หลังจากการสนทนากับคุณหญิงธัญญา ขวัญอุษาก็กลับมานั่งที่เตียงของเธอด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ แต่เด็กสาวก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจที่ได้รับความเมตตาจากคุณหญิงมากขนาดนี้ เธอไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นภาระหรือทำให้คุณหญิงลำบาก ทั้งที่ในใจเธอก็รู้ดีว่าพ่อของเธอกำลังเผชิญปัญหาหนักหนาเรื่องหนี้สิน
ไม่นานหลังจากนั้น คุณหญิงธัญญาก็เดินเข้ามาหาขวัญอุษาในห้องของเธออีกครั้ง ครั้งนี้เธอถือซองเงินในมือมาด้วยพร้อมทั้งยื่นมันให้กับเด็กสาว ขวัญอุษามองซองเงินนั้นด้วยความตกใจและรู้สึกไม่สบายใจ
“ขวัญจ๊ะ ฉันอยากให้หนูเอาเงินก้อนนี้ไปก่อน เพื่อส่งไปช่วยพ่อหนูจ่ายหนี้” คุณหญิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการจะช่วยเหลือจริงๆ
แต่เด็กสาวก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธเบา ๆ และก้มลงทันที “ไม่ได้ค่ะคุณหญิงป้า หนูรับไว้ไม่ได้จริงๆ แค่นี้หนูก็เกรงใจมากเกินไปแล้ว คุณหญิงป้าให้โอกาสหนูมาทำงานที่นี่ หนูจะค่อย ๆ เก็บเงินส่งให้พ่อเองค่ะ”
คุณหญิงธัญญามองเด็กสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ แต่เธอก็ยังคงยืนกรานความตั้งใจเดิม “ขวัญ ฉันเข้าใจความรู้สึกของหนูนะ ฉันรู้ว่าหนูอยากทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่มันคงใช้เวลานานเกินไป พ่อของหนูคงจะเหนื่อยและลำบากมากในช่วงนี้”
พอขวัญอุษาได้ฟังเธอก็ก้มหน้าลง น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ เธอรู้สึกถึงความรักและความเมตตาที่คุณหญิงมีต่อเธอ แต่ในใจเธอก็ยังไม่กล้ารับเงินก้อนนี้ เพราะกลัวว่าจะเป็นภาระให้กับคุณหญิงผู้ที่มีพระคุณของเธอ
“หนูอยากให้พ่อสบายก็จริง แต่หนูก็ไม่อยากทำให้คุณหญิงป้าลำบากค่ะ” คนร่างผอมบางพูดเสียงเบา ๆ แต่สั่นเครือด้วยความรู้สึกละอายใจ
คุณหญิงธัญญายิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะวางซองเงินลงบนตักของขวัญอุษา “ฉันไม่ได้ทำให้ฉันลำบากเลยขวัญ ฉันมีความสุขที่ได้ช่วยหนู การช่วยเหลือคนที่ตั้งใจทำงานอย่างหนู มันเป็นเรื่องที่ฉันอยากทำจริง ๆ ถ้าหนูเอาเงินนี้ไปช่วยพ่อ หนูจะทำงานได้อย่างสบายใจมากขึ้น ไม่ต้องห่วงหรือกังวลใจ เชื่อฉัน”
ขวัญอุษาเงยหน้าขึ้นมองคุณหญิง น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความซาบซึ้งใจ เธอรู้ว่าคุณหญิงพูดด้วยความจริงใจ แต่ในใจเธอก็ยังลังเล
“คุณหญิงป้า หนู…” จู่ๆ เด็กสาวก็พูดไม่ออก เธอทั้งตื้นตันซาบซึ้งและรู้สึกกังวลว่าจะเป็นภาระกับอีกฝ่าย
แต่คุณหญิงธัญญาพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้นเล็กน้อย “ฟังฉันนะขวัญ ฉันไม่ได้ถามหนูว่าหนูจะรับหรือไม่ ฉันบังคับให้หนูรับเงินนี้ไป เอาไปช่วยพ่อหนูซะ และหลังจากนั้น เราค่อยเริ่มต้นกันใหม่ได้ หนูทำงานที่นี่ หนูก็ช่วยงานฉันอย่างเต็มที่ แค่นั้นก็พอแล้ว”
ขวัญอุษานิ่งงันไปครู่หนึ่ง เธอไม่เคยเจอใครที่เมตตาและยืนยันจะช่วยเธอเช่นนี้ น้ำตาที่คลออยู่ในตาของเธอไหลลงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันเป็นน้ำตาแห่งความตื้นตันและโล่งใจ
ในที่สุด ขวัญก็ต้องยอมรับซองเงินนั้นด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ เธอก้มลงไหว้คุณหญิงด้วยความเคารพ น้ำเสียงของเธอสั่นไหวขณะพูดว่า “ขอบพระคุณมากค่ะคุณหญิงป้า หนูจะไม่ลืมบุญคุณของคุณหญิงป้าเลย หนูสัญญาว่าจะทำงานให้ดีที่สุดค่ะ”
