“ตอนดื่มสุรานายตู้เอ่ยอันใดกับเจ้าบ้าง พูดมาให้หมด”
คนเมาสองคนเรื่องที่คุยย่อมไม่พ้นเรื่องปรับทุกข์ในช่วงนั้นหรอก แม้นางจะไม่รู้ว่านายตู้เมาหรือไม่ แต่การทำให้สหายเมาถึงกับค้างที่บ้านได้ เขาก็ต้องดื่มไปพอสมควรนั่นล่ะ “ตามจริงที่พี่ตู้ชวนมาคราวนี้ข้าก็แปลกใจอยู่ เพราะเราทั้งสองไม่ค่อยสนิทกันมาก หากเขาไม่บอกว่าจะเลี้ยงสุราข้าทั้งหมดก็คงไม่ไปหรอก... อา เขาเหมือนกำลังบ่น ๆ เรื่องการหาเงินแต่งเมียนั่นล่ะ บอกว่าชอบพอนางมากแต่บิดานางยื่นคำขาดว่าให้มีสินสอดมากประมาณนึงถึงจะยกให้ เขายังเอ่ยว่าอยากยืมเงินข้าอยู่เลย เพียงแต่ข้าเดิมทีก็จนยิ่งกว่าเขาอยู่แล้ว ไม่มีให้หรอก ...เอ่อ เหมือนมีอยู่คราหนึ่งเขาบอกว่าตามจริงเขายืมเงินคนผู้หนึ่งมามากแล้วเพื่อนำไปซื้อของ ตอนนี้ยังไม่มีเงินคืนเลย ยังต้องหาเงินไปสู้ขอเพิ่มอีก อันใดทำนองนั้นขอรับ เอ่อ ข้าจำได้เพียงเท่านั้น” พอนายซางเห็นว่าเฟยเมี่ยวอยู่ข้างตน กำลังช่วยตนเองจึงพยายามนึกทุกอย่างที่พอนึกได้ออกมาจนหมด ...แหม ก็ใครจะไม่อยากรอดเล่า เมื่อฟังจนจบเจ้าของคำถามก็นิ่งไปชั่วครู่ก่อนหลุดหัวเราะออกมา นางฟังแล้วดันนึกเรื่องราวหลังจากนี้ออกซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงมากจนหลุดหัวเราะเลยล่ะ ทว่าเพื่อให้คนร้ายตัวจริงไหวตัวไม่ทัน เฟยเมี่ยวต้องขอความช่วยเหลือชินอ๋องหน่อยแล้ว เฟยเมี่ยวจำเป็นต้องบอกเขาเพียงผู้เดียว แต่จะทำอย่างไรให้บอกเขาได้เล่าหากไม่ใช่การกระซิบบอก ด้วยความตื่นเต้นในสิ่งที่คิดทำให้เฟยเมี่ยวก้าวเดินไปหาชินอ๋องอย่างลืมความหวั่นเกรงของตนเองก่อนหน้าไปหมดสิ้น ตอนแรกคนของชินอ๋องก็จะทำทีมาขัดขวางไม่ให้นางเข้าใกล้เจ้านายของพวกเขานั่นล่ะ แต่เป็นชินอ๋องเองที่ห้ามไว้ เขาปล่อยให้นางเข้ามาใกล้ตนเองแบบห่างเพียงโต๊ะกั้นเท่านั้น เฟยเมี่ยวไม่กระซิบบอกเขาหรอก นางหยิบพู่กันจิ้มหมึกและเขียนข้อความหนึ่งให้ชินอ๋องดูตรงหน้าแทน ด้วยความที่นางอยู่ตรงข้ามกับชินอ๋องและเพื่ออำนวยความสะดวกให้ เฟยเมี่ยวก็เขียนอักษรกลับหัวให้ฝั่งชินอ๋องอ่านออกแทน ...