LOGINขณะพูดสายตาก็พุ่งมองไปยังดวงหน้าของลูกสะใภ้คนโตเขม็ง คนถูกมองรู้สึกราวกับว่า ตัวลีบลงทันใด
“ผมไปด้วย” เจ้าของเสียงคือพัฒนา ประมุขของบ้าน
“ข้าวเย็นหน้าตาน่ากินทั้งนั้น แต่บรรยากาศกลับเน่าเสีย” ภาษิต ลูกคนเล็กของบ้านและเป็นน้องชายของพีรภัทรไม่ออมคำพูด
แล้วทั้งสามก็พากันก้าวเดินออกจากห้องกินข้าว เดินผ่านร่างพรนับพันราวกับว่า เธอไม่มีตัวตน เป็นอากาศที่มองไม่เห็น แต่รู้สึกได้ว่ามี มันทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งนัก น้ำตารินไหลลงมาอย่างสุดกลั้น นับตั้งแต่วันนั้น พรนับพันกินข้าวในห้องครัวมาตลอด เธอพยายามหลีกเลี่ยงการพบหน้าคนในบ้าน กินข้าวเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วขลุกตัวอยู่ในห้อง หัวใจเธออ้างว้างและเปลี่ยวเหงามาก
ส่วนพีรภัทรไม่ได้กลับบ้านเลยนับแต่วันนั้น เขาพักอาศัยในคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ราคาสูงถึงเจ็ดสิบล้านบาท โดยไม่คิดจะกลับมาบ้านหลังนี้ เขาแสดงออกชัดเจนว่า ไม่ปรารถนาพรนับพันเป็นเมีย ผู้หญิงที่เขาไม่ชอบหน้าตั้งแต่เด็ก
พรนับพันตื่นแต่เช้าด้วยความเคยชิน และทุกเช้าเธอจะเข้าไปช่วยป้าก้อยและน้อมทำอาหารเช้า แม้ว่าเจ้านายบ้านหลังนี้จะไม่ชอบหน้าเธอ แต่ยังดีที่คนรับใช้ไม่ได้ชิงชังตาม กลับคุ้นเคยกับพรนับพัน เป็นเพราะพวกเธอเดินผ่านประตูเล็กที่เชื่อมต่อระหว่างสองบ้าน ไปทำส้มตำกินกันบ่อยๆ และแบ่งปันอาหารมาให้เจ้านายทั้งสองบ้าน ซึ่งคนที่นำอาหารมาให้บ้านหลังนี้คือ พรนับพัน
“แย่แล้วค่ะคุณหมิว ป้าก้อยไม่สบายทำอาหารไม่ไหว ของเตรียมไว้หมดแล้วด้วย รอแกมาปรุงอย่างเดียว” ต่ายบอกพรนับพันที่เดินเข้ามาในครัว
“ไปซื้อโจ๊กให้คุณๆ กินดีไหม โจ๊กหน้าปากซอยน่ะซื้อปาท่องโก๋มาด้วย แล้วบอกคุณๆ ว่าป้าก้อยไม่สบายไม่มีใครทำมื้อเช้า” น้อมเสนอทางออก
“ถ้าคุณๆ ชอบฉันก็ออกไปซื้อแล้วสิ แกจำไม่ได้เหรอว่า เคยซื้อมาแล้วแต่คุณๆ ไม่กินกันเลย บอกว่าไม่อร่อย” ต่ายบอกน้อม “ฉันทำกับข้าวไม่เป็นซะด้วย ไม่งั้นจะทำเอง”
“คุณๆ บ้านนี้ยุ่งยากเรื่องมื้อเช้าซะด้วย กินอาหารซื้อก็บ่นว่าไม่อร่อย ต้องกินฝีมือป้าก้อยเท่านั้น ความที่ซื้อกินแล้วเรื่องมากอย่างนี้ไงล่ะ พอป้าก้อยป่วยเลยวุ่นวาย” น้อมอดบ่นไม่ได้ มื้ออื่นยังพอทำเนา แต่มื้อเช้าถือว่าได้นั่งกินอาหารกันพร้อมหน้า มันจึงเป็นเรื่องสำคัญของบ้านนี้ แต่ก็มีมื้อเย็นบ้างมื้อที่อยู่กันครบทุกองค์ประชุม
“แล้วมื้อเช้าวันนี้ตั้งใจทำอะไรล่ะ” พรนับพันถาม
“ข้าวต้มกุ้งค่ะ” ต่ายตอบ
“งั้นฉันทำให้ก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องปวดหัวเวียนหมองกันไง” พรนับพันหาทางออกให้ “แล้วก็ไม่ต้องบอกใครว่าฉันทำ เป็นความลับของเราสามคน”
“คุณผู้หญิงรู้ว่าฉันสองคนทำกับข้าวไม่เป็น ถ้ายกออกไปเสิร์ฟก็คงต้องถูกถามว่า ใครเป็นคนทำ คราวนี้จะตอบยังไงล่ะคะ” น้อมพูดอย่างเป็นกังวล
