผมคงไม่เห็
นานแล้วที่เขาไม่ได้ฉลองงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยสีสันขนาดนี้ ต้องขอบคุณกวินตราที่เข้ามาในชีวิตของเขา เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองนั้นได้กลับไปแก้ไข้ข้อบกพร่องที่เคยเป็นพ่อและสามีที่เอาแต่ทำงานไม่สนใจครอบครัว และเธอคือคนที่รับข้อบกพร่องนั้นของเขาได้ ทว่าจากนี้ไปธัชกรจะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก“เริ่มรู้สึกเสียดายแล้วเหรอครับพี่ดิน” ทนายหนุ่มกระซิบข้างหูพี่ชายด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง“เปล่า พี่คิดว่าวันนี้มินดูมีความสุขมากเท่านั้น เผลอ ๆ บางทีอาจจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับพี่อีก”“เห้อ คนดีจริงจริ๊งพี่ชายผม ไปดีกว่าครับไปสนุกก่อนกลับ ผมจะเมาให้เละไปเลย”ณัฐชัยลุกขึ้นแล้วคว้าเอาแก้วของตัวเองเพื่อไปสนุกกับสาว ๆ คนงานในไร่ที่อยู่อีกโต๊ะ ก็ด้วยฝีปากช่างพูดช่างเจรจาเขาหาเรื่องมาเล่าจนสาว ๆ นี่กรี๊ดกร๊าดชอบใจกันทั้งโต๊ะ แต่ว่ามีอยู่คนหนึ่งที่เอาแต่มองทนายจอมเจ้าชู้แล้วเบ้ปากวันก่อนยังของขึ้นใส่เธออยู่เลย วันนี้ไปหน้าม่อใส่คนงานบ้านเธอเสียแล้ว เกลียดจริง ๆ ผู้ชายแบบนี้เมธาวีคิดในใจก่อนจะถือแก้วแอลกอฮอล์ของตัวเองเดินเลี
ธัชกรจับแขนของหญิงสาวก่อนจะแกะเธอออก ทว่ายังไม่ทันจะได้เอาเธอออกจากตักเสียงของน้องสาวเธอก็เรียกกวินตราที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านพอดี ธัชกรใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ร่างของชัญญาถูกธัชกรผลักจนล้มลงที่พื้นกวินตรามองทั้งคู่ด้วยสายตาที่ผิดหวังก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องไม่สนกระทั่งเพื่อนสนิทที่เรียกเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังตามมาก็ไม่ทันกวินตราปิดประตูห้องทันทีแล้วล็อกเอาไว้ปัง หญิงสาวหันไปเจอสภาพห้องถึงกับตะลึง ข้าวของเสื้อผ้าของเธอถูกรื้อกระจายเต็มห้อง กวินตราจึงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้ากลับพบว่ามีเสื้อผ้าของคนอื่นมาแทนที่แล้วหญิงสาวเข้าใจแล้ว ธัชกรให้ภรรยาเก่าของเขากลับมาอยู่ที่นี่เหมือนที่แม่บ้านบอกจริง ๆ“มิน มินเปิดประตูให้ผมหน่อย” ธัชกรเรียกหญิงสาวอยู่หน้าห้อง กวินตรายกมือปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้เขาธัชกรเดินเข้ามาในห้องพอได้เห็นอย่างนั้นเขาถึงกับตกใจ มองหน้าหญิงสาวที่ตนรักก็คิดว่าเธอเข้าใจผิดเขาไปมากมายแล้วในตอนนี้“ผมไม่ได้ให้ชัญญามาอยู่ที่ห้องนี้นะ ผมให้เธอไปนอนกับลูก”“ช่างเถอะค่ะ มินไ
กวินตราเดินขึ้นชั้นสองได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็ก ๆ จึงเดินเข้าไปหา เห็นเมธาวีนั่งปลอบหลานชายทั้งสองอยู่ด้วยความยากลำบากเนื่องจากขาของเธอเจ็บและเด็ก ๆ ก็ดิ้นอยากจะเจอพ่อท่าเดียว“เม” กวินตราเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ก่อนจะยิ้มให้กับนที และรพีที่กำลังร้องไห้จนใบหน้าเล็ก ๆ แดงก่ำ“อามิน พ่อกรอยู่ไหนครับ” เด็กน้อยเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งลงตรงหน้าตนเองกวินตรารับร่างเล็ก ๆ ทั้งสองเข้ามากอดเอาไว้ ดูเหมือนนทีกับรพีจะสงบลงได้เมื่อถูกกวินตรากอดเอาไว้ เมธาวีเห็นแบบนั้นก็เข้ามากระซิบว่าเธอจะไปเอาของว่างมาให้ เด็ก ๆ จะได้ใจเย็นลง เมธาวีเลยชวนพี่เลี้ยงลงไปเตรียมของช่วยเธอและป้าน้อยก็ต้องขอตัวไปเตรียมกับข้าวตอนเย็นภายในห้องจึงเหลือแค่กวินตรากับเด็กแฝดสองคน“อยากฟังนิทานมั้ย อามินจะเล่าให้ฟัง”“นิทานเหรอครับ นทีชอบนิทาน” เด็กน้อยยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งไปหยิบหมอนกับผ้าห่มมาเตรียมนอนรอฟัง“รพีก็ชอบครับ ตั้งแต่แม่ไม่อยู่พวกเราก็ไม่เคยฟังนิทานเลย”กวินตราถอนหายใจด้วยความสงสารก่อนจะนอนลงแล้วอ้าแ
“คงอย่างนั้นมั้งคะ” กวินตราพูดก่อนจะหันไปเปิดดูตู้เย็น แต่ว่าในครัวมีแม่บ้านที่กำลังนั่งเตรียมผักอยู่ บางคนก็อยากจะร่วมวงเลยพูดขึ้นบอกทนายหนุ่มแขกของกวินตรา“ใช่ค่ะคุณทนาย เมื่อก่อนพ่อเลี้ยงไม่ได้ร่ำรวยอย่างทุกวันนี้หรอกนะคะ ทั้งสองคนเรียนจบมามีแค่ตัวเปล่า แต่แม่ของหนูเล่าให้ฟัง...” แม่บ้านวัยสิบเจ็บเล่าทำให้ทนายหนุ่มรีบเดินเข้าไปนั่งร่วมวงแม่บ้านเมาท์มอยเรื่องเจ้านาย“...ว่ายังไงครับเล่าหน่อย”เห็นทนายหนุ่มมีความสนใจใคร่รู้เรื่องชาวบ้าน แม่บ้านช่างเมาท์จึงได้เล่าต่อถึงเรื่องราวในอดีตของทั้งสองคนโดยที่ลืมไปเลยว่ากวินตรากับธัชกรมีความสัมพันธ์ดี ๆ ด้วยกันอยู่“ก็เมื่อก่อนเห็นว่าที่นี่เป็นที่ของพ่อคุณชัญญาค่ะ แต่ถูกเจ้าพ่อเมืองลำปางคนก่อนซื้อไป คุณธัชกรเห็นว่าที่นี่สำคัญกับคุณชัญญามากเขาจึงซื้อเอาไว้ก่อนจะทำสวนและต่อเติมโฮมสเตย์หลังจากที่แต่งงานมีลูกกันน่ะค่ะ”“อ้อ แบบนี้นี่เองสินะครับ พอดีผมส่งผู้ชายคนใหม่คนนั้นเข้าคุกไปแล้ว แบบนี้คุณธัชกรคงไม่คิดจะพาคุณชัญญากลับมาที่นี่หรอกมั้งใช่มั้ยครับ ก็ที่นี