คุณหญิงธัญญายิ้มอย่างอ่อนโยนและลูบหัวขวัญเบา ๆ “ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หนูเป็นคนขยันและซื่อสัตย์ ฉันเชื่อว่าหนูจะไปได้ไกลแน่ ๆ แล้วเราก็เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันนะ”
เมื่อคุณหญิงเดินออกไปจากห้อง ขวัญอุษานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เธอมองซองเงินในมือ รู้สึกตื้นตันและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก เงินก้อนนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อ แต่ยังทำให้เธอรู้สึกถึงความรักและความเมตตาที่ได้รับจากคุณหญิง
ขวัญอุษาตัดสินใจทันทีว่าเธอจะส่งเงินก้อนนี้กลับไปให้พ่อในทันที เพื่อให้พ่อสามารถใช้จ่ายหนี้สินและคลายความกังวลลง เด็กสาวจากต่างจังหวัดรู้สึกว่าตอนนี้เธอไม่ได้สู้เพียงลำพังอีกต่อไป
ค่ำวันนั้น หลังจากที่คุณหญิงธัญญาได้ให้เงินช่วยเหลือ ขวัญอุษารู้สึกโล่งใจและเบาใจมากกว่าที่เคยเป็นมา เธอรู้สึกเหมือนภาระหนักที่แบกไว้มานานได้ถูกยกออกไป เธอตัดสินใจไม่รอช้า รีบหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่า ๆ ของเธอขึ้นมาและกดหมายเลขโทรศัพท์ของพ่อที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เสียงรอสายดังอยู่ไม่กี่ครั้งก่อนที่พ่อจะรับสาย
“ฮัลโหล... ขวัญหรือเปล่าลูก” เสียงพ่อที่ปลายสายฟังดูเหนื่อยล้าและห่วงใยตามปกติ คนเป็นลูกอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้น
“ใช่ค่ะพ่อ ขวัญเอง” เด็กสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใสที่เธอไม่สามารถปิดบังความตื่นเต้นได้
“พ่อเป็นยังไงบ้างคะ ยังเหนื่อยเหมือนเดิมหรือเปล่า” ขวัญอุษาถามขึ้นด้วยความห่วงใย แม้ใจเธอจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะบอกข่าวดี แต่เธอยังอยากรู้เรื่องของพ่อก่อน
พ่อถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตอบ “พ่อก็สบายดีลูก ไม่ต้องห่วงนะ แค่ทำงานหนักไปตามเรื่องเท่านั้นเอง แล้วลูกล่ะ งานเป็นยังไงบ้าง”
เด็กสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง สูดหายใจลึกก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจ “พ่อ... หนูมีข่าวดีจะบอกค่ะ”
พ่อฟังอย่างสนใจ “ข่าวดีอะไรหรือลูก”
“คุณหญิงป้า...เอ่อ คุณหญิงธัญญาที่หนูทำงานด้วย ท่านให้เงินหนูมาก้อนหนึ่งค่ะ ให้หนูเอาไปใช้ช่วยพ่อจ่ายหนี้ หนูไม่อยากรับ แต่ท่านบังคับให้รับค่ะ” ขวัญอุษาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงตื่นเต้นและซาบซึ้งอยู่ในใจ ที่ปลายสาย พ่อเงียบไปพักใหญ่ ราวกับว่าเขากำลังประมวลผลสิ่งที่ได้ยิน ขวัญอุษารู้ว่าพ่อคงจะตกใจไม่น้อย
“ขวัญ พ่อไม่อยากเชื่อเลย ลูกหมายความว่ายังไงเหรอ คุณหญิงธัญญาให้เงินลูกจริง ๆ หรือ” เสียงของพ่อสั่นเล็กน้อย เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครใจดีพอที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือเช่นนี้
“จริงค่ะพ่อ คุณหญิงป้าท่านใจดีมาก หนูบอกท่านว่าไม่อยากรับ แต่ท่านบอกว่าท่านอยากช่วย หนูเลยรับไว้แล้วจะส่งเงินนี้กลับไปให้พ่อใช้จ่ายหนี้ค่ะ” ขวัญอุษาอธิบายด้วยความตื้นตัน น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นน้ำตาแห่งความโล่งใจและความสุข
