/ รักโบราณ / สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง / 2 บุคคลที่ต้องหลีกเลี่ยงเป็นอันดับหนึ่ง

공유

2 บุคคลที่ต้องหลีกเลี่ยงเป็นอันดับหนึ่ง

last update 최신 업데이트: 2025-04-09 10:50:24

ฮือ เฟยเมี่ยวขอถอนคำพูดที่เคยบอกไว้ว่าขี่ม้าง่ายกว่าขี่รถมอเตอร์ไซค์เสียตอนนี้ ชาติก่อนเฟยเมี่ยวขี่รถในสนามแข่งทีไรชนะที่หนึ่งตลอด ไยพอขี่ม้าแข่งบ้าง นางกลับไม่ชนะเสียทีเล่า !

แดดแรงแล้ว เฟยเมี่ยวจึงขอทดไว้แข่งกับองค์รัชทายาทหวงลู่คราวหน้าแทน ทั้งสองคนลงจากหลังม้าได้ก็เดินเคียงคู่กันออกมาจากสนามวิ่งม้า จากที่เฟยเมี่ยวคิดไว้ว่าจะเดินกลับตำหนักของทันทีก็ต้องชะลอแผนนั้นไว้ก่อน เพราะที่ทางออกจากสนาม พบผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่งยืนอยู่

เจอหน้ากันเพียงนี้แล้ว จะเลี่ยงตามกฎที่ตนตั้งไว้ก็ไม่ได้ จำต้องเผชิญหน้าเท่านั้น

“ถวายบังคมชินอ๋องเพคะ”

“คำนับเสด็จอาพะยะค่ะ”

ตรงหน้าของนางนั้นคือบุรุษร่างสูงใหญ่สวมชุดสีดำทมึนพาดลายงูใหญ่นูนแต่ดูกลมกลืน บนชุดมีเพียงสีแดงเลือดกับสีทองบ้างช่วยแต่งเติมให้ดูยิ่งทรงอำนาจขึ้นไปอีก ชินอ๋องผู้นี้เป็นพระอนุชาของฮ่องเต้ที่อายุห่างกว่าสิบปี ปีนี้เขาน่าจะอายุยี่สิบห้า เป็นโอรสองค์เล็กสุดในอดีตฮ่องเต้ ไม่รู้ด้วยความรักสายสัมพันธ์พี่น้อง หรือเป็นเพราะพระมารดาของชินอ๋องเป็นอดีตนางกำนัลคนสนิทของไทเฮา หรือเหตุอันใดทำให้ชินอ๋องผู้นี้สามารถดำรงอยู่ในเมืองหลวงข้างกายฮ่องเต้ได้ ทั้งที่พระญาติพระองค์อื่นของฮ่องเต้ล้วนถูกส่งไปประจำเมืองชายแดน หรือไม่ก็ถูกประหารหมดแล้วทั้งสิ้น

ซึ่งนอกจากเฟยเมี่ยวจะไม่สามารถสืบรู้ความเป็นมาของชินอ๋องแน่ชัดแล้ว นางก็ยังไม่รู้ว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากสีดำนั่นเป็นอย่างไรด้วย

ชินอ๋องได้รับสมญานามว่าเป็นอ๋องลึกลับ จากสองเหตุผล...

หนึ่งคือชินอ๋องไม่ค่อยเข้าร่วมงานของพระราชวังเท่าใดนัก สองคือเขามักปรากฏตัวพร้อมหน้าสีดำปิดหนึ่งในสามของหน้า คลุมตั้งแต่หน้าผาก ตาสองข้าง และส่วนบนของจมูก ทำให้ยิ่งดูลึกลับไปใหญ่

ชินอ๋องผู้นี้ถือเป็นบุคคลที่เฟยเมี่ยวตั้งกฎในใจไว้ว่าต้องหลีกเลี่ยงเป็นอันดับหนึ่ง ! เพราะนางไม่สามารถอ่านความคิดจากสายตาของเขาได้เลย อีกทั้งตำหนักเฮยลู่ของชินอ๋องนั้นก็เป็นเพียงตำหนักเดียวที่เฟยเมี่ยวไม่สามารถล่อลวงคนของตำหนักให้มาเป็นสายได้เยี่ยงตำหนักอื่น ยามนางหาทางผูกมิตรกับคนในตำหนักนั้นแล้วเป็นอันต้องล้มเหลวทุกที จนนางล้มเลิกแผนนั้นเสีย ในเมื่อไม่สามารถหาผู้หวังดีภายในคอยส่งข่าว หรือนางไม่สามารถสืบจากใครได้จึงต้องตั้งตนหลีกห่างแทน