คนร้ายอยู่ในคนที่มาเข้าดูการตัดสิน... ไม่รอเวลาผ่านไปมากเกินชั่วหายใจ ชินอ๋องก็ให้สัญญาณคนของตนเองปิดล้อมทางเข้าออกศาลทันที หลังจากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวดังก้องพื้นที่ปิดนี้ “จับมันผู้นั้นเสีย !!! เขาคือคนฆ่านายตู้ตัวจริง” ผู้คนตื่นตระหนกจากเสียงทรงอำนาจและทหารของชินอ๋องที่เคลื่อนพลทั่วทิศทาง คนที่มาเข้าดูการตัดสินต่างตกใจและสงสัยใครรู้จนจ้องมองมาที่ชินอ๋องเพื่อต้องกามองว่าเขาชี้ให้จับมาที่คนไหน แต่กลับเห็นว่าชินอ๋องนั่งนิ่งอย่างเดิมไม่มีการชี้ตัวแต่อย่างใด เขามองไล่ทั่วทุกคนที่เป็นผู้มาร่วมฟังจนสายตาไปสะดุดที่บุรุษคนหนึ่งในหมู่ผู้คนนั้น เขาคือคนเดียวที่มองหันซ้ายขวาไปมาทำราวกับกำลังมองว่าเหล่าทหารเคลื่อนมาจับตนเองหรือไม่กัน พอเห็นว่าเสียงเงียบไปจึงค่อยมองกลับมาที่ชินอ๋องและได้สบตากับสายตาดำเยี่ยงสัตว์นักล่ากำลังจ้องเหยื่อพอดี ขนทั่วกายลุกชันพร้อมกับร่างทั้งร่างหมดแรงจะสู้แล้ว เขาไม่ใช่คนร้ายที่ถูกฝึกมาเสียหน่อย มานั่งนิ่งในนี้ได้แบบสติไม่แตกก็ถือมาเก่งกล้าเกินคนทั่วไปแล้ว เฟยเมี่ยวเดิมพันถูกต้องจริงด้วย แต่ที่นางคาดเดาไม่ถูกคือการกระทำของชินอ๋องเมื่อสักครู่ต่างหาก เขาไม่เพียงเชื่อใจเฟยเมี่ยวทันทีแบบไม่ถามเหตุผลใด แต่เขายังใช้วิธีที่แม้แต่นางก็คิดไม่ถึงด้วยซ้ำ ...นางคาดว่าเขาอาจพอเดาบางอย่างได้ไม่ต่างจากนางกระมัง คิดแล้วก็ยังหายหวาดกลัวในน้ำเสียงทรงพลังเมื่อสักครู่ไม่หาย นางอยู่ใกล้สุดย่อมรับรังสีเมื่อครู่ไปเต็ม ๆ นั่นล่ะ ดีที่ผลลัพธิ์ดีเกินคาดสามารถเปิดเผยตัวคนร้ายได้ภายในเสี้ยวเวลา ไม่ต้องเสียกำลังคนตรวจสอบทีละคนอีกต่างหาก เมื่อชายคนที่ชินอ๋องระบุให้จับออกมายืนอยู่กลางลานก็ถึงตาเฟยเมี่ยวอธิบายสิ่งที่นางคิดแล้ว “เจ้าเคยให้เงินแก่นายตู้ยืมใช่หรือไม่ !?” “เอ่อ ขะขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจฆ่าเขานะขอรับ อย่าจับข้าน้อยเลยขอรับ ขะ...” เฟยเมี่ยวก็สงสารบุรุษผู้นี้นะ...แต่อย่างไรเสียฆ่าคนก็ต้องรับโทษนั่นล่ะ “ข้ามีข้อสงสัย หากคนผู้นี้เป็นเจ้าหนี้ของผู้ตายแล้วเหตุใดจึงต้องฆ่าเขาด้วย หากลูกหนี้ตายไปย่อมไม่มีใครจ่ายหนี้ไม่ใช่หรือ ?” คำถามของเสนาบดีหลิงไม่ผิดเลย ใครในที่นี้ต่างก็สงสัยไม่แพ้กัน เฟยเมี่ยวคิดหาเหตุผลน่าจะเป็นแล้วถึงได้หลุดขบขันออกมาอย่างไรเล่า “ตามจริงแล้วคนผู้นี้ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่านายตู้หรอกเจ้าค่ะ ใช่หรือไม่ ?” เขาร้องไห้โศกเศร้าเสียใจจนพูดไม่รู้เรื่องแล้ว แต่ก็เห็นไปในทางเดียวกันว่าเขาพยักหน้าให้ อีกทั้งยังพร่ำบ่นว่าเขาต่างหากที่จะถูกฆ่า เขาเพียงป้องกันตนเองเท่านั้น