LOGINร่างกายบอบบางถูกคนตัวโตกว่าจับรวบเอาไว้ในอ้อมกอดที่แสนแน่นหนาไม่ต่างจากปราการเหล็กที่กักขังนักโทษ เธออยากจะโวยวายและดิ้นรนให้พ้นนักแต่รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็วางแนบลงไปบนที่นอนนุ่มเสียแล้ว แล้วอย่างนี้เธอจะมีโอกาสรอดเงื้อมมือเขาหรือ
ฝ่ามือหยาบกร้านตามสภาพบุรุษเริ่มป่ายปีนตามไหล่มนลาดของอีกคนอย่างชำนิชำนาญค่อยๆ ปลดชุดนอนสายเดี่ยวสีฟ้าอ่อนให้ร่วงหล่นไปตามเรียวแขนบอบบางอย่างอ้อยอิ่งปลดปล่อยให้ผิวนุ่มนิ่มพ้นจากพันธนาการของอาภรณ์อย่างลื่นไหลให้อกอิ่มคู่สวยเบียดเสียดอยู่กับแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาอย่างจง ใจ
"ปล่อยนะคนขี้โกง" หญิงสาวต่อว่าต่อขานคนตรงหน้าทันทีที่ริมฝีปากถูกคลายผนึกที่แสนหวานจากเขา ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความเขินอายไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าช่วงขณะหนึ่งนั้นเธอหลงใหลไปกับรสจุมพิตของเขาอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด
"บอก...ว่า...ให้...ปล่อย"
ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อพ่อของลูกให้ริมฝีปากที่ร้ายกาจของเขาสำรวจเรือนร่างของเธออย่างไม่ขออนุญาต ลมหายใจร้อนแผ่ลงบนผิวเนียนสวยรับรู้ถึงความอุ่นจากริมฝีปากหยักสีสุขภาพดีของเหมันต์อย่างแจ่มแจ้ง ตอนนี้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเสียจนแทบจะหลุดออกจากขั้วเมื่อซอกคอขาวผ่องถูกขบเม้มจนเป็นรอยแดงตัดกับสีผิวขาวผ่องอย่างไม่ว่างเว้น เขาตระเวนประทับรอยความเป็นเจ้าของไปทั่ว ทุกตารางนิ้วที่ลัดเลาะไปสร้างความร้อนรุ่มให้ปารวตีจนแทบบ้า ความคิดสั่งให้เธอทำอะไรซักอย่างก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ แต่ให้ตายเถอะสัมผัสที่เหมันต์จัดการกับเนื้อตัวของเธอมันทำลายความคิดของเธอซะจนกระจัดกระจายไปหมดแล้ว มือบอบบางที่น่าจะทุบตีอีกฝ่ายให้ร่นถอยกลับเกี่ยวกอดเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้ถอยหนี ที่น่าขายหน้ายิ่งกว่าคือมือไม้เจ้ากรรมดันรั้งคนที่อยากจะผลักไสให้เข้ามาอิงแอบอยู่บนร่างกายให้มากกว่าที่เป็นอยู่เสียอีก