ตอนนี้ภาพจำชินอ๋องสำหรับเฟยเมี่ยวคือ ลาสบอสในเกมส์ที่เคยเล่นในชาติก่อน นางต้องพัฒนาตนเองและฝ่าฟันอุปสรรคจนหมดก่อนค่อยปะทะกับคนผู้นี้ได้ อันใดทำนองนั้นน่ะ

“มิคาดว่ามาคราวนี้จะได้ดูการแข่งขันขี่ม้าขององค์รัชทายาทนะ ฝีมือการควบคุมทิศทางม้าของพระองค์ดีขึ้นมากเชียว ดูเข้าใจสื่อสารได้ดียิ่งกับม้าของพระองค์...”

ในใจของเฟยเมี่ยวนั้นสวดภาวนาให้ชินอ๋องไม่สนใจตนคราแล้วคราเล่า แต่พอเอ่ยชมหวงลู่เสร็จก็เหลือบตามามองนางเสียแล้ว

สิ่งที่สวดขอไว้เป็นอันจบสิ้น

“ทว่าเมื่อครู่พระองค์กลั่นแกล้งคุณหนูซุนเกินไปแล้ว ฝีมือห่างชั้นกันเพียงนี้ไยมิต่อให้นางเสียหน่อยเล่า ฝีเท้าม้าตัวนี้มิอาจเทียบได้ไม่พอ การคุมทิศทางของคนขี่กับตัวม้ายังไม่สอดรับเท่าใดนัก แต่ต้องขอชมว่าคุณหนูซุนนั้นตัดสินใจได้ฉับไว และเปี่ยมด้วยความกล้าหาญยิ่ง หากฝึกถูกทิศทางเสียหน่อยย่อมเก่งกาจกว่านี้แน่”

ฟังไปแล้ว เฟยเมี่ยวเหมือนกำลังถูกตบหัวแล้วเขาก็ลูบหลังนางเพื่อปลอบประโลมต่ออย่างไรอย่างนั้น ชินอ๋องผู้นี้วิจารณ์เสียจนเฟยเมี่ยวอยากกลับไปแข่งอีกรอบเสียตอนนี้เลย แต่ก็ต้องข่มใจไว้ ฝืนหยักยิ้มขอบพระทัยและเอ่ยเสียงหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ในอารมณ์ตอนนี้

“ขอบพระทัยชินอ๋องที่เสนอแนะหม่อมฉันเพคะ หม่อมฉันจะนำไปปรับใช้และพัฒนาตนเองในอนาคตแน่เพคะ”

ยิ้มเข้าไว้เฟยเมี่ยว แม้นร่างกายจะอายุเพียงสิบสี่ย่างสิบห้า แต่จิตวิญญาณของเฟยเมี่ยวจากยุคสองพันก็ปาไปเกือบสามสิบได้แล้ว เพียงนางถูกคำพูดดูถูกและสายตามองอย่างเย้ยหยันเบา ๆ ของชินอ๋องไม่สามารถทลายภาพลักษณ์สตรีสุขุมเรียบร้อยได้หรอก

“หากฝึกเองย่อมมิสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้หรอก...”

น้ำเสียงเข้มขรึมพูดโต้กลับมาล้วนพุ่งทิ่มแทงจุดบอดของเฟยเมี่ยวอย่างแรง

เขาไม่รู้ว่าคำกล่าวเมื่อสักครู่นางเพียงพูดตามมารยาท หรือว่าตั้งใจกดข่มนางอย่างเจ็บแสบกันแน่ !

“หม่อมฉันจะตั้งใจเรียนรู้จากองค์รัชทายาทอย่างตั้งใจเพคะ”

“ฝีมือเท่านี้ของคุณหนูซุนก็ได้มาจากการได้องค์รัชทายาททรงช่วยมิใช่หรือ...”