“คุณลุง คุณป้าแล้วก็คุณเอไม่รู้ไม่ใช่เหรอว่าป้าก้อยไม่สบาย ถ้าไม่รู้ก็ทำเฉยๆ สิ แต่ถ้ารสชาติที่ฉันทำไม่เหมือนกับป้าก้อยทำ คุณท่านชิมแล้วรู้ น้อมกับต่ายก็ตอบไปเลยว่า ป้าก้อยไม่สบาย เธอสองคนเลยช่วยกันทำด้วยการเปิดดูในยูทูป แค่นี้ก็ไม่มีใครสงสัยแล้วจริงไหม” ทางออกนี้ทำให้สองสาวใช้ยิ้มได้ และเห็นด้วย
“งั้นทำเลยค่ะคุณหมิว จะว่าไปฝีมือคุณหมิวชั้นเลิศอยู่แล้ว” น้อมรู้ฝีมือการปรุงอาหารของพรนับพันดีว่า ฝีมือปลายจวักดีแค่ไหน ขนาดทอดไข่เจียวหมูสับยังอร่อย ต่างกับตนที่ไข่ดาวยังไหม้ “นี่ค่ะ เตรียมไว้หมดแล้ว”
พรนับพันดูของสดคือกุ้งแม่น้ำขนาดกลางและผักโรยหน้าที่ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะเตรียมอาหาร ก่อนหันไปมองข้าวต้มในหม้อที่ตั้งอยู่บนเตาแก๊ส
“กุ้งแม่น้ำตัวกำลังดี ฉันว่าเปลี่ยนเมนูนิดนึงดีกว่า”
“แล้วคุณหมิวจะเปลี่ยนเป็นอะไรคะ” น้อมถาม
“ข้าวต้มกุ้งพิโรธจ้ะ” พรนับพันตอบ “คุณย่าชอบกินมากๆ เลย แล้วฉันก็เชื่อว่า คุณท่านก็ต้องชอบ”
แม้ว่าสองสาวใช้จะไม่รู้จักหน้าตาเมนูอาหารที่ว่านี้ ชื่ออาหารก็เพิ่งได้ยินครั้งแรก แต่จากชื่อ ข้าวต้มกุ้งพิโรธ ชื่อชวนให้ลองกินมาก น้อมกับต่ายจึงพยักหน้าแทนคำตอบ พรนับพันจึงลงมือทำอาหารเช้าให้เจ้านายบ้านหลังนี้กิน โดยมีสองสาวใช้เป็นลูกมือ และดูการปรุงอาหารของลูกสะใภ้บ้านหลังนี้
พัฒนา กนกวรรณและภาษิตมองดูอาหารตรงหน้าด้วยความแปลกใจ และเกิดน้ำลายสอขึ้นมาเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร สาเหตุเป็นเพราะข้าวต้มกุ้งเช้านี้ต่างกับทุกครั้งที่กิน อาจพูดได้ว่า ทั้งสามไม่เคยกินข้าวต้มชามนี้ก็ว่าได้
“แน่ใจนะว่า แกสองคนช่วยกันทำจริงๆ”
กนกวรรณถามเพื่อความแน่ใจ นางรู้จากสองสาวใช้ว่า ป้าก้อยไม่สบายลุกมาทำอาหารไม่ไหว ทั้งสองจึงช่วยกันทำโดยใช้วิธีเปิดดูในยูทูป
“ใช่ค่ะคุณผู้หญิง เราสองคนช่วยกันทำค่ะ ทำตามสูตรเป๊ะ” น้อมตอบ ใจคอไม่ดีกลัวถูกจับได้
“หน้าตาผ่าน กลิ่นก็ผ่าน เหลือแต่รสชาติ” ภาษิตเอ่ยขึ้น ขณะมองดูชามข้าวต้มกุ้งพิโรธที่หน้าตาน่ากินมาก
Chapter 5เหมือนคำถามแทงใจดำ พีรภัทรหน้าตึงกระดกดื่มเหล้าในแก้วจนหมด แล้วเรียกให้บิรกรนำเครื่องดื่มแก้วใหม่มาให้ “ไม่อยากกลับ ไม่อยากเห็นหน้าใครบางคน” เขาตอบตามจริง พลอยพรรณยิ้มพอใจกับคำตอบ “พี่พีทำอย่างนี้ พี่หมิวก็เป็นฝ่ายชนะสิคะ ชนะตามแผนที่วางไว้” พีรภัทรหันมามองหน้าคนพูด ที่สะดุดหู สะดุดใจจังเบอร์ “พลอยพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง” “พลอยก็ไม่อยากพูดหรอกค่ะ เพราะยังไงพี่หมิวก็เหมือนพี่สาวของพลอยคนหนึ่ง แม้ว่าจะพี่หมิวจะเป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยงก็ตาม แต่มันก็อดพูดไม่ได้ นับวันพี่หมิวยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกวัน พลอยกลัวว่าความร้ายของพี่หมิวจะทำให้บ้านพี่พีเดือดร้อนก็เลยต้องเตือนให้รู้ธาตุแท้ของพี่หมิวค่ะ”พลอยพรรณแสร้งทำตัวเป็นนางฟ้าแต่แท้จริงแล้ว เธอคือนางมารร้ายดีๆ นี่เอง “เรื่องมันเป็นยังไง พลอยบอกพี่มาเถอะ พี่อยากรู้”พลอยพรรณพูดมาซะขนาดนี้ ถ้าเขาไม่อยากรู้เรื่องราวก็คงไม่ได้ ต่อมอยากรู้ทำงานเต็มที่ พลอยพรรณถอนหายใจพรืดยาวออกมา ราวกับว่าระบายความกลัดกลุ้ม “พี่พีก็รู้ใช่ไหมคะว่า พี่หมิวอิจฉาพลอยมาตั้งแต่เด็ก ชอบแย่งของเล่น แย่งเสื
Chapter 4กุ้งตัวขนาดกลางถูกนำไปผัดกับกระเทียมพริกไทย แล้วเสร็จจึงราดลงบนข้าวต้มที่ต้มข้าวได้บานสวยงามมาก แล้วตักน้ำมันจากกระทะราดตามลงไป ตกแต่งด้วยผักชี ภาษิตตักอาหารเช้าเข้าปาก เคี้ยวชิมรสชาติว่าจะผ่านหรือไม่ น้อมกับต่ายถึงกับยืนลุ้น “อร่อยมาก” น้อมกับต่ายต่างพากันโล่งอกและยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำชมจากปากภาษิต ที่ตักอาหารเข้าปากต่อเนื่อง พัฒนากับกนกวรรณได้ยินคำชมจึงตักอาหารใส่ปากบ้าง “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่า แกสองคนทำอาหารครั้งแรกจะอร่อยขนาดนี้ มันอร่อยมากๆ เลยนะ” กนกวรรณชมจากใจ ตักอาหารกินต่อเนื่อง “แกสองคนมีฝีมือเหมือนกันนะเนี่ย” พัฒนาชมอีกคน “ได้กินอาหารแปลกๆ ก็ดีนะครับคุณพ่อคุณแม่ รู้สึกตื่นเต้นยังไงไม่รู้” “ที่ตื่นเต้นเพราะรู้ว่าเป็นฝีมือของน้อมกับต่ายไงล่ะ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่านางทั้งสองทำกับข้าวเป็นซะที่ไหน แม่ยังจำได้เลยนะว่า บอกให้น้อมไปทอดไข่ดาว มันก็ยังทอดจนไหม้เกรียม” กนกวรรณพูดติดตลก “เนี่ยยังทึ่งอยู่นะว่า ทำครั้งแรกแต่ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่า ทำอาหารมานับร้อยครั้ง อร่อยเกินเบอร์เลย” “ก็น้อมทำตามที่เขาบอกไงคะ ทำตามทุกขั้นต
Chapter 3ขณะพูดสายตาก็พุ่งมองไปยังดวงหน้าของลูกสะใภ้คนโตเขม็ง คนถูกมองรู้สึกราวกับว่า ตัวลีบลงทันใด “ผมไปด้วย” เจ้าของเสียงคือพัฒนา ประมุขของบ้าน “ข้าวเย็นหน้าตาน่ากินทั้งนั้น แต่บรรยากาศกลับเน่าเสีย” ภาษิต ลูกคนเล็กของบ้านและเป็นน้องชายของพีรภัทรไม่ออมคำพูด แล้วทั้งสามก็พากันก้าวเดินออกจากห้องกินข้าว เดินผ่านร่างพรนับพันราวกับว่า เธอไม่มีตัวตน เป็นอากาศที่มองไม่เห็น แต่รู้สึกได้ว่ามี มันทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งนัก น้ำตารินไหลลงมาอย่างสุดกลั้น นับตั้งแต่วันนั้น พรนับพันกินข้าวในห้องครัวมาตลอด เธอพยายามหลีกเลี่ยงการพบหน้าคนในบ้าน กินข้าวเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วขลุกตัวอยู่ในห้อง หัวใจเธออ้างว้างและเปลี่ยวเหงามาก ส่วนพีรภัทรไม่ได้กลับบ้านเลยนับแต่วันนั้น เขาพักอาศัยในคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ราคาสูงถึงเจ็ดสิบล้านบาท โดยไม่คิดจะกลับมาบ้านหลังนี้ เขาแสดงออกชัดเจนว่า ไม่ปรารถนาพรนับพันเป็นเมีย ผู้หญิงที่เขาไม่ชอบหน้าตั้งแต่เด็ก พรนับพันตื่นแต่เช้าด้วยความเคยชิน และทุกเช้าเธอจะเข้าไปช่วยป้าก้อยและน้อมทำอาหารเช้า แม้ว่าเจ้านายบ้านหล
