@สนามบิน
เครื่องบินลำที่สิงห์จองไฟท์เอาไว้บินกลับประเทศไทยมีปัญหาด่วนจึงเกิดความล่าช้าไปสามชั่วโมงทำให้แล่นจอดเลียบพื้นดินในเวลาเกือบสามทุ่ม เขาติดต่อโทรหาภรรยาสาวให้มารับสักกี่สายก็ปิดเครื่อง! "ไง! ไปดูงานที่นู่นได้แหม่มหัวทองกลับมาสักคนสองคนหรือเปล่า" กระทิงเพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่เป็นหุ้นส่วนร่วมกันเปิดผับดังแถวย่านทองหล่อโดนโทรตามยิกๆจนต้องจำใจปล่อยสิ่งเย้ายวนค้างเก้อแล้วบึ่งรีบมารับพ่อเทวดาหัวแก้วหัวแหวนที่สนามบิน "หึ! ได้กลับมากูก็เก่งเกินคนละ ท่านเจ้าสัวส่งเลขาและคนสนิทไปดูแลความประพฤติกูไม่ให้คลาดสายตาแล้วกูจะเอาเวลาไหนไปคั่วสาวๆล่ะ" วินาทีนี้คือเขาต้องการปลดปล่อยหลังจากอัดอั้นและขาดของมันนานเกือบหนึ่งเดือน "สมน้ำหน้า!" "อย่าซ้ำเติมกูได้ป่ะ! แล้วนี่ไอ้เหยี่ยวไปไหนทำไมกูโทรหามันไม่รับเลย" เหยี่ยวคือเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่ร่วมกันเปิดผับด้วยเช่นเดียวกัน ไอ้คนนี้มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันออกไปนั่นก็คือเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ดูเหมือนคนดีแต่ก็แค่เหมือน...เพราะในชีวิตจริงเป็นปีศาจร้ายบนเตียงชัดๆ "ช่วงนี้กูก็ติดต่อมันไม่ได้เลยเหมือนกัน เห็นพ่อกับแม่มันบอกว่ามันไปเที่ยวยุโรป" "อืม แล้วมึงรู้ปะ! ตั้งแต่ที่กูไปดูงานที่ยุโรปน้ำหนึ่งไม่เคยโทรมาหาหรือไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกูเลยแม้แต่สายเดียว แม่งเอ้ย! น่าเบื่อชะมัดไม่รู้จะเรียกร้องความสนใจไปถึงไหน จืดชืดพรรค์นั้นถ้าไม่มีกูสักคนก็คงไม่มีใครเอา" สิงห์กระฟัดกระเฟียดอย่างอารมณ์เสีย "หึ! มึงคงจะยังไม่รู้สินะ" "รู้อะไร?'" "ท่านเจ้าสัวคงสั่งห้ามปล่อยให้มึงมาเห็นเองกับสองตา" กระทิงเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ ไม่อยากจะคิดสีหน้าของเพื่อนสนิทเลยว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อเห็นภรรยาจืดชืดคนก่อนเปลี่ยนไปราวกับคนละคน! เขามีลางสังหรณ์ใจชีวิตหลังจากนี้คงไม่สงบสุขควงผู้หญิงมาควรเล่นได้ตามสบายเหมือนครั้งก่อนแน่ๆ "ทำไม?" ไอ้นี่มันชอบพูดจากำกวมจนสิงห์อยากจะเข้าไปง้างปากเราล้วงคำตอบที่ตัวเองสงสัยออกมา "ไปดูเองเถอะ" "แม่ง!!" ทั้งสองคนนั่งรถไปเรื่อยๆจนถึงเรือนหอของสิงห์และน้ำหนึ่งที่ถูกสร้างแยกออกมาจากบ้านใหญ่เพื่อใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาตามลำพัง แต่ทว่า! ไฟในบ้านกลับมืดสนิทนิ่งเงียบราวกับไม่มีคนอยู่ทั้งๆที่เธอควรจะมานั่งรอต้อนรับเขาด้วยซ้ำ "สวัสดีค่ะคุณสิงห์" กลับมีแต่ป้าบัวซึ่งเป็นคุณป้าแม่บ้านเดินออกมาเปิดไฟแล้วช่วยขนข้าวของขึ้นไปไว้บนห้องนอน "คุณสิงห์รับประทานอะไรมาหรือยังคะ เดี๋ยวป้าจะไปทำโจ๊กร้อนๆมาให้" "ยังเลยครับ แล้วนี่น้ำหนึ่งไปไหนหรือว่าหลับ?" เขาถามเสียงห้วนๆซึ่งมันก็ตรงกับบุคลิกและสีหน้ากวนตีนของเขาดี "คุณน้ำหนึ่งยังไม่กลับค่ะ" "น้ำหนึ่งไปไหน?" คำตอบของป้าบัวตั้งเครื่องหมายคำถามอันเบ้อเร่อปักกลางหน้าผาก ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันน้ำหนึ่งไม่เคยออกไปเที่ยวเตร่กลางคืนและกลับบ้านเกินหนึ่งทุ่ม เพราะเธอต้องคอยรอต้อนรับปรนนิบัติผัวและเป็นเด็กอนามัยนอนไวก่อนสามทุ่ม แต่นี่เกือบสี่ทุ่มแล้วเนี้ยนะ? "ออกไปเที่ยวกับคุณชะเอม คุณอันนา และคุณไลลา งั้นเดี๋ยวป้าขอตัวเอากระเป๋าไปเก็บและลงมาทำโจ๊กให้คุณสิงห์นะคะ" ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย โดยเขาเองก็เดินตามป้าบัวขึ้นไปชั้นสองของบ้านเพื่อทิ้งตัวเอนลงนอนบนฟูกเตียงขนาดใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาตลอดระยะเวลาหลายชั่วโมง ทำให้เขาต้องแปลกใจนั่นก็คือบริเวณหน้ากระจกมีแต่พวกเครื่องสำอาง ลิปสติก แป้ง มาสคาร่า หลากยี่ห้อเต็มไปหมด...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าน้ำหนึ่งจะใช้ของพวกนี้ด้วย @ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง ชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนุ่มขนาดใหญ่ค่อยๆสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงรบกวนจากการเปิดประตูดังแอดๆ ซ้ำยังมีวัสดุแข็งๆลอยขึ้นมากระทบกับหน้าผากเขาอย่างแรงจนต้องเงื้อมมือไปเปิดโคมไฟหัวเตียง "น้ำหนึ่ง?" สิงห์รีบเปิดไฟทุกดวงในห้องให้สว่างวาบเห็นภาพของภรรยาสาวสภาพที่เมามายแทบไร้สติ ป๋ามือของเธอถือสายสะพายกระเป๋าแบรนด์หรูก่อนที่จะเขวี้ยงลงข้างเตียงแล้วทุ่มตัวลงนอน เธอใส่ชุดเดรสสีแดงสดสั้นขึ้นไปจนเห็นขาเรียวยาว ซ้ำด้านหลังของมันเว้าลึกจนเกือบจะเห็นสะโพกกลม การแต่งตัวจัดจ้านไม่คุ้นตาของน้ำหนึ่งทำให้เขาแปลกใจยิ่งนัก "น้ำหนึ่ง! ตื่นขึ้นมาคุยเดี๋ยวนี้" สิงห์ฉุดกระชากลากตัวภรรยาให้ลุกขึ้น "อย่ามายุ่งได้ปะ! น่ารำคาญฉิบหาย" น้ำหนึ่งกระฟัดกระเฟียดก่อนจะกระเถิบตัวขึ้นไปนอนบนเตียง ดึงผ้าห่มผืนหนาปกคลุมร่างกายและเข้าสู่ห้วงภวังค์นิทราไปในที่สุด "..." @รุ่งเช้าวันถัดมา แสงจากพระอาทิตย์ตกกระทบลงบนแผ่นกระจกบานใหญ่ด้านนอกริมระเบียงสาดส่องพาดผ่านไปยังปลายเตียงแตะโดนขาเรียวยาวที่โผล่พ้นผ้าห่มขึ้นมาจนทำให้เธอต้องรีบขดขึ้นไปแล้วพลิกตัวเล็กน้อยด้วยความงัวเงีย "..." ดวงตากลมโตหรี่มองใบหน้าหล่อเหลาของสามีแล้วแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ต่อให้เขาจะเลวจะชั่วอย่างไรหัวใจเจ้ากรรมของเธอก็ไม่สามารถยับยั้งหรือหยุดรักเขาได้เสียที คนอย่างเธอชอบสิ่งท้าทายซะด้วยสิ! จะเลวจะชั่วยังไงก็คือผัว