ชายหนุ่มรุกเร้าร่างกายนุ่มนิ่มจนอ่อนระทวยเสียยิ่งกว่าขี้ผึ้งลนไฟอย่างได้ใจแต่แล้วก็ค้นพบว่าตัวเองนั้นไม่ได้เก่งกาจอย่างที่คิดเมื่อร่างกายสมชายชาญถูกรั้งเข้าไปแนบชิดกับผิวเนียนละเอียดเสียจนแทบเสียศูนย์ ใบหน้าคมเข้มแสนหล่อเหลาเริ่มเคร่งเครียดเมื่อต้องคอยหักห้ามอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เตลิดไปมากกว่านี้ก่อนจะถึงเวลาที่เหมาะเจาะ เหมันต์ขบกรามแน่นเพื่อฝืนความต้องการที่ร่ำร้องก่อนจะหันมาจัดการกับเสื้อผ้าที่เกะกะขวางทางของตัวเองโยนทิ้งไปอย่างรีบร้อนเมื่อความอดทนที่มีลดต่ำลงเรื่อยๆ เพราะความงามที่อวดโฉมท้าทายอยู่ตรงหน้ามันเย้ายวนชวนเชิญให้เขาลิ้มลองอยู่ทุกวินาที ไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยว่าผู้หญิงที่เขารักฝังใจตั้งแต่วันแรกมาจนถึงนาทีนี้จะผ่านการมีลูกน่ารักมาแล้วสองคนเพราะทรวดทรงที่ยังคงความงดงามไม่เปลี่ยนมันสะกดหัวใจของเขาเอาไว้ได้อยู่หมัดจนรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่เอกภพไม่ได้เกี่ยวหัวใจเธอไปครอบครอง
เหมันต์ก้มลงจุมพิตสาวสวยตรงหน้าอีกครั้งด้วยความเสน่หาไล่เรียงมาตั้งแต่หน้าผากมนสวย ปลายจมูกเชิดรั้นลงมาถึงริมฝีปากสีชมพูระเรื่อโดยไม่ลืมที่จะพิสูจน์ความนิ่มของพวงแก้มสีระเรื่อเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก่อนจะเริ่มร่ายบทรักในความทรงจำที่ปิดตายให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งอย่างบรรจง
ร่างบางถูกวางลงบนฟูกหนานุ่มอย่างอ่อนโยนตามติดมาด้วยปราการกล้ามเนื้อกำยำที่โถมทาบลงมามอบความอบอุ่นที่แสนหวามไหวให้ใจสั่น หญิงสาวเอ่ยพร่ำเรียกชื่อคนตรงหน้าแทบไม่เป็นภาษา ลมหายใจที่เคยคล่องแคล่วกลับต้องขาดจังหวะเป็นห้วงๆ ยามถูกเขาจู่โจมไปทั่วทุกสรรพางค์ร่างกายจนหญิงสาวแทบจะขาดใจ เอื้อนเอ่ยอ้อนขอความเมตตาจากคนใจร้ายรูปหล่อให้มอบความรัญจวนให้อย่างเต็มอกเต็มใจ
ทันทีที่หลอมรวมกลายเป็นคนเดียวกันปารวตีก็ผวาเข้าสวมกอดคนตรงหน้าทันทีเพราะถูกความรู้สึกรัญจวนที่ห่างหายไปนานเข้าโจมตีอย่างไม่ทันคาดคิด ร่างกายเธอเหมือนกำลังจะถูกฉีกให้ขาดออกจากกันเดี๋ยวนั้นเมื่อพ่อของลูกแทรกกายเข้ามาทักทาย ความอบอุ่นจากร่างกายหนาที่โถมทับลงมาทำให้ผิวขาวสวยร้อนระอุเหมือนถูกไฟแผดเผา ร่างกายนุ่มนิ่มเบียดเสียดเข้าหากล้ามเนื้อแข็งแรงของชายหนุ่มอย่างลืมตัวลืมใจตอบสนองรสรักของเขาโดยอัตโนมัติแม้จะรู้ดีแก่ใจว่าเขาอาจทำไปเพราะความหลงเพียงชั่วคราวและเธออาจต้องพบพานกับความเสียใจอีกก็ตาม แต่ความทรมานที่แสนวาบหวามนี้ก็ยากเกินกว่าที่เธอจะสามารถหยุดยั้งได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์อย่างเสียมิได้
