Masukเมื่อกลับมาถึงบ้านคุณพ่อลูกสองก็ได้แต่นอนแกร่วอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้านภักดีดำรงเหมือนหมดสิ้นซึ่งความหวังในชีวิต
"เป็นอะไรไอ้หมอก นอนซมเชียวหรือว่าไม่สบาย แล้วเมื่ื่อคืนแกหายหัวไปไหนไม่กลับบ้าน" นายตำรวจรูปหล่อพี่ชายคนโตของบ้านเอ่ยถามขณะเดินลงมาจากห้องนอน
"พี่ตะวัน ไม่ทำการทำงานหรือไงเดี๋ยวเขาก็ไล่ออกหรอก สายป่านนี้เพิ่งจะตื่น" น้องชายคนสุดท้องกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์
"นี่ๆ ไม่ต้องมาย้อน แกยังไม่ได้บอกเลยว่าหายหัวไปไหนมา"
"ไปหาป่านมา"
"ป่าน?? ใช่ผู้หญิงที่ทำให้แกซมซานกลับบ้านมาเมื่อสามปีก่อนน่ะหรือ" ร้อยตำรวจเอกตะวันฉายรีบจ้ำเท้าเดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าน้องชายและเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
"อืม" เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างรำคาญใจเพราะหากว่าเรื่องนี้ถึงหูตะวันฉายเมื่อไหร่ไม่นานเกินรอพี่ชายคนกลางอย่างสินสมุทรแน่
"จะไปหาเขาทำไมวะ เขาหักหลังแกได้ถึงขนาดนั้น" พี่ชายคนโตยังรู้สึกเคืองผู้หญิงที่ไม่รู้จักหน้าคร่าตาคนนี้ไม่หายเมื่อเธอกลายเป็นต้นเหตุให้น้องชายคนเล็กของบ้านถึงกับไม่เอาการเอางานอะไรจนเกือบจะเรียกได้ว่าตรอมใจตั้งไม่รู้กี่เดือนกว่าที่เหมันต์จะทำใจได้
"ไม่ได้ไปหา เขามาหาถึงที่ฟาร์มเลยต่างหาก"
"หมายความว่ายังไง??" คนเป็นพี่ถามอย่างไม่เข้าใจ
"ก็หมายความว่าพี่สินดันไปรับเขามาทำงานแทนคนงานเดิมที่ลาออกไปหน่ะสิ แต่ที่เซอร์ไพร์สกว่านั้นคืออะไรรู้ไหมพี่ ป่านเขาหอบลูกแฝดชายหญิงมาด้วยนี่สิ"
"แล้วไอ้เอกเพื่อนแกทำไมปล่อยให้ลูกเมียมาทำงานที่นี่ได้วะ"
"บังเอิญว่าเด็กสองคนนั้นมันลูกผมไงพี่"
"เฮ้ย!!!!" พี่คนโตแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
ตะวันฉายซักน้องชายตัวเองละเอียดยิบราวกับว่าเหมันต์เป็นผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ไม่มีผิด จนคนที่เพิ่งสร่างจากพิษไข้ไม่มีคำตอบที่จะตอบคำถามของนายตำรวจคนนี้แล้ว
"แล้วนี่หลานๆ พี่อยู่ไหนว่ะเนี่ยะ" ลุงตะวันตื่นเต้นจนออกนอกหน้าที่รู้ว่าตัวเองมีหลานวัยกำลังน่ารักถึงสองคน
"น่าจะอยู่บ้านไอ้เอก"
"แล้วไม่ทราบว่าแกจะนอนอยู่ทำไมไม่ทราบไอ้หมอก ไปรับลูกมาสิ จะได้ทำความคุ้นเคยกับลูกไว้เผื่อกามเทพของแกจะได้ช่วยทำให้แม่ของลูกใจอ่อนได้บ้าง"