ผัวที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นไอ้อีหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับผัวของเธอ เธอสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆก่อนที่จะลุกขึ้นเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายล้างคราบแอลกอฮอล์และผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าต้อนรับเช้าวันใหม่ให้เรียบร้อย ใช้เวลาเพียงสามสิบนาทีในการแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วเดินออกมาท่ามกลางสายตาไม่คุ้นชินของสามี "morning kiss ค่ะ my honey" เรือนร่างบอบบางเดินเข้าไปจุมพิตซ้ายขวาบนโครงหน้าหล่อเหลาของสิงห์แล้วส่งยิ้มยั่วยวนโปรยเสน่ห์หนึ่งกรุบ "โอ๊ย!" "มีอะไรรึเปล่า" "ตะขอเสื้อในมันหลุดอ่ะค่ะ พี่สิงห์ช่วยใส่ให้น้ำหนึ่งใหม่ได้หรือเปล่าคะ" "ค่ะ" เมื่อได้ยินคำขานรับน้ำหนึ่งจึงหันหลังให้กับเขาทันที สิงห์เริ่มจะหายใจไม่ค่อยทั่วท้องวันนี้เธอแต่งกายด้วยชุดเซ็ทสีขาวสะอาดแยกสองชิ้น ด้านบนเป็นเสื้อครอปสั้นติดกระดุมทรงดีเปิดแขนแต่งทรงสายเดี่ยวใหญ่ใสเนื้อผ้าประมาณเกือบสามปลายนิ้วคู่กับกระโปรงทรงเอผ่าหลังอวดขาเรียวยาวและช่วงหน้าท้องแบนราบทำเอาเขากระสับกระส่ายร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งช่วงจังหวะที่ต้องเริกขึ้นมาแล้วติดตะขอเสื้อในลายลูกไม้สีขาวสะอาด แทบบ้า! ร่างกายเธอนี่มันยั่วยวนใช่ย่อย "ขอบคุณค่ะ" "จะไปไหน?" เขาเอ่ยถามทันทีที่คนตัวเล็กคว้ากระเป๋าแบรนด์หรูสีขาวสะอาดขึ้นมาสะพายข้าง "ไปห้างค่ะ" "ชุดนี้เนี่ยนะ? ไม่โป๊เกินไปหน่อยเหรอน้ำหนึ่ง" สิงห์ปรายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความไม่พอใจ "ทำไมเหรอคะ? หนึ่งว่ามันก็ไม่ได้โป๊เท่าไหร่นะถ้าเทียบกับพวกคู่ขาชั้นต่ำของพี่ที่มักจะชอบส่งรูปมายั่วยวนให้กิเลสตัณหามันจับ" ว่าจบไฮโซสาวก็สะบัดก้นแล้วเปิดประตูออกไปจากห้องทันที ให้อภัย! แต่จำฝังใจไม่เคยลืม "หนึ่ง!!! แม่งเอ้ย" สิงห์สบถด่าอย่างอารมณ์เสียเธอกล้าดียังไงมาต่อปากต่อคำเล่นลิ้นกับเขาเช่นนี้ "หึ! จะเก่งได้ซักกี่น้ำกันเชียว" จู่ๆเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือราคาแพงก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปรากฏรายชื่อบนหน้าจอว่า "พรีมมี่" พรีมมี่ "ว่ายังไง" (พรีมได้ข่าวว่าคุณสิงห์กลับมาจากยุโรปแล้วใช่ไหมคะ พรีมคิดถึงคุณสิงห์จังเลย คุณสิงห์มาหาพรีมที่คอนโดได้หรือเปล่าคะ) ว่าแล้วพรีมที่กดเปิดวิดีโอคอลเลื่อนกล้องลงต่ำให้เห็นชุดสายเดี่ยวที่เว้ากว้านลึกลงไป จนปรากฏรูปกลมๆเป็นเต้า "ไม่ว่าง" สิงห์พยายามเบี่ยงเบนสายตาไปทางอื่น ไอ้เจ้าดุ้นที่มันขาดของไม่ได้เข้าสำรวจถ้ำมานานนับเดือนก็ดันผงาดใหญ่โตคับกางเกงบ๊อกเซอร์ (เหรอคะ? พรีมขอโทษนะคะที่วันนั้นพรีมไปก่อเรื่องวุ่นวายที่งานแต่งของคุณ พรีมแค่ไม่อยากเสียคุณไปให้ผู้หญิงจืดชืดก็เท่านั้นเอง คุณสิงห์อย่าโกรธพรีมเลยนะคะ) พรีมมี่ดัดจริตเสียงออดอ้อนกระเซ่าเย้ายวนเพื่อให้ปลายสายเคลิบเคลิ้มและดูเหมือนว่ามันก็ได้ผลไปตามที่หล่อนคาดเอาไว้“ไม่ใช่สักหน่อยครับ” นนทกานต์ค้อนเล็กน้อย “ดอกไม้พวกนี้ผมเป็นคนเลือก และคัดสรรเองกับมือเลยนะครับ แล้วน้ำหนึ่งรู้ความหมายของพวกมันหรือเปล่าครับ”“ไม่ทราบค่ะ” แต่ใจลึก ๆ แล้วก็รู้นั่นแหละแค่ไม่อยากหักหน้าเขาเฉย ๆ ไหน ๆ เขาก็อุตส่าห์เตรียมตัวมาซะดิบดีก็ยินยอมปล่อยให้พูดไปเพื่อดูความพยายามเสียหน่อย“ตรงนี้คือดอกทานตะวัน ดอกไม้สีเหลืองสดอร่ามที่เมื่อบาน และหันเข้าหาแสงจากดวงอาทิตย์ มันเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความเชื่อมั่น เชื่อมั่นในรักเดียวใจเดียว ความรักที่มั่นคงเสมอ...” เขาก็ใช้นิ้วชี้ดอกต่อไป “ส่วนนี่คือดอกลิลลี่สีชมพู มันเข้าทำนองแสดงถึงการค้นหาความรักแล้วพบว่านี่แหละคือที่สุดของหัวใจที่ผมตามหามาโดยตลอด”“แล้วดอกเล็ก ๆ นี่ล่ะคะ...ถ้าไม่สังเกตฉันมองไม่เห็นเลยนะเนี่ยว่ามีด้วย”“ผมดีใจนะครับที่น้ำหนึ่งสังเกตเห็น เพราะนี่...คือดอกคัตเตอร์ ดอกไม้สำหรับคนที่แอบรัก มักจะถูกเป็นดอกไม้ประดับแซมเพื่อความสวยงามมากกว่า มันก็มีความหมายคล้าย ๆ กับว่า ถึงแม้น้ำหนึ่งจะมองไม่เห็นผมก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงเสียผมก็ยังอยู่ตรงนี้ และยังมีแค่น้ำหนึ่งเสมอ” ทุกคำที่เขาเอ่ยออกมารู้ได้เลยว่าถูกกลั่นจากหัวใจ...เขาใช้
@ภัตตาคารสุดหรู...ใจกลางเมืองขึ้นชื่อว่าเป็นร้านอาหารมือทอง วัตถุดิบทุกชนิดส่งตรงมาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์โดยเชฟผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านประสบการณ์ด้านการทำงานมานานหลายสิบปีจนได้รับโล่รางวัลเกียรติยศมากมายแน่นอนว่ากว่าจะมาที่นี่ได้ย่อมต้องผ่านการจองคิวล่วงหน้าเป็นระยะเวลาเกือบสองเดือนเลยทีเดียว แต่โชคดีที่เจ้าของร้านเป็นเพื่อนสนิทของนนทกานต์จึงใช้เส้นใช้สายลัดเลาะล็อกห้องวิวสวยที่สุดเอาไว้ได้ร่างบางระหงในชุดเดรสสีชมพูกระโปรงระบายยาวคลุมเข่าปักเป็นลายดอกไม้สลักสลวยอย่างประณีตจากดีไซเนอร์ระดับมืออาชีพ...ส่วนด้านบนนั้นคือสายเดี่ยวบ่าใหญ่เว้าหลังกว้านลงมาเล็กน้อยแลดูสวยหมดจด พร้อมทั้งปล่อยผมยาวสลวยถึงกลางหลัง แต่งหน้าอ่อน ๆ ริมฝีปากกระจับสีชมพูพีชนับได้ว่าองค์ประกอบครบถ้วนสามารถเรียกแรงดึงดูด และความสนใจจากเพศตรงข้ามเป็นอย่างดีส่วนร่างของชายฉกรรจ์กำยำสูงโปร่ง...วันนี้เขาเองก็สวมเครื่องแต่งกายครบเครื่อง มาในชุดสูทสุภาพสีเทา นับได้ว่าตอนปกติดูหล่อเหลาแล้ว...ตอนนี้คล้ายกับมีอะไรสักอย่างดลจิตดลใจทำให้เพิ่มลิมิตสูงขึ้นเป็นหลายเท่าทั้งสองคนนั่งมองหน้ากันท่ามกลางแสงเทียนสว่างไสว รอบ ๆ นั้นมีอาหารเม