ทางด้านเหมันต์เองก็เหมือนจะแย่เมื่อสิ่งที่เขาพบพานนั้นมันยากเกินกว่าที่เขาคิดว่าจะรับมือได้แม้จะเคยรับมือกับมันมาแล้วก็ตามแต่เขาเพิ่งได้รู้ว่าเวลานี้มันยากกว่ามากเหลือเกิน เวลานี้หญิงสาวทำให้เขาได้รู้แล้วว่าเขายังคงเป็นคนเดียวที่เป็นสามีทางพฤตินัยไม่มีอะไรมาโต้แย้งได้ การตอบสนองบทรักของหญิงสาวทำให้เขาแทบจะคลั่งตายไม่ยากจะเชื่อเลยว่าหัวใจของเขาจะรู้สึกถูกเติมเต็มได้อย่างนี้หลังจากที่มันถูกปิดตายมานานถึงสามปี
ความทรงจำแห่งรักที่ทั้งสองคนช่วยกันรื้อฟื้นต่างก็ทรมานซึ่งกันและกันแม้จะห่างหายไปหลายปีแต่บทรักแสนร้อนแรงก็ดำเนินไปอย่างไม่มีสะดุดเสียงหวานคอยพร่ำเพ้อเรียกหาคนขี้โกงอยู่ไม่แทบไม่เป็นภาษาสลับกับเสียงทุ้มที่แหบพร่าเหมือนสัตว์ป่ากำลังเจ็บชนิดที่ไม่มีใครยอมเพลี่ยงพล้ำให้ใคร ร่างบึกบึนที่โจมตีอย่างร้ายกาจถูกเอาคืนอย่างสามสมด้วยร่างกายบอบบางที่ไม่ยอมแพ้จนท้ายที่สุดไฟร้อนแรงที่แผดเผาทั้งคู่ก็ดับลงพร้อมกับร่างบางที่นอนหายใจเอาอากาศเข้าปอดอยู่บนอกกว้างเรียบร้อยโรงเรียนนายหมอกจนได้
ทันทีที่บทรักจบลงสติที่ควรจะมีของหญิงสาวก็ค่อยๆ กลับมาดวงตากลมโตรื้นน้ำตาอย่างไม่อายด้วยความเจ็บใจนักที่ปล่อยให้ตัวเองเผลอไผลไปกับเขาเสียได้ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นหน้าเขาแล้วว่าเธอจะไม่มีวันกลับไปรู้สึกอะไรกับเขามากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง พ่อและแม่ของลูกทั้งสองแต่มันก็ลงเอยอย่างนี้จนได้ ไวเท่าความคิดคุณแม่ลูกสองก็กระวีกระวาดจัดการคว้าเสื้อผ้าที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมใส่ในทันทีโดยไม่ยอมที่จะเผชิญหน้าเหมันต์แม้แต่หางตา
"เดี๋ยวสิป่าน ป่าน ป่าน หมอกขอโทษ" คุณพ่อรูปหล่อรีบดึงร่างที่เขาเพิ่งจะพิสูจน์ความนิ่มเข้ามกอด ด้วยรู้ดีว่าตัวเองฉวยโอกาสตักตวงความร้อนแรงจากร่างกายนี้เพียงใดหากเธอจะขุ่นเคืองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
"ถ้าพอใจแล้วก็กลับไปได้แล้วค่ะ ดิฉันต้องรีบเก็บกวาดที่พักก่อนลูกๆ จะมา" เสียงสั่นเครือของปารวตีมันทำให้คนที่ได้ยินอย่างเหมันต์อยากจะเอาหัวเคาะกับพื้นซีเมนต์นักที่ไม่รู้จักห้ามใจจนทำให้สถานการณ์ที่กำลังจะดีขึ้นเลวร้ายลง ทั้งที่เธอยอมให้เข้าใกล้ได้แล้วแท้ๆ
"ป่าน หมอกขอโทษนะที่ทำอะไรเอาแต่ใจกับป่านอีกแล้ว" ริมฝีปากหยักก้มลงจุมพิตบนเรือนผมสีดำขลับอย่างสำนึก เขาผิดเองที่ย่ามใจคิดว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาจะฟื้นคืนมาอย่างง่ายๆ
"ครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายระหว่างเราค่ะ จะไม่มีครั้งต่อไปอีกเพราะการที่ดิฉันมาที่นี่คือการมาทำงานไม่ได้มาสนองเรื่องบนเตียงให้กับใคร" หญิงสาวต่อว่าคนร้ายกาจอย่างไม่ไว้หน้า เขากำลังปั่นหัวเธอเล่นและเขาก็ทำสำเร็จเสียด้วย