เมื่อได้ยินคำแนะนำของพี่ชายก็ทำให้คนที่นอนแกร่วหมดอาลัยตายอยากก็มีพลังขึ้นมาราวกับว่าได้พลังวิเศษ ร่างสูงหยัดกายขึ้นอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะรีบบึ่งรถคู่ใจตรงไปยังไร่อนันตราซึ่งเป็นบ้านของเอกภพทันที
ทันทีที่รถจอดสนิทคุณพ่อรูปหล่อก็รีบวิ่งตรงดิ่งไปตามหาตัวเอกภพในตัวบ้านทันที แต่ไม่ทันที่จะได้ก้าวเข้าไปในตัวบ้านก็พบว่าเด็กทั้งสามคนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานที่หน้าประตู
“ลุงคนนี้ มาทำไม” เด็กชายเหมวิชจ้องมองคนที่มาเยือนด้วยสายตาประหลาดใจ
“พ่อหมอกมารับพี่เรนกลับน้องรุ้งกลับบ้านครับ” คุณพ่อรูปหล่อสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการกับลูกๆ ด้วยความกล้าทั้งหมดที่มี
“พ่อหมอกเหรอ” เด็กหญิงเหมภัสวิ่งไปยืนหลบหลังพี่ชายด้วยท่าทางหวาดระแวง แต่กระนั้นดวงตากลมสวยที่ได้มาจากปารวตียังคงลอบมองคนตัวโตเสียงดุอยู่เป็นระยะ
“อย่าไปเชื่อนะน้องรุ้ง พ่อหมอกมีจริงที่ไหน อีกอย่างแม่ป่านบอกว่าอย่าไปเชื่อคำพูดของคนแปลกหน้าจำไม่ได้เหรอ” คนเป็นพี่ที่แม้จะอายุห่างกันไม่ถึงสามนาทีแต่ก็ยืดอกปกป้องน้องเต็มที่จนน่าประทับใจ
“มีจริงสิลูก พ่อหมอกของหนูไง” ร่างสูงโปร่งก้าวเข้ามาใกล้ๆ หวังจะคว้าตัวลูกเข้ามากอด แต่เหมวิชและเหมภัสก็ร่นถอยห่างไปเรื่อยๆเพื่อรักษาระยะเดิมเอาไว้ อีกทั้งลูกชายตัวน้อยยังส่งสายตาแข็งกร้าวมาข่มขู่ผู้เป็นพ่อให้กลัวอีก
“ไม่มี ไม่รู้จัก” ลูกชายตอบเสียงแข็ง
“ไปเล่นที่อื่นกันดีกว่าเรน รุ้ง” พี่ใหญ่อย่างอธิก้าวเข้ามาปกป้องน้องๆ อย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะรีบพากันวิ่งหนีไปจากคนแปลกหน้าไปเสียดื้อๆ จนคุณพ่อลูกสองได้แต่ส่ายหน้า
“วิ่งหนีอะไรกันมาเด็กๆ” เอกภพที่เพิ่งออกมาจากครัวเอ่ยถามทันทีที่เห็นสามหน่อแสนแสบหน้าซีดเผือดเหมือนกับพบเจออันตรายมาหมาดๆ
“คนแปลกหน้าครับพ่อ เขาบอกว่าชื่อพ่อหมอก” คำตอบของอธิทำให้คนทำหน้าที่พ่อแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว แต่กระนั้นเขาก็ยังคงทำตัวได้เป็นปกติจนได้
แต่ยังไม่ได้ซักถามอะไรมากไปกว่านั้นคนแปลกหน้านามว่าพ่อหมอกก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเนือยแถมบอกบุญไม่รับ
“หายแล้วหรือไงถึงมาได้”
“ก็ดีขึ้นมากแล้ว ขอบใจนะที่ช่วยดูแลเด็กๆ ให้”