Chapter 2สาวใช้นำกระเป๋ามาวางไว้กลางห้องนอนห้องใหญ่ที่แยกเป็นสัดส่วน ห้องแต่งตัวอยู่ทางด้านซ้ายมือ ทางด้านขวามือเป็นส่วนดูทีวี มีโซฟาชุดใหญ่ตั้งอยู่ ส่วนด้านในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำ“คุณหมิวจะเก็บเสื้อผ้าเองหรือให้น้อมเก็บให้คะ ตู้ของคุณหมิวอยู่ทางด้านซ้ายค่ะ” น้อมที่รู้จักมักคุ้นกับพรนับพันเอ่ยถาม มองหน้าเจ้านายคนใหม่ที่ในบ้านหลังนี้ไม่ชอบหน้าพรนับพันเลยสักคนด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก ให้กำลังใจอยู่เงียบๆ“เดี๋ยวฉันเก็บเองจ้ะ ขอบใจมากนะที่ยกกระเป๋าขึ้นมาให้” พรนับพันตอบกลับ ยิ้มแห้งให้น้อมที่เดินออกไปจากห้องทันทีที่หมดหน้าที่ น้อมออกไปจากห้องไม่กี่อึดใจ ร่างสูงใหญ่ของพีรภัทรได้เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าเขายังคงเป็นเช่นเดิม พรนับพันมองสามีที่เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ไม่ถึงสองนาทีเขาเดินออกมาด้วยชุดลำลอง “พี่พีจะไปไหนคะ”คนถูกถามหันมามองหน้าเจ้าสาวหมาดๆ ช้าๆ นัยน์ตาแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเต็มที่ พรนับพันเหมือนชาชินกับสายตาแบบนี้ แต่เปล่าเลย เธอเจ็บปวดหัวใจทุกครั้ง“ทำไม...เธอคงคิดล่ะสิว่า ฉันจะต้องเข้าหอกับเธอ” น้ำเสียงค่อนข้างเข้มห้วน “ฝันไปเถอะ นอนกับเธอไปซื้อกินด
Chapter 1“เอามานะพี่หมิว เอาตุ๊กตาของน้องพลอยมานะ” เสียงเด็กหญิงพลอยพรรณวัยหกปี ร้องบอกพี่สาวต่างสายเลือดวัยแปดปีทั้งน้ำตา มองตุ๊กตาบาร์บี้ในมือของพรนับพันด้วยความริษยา เป็นเพราะพลอยพรรณอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้ ทว่าคนเป็นปู่กลับให้พรนับพันแทน “ตุ๊กตาตัวนี้ของพี่นะพลอย คุณปู่ให้พี่ ของพลอยตัวโน้นไง” พรนับพันบอกน้องสาว ชี้ไปยังตุ๊กตาอีกตัวที่วางอยู่บนเก้าอี้ไม้ “ไม่ น้องพลอยจะเอาตัวนี้ ตัวนั้นน้องพลอยไม่ชอบ” พลอยพรรณเด็กหญิงที่มีนิสัยเอาแต่ใจสุดฤทธิ์ไม่ยอม อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตน “เอามานะ เอามาสิ” พลอยพรรณเข้าไปยื้อแย้ง พรนับพันไม่ยอมดึงตุ๊กตากลับมา “มันเป็นของพี่นะพลอย พลอยไปเล่นของพลอยสิ” พรนับพันที่ตัวโตกว่าบอกน้องสาวที่ไม่ยอมเช่นกัน การฉุดกระชากตุ๊กตาจึงเกิดขึ้น จังหวะหนึ่งพรนับพันดึงตุ๊กตาเข้าหาตัวสุดแรง พลอยพรรณจึงเสียหลักล้มลง หัวเข่าไปกระแทกกับก้อนหินบนพื้น เด็กหญิงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องไห้ดังเข้ามาในบ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน พีรภัทรในวันสิบหกปีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงชิงช้าริมสนามหญ้าได้ยินเสียงนั้นพอดี เขาจำได้แม่น