เมื่อเป็นเช่นนี้ชายหนุ่มถึงกับปล่อยโฮร่ำไห้ออกมาน้ำมูกน้ำตาเปียกปอนชโลมอาบสองพวงแก้ม คล้ายกับว่าเสือ สิงห์ กระทิงป่ากำลังคำรามแผดเผาไฟอันร้อนรุ่มที่อยู่ภายในกายให้ค่อย ๆ ทุเลาลง“แม่ครับ ฮึก ฮื่อ”ตอนนี้ทำให้เขาได้รู้ว่า...ความจริงแล้วแม่เองก็รักเขาเหมือนกัน เพียงแค่ท่านไม่เคยแสดงออกมาให้ตนได้รับรู้ แต่เขาก็ดันตีโพยตีพายว่าเป็นลูกนอกคอกที่คนในครอบครัวไม่เคยสนใจไยดี“ร้องออกมาให้พอ” ยามเห็นลูกร้องไห้หัวใจคนเป็นแม่เจ็บเพิ่มทวีคูณขึ้นเป็นสิบเท่า “ฉันเข้าใจแกนะว่าแกเองก็เจ็บปวดที่เห็นของรักของแกกำลังจะไปอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่น แต่แกก็ต้องเข้าใจหนูน้ำหนึ่งด้วย แกทำผิดต่อเธอมาเยอะ เธอให้โอกาสแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แกสัญญาว่าจะไม่ทำอีกทว่าแกก็ทำเหมือนเดิม...”“ผมผิดไปแล้วครับแม่...ผมขอน้ำหนึ่งคืนได้ไหมครับแม่ แม่ช่วยไปพูดกับน้ำหนึ่งให้น้ำหนึ่งยอมใจอ่อนให้โอกาสผมอีกสักครั้งได้ไหมครับแม่” น้ำเสียงเจือสะอึกสะอื้นขาดหายเข้าไปในลำคอเป็นช่วง ๆ อย่างติด ๆ ขัด ๆ เพราะการหายใจถี่ ๆ ที่ไม่ค่อยเป็นจังหวะสักเท่าไรนักเป็นผลพวงมาจากการบีบเค้นน้ำตาที่ค่อนข้างหนักหน่วงพอสมควร“โอกาสมันแทบไม่มีเหลืออยู่แล้ว...ทั้ง
“ผมทราบเรื่องนั้นดีครับท่านเจ้าสัว ซึ่งผม คุณพ่อ คุณแม่ และทางครอบครัวของเราไม่ได้ติดใจอะไรในตัวของน้ำหนึ่ง เพราะคิดว่าในชีวิตนี้ทุกคนล้วนจะต้องพบเจอกับความผิดพลาดด้วยกันทั้งสิ้นครับ” นนทกานต์ตอบไปตามความจริง“แน่ใจแล้วเหรอว่ารักหลานสาวฉันจริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ หลงเป็นชั่วครั้งชั่วคราว แต่พอได้ดั่งใจหวังก็ออกลายเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่สนใจแยแสทำเหมือนหลานสาวฉันไม่มีตัวตนเช่นความรักครั้งที่ผ่านมา” ท่านเจ้าสัวสุรเดชคงทนไม่ได้หากหลานสาวที่ตัวเองเฝ้าฟูมฟักทะนุถนอมเลี้ยงดูมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกต้องผิดหวังจากความรักเป็นครั้งที่สอง“ผมขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกันครับว่าผมจริงใจกับน้ำหนึ่งจริง ๆ” นนทกานต์ไม่ขอให้คำสัญญาเพราะรู้ดีว่ามันเป็นแค่เพียงลมปากที่ใคร ๆ ก็สามารถพูดได้ แต่สามารถทำตามสัจจะที่กล่าวไว้ได้หรือเปล่านั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง“อย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน”“ครับท่านเจ้าสัว”“ฝากดูแลน้องด้วยนะพ่อนนท์ แล้วหลังจากนี้ก็เรียกฉันว่าคุณปู่เหมือนที่น้ำหนึ่งเรียกนั่นแหละ” ท่านเจ้าสัวสุรเดชเองก็ไม่ได้ปิดกั้นแต่ก็ใช่ว่าจะเปิดโอกาสให้มีช่องโหว่งมากจนเกินไป“ขอบคุณครับคุณปู่” นนทก