แม้จะตอบคำถามเพื่อนรักแต่สายตานั้นกลับมองเอกภพด้วยความอิจฉา เพราะว่าทั้งลูกชายและลูกสาวต่างพากันกอดแข้งขาของลุงเอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ส่วนพ่อแท้ๆ อย่างเขาลูกต่างพากันวิ่งหนีจนหน้าซีดคิดแล้วมันน่าช้ำใจ
“ลุงเอก คุณลุงคนนี้บอกว่าเป็นพ่อหมอกค่ะ แล้วก็บอกด้วยว่าจะมารับน้องรุ้งกับพี่เรนกลับบ้าน” สาวน้อยผมหางม้าอธิบายคุณลุงคนสนิทเป็นคุ้งเป็นแควส่วนคุณลุงผู้ใจดีนั้นก็ตั้งใจรับฟังอย่างไม่ละความสนใจ
“แล้วหนูอยากกลับบ้านไปกับลุงพ่อหมอกไหมคะ” เอกภพปูทางให้พ่อแท้ๆ ได้ใกล้ชิดลูกๆ แต่คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้าไปมาของเด็กหญิงและเด็กชาย
“ทำไมล่ะครับ”
“แม่ป่านบอกว่าไม่ให้ไปกับคนแปลกหน้าค่ะ”
“ใช่ครับ แม่ป่านบอกว่าเขาจะจับไปขาย ถ้าไปกับเขาจะไม่ได้เจอแม่ป่านอีก” เด็กชายเหมวิชอธิบายสำทับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนผู้ใหญ่อย่างเหมันต์และเอกภพเห็นภาพชัดเจน
“แล้วถ้าลุงเอกบอกว่าคุณลุงคนนี้คือพ่อหมอกของรุ้งกับเรนจริงๆ จะเชื่อลุงเอกไหมครับ” คุณลุงใจดีของเด็กๆ เอ่ยถามย้ำ
“ไม่!!” สองพี่น้องตอบพร้อมกันอย่างกับว่ารู้ใจกันดี พร้อมกับส่ายหน้าดิก
“ทำไมล่ะ ครับ เราสองคนเคยบอกลุงไงว่าอยากจะเจอพ่อหมอก เขาก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้วไง” ชายหนุ่มชี้ไปทางเพื่อนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเด็กๆ เพื่อยืนยันว่าคำพูดนั้นเป็นความจริง
แม้จะยืนยันอย่างนั้นแต่เด็กทั้งสองก็ไม่ได้ยินดียินร้ายเลยซักนิดที่ได้พบหน้าพ่อบังเกิดเกล้าที่ตัวเองอยากพบมาตลอดแต่ยิ่งไปกว่านั้นเด็กทั้งสองยังถอยห่างเขาไปไกลกว่าที่เป็นอยู่อีก
“เสียใจด้วยนะไอ้หมอก งานนี้แห้วว่ะ” เอกภพเดินเข้าไปตบบ่ากว้างของเพื่อนอย่างเห็นใจ แม้จะเห็นใจเหมันต์เพียงใดก็ไม่อาจช่วยอะไรได้เพราะทั้งหมดนี้มันคือผลของการกระทำในอดีตของคนเอาแต่ใจอย่างเหมันต์ทั้งสิ้น
“เออ เข้าใจเว้ย ก็ลูกไม่คุ้นจะให้วิ่งเข้ามาหามันก็ใช่ที่แถมแม่ยังสอนมาขนาดนี้ ขืนฉันสุ่มสี่สุ่มห้าอุ้มไปนอกจากจะเป็นการทำลูกกลัวแล้ว รับรองว่าป่านคงเอาเลือดหัวฉันออกแน่”
“เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวฉันโทรไปขออนุญาตป่านให้ ว่าแต่แกจะเอาหลานไปไหนวะ พรวดพราดมาไม่บอกกันก่อนอย่างนี้” เจ้าของไร่อนันตราเอ่ยถามอย่างสงสัย