"ป่านยังรักหมอกอยู่หรือเปล่า"
"ตอบสิป่าน หมอกอยากรู้" เมื่อหญิงสาวไม่ยอมปริปาก ยิ่งทำให้เขายิ่งกลัวกับคำตอบ กลัวเหลือเกินว่าเธอจะตอบในสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยิน
"มันมีค่าเท่ากันนั่นแหละค่ะ ตอนนี้ชีวิตของดิฉันมีแค่เรนกับรุ้งเท่านั้น เรื่องอื่นจากนี้ไม่ได้มีความสำคัญอะไรทั้งนั้น ถ้าหมดคำถามแล้วรบกวนคุณเหมันต์สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วก็ออกไปจากที่ของดิฉันได้แล้วค่ะ ใครมาเห็นเข้าเขาจะเอาไปนินทาได้ว่าฉันคิดจะเอาร่างกายมาจับเจ้านาย"
“ก็ลองใครมาว่าดูสิ หมอกจะไล่ออกให้หมด”
“เรื่องในวันนี้ฉันจะถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุก็แล้วกันค่ะ”
“อุบัติเหตุใช้ไม่ได้หรอก เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่กับเรื่องเมื่อกี้หมอกตั้งใจให้มันเกิด เพราะหมอกอยากให้เรากลับมาเหมือนเดิม”
“เหมือนเดิมคือการที่คุณทิ้งฉันไปอย่างไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้นอย่างนั้นหรือ” วาจาประชดประชันของหญิงสาวมันช่างเจ็บหัวใจเขาดีเหลือเกิน
"เฮ้อ!! ป่านครับ เลิกทำน้ำเสียงอย่างนี้กับหมอกเถอะนะ หมอกไม่ชอบเลย เรากลับมาพูดกันดีๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรือ" ศีรษะหนักวางเกยบนไหล่มนหวังอ้อนให้อีกฝ่ายยอมใจอ่อน
"ไม่ดีกว่าค่ะ แบบนี้มันดีอยู่แล้ว"
"ไม่ดี หมอกว่ามันแย่ด้วยซ้ำไป หมอกอยากให้ป่านรู้นะว่าหมอกคิดถึงแค่ป่านมาตลอดสามปี อยากกลับไปขอคืนดีทุกวันเลย แต่กลัวว่าป่านมีความสุขอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่หมอก หมอกทนดูไม่ได้หรอก"
"ความจริงมันควรเป็นอย่างนั้นค่ะ แต่บังเอิญว่าดิฉันมีลูกติดเลยไม่มีใครกล้าเข้ามาแวะเวียนเท่าไหร่" เป็นอีกครั้งที่สาวสวยประชดประชันได้อย่างเจ็บแสบ
ทั้งน้ำเสียงและท่าทางที่เมินเฉยของหญิงสาวทำให้เจ้านายหนุ่มคลายอ้อมกอดอย่างยอมจำนน ชายหนุ่มจัดการสวมใส่เสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่กับพื้นห้องจนมิดชิดโดยที่สายตานั้นได้แต่มองดูแม่ของลูกจัดการกับบริเวณที่พักโดยไม่มีความกล้าแม้แต่จะเอ่ยลา ร่างสูงโปร่งจึงเดินออกไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