เมื่อเฟยเมี่ยวมั่นใจในความคิดตนมากจากการจับประเด็นสิ่งที่ได้ยินนางจึงขอเป็นตัวแทนเอ่ยไขข้อข้องใจทุกคนเองเสีย “คนผู้นี้มิได้มีเจตนาจะฆ่านายตู้แต่อย่างใด จากการคาดเดาจากหลักฐานทั้งหมดที่พวกท่านมือปราบไปสืบค้นมานั้น ทำให้ข้าคิดว่าตามจริงแล้ว หากไม่เกิดเหตุผิดพลาดอันใด คนที่จะจบสิ้นชีวิตคงเป็นคนผู้นี้มากกว่าเจ้าค่ะ นายตู้นั้นวางแผนจะฆ่าเจ้าหนี้ที่ตนติดไว้มาอย่างดี อีกทั้งยังคิดจะขโมยเพิ่มจากเจ้าหนี้อีกเสียด้วยซ้ำ คืนก่อนวันตายของนายตู้ เขาได้นัดเจ้าหนี้ผู้นี้ในช่วงเวลาที่เข้าตาย ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการจ่ายหนี้หรืออื่นใดไว้ และคิดจะฆ่าเจ้าหนี้ด้วยมีดที่เขาเตรียมไปนั่นเอง แต่ข้าคาดว่าคงเพราะเขาเมาสุรามาไม่น้อยพอเกิดการต่อสู้กันจึงเป็นฝ่ายพลาดพลั้งเสียได้ สุดท้ายก็ถูกฆ่าเสียเองด้วยมีดที่ตนเตรียมไปเจ้าค่ะ” นางสังเกตว่าชุดที่เจ้าหนี้ของนายตู้สวมใส่นั้นดูเนื้อผ้าดีพอควรเลย อีกทั้งเขาก็มีเครื่องทองติดตัวพอเหมาะ คงให้คนยืมเงินเป็นนิจไม่ผิดแน่ “หากถึงขนาดเตรียมการไว้อย่างดีไยต้องนัดนายซางดื่มสุรา ก่อนวันด้วยเล่า เขามิน่าจะต้องการทำให้ตัวเองเมาเช่นกันนะ” “ใช่แล้วเจ้าค่ะ เรื่องอาการเมานี้อยู่เหนือความคาดหมายของนายตู้ไป เขารู้ว่าหากฆ่าคนต้องถูกลงโทษแต่เขามีเป้าหมายจะแต่งเมียเข้าบ้านย่อมไม่ยอมรับโทษแน่ นายตู้จึงคิดแผนฆ่าคนแล้วให้ตนรอดโดยการนัดหมายนายซางที่เป็นสหายห่าง ๆ และขาดแคลนเงินมาเพื่อเป็นพยานเรื่องที่อยู่เจ้าค่ะ แต่เขาคงคาดไม่ถึงว่าสหายผู้นี้ดื่มเก่งยากเมาจนไม่ได้สติ จึงทำให้ตนเมาไปด้วยไม่น้อยเจ้าค่ะ” ภายในศาลเงียบสงบลงทันใด ความจริงที่ถูกเปิดเผยล้วนทำให้ใจคนสับสนยากตัดสินว่าควรเข้าข้างฝั่งใดดี ในเรื่องนี้มิใช่สิ่งที่เฟยเมี่ยวจัดการได้ นางมีความเห็นใจบุรุษที่ร้องไห้โฮอยู่ตรงหน้าจึงทำได้เพียงช่วยเปิดเผยความจริงเท่านั้น “ส่วนที่ข้าพูดจะจริงแท้อย่างใดนั้นรบกวนท่านเสนาบดี หลิงตรวจสอบก็ได้แล้วเจ้าค่ะ และหากเป็นจริงดังว่า ข้าขอให้พิจารณาโทษของคนผู้นี้อย่างเหมาะสมด้วยเจ้าค่ะ...”บทส่งท้าย“ถวายพระพรชินอ๋องพะยะค่ะ”คนตระกูลซุนที่ออกมาต้อนรับยังไม่ทันลงไปทำความเคารพที่พื้นก็ต้องชะงักลงก่อนเพราะคำพูดแปลกประหลาดผู้สูงศักดิ์ที่มาใหม่นั่นเอง“ไม่ต้องเคารพถึงเพียงนั้นหรอกท่านว่าที่พ่อตา...”