“พี่ตะวันมันอยากจะเล่นกับหลาน ตะวันฉายรู้ สินสมุทรก็รู้เชื่อฉันสิ” แต่ไม่ทนที่จะได้พูดจบประโยคเสียงโทรศัพท์มือถือของเหมันต์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา หน้าจอโทรศัพท์บอกชื่อคนโทรมาเสียเสร็จสรรพ
“นั่นไง พี่ยักษ์ของแกโทรมาแล้ว ผิดคำฉันซะที่ไหน” เหมันต์หรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายที่จะต้องได้รับฟังคำบ่นของพี่ชายคนกลางจนหูชาเหมือนผู้หญิงไม่มีผิด ให้ตายเถอะเขาชักสงสัยแล้วว่าพี่ชายอย่างสินสมุทรคนนี้มองผู้หญิงบ้างหรือเปล่า
“โอ้ย!! ช้าๆ พี่สินฟังไม่ทัน สำนึกไม่ทันด้วย” พี่ชายคนกลางร่ายคำสั่งสอนมาเป็นชุดๆ ทันทีที่น้องชายกดรับสาย
“ผมรู้แล้วว่าผมผิด ตอนนี้ก็พยายามง้ออยู่ไง พี่ใจเย็นๆ ก่อนสิ” น้องชายคนเล็กดึงโทรศัพท์ออกจากหูทันทีก่อนที่โสตประสาทเขาอาจจะพิการถาวรจากคำบ่นของพี่ชายเจ้าระเบียบ
“รู้แล้วน่าพี่ เรื่องพ่อสืบไปถึงไหนแล้วล่ะ ตกลงว่าพ่อมีผู้หญิงที่จะมาแทนที่แม่จริงหรือเปล่า” น้องชายถามความคืบหน้าเรื่องบิดาที่ลูกชายทั้งสามสงสัยว่าพวกเขาอาจจะได้มีแม่เลี้ยงเร็วๆ นี้
“ครับๆ” เขารับคำพี่ชายก่อนจะกดวางสายด้วยสีหน้าแสนจะบึ้งตึง
“เอาไงไอ้หมอก ตกลงจะพาเด็กๆ ไปหาลุงตะวันอยู่ไหม” เอกภพเอ่ยถาม
“ฉันโทรไปหาป่านเอง ถ้าป่านไม่อนุญาตฉันก็ไม่อยากลัดขั้นตอน เดี๋ยวเกิดป่านหอบลูกหนี ฉันโดนพี่ๆ เล่นงานแน่ ว่าแต่แกมีเบอร์โทรป่านไหม”
“เบอร์เดิมนั่นแหละ ป่านเขาไม่เคยเปลี่ยนหรอก”
คำตอบของเอกภพทำให้เจ้านายที่พ่วงตำแหน่งพ่อของลูกมาด้วยอย่างเหมันต์รู้สึกดีใจอย่างประหลาด เขาหวังลึกๆ ว่าหัวใจเธอจะยังไม่เปลี่ยนไปเช่นกัน ฉับพลันมือหนาก็กดโทรออกไปหาเบอร์ที่เขาไม่เคยลืมเลือนเพื่อต่อปลายสายหาเจ้าของเพื่อขออนุญาตให้เขาได้เข้าใกล้ลูกทันที
เมื่อกลับมาถึงบ้านคุณพ่อลูกสองก็ได้แต่นอนแกร่วอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้านภักดีดำรงเหมือนหมดสิ้นซึ่งความหวังในชีวิต"เป็นอะไรไอ้หมอก นอนซมเชียวหรือว่าไม่สบาย แล้วเมื่ื่อคืนแกหายหัวไปไหนไม่กลับบ้าน" นายตำรวจรูปหล่อพี่ชายคนโตของบ้านเอ่ยถามขณะเดินลงมาจากห้องนอน"พี่ตะวัน ไม่ทำการทำงานหรือไงเดี๋ยวเขาก็ไล่ออกหรอก สายป่านนี้เพิ่งจะตื่น" น้องชายคนสุดท้องกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์"นี่ๆ ไม่ต้องมาย้อน