พ่อเงียบไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเพราะความซาบซึ้งและอึ้งในความเมตตาของคุณหญิงธัญญา “พ่อ พ่อไม่รู้จะพูดอะไรดี ลูกโชคดีมากที่ได้เจอคนใจดีขนาดนี้”
ร่างผอมบางยิ้มทั้งน้ำตา “ค่ะพ่อ หนูรู้สึกโชคดีมาก ๆ และหนูก็อยากให้พ่อรู้ว่า ตอนนี้พ่อไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้อีกต่อไปแล้วนะคะ หนูจะส่งเงินไปให้พ่อทันทีเลยค่ะ”
“พ่อไม่รู้จะขอบใจยังไงดีลูก แต่พ่ออยากให้ลูกจำไว้ว่าพ่อภูมิใจในตัวลูกมาก พ่อรู้ว่าลูกทำงานหนักเพื่อช่วยพ่อมาตลอด” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงสั่นไหว ความตื้นตันที่พ่อรู้สึก ทำให้เขาไม่สามารถเก็บน้ำตาไว้ได้
“หนูก็ภูมิใจในตัวพ่อเหมือนกันค่ะพ่อ หนูรักพ่อนะ” ขวัญอุษากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย
"พ่อก็รักลูกมากนะขวัญ ขอบใจจริง ๆ ที่ทำให้พ่อโล่งใจได้ขนาดนี้" เสียงของพ่อแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกยินดี
หลังจากที่วางสาย ขวัญอุษาก็นั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ เธอยิ้มอย่างมีความสุข หัวใจที่เคยหนักอึ้งตอนนี้รู้สึกเบาสบาย เธอรู้ว่าตอนนี้พ่อของเธอจะได้คลายความกังวลลง และชีวิตของเธอก็เริ่มเข้าสู่จุดที่มีความหวังมากขึ้น ในคืนนั้นเด็กสาวเข้านอนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุขและความขอบคุณ เธอสัญญากับตัวเองว่าจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตที่ดีกว่าทั้งสำหรับเธอและพ่อ
หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น ขวัญอุษายังคงอยู่ในสภาพจิตใจที่แตกสลาย น้ำตายังคงไหลลงมาอย่างเงียบ ๆ ทุกครั้งที่เธอคิดถึงสิ่งที่ปกรณ์ทำกับเธอ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเจ็บปวด หญิงสาวไม่รู้ว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบได้พังทลายลง แต่เธอก็ไม่กล้าพูดหรือบอกใครถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะที่ขวัญอุษาอยู่ในความทุกข์นั้น ปกรณ์กลับมีความรู้สึกที่สับสน เขารู้ว่าตัวเองทำสิ่งที่ผิดมหันต์มันไม่ควรที่จะจบลงด้วยการมีอะไรกับหญิงสาวซึ่งคืนนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการขืนใจ ถึงแม้สุดท้ายแล้วมีจะมีความสุขสมเหลืออยู่ก็ตาม แต่ความโกรธ ความระแวง และความไม่ไว้ใจในตัวหญิงสาวที่ยังมีมากกว่ามันยังคงครอบงำจิตใจของฝ่ายไม่ดีของเขา แม้จะสำนึกผิดบางส่วน แต่เขาก็เลือกที่จะไม่แสดงความอ่อนแอออกมาเขาเลือกที่จะใช้ข้อมูลในด้านไม่ดีแทน เขากลับมองหาวิธีควบคุมขวัญให้ยอมอยู่ภายใต้กฎของเขา เพื่อไม่ให้เธอมีโอกาสทำลายครอบครัวของเขาในแบบที่เขาเชื่อไม่กี่วันหลังจากเหตุการณ์สุดรัญจวนใจในห้องนอนของหญิงสาวนั้น ปกรณ์เรียกขวัญอุษามาที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา ขวัญอุษาเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเธอซีดเผ
“ในเมื่อเธอไม่ยอมรับ ฉันก็จะจัดการเธอในแบบของฉันเอง มานี่เลย” ปกรณ์ใช้สองแขนแข็งแรงของเขากดแขนเรียวของขวัญอุษาให้ติดกับเตียง ใบหน้าคมของเขาซุกลงไปที่ซุกคอขาวของเธอ หญิงสาวเห็นสถานการณ์ไม่ดีเธอพยายามที่จะดิ้นรนให้พ้นจากคนใจร้ายคนนี้ แต่ถึงจะดิ้นรนยังไงเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอก็ไม่สามารถที่จะสู้แรงชายฉกรรจ์ที่เต็มไปด้วยโทสะและความเมาได้เลย เพียงไม่กี่อึดใจเสื้อนอนของเธอก็ถูกปกรณ์ดึงจนกระดุมขาด เผยให้เห็นเต้าอวบต่อสายตาของปกรณ์ “อย่าาาาา คุณปกรณ์อย่าทำ อ๊ะ” เสียงขวัญอุษาร้องห้ามเสียงดัง แต่อีกคนก็ไม่ได้ฟังเสียงมดเสียงแมงหวี่อย่างเธอ ตอนนี้ใบหน้าของเขาซบลงตรงเต้าอวบใหญ่ ลิ้นหยาบเลียรอบฐานเต้านม ก่อนที่จะใช้ปากอมดูดลอกเรียนแบบพฤติกรรมทารกดูดนมมารดา เพียงแต่เปลี่ยนจากเด็กทารกเป็นปกรณ์ที่โตเป็นหนุ่มและดูดนมของหญิงสาวที่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด มืออีกข้างก็ไม่ปล่อยให้ว่างเปล่าเขาเอามาเคล้าคลึงเต้านมอีกข้างนวดเพื่อให้อีกคนได้เสียวกระสัน จะได้เลิกต่อต้านเขาเสียที พอดูดข้างนี้จนพอใจ ปกรณ์ก็ย้ายมาอีกข้างและทำแบบเดียวกัน “อ๊ะ อ๊าาาา อย่า อ๊าาาา อย่าทำขวัญ ได้โปรด ซี๊ดดดด คุณปกร
หลังจากการสนทนาที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดกับคุณหญิงธัญญาเกี่ยวกับเรื่องของขวัญอุษา ความโกรธและความไม่พอใจของปกรณ์ก็ยังคงไม่ลดน้อยลง เขายังคงไม่เชื่อว่าแม่ของเขาจะช่วยเหลือหญิงสาวที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดขนาดนี้ ทั้งสนับสนุนให้เรียนมหาวิทยาลัย แถมยังให้เข้ามาทำงานในบริษัทของครอบครัว ปกรณ์ไม่สามารถยอมรับได้ว่านี่เป็นเพียงเรื่องของความเมตตาธรรมดา เขายังคงเชื่อว่าขวัญอุษามีเจตนาแอบแฝง ปกรณ์มักจะออกไปพบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจในช่วงเย็น โดยเฉพาะกับเฌอปรางค์ เพื่อนสนิทที่เป็นคนแรกที่เล่าเรื่องขวัญอุษาให้เขาฟัง ทั้งเฌอปรางค์และเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างคุ้นเคยกับความไม่ไว้ใจและความระแวงของปกรณ์ในเรื่องคนรอบตัว ทำให้พวกเขาเริ่มยุแยงและทำให้ความโกรธของปกรณ์เพิ่มมากขึ้น ในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ปกรณ์นั่งจิบไวน์ในบาร์หรูแห่งหนึ่งกับกลุ่มเพื่อน เฌอปรางค์และคุณานนท์ เพื่อนสมัยเรียนอีกคนก็เริ่มหยิบยกเรื่องของขวัญอุษาขึ้นมาพูดคุย “กรณ์ กูได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนั้น ขวัญอุษาอะไรนั่นน่ะ เธอเข้ามาอยู่บ้านของครอบครัวมึงใช่ไหม กูไปงานเลี้ยงกูเห็นแม่มึงแนะนำว่าเป็นหลานสาว” คุณนนท์ถามขึ้นด้วยน้ำเสี
แม้จะฟังคำอธิบายจากคุณหญิงธัญญาแล้ว แต่ปกรณ์ก็ยังไม่สบายใจเมื่อเห็นขวัญอุษาอาศัยอยู่ที่บ้านใหญ่ การที่หญิงสาวคนนี้ใกล้ชิดกับแม่ของเขาและมีบทบาทสำคัญในชีวิตของแม่ ทำให้ปกรณ์รู้สึกไม่ไว้ใจยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าคุณหญิงจะบอกว่าขวัญอุษาเป็นคนคอยดูแลและทำให้เธอไม่เหงาในช่วงที่เขาอยู่ต่างประเทศ แต่ในสายตาของปกรณ์ เขามองว่าเป็นเรื่องที่มันไม่ชอบมาพากล ปกรณ์ตัดสินใจว่า เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าขวัญอุษาเป็นใครและมีเบื้องหลังอย่างไร เขาเริ่มสืบเรื่องของขวัญด้วยวิธีการของตัวเอง เขาไม่ยอมให้ใครก็ตามเข้ามาใกล้ชิดกับครอบครัวโดยไม่รู้เจตนาที่แท้จริง ในช่วงสองสามวันหลังจากนั้น ปกรณ์เริ่มสังเกตพฤติกรรมของขวัญอุษาทุกครั้งที่เขาอยู่บ้าน เขามองขวัญอุษาทำงานในบ้านใหญ่ ช่วยพี่สายใจจัดโต๊ะ จัดดอกไม้ ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่าง แม้เธอดูเหมือนจะทำงานอย่างขยันขันแข็งและไม่มีท่าทีที่แสดงออกถึงเจตนาร้าย แต่ปกรณ์ยังคงไม่เชื่อใจ เขาคิดว่าเธออาจจะเสเเสร้งปิดบังบางอย่างอยู่ เมื่อสังเกตในบ้านแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ ปกรณ์จึงตัดสินใจตามสืบชีวิตของขวัญอุษาให้ลึกลงไปอีก เขาตรวจสอบประวัติของขวัญอุษาผ่านการติดต่อเพื่อนฝูงในวงการและใ