อา ชินอ๋องผู้นี้กวนน้ำโหเฟยเมี่ยวมากเกินไปแล้ว เขากำลังบอกว่านางเรียนกับหวงลู่ไปก็เท่านั้น อย่างไรก็ได้เท่านี้ใช่หรือไม่

ทว่าแม้นในใจของนางจะร้อนดั่งไฟโหมลุกกองใหญ่ แต่สีหน้าก็ยังชื่นบานและหยักยิ้มไม่คลาย

“หมะ...”

“งั้นเอาอย่างนี้ ไว้ชินอ๋องผู้นี้จะช่วยสอนคุณหนูซุนเอง เป็นสัปดาห์ละหนึ่งหนเป็นอย่างไร ช่วงนี้งานราชการไม่มาก พอจัดเวลาสอนได้บ้าง”

นี่ไม่ใช่ข้อเสนอ แต่มันคือคำสั่งต่างหาก !

เฟยเมี่ยวอยากหลบเลี่ยงบุคคลลึกลับผู้นี้แทบใจขาดดิ้นกลับกลายเป็นต้องมาเจอเขาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งหรือนี่

จะปฏิเสธก็ถูกสายตาพิฆาตขององค์รัชทายาทที่ยืนเฉียงหันหน้ามาทางนางหยุดไว้ ในสายตาของเขาที่มองชินอ๋องอย่างเลื่อมใสแต่มองเฟยเมี่ยวอย่างศรัตรูทำเอาเฟยเมี่ยวมิรู้จะเอ่ยคำใดออกไปเลย...

“หากไม่เป็นการเสียเวลาเสด็จอา หม่อมฉันขอมาร่วมเรียนด้วยนะพะยะค่ะ”

เมื่อไม่กี่ปีก่อนเขาเคยขอร้องให้บิดาผู้เป็นฮ่องเต้ช่วยเอ่ยปากขอให้เสด็จอามาสอนขี่ม้าแต่ก็ถูกปฏิเสธ มิคิดว่าจะมีวันนี้ที่อยู่ดีดีก็มีโอกาสได้เรียนเสียเองแล้ว แม้ตอนแรกเสด็จอาผู้เป็นดั่งต้นแบบให้เขาตั้งใจเรียนจะเอ่ยปากสอนเฟยเมี่ยวมิใช่เขา แต่สุดท้ายเขาก็ติดสอยห้อยตามไปด้วยได้ก็ดีที่สุดแล้ว ก่อนหน้าเป็นอย่างไรหาได้สำคัญไม่...

หนึ่งคนแสนจะดีใจ แต่อีกหนึ่งคนน้ำตาตกในใจ ท่าทีทั้งสองคนล้วนอยู่ในสายตาของชินอ๋องทั้งสิ้น สีหน้าภายใต้หน้ากากกำลังเป็นอย่างไรหาได้มีใครรู้ แต่มุกปากหยักยกเล็กน้อยนั้นมองเห็นได้อย่างชัดเจนในมุมมองของขันทีมากประสบการณ์อย่างขันทีฉีแน่นอน

วันนี้เจ้านายของเขาล้วนทำแต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือแบบแผนเดิม จนคนมั่นใจว่าตนเข้าใจชินอ๋องได้ถ่องแท้ที่สุดเสียความมั่นใจไปเลยทีเดียว...

“ท่านอ๋องพะยะค่ะ ท่านเสนาบดีหลิง กรมตุลาการ ส่งคนมาสอบถามพะยะค่ะ เอ่อ ที่นัดหมายไว้ก่อนหน้าไม่ทราบว่าพระองค์ยังจะเสด็จไปอยู่หรือไม่ขอรับ”

เป็นผู้ช่วยประจำตัวของชินอ๋องเต๋อรุ่ยเองที่เดินเข้ามาแทรกบทสนทนา ดูจากสีหน้าที่นิ่งเฉยไม่แพ้ผู้เป็นนาย ย่อมบอกได้ว่าสีหน้า ท่าทางต่างถอดแบบมาจากเจ้านายยันลูกน้องเลยเชียว รวมถึงชุดสีดำทั้งตัวด้วยเช่นกัน

มองไปทางสองนายบ่าว บรรยากาศรอบกายดูมืดครึ้มเยี่ยงท้องฟ้ายามค่ำคืน หรือ เหมือนอยู่ในงานศพอย่างไรอย่างนั้น...

“เดี๋ยวไปเลย เขารีบมากเลยหรือ?”

ฟังจากน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่แผ่รังสีเคล้าลางความไม่พอใจออกมาพร้อมน้ำเสียงแล้ว ใครจะกล้าบอกว่ารีบกันเล่า เฟยเมี่ยวมองคนของเสนาบดีหลิงที่ถูกส่งมาแล้วก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ นางเห็นเขาส่ายหน้าพัลวันจนคอแทบหลุดจากบ่า

“ท่าอาจะเสด็จไปที่ศาลกลางใช่หรือไม่ หม่อมฉันขอไปด้วยได้หรือไม่พะยะค่ะ เป็นการศึกษางานช่วยเสด็จอาไปด้วยในทีเดียวนะพะยะค่ะ”

เต๋อรุ่ยเป็นคนที่ทำงานแล้วไม่ชอบให้คนมาเฝ้าดูเยอะ ยามใดที่เขาถูกเชิญไปช่วยตัดสินคดีความใด ภายในศาลวันนั้นมักจำกัดจำนวนคนเข้าฟังได้ไม่มาก เข้าได้เฉพาะคนที่มีความเกี่ยวข้องกับโจทก์และจำเลยเท่านั้น ด้วยความที่เต๋อรุ่ยนั้นมิได้มีหน้าที่เป็นผู้พิพากษา แต่เขาจะไปช่วยในคราวที่เกินกำลังของท่านเสนาบดีหลิงเท่านั้น ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษที่ฮ่องเต้เป็นผู้แต่งตั้งให้

เฟยเมี่ยวคิดไปคิดมาว่า หนึ่งปีกว่าที่อยู่ในยุคนี้นางยังไม่เคยไปเที่ยวชมศาลเลยนี่นา นางชักอยากรู้แล้วสิว่าศาลในยุคนี้เป็นอย่างไร แตกต่างจากศาลในสมัยที่นางจากมาหรือไม่ ฉะนั้นเฟยเมี่ยวต้องอาศัยเกาะติดองค์รัชทายาทหวงลู่ดั่งปลิงเกาะขาดูดเลือด เขาไปที่ใดนางต้องได้ไปที่นั่นเช่นกัน

“องค์รัชทายาททรงพาหม่อมฉันไปด้วยนะเพคะ เพราะฮองเฮาทรงฝากฝังให้ท่านดูแลสอนสั่งข้าแล้ว ทรงอย่าลืมนะเพคะ...”

เฟยเมี่ยวไม่ได้พูดออกมาทันที แต่นางค่อย ๆ เขยิบไปหาหวงลู่และกระซิบบอกเขาเบา ๆ ให้ได้ยินกันสองคนเท่านั้น

ที่เฟยเมี่ยวต้องยกเอารับสั่งฮองเฮามาเพราะกลัวหวงลู่ปฏิเสธนั่นเอง

“อย่างนั้นก็ตามมาได้...”

หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีตาเปล่งประกายทันที ที่ได้ยินคำยินยอมของชินอ๋อง

...หวงลู่ตื่นเต้นยิ่งที่จะได้ไปดูต้นแบบอย่างชินอ๋องทำงานจริงด้วยตาตนเอง

...ส่วนเฟยเมี่ยวนั้นดีใจที่ตนจะได้ออกจากวังในช่วงกลางวัน อีกทั้งมีเรื่องน่าตื่นตาให้ชม แทนที่จะอยู่วังรู้สึกเบื่อไปวันวัน