แกยังไม่ได้บอกเลยว่าหายหัวไปไหนมา""ไปหาป่านมา""ป่าน?? ใช่ผู้หญิงที่ทำให้แกซมซานกลับบ้านมาเมื่อสามปีก่อนน่ะหรือ" ร้อยตำรวจเอกตะวันฉายรีบจ้ำเท้าเดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าน้องชายและเอ่ยถามอย่างใคร่รู้"อืม" เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างรำคาญใจเพราะหากว่าเรื่องนี้ถึงหูตะวันฉายเมื่อไหร่ไม่นานเกินรอพี่ชายคนกลางอย่างสินสมุทรแน่"จะไปหาเขาทำไมวะ เขาหักหลังแกได้ถึงขนาดนั้น" พี่ชายคนโตยังรู้สึกเคืองผู้หญิงที่ไม่รู้จักหน้าคร่าตาคนนี้ไม่หายเมื่อเธอกลายเป็นต้นเหตุให้น้องชายคนเล็กของบ้านถึงกับไม่เอาการเอางานอะไรจนเกือบจะเรียกได้ว่าตรอมใจตั้งไม่รู้กี่เดือนกว่าที่เหมันต์
ร่างกายบอบบางถูกคนตัวโตกว่าจับรวบเอาไว้ในอ้อมกอดที่แสนแน่นหนาไม่ต่างจากปราการเหล็กที่กักขังนักโทษ เธออยากจะโวยวายและดิ้นรนให้พ้นนักแต่รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็วางแนบลงไปบนที่นอนนุ่มเสียแล้ว แล้วอย่างนี้เธอจะมีโอกาสรอดเงื้อมมือเขาหรือฝ่ามือหยาบกร้านตามสภาพบุรุษเริ่มป่ายปีนตามไหล่มนลาดของอีกคนอย่างชำนิชำนาญค่อยๆ ปลดชุดนอนสายเดี่ยวสีฟ้าอ่อนให้ร่วงหล่นไปตามเรียวแขนบอบบางอย่างอ้อยอิ่งปลดปล่อยให้ผิวนุ่มนิ่มพ้นจากพันธนาการของอาภรณ์อย่างลื่นไหลให้อกอิ่มคู่สวยเบียดเสียดอยู่กับแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาอย่างจง ใจ"ปล่อยนะคนขี้โกง" หญิงสาวต่อว่าต่อขานคนตรงหน้าทันทีที่ริมฝีปากถูกคลายผนึกที่แสนหวานจากเขา ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความเขินอายไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าช่วงขณะหนึ่งนั้นเธอหลงใหลไปกับรสจุมพิตของเขาอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด"บอก...ว่า...ให้...ปล่อย"ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อพ่อของลูกให้ริมฝีปากที่ร้ายกาจของเขาสำรวจเรือนร่างของเธออย่างไม่ขออนุญาต ลมหายใจร้อนแผ่ลงบนผิวเนียนสวยรับรู้ถึงความอุ่นจากริมฝีปากหยักสีสุขภาพดีของเหมันต์อย่างแจ่มแจ้ง ตอ
เช้าวันต่อมาดูเหมือนว่าน้องรุ้งกับพี่เรนจะหายจากพิษไข้เป็นปลิดทิ้งเพราะต่างก็ตื่นขึ้นมารับแสงอาทิตย์และลมทะเลกันแต่เช้าด้วยความร่าเริงและตื่นเต้นราวกับว่าไม่เคยเจ็บป่วยเสียอย่างนั้น"อย่าเพิ่งออกไปตากแดดสิคะ เดี๋ยวไม่สบายต้องกินยากันอีกนะ" คุณแม่คนสวยรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าเด็กๆ อยากจะออกไปท้าความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ยอมกลับเข้ามาในบ้านพัก"ค่ะ/ครับ" เด็กจอมซนเชื่อฟังคำของมารดาอย่างว่าง่ายเพราะยังเข็ดหลาบกับรสชาติของยาที่ได้กินเข้าไปเมื่อคืนไม่หายเมื่อเข้ามาในบ้านสองพี่น้องก็นั่งล้อมคนตัวโตที่นอนหลับเหงื่อท่วมไม่รู้เรื่องอยู่บนที่นอนด้วยความสงสัยใคร่รู้"แม่ป่านคะ คุณลุงคนเมื่อวานมาทำอะไรที่บ้านเราคะ""พี่เรนไม่ชอบคุณลุงคนนี้เลยครับ" เมื่อคนพี่เอ่ยว่าไม่ชอบขี้หน้าเจ้านายของแม่คนน้องก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงเห็นพ้องต้องกัน"ไม่เอานะเด็กๆ ต้องขอบคุณคุณลุงนะลูกที่เมื่อวานพาพี่เรนไปหาหมอ""น้องรุ้งว่าคุณลุงหน้าเหมือนพี่เรนนะ" เด็กหญิงช่างพูดก้มมองคุณลุงที่นอนหลับตาพริ้มพลางใช้ดวงตากลมสวยสำรวจใบหน้าของเขาจนถ้วนทั่วก่อนจะเงยหน้าไปทางพี่ชายฝา
ปารวตีเฝ้าเช็ดตัวให้ลูกชายจนเปลี่ยนน้ำไปหลายกะละมังแต่เหมวิชก็ไม่มีทีท่าว่าไข้จะลดลงเลยแม้แต่น้อย แถมยังโยเยเพราะไม่สบายตัวอีกยิ่งทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอเสียใจนักที่พาลูกมาที่นี่"แม่ป่าน ร้อนๆ" ลูกชายคว้ามือบอบบางของคุณแม่เข้าไปกอดทั้งที่ยังหลับตา ทำให้หญิงสาวสงสารลูกเหลือเกิน นี่แค่วันแรกยังป่วยขนาดนี้ ถ้าเกิดคนน้องเจ็บไข้ขึ้นมาอีกคนเธอคงจะลำบากไม่น้อย ถ้าพ่อกับแม่ของเธออยู่ที่นี่ด้วยก็คงจะดีอย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งทางใจให้เธอได้"พี่เรน อดทนหน่อยนะลูกเดี๋ยวลุงเอกก็มาแล้ว" คุณแม่ยังสาวเอ่ยปลอบโยนพลางเช็ดตัวลดไข้ให้อย่างไม่ขาด"ร้อน แม่ป่าน ร้อน" พูดจบเด็กชายก็ร้องงอแงขึ้นมาทันทีจากความร้อนที่ไม่ยอมลดลงจนทำให้ไม่สามรถนอนหลับต่อไปได้"ป่าน ลูกเป็นยังไงบ้าง" เหมันต์เปิดประตูเข้ามาด้วยความร้อนใจ ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกปวดหนึบหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ภาพที่ปารวตีอุ้มเด็กชายกล่อมเอาไว้บนตักส่วนมืออีกข้างนั้นก็คอยพัดวีให้ลูกสาวอย่างไม่รู้จักเหนื่อย วินาทีนั้นเขารู้ได้ทันทีว่าปารวตีเก่งและเข้มแข็งแค่ไหน ต่างกับเขาที่ทำตัวเป็นคนอ่อนแอแถมยังเป็นพ่อที่ไม่ได