เฟยเมี่ยวอึ้งเช่นเดียวกันกับคนอื่น เพราะเขาไม่เห็นบอกนางล่วงหน้าให้ทำใจก่อนเล่า ใครจะคิดว่าอยู่ที่ดีก็ยกขบวนหมั้นหมายมาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า“ท่านอ๋องหมายความอันใดหรือ ? กระหม่อมไม่เข้าใจ”ขนาดไม่เข้าใจของบิดานางนะเนี่ย น้ำเสียงยังแข็งกร้าวขึ้นเปลี่ยนไปจากตอนแรกมากเลยดูท่าการเป็นอริอย่างเช่นข่าวลือบิดาของนางจะอินเกินจนเข้ากระแสเลือดไปแล้วกระมัง“ก็วันนี้ข้ามาสู่ขอเมี่ยวเมี่ยวไปเป็นพระชายาเอกอย่างไรเล่า เดี๋ยวก็คงจะได้เรียกพ่อตาแล้วในอนาคต”เฟยเมี่ยวเห็นประกายไฟระหว่างสองสายตาที่จ้องกันอยู่ตอนนี้ของแม่ทัพใหญ่ซุนเหวินเชาและชินอ๋องขึ้นมาลาง ๆ แล้ว ดีที่มารดาของนางรีบเข้ามายืนขวางหน้าซุนเหวินเชาเสียก่อน“ท่านอ๋องมาแล้วก็เชิญข้างในจวนก่อนเถอะเพคะ เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกยาว...”“ไม่ให้แต่ง อย่างไรก็ไม่ให้แต่ง !!!”“ใช่ขอรับ ลูกไม่ให้แต่งเช่นกัน!!”สองพ่อลูกตระกูลซุนตะโกนแทบจะพร้อมกันต่อ
24ตัดขาดภายในห้องรับรองตระกูลซุนสายรอง มีเจ้าของจวนนั่งเรียงหน้าเครียด โดยเฉพาะซุนเหวินเชา แม่ทัพไร้พ่ายที่หน้านิ่งแผ่รังสีความไม่พอใจ จนทำให้เหล่าแขกของจวนที่นั่งรวมกันอยู่ฝั่งที่นั่งแขกพากันนั่งเกร็งจนเฟยเมี่ยวที่มองอยู่แทบกลั้นขำไม่ไหวเหล่าแขกที่ว่าคือ พวกตระกูลซุนสายหลักนั่นเอง มีท่านลุงซุนโหว ท่านป้าสะใภ้ซูเม่ย และท่านย่า พวกเขามาคราวนี้เพื่อมาขอขมา ให้สายรองให้อภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น“อาเหวิน เจ้าก็ให้อภัยพี่ชายเจ้าหน่อยเถอะ อย่างไรก็คนตระกูลซุนเช่นเดียวกัน”ท่านย่าเอ่ยเสียงอ่อน รอยยิ้มเหี่ยวย่นของหญิงชราผู้นี้จืดเจื่อนยิ่งนัก แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเอ่ยทั้งที่น้ำเสียงติดสั่นระริกจากรังสีกดดันของแม่ทัพไร้พ่าย“ท่านแม่มิคิดหรือเจ้าคะ หากอาเมี่ยวรักษาไม่ทันจะเป็นเช่นไร ท่านพี่สะใภ้นั้นอาจถูกหลอกใช้ก็จริง แต่ว่าอย่างไรเสียเมื่อไม่รู้แหล่งที่มาดีดีไยต้องเสี่ยงให้บุตรสาวของข้ากินด้วย หรือว่าเพราะไม่ใช่บุตรสาวของตนจึงจะให้กินอันใดก็ได้”“ไม่เลย ๆ น้องสะใภ้อย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใครทั้งสิ้น เจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้น ทว่าอย่างไรบุตรสาวเจ้าก็ไม่เป็นอันใดนี่ เจ้าสบายดีใช่ไหมอาเ