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย“ถวายพระพรชินอ๋องพะยะค่ะ”คนตระกูลซุนที่ออกมาต้อนรับยังไม่ทันลงไปทำความเคารพที่พื้นก็ต้องชะงักลงก่อนเพราะคำพูดแปลกประหลาดผู้สูงศักดิ์ที่มาใหม่นั่นเอง“ไม่ต้องเคารพถึงเพียงนั้นหรอกท่านว่าที่พ่อตา...”เฟยเมี่ยวอึ้งเช่นเดียวกันกับคนอื่น เพราะเขาไม่เห็นบอกนางล่วงหน้าให้ทำใจก่อนเล่า ใครจะคิดว่าอยู่ที่ดีก็ยกขบวนหมั้นหมายมาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า“ท่านอ๋องหมายความอันใดหรือ ? กระหม่อมไม่เข้าใจ”ขนาดไม่เข้าใจของบิดานางนะเนี่ย น้ำเสียงยังแข็งกร้าวขึ้นเปลี่ยนไปจากตอนแรกมากเลยดูท่าการเป็นอริอย่างเช่นข่าวลือบิดาของนางจะอินเกินจนเข้ากระแสเลือดไปแล้วกระมัง“ก็วันนี้ข้ามาสู่ขอเมี่ยวเมี่ยวไปเป็นพระชายาเอกอย่างไรเล่า เดี๋ยวก็คงจะได้เรียกพ่อตาแล้วในอนาคต”เฟยเมี่ยวเห็นประกายไฟระหว่างสองสายตาที่จ้องกันอยู่ตอนนี้ของแม่ทัพใหญ่ซุนเหวินเชาและชินอ๋องขึ้นมาลาง ๆ แล้ว ดีที่มารดาของนางรีบเข้ามายืนขวางหน้าซุนเหวินเชาเสียก่อน“ท่านอ๋องมาแล้วก็เชิญข้างในจวนก่อนเถอะเพคะ เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกยาว...”“ไม่ให้แต่ง อย่างไรก็ไม่ให้แต่ง !!!”“ใช่ขอรับ ลูกไม่ให้แต่งเช่นกัน!!”สองพ่อลูกตระกูลซุนตะโกนแทบจะพร้อมกันต่อ

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   24 ตัดขาด

    24ตัดขาดภายในห้องรับรองตระกูลซุนสายรอง มีเจ้าของจวนนั่งเรียงหน้าเครียด โดยเฉพาะซุนเหวินเชา แม่ทัพไร้พ่ายที่หน้านิ่งแผ่รังสีความไม่พอใจ จนทำให้เหล่าแขกของจวนที่นั่งรวมกันอยู่ฝั่งที่นั่งแขกพากันนั่งเกร็งจนเฟยเมี่ยวที่มองอยู่แทบกลั้นขำไม่ไหวเหล่าแขกที่ว่าคือ พวกตระกูลซุนสายหลักนั่นเอง มีท่านลุงซุนโหว ท่านป้าสะใภ้ซูเม่ย และท่านย่า พวกเขามาคราวนี้เพื่อมาขอขมา ให้สายรองให้อภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น“อาเหวิน เจ้าก็ให้อภัยพี่ชายเจ้าหน่อยเถอะ อย่างไรก็คนตระกูลซุนเช่นเดียวกัน”ท่านย่าเอ่ยเสียงอ่อน รอยยิ้มเหี่ยวย่นของหญิงชราผู้นี้จืดเจื่อนยิ่งนัก แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเอ่ยทั้งที่น้ำเสียงติดสั่นระริกจากรังสีกดดันของแม่ทัพไร้พ่าย“ท่านแม่มิคิดหรือเจ้าคะ หากอาเมี่ยวรักษาไม่ทันจะเป็นเช่นไร ท่านพี่สะใภ้นั้นอาจถูกหลอกใช้ก็จริง แต่ว่าอย่างไรเสียเมื่อไม่รู้แหล่งที่มาดีดีไยต้องเสี่ยงให้บุตรสาวของข้ากินด้วย หรือว่าเพราะไม่ใช่บุตรสาวของตนจึงจะให้กินอันใดก็ได้”“ไม่เลย ๆ น้องสะใภ้อย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใครทั้งสิ้น เจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้น ทว่าอย่างไรบุตรสาวเจ้าก็ไม่เป็นอันใดนี่ เจ้าสบายดีใช่ไหมอาเ