เมื่อกลับมาถึงบ้านคุณพ่อลูกสองก็ได้แต่นอนแกร่วอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้านภักดีดำรงเหมือนหมดสิ้นซึ่งความหวังในชีวิต"เป็นอะไรไอ้หมอก นอนซมเชียวหรือว่าไม่สบาย แล้วเมื่ื่อคืนแกหายหัวไปไหนไม่กลับบ้าน" นายตำรวจรูปหล่อพี่ชายคนโตของบ้านเอ่ยถามขณะเดินลงมาจากห้องนอน"พี่ตะวัน ไม่ทำการทำงานหรือไงเดี๋ยวเขาก็ไล่ออกหรอก สายป่านนี้เพิ่งจะตื่น" น้องชายคนสุดท้องกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์"นี่ๆ ไม่ต้องมาย้อน แกยังไม่ได้บอกเลยว่าหายหัวไปไหนมา""ไปหาป่านมา""ป่าน?? ใช่ผู้หญิงที่ทำให้แกซมซานกลับบ้านมาเมื่อสามปีก่อนน่ะหรือ" ร้อยตำรวจเอกตะวันฉายรีบจ้ำเท้าเดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าน้องชายและเอ่ยถามอย่างใคร่รู้"อืม" เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างรำคาญใจเพราะหากว่าเรื่องนี้ถึงหูตะวันฉายเมื่อไหร่ไม่นานเกินรอพี่ชายคนกลางอย่างสินสมุทรแน่"จะไปหาเขาทำไมวะ เขาหักหลังแกได้ถึงขนาดนั้น" พี่ชายคนโตยังรู้สึกเคืองผู้หญิงที่ไม่รู้จักหน้าคร่าตาคนนี้ไม่หายเมื่อเธอกลายเป็นต้นเหตุให้น้องชายคนเล็กของบ้านถึงกับไม่เอาการเอางานอะไรจนเกือบจะเรียกได้ว่าตรอมใจตั้งไม่รู้กี่เดือนกว่าที่เหมันต์
ร่างกายบอบบางถูกคนตัวโตกว่าจับรวบเอาไว้ในอ้อมกอดที่แสนแน่นหนาไม่ต่างจากปราการเหล็กที่กักขังนักโทษ เธออยากจะโวยวายและดิ้นรนให้พ้นนักแต่รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็วางแนบลงไปบนที่นอนนุ่มเสียแล้ว แล้วอย่างนี้เธอจะมีโอกาสรอดเงื้อมมือเขาหรือฝ่ามือหยาบกร้านตามสภาพบุรุษเริ่มป่ายปีนตามไหล่มนลาดของอีกคนอย่างชำนิชำนาญค่อยๆ ปลดชุดนอนสายเดี่ยวสีฟ้าอ่อนให้ร่วงหล่นไปตามเรียวแขนบอบบางอย่างอ้อยอิ่งปลดปล่อยให้ผิวนุ่มนิ่มพ้นจากพันธนาการของอาภรณ์อย่างลื่นไหลให้อกอิ่มคู่สวยเบียดเสียดอยู่กับแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาอย่างจง ใจ"ปล่อยนะคนขี้โกง" หญิงสาวต่อว่าต่อขานคนตรงหน้าทันทีที่ริมฝีปากถูกคลายผนึกที่แสนหวานจากเขา ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความเขินอายไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าช่วงขณะหนึ่งนั้นเธอหลงใหลไปกับรสจุมพิตของเขาอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด"บอก...ว่า...ให้...ปล่อย"ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อพ่อของลูกให้ริมฝีปากที่ร้ายกาจของเขาสำรวจเรือนร่างของเธออย่างไม่ขออนุญาต ลมหายใจร้อนแผ่ลงบนผิวเนียนสวยรับรู้ถึงความอุ่นจากริมฝีปากหยักสีสุขภาพดีของเหมันต์อย่างแจ่มแจ้ง ตอ