23ไปหาหลักฐานเมื่อเป็นเรื่องความเป็นไประดับแคว้น พอเฟยเมี่ยวไปปรึกษากับชินอ๋องนางก็เพิ่งได้รู้ว่าเขากำลังติดตามเรื่องมีคนลักลอบจำหน่ายฝิ่นอยู่เช่นเดียวกัน พอเฟยเมี่ยวเอาสิ่งที่นางสืบมาโดยตลอดผนวกเข้ากับความจริงจากปากมารดามันทำให้เฟยเมี่ยวสงสัยไปที่ตระกูลซุนสายหลักโดยเฉพาะท่านป้าซูเม่ยทันที พอเอ่ยขอให้ชินอ๋องไปติดตามและสืบเชิงลึกที่ตระกูลหลิงก็พบเบาะแสบางอย่างที่พุ่งไปว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบค้าฝิ่นจริง โดยประมุขตระกูลหลิงที่เป็นถึงหัวหน้ากรมตุลาการหากลักลอบขายฝิ่นย่อมสะเทือนต่อแคว้นมากแน่ตอนนี้ขอเพียงหาหลักฐานมาก็สามารถจับกุมตัวการหลักแล้ว สิ่งที่ชินอ๋องกำลังทำอยู่ตอนนี้คือติดตามคนของตระกูลหลิงที่มีการเดินทางไปมาที่ชายแดนกับเมืองต่าง ๆ โดยแน่นอนว่าเฟยเมี่ยวขอติดตามมาด้วยซึ่งตอนแรกบิดานางจะไม่ให้ไปแต่เพราะชินอ๋องเอ่ยปากและบอกว่าให้พี่ใหญ่ตามมาด้วยได้ เฟยเมี่ยวจึงมีโอกาสได้ติดตามไปชายแดนเยี่ยงตอนนี้“อาเมี่ยวไหวหรือไม่อีกไม่ไกลก็ได้เข้าเมืองแล้ว”พี่ใหญ่เอ่ยถามนางมาตลอดทางทุก ๆ ครึ่งชั่วยาม เขาเป็นห่วงนางเกินไปจนเฟยเมี่ยวเหนื่อยจะตอบแล้ว คงเพราะการเดินทางครานี้รีบเร่งจนมิอ
22ไหน้ำส้มใครแตกกันนะวันนี้เฟยเมี่ยวออกจากจวนไปร่วมงานชมดอกไม่ที่ตระกูลไป๋จัดขึ้น นางมาถึงก็มีเหล่าคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือนมาบ้างแล้ว พอเลี่ยงเหลียงซูเห็นเฟยเมี่ยวเข้างานมาก็รีบมาเดินด้วยกันทันที ทำให้เฟยเมี่ยวไม่เดินเหงาคนเดียวอีกต่อไปรอเวลาผ่านไปจนเริ่มงานชมดอกไม้แล้ว บ่าวตระกูลไป๋จึงมาเชิญเหล่าคุณหนูไปยังลานนั่งล้อมโต๊ะที่มีชาดอกไม้กลิ่นหอมกรุ่นวางตรงหน้า เป็นการให้ลิ้มรสชาก่อนที่จะไปยังสวนเพื่อชมดอกไม้นั่นล่ะ“ชาดีทีเดียว หนิงอันยังมีรสนิยมดีเยี่ยงเดิมนะ”ท่านหญิงเจียวจินเอ่ยชมเป็นคนแรก แล้วคุณหนูคนอื่น ๆ ก็เอ่ยชมตามมาอีกไม่ขาดส่วนเฟยเมี่ยวนั้นมิได้มางานชมดอกไม้เพียงหาสหาย แต่นางต้องการมารับข่าวสารจากวงสตรีด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่พี่ใหญ่สงสัยว่าตระกูลซุนสายหลักกำลังสู่ขอท่านหญิงตรงหน้านี้อยู่“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านหญิงถูกใจข้าน้อยก็เบาใจลงมากเลยเจ้าค่ะ”หนิงอันยิ้มหวานน้อมรับคำชม บทสนทนาของเหล่าสตรีลื่นไหลอย่างหยุดไม่อยู่ ส่วนเฟยเมี่ยวนั้นก็มีคุยบ้างเป็นครั้งคราวไม่ให้เงียบและแปลกพวกเกินไป แต่ไม่มีใครเอ่ยเข้าประเด็นที่เฟยเมี่ยวอยากรู้เลย“ว่าแต่ท่านหญิงเจียวจินผ่านวัยปักปิ่นมาแล้ว ค