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   23 ไปหาหลักฐาน

    23ไปหาหลักฐานเมื่อเป็นเรื่องความเป็นไประดับแคว้น พอเฟยเมี่ยวไปปรึกษากับชินอ๋องนางก็เพิ่งได้รู้ว่าเขากำลังติดตามเรื่องมีคนลักลอบจำหน่ายฝิ่นอยู่เช่นเดียวกัน พอเฟยเมี่ยวเอาสิ่งที่นางสืบมาโดยตลอดผนวกเข้ากับความจริงจากปากมารดามันทำให้เฟยเมี่ยวสงสัยไปที่ตระกูลซุนสายหลักโดยเฉพาะท่านป้าซูเม่ยทันที พอเอ่ยขอให้ชินอ๋องไปติดตามและสืบเชิงลึกที่ตระกูลหลิงก็พบเบาะแสบางอย่างที่พุ่งไปว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบค้าฝิ่นจริง โดยประมุขตระกูลหลิงที่เป็นถึงหัวหน้ากรมตุลาการหากลักลอบขายฝิ่นย่อมสะเทือนต่อแคว้นมากแน่ตอนนี้ขอเพียงหาหลักฐานมาก็สามารถจับกุมตัวการหลักแล้ว สิ่งที่ชินอ๋องกำลังทำอยู่ตอนนี้คือติดตามคนของตระกูลหลิงที่มีการเดินทางไปมาที่ชายแดนกับเมืองต่าง ๆ โดยแน่นอนว่าเฟยเมี่ยวขอติดตามมาด้วยซึ่งตอนแรกบิดานางจะไม่ให้ไปแต่เพราะชินอ๋องเอ่ยปากและบอกว่าให้พี่ใหญ่ตามมาด้วยได้ เฟยเมี่ยวจึงมีโอกาสได้ติดตามไปชายแดนเยี่ยงตอนนี้“อาเมี่ยวไหวหรือไม่อีกไม่ไกลก็ได้เข้าเมืองแล้ว”พี่ใหญ่เอ่ยถามนางมาตลอดทางทุก ๆ ครึ่งชั่วยาม เขาเป็นห่วงนางเกินไปจนเฟยเมี่ยวเหนื่อยจะตอบแล้ว คงเพราะการเดินทางครานี้รีบเร่งจนมิอ

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   22 ไหน้ำส้มใครแตกกันนะ

    22ไหน้ำส้มใครแตกกันนะวันนี้เฟยเมี่ยวออกจากจวนไปร่วมงานชมดอกไม่ที่ตระกูลไป๋จัดขึ้น นางมาถึงก็มีเหล่าคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือนมาบ้างแล้ว พอเลี่ยงเหลียงซูเห็นเฟยเมี่ยวเข้างานมาก็รีบมาเดินด้วยกันทันที ทำให้เฟยเมี่ยวไม่เดินเหงาคนเดียวอีกต่อไปรอเวลาผ่านไปจนเริ่มงานชมดอกไม้แล้ว บ่าวตระกูลไป๋จึงมาเชิญเหล่าคุณหนูไปยังลานนั่งล้อมโต๊ะที่มีชาดอกไม้กลิ่นหอมกรุ่นวางตรงหน้า เป็นการให้ลิ้มรสชาก่อนที่จะไปยังสวนเพื่อชมดอกไม้นั่นล่ะ“ชาดีทีเดียว หนิงอันยังมีรสนิยมดีเยี่ยงเดิมนะ”ท่านหญิงเจียวจินเอ่ยชมเป็นคนแรก แล้วคุณหนูคนอื่น ๆ ก็เอ่ยชมตามมาอีกไม่ขาดส่วนเฟยเมี่ยวนั้นมิได้มางานชมดอกไม้เพียงหาสหาย แต่นางต้องการมารับข่าวสารจากวงสตรีด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่พี่ใหญ่สงสัยว่าตระกูลซุนสายหลักกำลังสู่ขอท่านหญิงตรงหน้านี้อยู่“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านหญิงถูกใจข้าน้อยก็เบาใจลงมากเลยเจ้าค่ะ”หนิงอันยิ้มหวานน้อมรับคำชม บทสนทนาของเหล่าสตรีลื่นไหลอย่างหยุดไม่อยู่ ส่วนเฟยเมี่ยวนั้นก็มีคุยบ้างเป็นครั้งคราวไม่ให้เงียบและแปลกพวกเกินไป แต่ไม่มีใครเอ่ยเข้าประเด็นที่เฟยเมี่ยวอยากรู้เลย“ว่าแต่ท่านหญิงเจียวจินผ่านวัยปักปิ่นมาแล้ว ค