“พี่สิงห์ปลอดภัยแล้ว ถ้างั้นหนึ่งก็ขอตัวก่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่ไว้พรุ่งนี้หนึ่งจะเข้ามาเยี่ยมใหม่” เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวให้เป็นทาสรับใช้คอยอยู่ดูแลสิงห์ในยามเจ็บไข้ไม่สบายหรือพักฟื้นที่โรงพยาบาล เพราะนั่นมันมีไว้สำหรับภรรยา และคนในครอบครัวเท่านั้น“จะกลับแล้วเหรอ? แม่ว่าสิงห์น่าจะอยากให้หนูน้ำหนึ่งอยู่เป็นเพื่อนมากกว่านะจ๊ะ” หากลูกชายของตนตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกก็คงจะมีกำลังใจในการต่อสู้กับบาดแผล และรอยช้ำบริเวณร่างกายของตนไม่ใช่น้อย“อย่าดีกว่าค่ะ เดี๋ยวมันจะดูไม่ดี เพราะสถานะระหว่างหนึ่งกับพี่สิงห์ตอนนี้เป็นแค่สามี และภรรยาที่เพิ่งจะหย่าขาดกันไป ประเดี๋ยวหากพี่ ๆ นักข่าวหรือใครมาเห็นเข้าแล้วเอาไปโพสต์รูปลงโซเชียลคนอื่นจะเข้าใจผิดได้ว่าเราสองคนอาจมีแววกลับมารีเทิร์นกัน” น้ำหนึ่งตอบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ทว่าแฝงไปซึ่งความตั้งใจอันแน่วแน่“จ้ะ”และในจังหวะนั้นนนทกานต์ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับชานมไข่มุกสองแก้ว“หนึ่งขอตัวนะคะคุณพ่อ คุณแม่ พี่เสือ พี่พรรุ้ง” น้ำหนึ่งยกมือขึ้นไหว้ตามกิริยามารยาทที่สมควรทำ ก่อนจะพยักพเยิดหน้ากับนนทกานต์เพื่อส่งซิกว่าเราสองคนควรกลับกันได
“เพราะเธองั้นเหรอที่ทำให้ลูกชายของฉันต้องเป็นแบบนี้?” คุณหญิงกนกนุชกดเสียงต่ำพร้อมกับใช้ปลายนิ้วชี้นิ้วเข้าหาเรือนร่างบอบบางของน้ำหนึ่ง “มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกน้ำหนึ่ง เธอไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองหรือรู้สึกแย่เลย ลูกชายของฉันมันทำตัวเองทั้งนั้น”ผิดคาด! เธอนึกว่าจะโดนด่า โดนว่าอย่างเช่นทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่เปล่าเลย คุณหญิงกนกนุชดันกลับลำเข้าข้างเธอเสียดื้อ ๆ“ค่ะคุณแม่”“แม่ต้องขอโทษเธอสำหรับทุก ๆ อย่างที่เคยทำไม่ดีด้วย เคยพูดจาแย่ ๆ ใส่ อบรมสั่งสอนลูกชายแบบผิด ๆ จนเรื่องเรามันเลยเถิดบานปลายยากจะแก้ไข แต่...มันไม่มีโอกาสที่น้ำหนึ่งจะกลับมาคืนดีกับสิงห์จริง ๆ เหรอ แม่เคยไปนอนเรือนหอของเราสองคนมาสักระยะหนึ่ง ทุก ๆ วันเกือบเที่ยงคืนเจ้าสิงห์ก็จะเมาหัวราน้ำเดินโซซัดโซเซกลับเข้ามา กลิ่นเหล้านี่หึ่งคลุ้งทั่วบ้าน แล้วก็พร่ำเพ้อร่ำร้องเรียกหา เอาแต่พูดคำว่าขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่กับรูปถ่ายพรีเวดดิ้งในงานแต่งงาน” คุณหญิงกนกนุชจำต้องลดศักดิ์ศรี และความเย่อหยิ่งยโสของตนเองลงเพราะรู้แล้วว่าลูกชายรักผู้หญิงคนนี้มากเพียงใด หากขาดเธอไปเขาคงขาดใจตายดวงตาสุกใสที่ฉายแววสับสนเล็กน้อยหลุบลงมองต่ำประ