หลังจากที่ปกรณ์เดินออกจากห้องรับแขกโดยไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ขวัญอุษารู้สึกตึงเครียดขึ้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมปกรณ์ถึงแสดงท่าทีเย็นชาต่อเธอ ทั้งที่เธอไม่เคยเจอกันเลย อีกทั้งเธอก็ไม่เคยมีเจตนาร้ายหรือคิดเข้าหาผลประโยชน์ใด ๆ จากครอบครัวของคุณหญิงธัญญา ขวัญอุษารู้ดีว่าคุณหญิงให้ความเมตตาเธอมากแค่ไหน และเธอก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดเสมอเพื่อที่จะตอบแทนผู้มีพระคุณ ขณะที่ขวัญอุษายังคงนั่งจัดดอกไม้อยู่ในห้องรับแขก เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยของคุณหญิงธัญญาดังขึ้นจากทางด้านหลัง คุณหญิงเดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มสดใสที่ขวัญไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก ดวงตาของคุณหญิงเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นและความดีใจอย่างเห็นได้ชัด “ขวัญจ๊ะ ลูกชายของฉันกลับมาแล้ว ตากรณ์ลูกชายของฉันกลับมาแล้ว” คุณหญิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความสุข ขณะที่เดินตรงเข้ามาหาหญิงสาว ขวัญอุษายิ้มออกมาอย่างโล่งใจเมื่อเห็นคุณหญิงธัญญาดูมีความสุข “ค่ะคุณป้า หนูเพิ่งเจอคุณปกรณ์เมื่อกี้นี้เองค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพและยิ้มให้คุณหญิง แม้ในใจจะยังคงรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับท่าทีของปกรณ์ที่แสดงต่อเธอ แต่เธอก็ไม่กล้าท
หลังจากได้รับสายจากคุณปรางค์เกี่ยวกับหญิงสาวลึกลับที่คุณหญิงธัญญาแนะนำในฐานะ "หลานสาว" ปกรณ์ไม่อาจทนความสงสัยและความไม่สบายใจได้อีกต่อไป แม้เขาจะใช้ชีวิตในอเมริกาอย่างมั่นคง มีงานการที่รุ่งโรจน์และหรูหรา แต่เรื่องนี้กลับทำให้เขาตัดสินใจกลับเมืองไทยอย่างกะทันหัน โดยไม่บอกแม่หรือใครในครอบครัว ปกรณ์จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทยอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้วางแผนอะไรให้ยุ่งยาก เขาเพียงแค่ต้องการกลับไปตรวจสอบด้วยตัวเองว่า ขวัญอุษาเป็นใครกันแน่ และทำไมแม่ของเขาถึงแนะนำหญิงสาวคนนี้ให้คนอื่นรู้จักในฐานะ "หลานสาว" ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกับความเป็นจริง เขาไม่เคยมีญาติที่ไหนมาก่อน ดังนั้นการที่มีใครสักคนมาแสดงตัวในฐานะ "หลานสาว" ของแม่ย่อมเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ปกรณ์เดินออกจากสนามบินด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด แม้จะยังคงดูสุภาพและสง่างามในชุดสูท เขาขึ้นรถแท็กซี่ทันทีที่มีรถมาจอดตรงหน้า ให้ขับตรงไปยังบ้านของแม่ที่เขาจากไปตั้งแต่เด็ก โดยไม่ติดต่อหรือแจ้งใครแม้แต่คุณหญิงธัญญาเอง ระหว่างทางกลับบ้าน ความคิดของปกรณ์เต็มไปด้วยคำถาม เขารู้สึกไม่สบายใจในความสัมพันธ์ที่ดูไม่ชอบมาพากลระหว่า