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   21 ลอบเข้าตำหนักเฮยลู่

    21ลอบเข้าตำหนักเฮยลู่จากการที่มีข่าวลือในวันต่อมาว่ามีกลุ่มโจรซุ่มทำร้ายซุนฮูหยินที่ขอบเมืองหลวง สิ่งที่ชาวเมืองเดาไปต่าง ๆ นานา ก็คือกลุ่มโจรนั้นอาจเป็นคนของชินอ๋องก็ได้ เหตุเพราะการที่สองฝ่ายไม่ลงรอยกันนั่นเองเฟยเมี่ยวที่คุ้นชินกลยุทธ์การสร้างข่าวเท็จนี้มองออกทันที นางอยากไขข้อสงสัยมากจนตัดสินใจว่าจะไปสอบถามความจริงจากตัวการใหญ่ ทำให้ดึกคืนนั้นเองเฟยเมี่ยวในชุดดำล้วนอาศัยทางลับที่ตนสร้างไว้สมัยอยู่ในวังเข้ามาได้ในที่สุด นางพุ่งตรงไปยังตำหนักเฮยลู่ อันเป็นตำหนักที่มีเวรยามรัดกุมที่สุดจนนางไม่สามารถมีคนของตนในตำหนักแห่งนี้ได้เลยที่น่าแปลกคือ ตอนนี้เฟยเมี่ยวแอบเข้ามาจนจะถึงตำหนักหลักส่วนในแล้ว นางยังไม่เจอทหารเฝ้ายามเลยสักคน เฟยเมี่ยวคิดว่าตนเองอาจกำลังหลงกลไกการเฝ้ายามซับซ้อนอยู่นางจึงรีบหมุนตัวรีบกลับกลังทางเดิมเสียก่อนที่จะถูกจับได้ทันที“เมี่ยวเมี่ยวจะหนีอีกแล้ว เข้ามาไม่ใช่เพราะคิดถึงข้าหรือ ยังไม่ทันเจอก็จะกลับเสียแล้ว...”นั่นอย่างไร ที่แท้ชินอ๋องผู้นี้ก็คิดว่านางต้องมาหาเขาอยู่แล้ว ทหารเฝ้ายามจึงหายไปหมดเช่นนี้เมื่อเจอตัวการที่นางต้องการเจอแล้ว อันใดคือต้องหนีกันเล่า !“ทห

  • สายลับทะลุมิติ ไปเป็นคุณหนูที่ถูกทิ้ง   20 อยากแสร้งเป็นลมล้มสลบให้ไม่ต้องพบหน้าใครอีก

    20อยากแสร้งเป็นลมล้มสลบให้ไม่ต้องพบหน้าใครอีกงืม ๆ“เช้าแล้วหรือ?...”“ใช่ เช้าแล้ว เมี่ยวเมี่ยวตื่นแล้ว ขี้เซายิ่งนัก”หืม นางไม่ได้นอนอยู่ในห้องคนเดียวหรือไร ไยรู้สึกเหมือนเสียงพูดเมื่อครู่เกิดขึ้นที่ข้างหูนางนี้เองกันนะ ลมที่พัดผ่านใบหูมันชวนให้จั๊กกะจี้จนต้องย่นคอหนีทั้งที่ยังหลับตา ไหนจะสัมผัสบางอย่างที่คลอเคลียแก้มจนทนไม่ไหวต้องลืมตาขึ้นดูแล้วค่อยหลับอีกคราก็แล้วกัน“ท่านอ๋องมาอยู่นี่ได้อย่างไร ! โอ๊ะ”ไม่สิ ตอนนี้นางนอนอยู่ในป่านี่นา นางลืมไปเสียได้ คงเพราะเมื่อวานเหนื่อยมากจนหลับไม่รู้เรื่องแน่เลย“แล้วไยถึงถูกท่านกอดได้ !! ปล่อยนะ”ได้สติแล้วเฟยเมี่ยวก็สังเกตว่าตนเองถูกเต๋อรุ่ยกอดอยู่ แก้มของนางแนบคางของเขาจนรู้สึกประหลาดไปหมด แต่แรงกอดรัดของคนที่บาดเจ็บนั้นเฟยเมี่ยวสู้ไม่ไหวจริง นี่ขนาดเขาบาดเจ็บนะแรงยังมากเพียงนี้เลย ไม่อยากจะคิดยามปรกติจะแรงเยอะเพียงใด แต่ที่แน่นอนคือแรงสตรีตัวเล็กอย่างนางสู้เขาไม่ได้แน่นอน“เมี่ยว ๆ กอดข้าเองนะ อีกทั้งยังกอดไม่ปล่อยอีกด้วย ข้าเลยต้องนอนรออยู่เยี่ยงนี้อย่างไรล่ะ”“แต่เมื่อคืนหม่อมฉันไม่ได้นอนท่านี้ หม่อมฉันเพียงให้ความอบอุ่นแก่พระองค์ผ่า

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status