เช้าวันต่อมาดูเหมือนว่าน้องรุ้งกับพี่เรนจะหายจากพิษไข้เป็นปลิดทิ้งเพราะต่างก็ตื่นขึ้นมารับแสงอาทิตย์และลมทะเลกันแต่เช้าด้วยความร่าเริงและตื่นเต้นราวกับว่าไม่เคยเจ็บป่วยเสียอย่างนั้น"อย่าเพิ่งออกไปตากแดดสิคะ เดี๋ยวไม่สบายต้องกินยากันอีกนะ" คุณแม่คนสวยรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าเด็กๆ อยากจะออกไปท้าความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ยอมกลับเข้ามาในบ้านพัก"ค่ะ/ครับ" เด็กจอมซนเชื่อฟังคำของมารดาอย่างว่าง่ายเพราะยังเข็ดหลาบกับรสชาติของยาที่ได้กินเข้าไปเมื่อคืนไม่หายเมื่อเข้ามาในบ้านสองพี่น้องก็นั่งล้อมคนตัวโตที่นอนหลับเหงื่อท่วมไม่รู้เรื่องอยู่บนที่นอนด้วยความสงสัยใคร่รู้"แม่ป่านคะ คุณลุงคนเมื่อวานมาทำอะไรที่บ้านเราคะ""พี่เรนไม่ชอบคุณลุงคนนี้เลยครับ" เมื่อคนพี่เอ่ยว่าไม่ชอบขี้หน้าเจ้านายของแม่คนน้องก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงเห็นพ้องต้องกัน"ไม่เอานะเด็กๆ ต้องขอบคุณคุณลุงนะลูกที่เมื่อวานพาพี่เรนไปหาหมอ""น้องรุ้งว่าคุณลุงหน้าเหมือนพี่เรนนะ" เด็กหญิงช่างพูดก้มมองคุณลุงที่นอนหลับตาพริ้มพลางใช้ดวงตากลมสวยสำรวจใบหน้าของเขาจนถ้วนทั่วก่อนจะเงยหน้าไปทางพี่ชายฝา
ปารวตีเฝ้าเช็ดตัวให้ลูกชายจนเปลี่ยนน้ำไปหลายกะละมังแต่เหมวิชก็ไม่มีทีท่าว่าไข้จะลดลงเลยแม้แต่น้อย แถมยังโยเยเพราะไม่สบายตัวอีกยิ่งทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอเสียใจนักที่พาลูกมาที่นี่"แม่ป่าน ร้อนๆ" ลูกชายคว้ามือบอบบางของคุณแม่เข้าไปกอดทั้งที่ยังหลับตา ทำให้หญิงสาวสงสารลูกเหลือเกิน นี่แค่วันแรกยังป่วยขนาดนี้ ถ้าเกิดคนน้องเจ็บไข้ขึ้นมาอีกคนเธอคงจะลำบากไม่น้อย ถ้าพ่อกับแม่ของเธออยู่ที่นี่ด้วยก็คงจะดีอย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งทางใจให้เธอได้"พี่เรน อดทนหน่อยนะลูกเดี๋ยวลุงเอกก็มาแล้ว" คุณแม่ยังสาวเอ่ยปลอบโยนพลางเช็ดตัวลดไข้ให้อย่างไม่ขาด"ร้อน แม่ป่าน ร้อน" พูดจบเด็กชายก็ร้องงอแงขึ้นมาทันทีจากความร้อนที่ไม่ยอมลดลงจนทำให้ไม่สามรถนอนหลับต่อไปได้"ป่าน ลูกเป็นยังไงบ้าง" เหมันต์เปิดประตูเข้ามาด้วยความร้อนใจ ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกปวดหนึบหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ภาพที่ปารวตีอุ้มเด็กชายกล่อมเอาไว้บนตักส่วนมืออีกข้างนั้นก็คอยพัดวีให้ลูกสาวอย่างไม่รู้จักเหนื่อย วินาทีนั้นเขารู้ได้ทันทีว่าปารวตีเก่งและเข้มแข็งแค่ไหน ต่างกับเขาที่ทำตัวเป็นคนอ่อนแอแถมยังเป็นพ่อที่ไม่ได