"หมอก!! ป่านอาจจะขอมากไปแต่ว่าป่านอยากจะได้ที่นอนหลังใหม่ แล้วก็อีกอย่างขอเริ่มงานอาทิตย์หน้าได้หรือเปล่า ป่านยังต้องจัดการเรื่องที่พักกับโรงเรียนของเด็กๆ อีก" เมื่ออยู่กันแค่สองคนหญิงสาวก็เรียกเขาด้วยสรรพนามที่เคยเรียกทันที"อย่ามาเรียกอย่างสนิทสนมนะป่าน ตอนนี้ผมเป็นเจ้านาย ป่านเป็นแค่ลูกน้อง""ขอโทษค่ะ ที่ดิฉันบังอาจทำตัวสนิทสนมกับคุณให้เคือง แต่ว่าเรื่องที่ดิฉันขอไปนั้นคุณเหมันต์ว่ายังไงคะ" หญิงสาวถึงกับเสียงอ่อยเมื่ออีกคนแสดงความห่างเหินชัดเจนแม้แต่ความเป็นเพื่อนเขาก็ไม่เหลือไว้ให้"วันนี้คงไม่ได้ งานผมยุ่ง แต่พรุ่งนี้ผมจะจัดการให้ ส่วนเรื่องเริ่มงานก็เป็นไปตามที่คุณขอ เพราะเห็นว่ามีลูกเล็กหรอกนะถึงหยวนให้ได้" เจ้านายหนุ่มวางมาดยโสเสียจนน่าหมั่นไส้"ขอบคุณนะคะ แต่ว่าเรื่องที่นอนคงรอไม่ได้ ดิฉันกลัวว่าลูกจะไม่สบายรบกวนคุณเหมันต์ช่วยคืนโทรศัพท์ให้ดิฉันด้วยค่ะ" ฝ่ามือบางยื่นไปเพื่อรับของของตัวเองคืนเหมันต์หยิบโทรศัพท์คืนให้หญิงสาวอย่างลังเลเมื่อเห็นว่ามันทั้งเก่าและเต็มไปด้วยรอยแตกมากมายจนไม่น่าจะใช้การได้อีก"ทำไมไม่ซื้อใหม่ซะ ดูสภาพแล้วอ
"สบายดีเหรอ ป่าน" เอกภพที่มารอรับปารวตีและหลานๆ เอ่ยทักทายพร้อมกับย่อตัวลงกอดเด็กฝาแฝดที่หน้าตาบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นลูกหลานบ้านภักดีดำรงแน่นอน"สบายดีค่ะ ลุงเอก" เด็กหญิงตอบคำถามเจื้อยแจ้ว"ขอบคุณมากนะเอกที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอด รวมถึงเรื่องงานด้วย ถ้าไม่ได้เอกเราก็คงไม่รู้จะทำยังไงดี" ปารวตีเอ่ยอย่างซาบซึ้งเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อนอย่างเขาคอยดูแลเอาใจใส่เธอด้วยไมตรีที่ดีมาตลอดหลายปี"เรื่องเล็กน่า ถ้าเทียบกับเรื่องที่เราเคยทำให้ป่านกับเด็กๆ ต้องลำบาก อีกอย่างถ้าไม่ได้ป่านคอยช่วยเรากับเจ้าอ้น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไง" เอกภพเอ่ยอย่างรู้สึกผิดถ้าไม่ใช่เพราะเขาที่ทำให้เหมันต์เข้าใจผิดป่านนี้เด็กๆ กับปารวตีคงจะมีรอยยิ้มที่สดใสกว่านี้แน่ๆ"ลุงเอกครับ เรนอยากเล่นน้ำทะเลแล้วครับ" ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันต่อเด็กชายตัวน้อยก็ขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน"ไปสิครับ แต่ว่าเราต้องไปที่ทำงานแม่ป่านก่อนนะครับ" คนเป็นแม่อธิบายให้เด็กชายวัยสามขวบฟัง"ครับ"ทางด้านเหมันต์หลังจากเรียนจบเขาก็เลือกกลับมาช่วยกิจการที่บ้านโดยส่วนที่เขาได้รับผิดชอบคือส่วนของรีสอร์ทที่มารดาเป็นผู้ริเริ่มทำเอาไว้แม้ว่าในวันนี้ม






![[Bad Loves] บำเรอแค้นศัตรูพี่ชาย (3P)](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