21ลอบเข้าตำหนักเฮยลู่จากการที่มีข่าวลือในวันต่อมาว่ามีกลุ่มโจรซุ่มทำร้ายซุนฮูหยินที่ขอบเมืองหลวง สิ่งที่ชาวเมืองเดาไปต่าง ๆ นานา ก็คือกลุ่มโจรนั้นอาจเป็นคนของชินอ๋องก็ได้ เหตุเพราะการที่สองฝ่ายไม่ลงรอยกันนั่นเองเฟยเมี่ยวที่คุ้นชินกลยุทธ์การสร้างข่าวเท็จนี้มองออกทันที นางอยากไขข้อสงสัยมากจนตัดสินใจว่าจะไปสอบถามความจริงจากตัวการใหญ่ ทำให้ดึกคืนนั้นเองเฟยเมี่ยวในชุดดำล้วนอาศัยทางลับที่ตนสร้างไว้สมัยอยู่ในวังเข้ามาได้ในที่สุด นางพุ่งตรงไปยังตำหนักเฮยลู่ อันเป็นตำหนักที่มีเวรยามรัดกุมที่สุดจนนางไม่สามารถมีคนของตนในตำหนักแห่งนี้ได้เลยที่น่าแปลกคือ ตอนนี้เฟยเมี่ยวแอบเข้ามาจนจะถึงตำหนักหลักส่วนในแล้ว นางยังไม่เจอทหารเฝ้ายามเลยสักคน เฟยเมี่ยวคิดว่าตนเองอาจกำลังหลงกลไกการเฝ้ายามซับซ้อนอยู่นางจึงรีบหมุนตัวรีบกลับกลังทางเดิมเสียก่อนที่จะถูกจับได้ทันที“เมี่ยวเมี่ยวจะหนีอีกแล้ว เข้ามาไม่ใช่เพราะคิดถึงข้าหรือ ยังไม่ทันเจอก็จะกลับเสียแล้ว...”นั่นอย่างไร ที่แท้ชินอ๋องผู้นี้ก็คิดว่านางต้องมาหาเขาอยู่แล้ว ทหารเฝ้ายามจึงหายไปหมดเช่นนี้เมื่อเจอตัวการที่นางต้องการเจอแล้ว อันใดคือต้องหนีกันเล่า !“ทห
20อยากแสร้งเป็นลมล้มสลบให้ไม่ต้องพบหน้าใครอีกงืม ๆ“เช้าแล้วหรือ?...”“ใช่ เช้าแล้ว เมี่ยวเมี่ยวตื่นแล้ว ขี้เซายิ่งนัก”หืม นางไม่ได้นอนอยู่ในห้องคนเดียวหรือไร ไยรู้สึกเหมือนเสียงพูดเมื่อครู่เกิดขึ้นที่ข้างหูนางนี้เองกันนะ ลมที่พัดผ่านใบหูมันชวนให้จั๊กกะจี้จนต้องย่นคอหนีทั้งที่ยังหลับตา ไหนจะสัมผัสบางอย่างที่คลอเคลียแก้มจนทนไม่ไหวต้องลืมตาขึ้นดูแล้วค่อยหลับอีกคราก็แล้วกัน“ท่านอ๋องมาอยู่นี่ได้อย่างไร ! โอ๊ะ”ไม่สิ ตอนนี้นางนอนอยู่ในป่านี่นา นางลืมไปเสียได้ คงเพราะเมื่อวานเหนื่อยมากจนหลับไม่รู้เรื่องแน่เลย“แล้วไยถึงถูกท่านกอดได้ !! ปล่อยนะ”ได้สติแล้วเฟยเมี่ยวก็สังเกตว่าตนเองถูกเต๋อรุ่ยกอดอยู่ แก้มของนางแนบคางของเขาจนรู้สึกประหลาดไปหมด แต่แรงกอดรัดของคนที่บาดเจ็บนั้นเฟยเมี่ยวสู้ไม่ไหวจริง นี่ขนาดเขาบาดเจ็บนะแรงยังมากเพียงนี้เลย ไม่อยากจะคิดยามปรกติจะแรงเยอะเพียงใด แต่ที่แน่นอนคือแรงสตรีตัวเล็กอย่างนางสู้เขาไม่ได้แน่นอน“เมี่ยว ๆ กอดข้าเองนะ อีกทั้งยังกอดไม่ปล่อยอีกด้วย ข้าเลยต้องนอนรออยู่เยี่ยงนี้อย่างไรล่ะ”“แต่เมื่อคืนหม่อมฉันไม่ได้นอนท่านี้ หม่อมฉันเพียงให้ความอบอุ่นแก่พระองค์ผ่า