"หมอก!! ป่านอาจจะขอมากไปแต่ว่าป่านอยากจะได้ที่นอนหลังใหม่ แล้วก็อีกอย่างขอเริ่มงานอาทิตย์หน้าได้หรือเปล่า ป่านยังต้องจัดการเรื่องที่พักกับโรงเรียนของเด็กๆ อีก" เมื่ออยู่กันแค่สองคนหญิงสาวก็เรียกเขาด้วยสรรพนามที่เคยเรียกทันที"อย่ามาเรียกอย่างสนิทสนมนะป่าน ตอนนี้ผมเป็นเจ้านาย ป่านเป็นแค่ลูกน้อง""ขอโทษค่ะ ที่ดิฉันบังอาจทำตัวสนิทสนมกับคุณให้เคือง แต่ว่าเรื่องที่ดิฉันขอไปนั้นคุณเหมันต์ว่ายังไงคะ" หญิงสาวถึงกับเสียงอ่อยเมื่ออีกคนแสดงความห่างเหินชัดเจนแม้แต่ความเป็นเพื่อนเขาก็ไม่เหลือไว้ให้"วันนี้คงไม่ได้ งานผมยุ่ง แต่พรุ่งนี้ผมจะจัดการให้ ส่วนเรื่องเริ่มงานก็เป็นไปตามที่คุณขอ เพราะเห็นว่ามีลูกเล็กหรอกนะถึงหยวนให้ได้" เจ้านายหนุ่มวางมาดยโสเสียจนน่าหมั่นไส้"ขอบคุณนะคะ แต่ว่าเรื่องที่นอนคงรอไม่ได้ ดิฉันกลัวว่าลูกจะไม่สบายรบกวนคุณเหมันต์ช่วยคืนโทรศัพท์ให้ดิฉันด้วยค่ะ" ฝ่ามือบางยื่นไปเพื่อรับของของตัวเองคืนเหมันต์หยิบโทรศัพท์คืนให้หญิงสาวอย่างลังเลเมื่อเห็นว่ามันทั้งเก่าและเต็มไปด้วยรอยแตกมากมายจนไม่น่าจะใช้การได้อีก"ทำไมไม่ซื้อใหม่ซะ ดูสภาพแล้วอ
"สบายดีเหรอ ป่าน" เอกภพที่มารอรับปารวตีและหลานๆ เอ่ยทักทายพร้อมกับย่อตัวลงกอดเด็กฝาแฝดที่หน้าตาบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นลูกหลานบ้านภักดีดำรงแน่นอน"สบายดีค่ะ ลุงเอก" เด็กหญิงตอบคำถามเจื้อยแจ้ว"ขอบคุณมากนะเอกที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอด รวมถึงเรื่องงานด้วย ถ้าไม่ได้เอกเราก็คงไม่รู้จะทำยังไงดี" ปารวตีเอ่ยอย่างซาบซึ้งเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อนอย่างเขาคอยดูแลเอาใจใส่เธอด้วยไมตรีที่ดีมาตลอดหลายปี"เรื่องเล็กน่า ถ้าเทียบกับเรื่องที่เราเคยทำให้ป่านกับเด็กๆ ต้องลำบาก อีกอย่างถ้าไม่ได้ป่านคอยช่วยเรากับเจ้าอ้น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไง" เอกภพเอ่ยอย่างรู้สึกผิดถ้าไม่ใช่เพราะเขาที่ทำให้เหมันต์เข้าใจผิดป่านนี้เด็กๆ กับปารวตีคงจะมีรอยยิ้มที่สดใสกว่านี้แน่ๆ"ลุงเอกครับ เรนอยากเล่นน้ำทะเลแล้วครับ" ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันต่อเด็กชายตัวน้อยก็ขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน"ไปสิครับ แต่ว่าเราต้องไปที่ทำงานแม่ป่านก่อนนะครับ" คนเป็นแม่อธิบายให้เด็กชายวัยสามขวบฟัง"ครับ"ทางด้านเหมันต์หลังจากเรียนจบเขาก็เลือกกลับมาช่วยกิจการที่บ้านโดยส่วนที่เขาได้รับผิดชอบคือส่วนของรีสอร์ทที่มารดาเป็นผู้ริเริ่มทำเอาไว้แม้ว่าในวันนี้ม







