LOGINหลังจากการสนทนากับคุณหญิงธัญญา ขวัญอุษาก็กลับมานั่งที่เตียงของเธอด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ แต่เด็กสาวก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจที่ได้รับความเมตตาจากคุณหญิงมากขนาดนี้ เธอไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นภาระหรือทำให้คุณหญิงลำบาก ทั้งที่ในใจเธอก็รู้ดีว่าพ่อของเธอกำลังเผชิญปัญหาหนักหนาเรื่องหนี้สิน
ไม่นานหลังจากนั้น คุณหญิงธัญญาก็เดินเข้ามาหาขวัญอุษาในห้องของเธออีกครั้ง ครั้งนี้เธอถือซองเงินในมือมาด้วยพร้อมทั้งยื่นมันให้กับเด็กสาว ขวัญอุษามองซองเงินนั้นด้วยความตกใจและรู้สึกไม่สบายใจ
“ขวัญจ๊ะ ฉันอยากให้หนูเอาเงินก้อนนี้ไปก่อน เพื่อส่งไปช่วยพ่อหนูจ่ายหนี้” คุณหญิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการจะช่วยเหลือจริงๆ
แต่เด็กสาวก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธเบา ๆ และก้มลงทันที “ไม่ได้ค่ะคุณหญิงป้า หนูรับไว้ไม่ได้จริงๆ แค่นี้หนูก็เกรงใจมากเกินไปแล้ว คุณหญิงป้าให้โอกาสหนูมาทำงานที่นี่ หนูจะค่อย ๆ เก็บเงินส่งให้พ่อเองค่ะ”
คุณหญิงธัญญามองเด็กสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ แต่เธอก็ยังคงยืนกรานความตั้งใจเดิม “ขวัญ ฉันเข้าใจความรู้สึกของหนูนะ ฉันรู้ว่าหนูอยากทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่มันคงใช้เวลานานเกินไป พ่อของหนูคงจะเหนื่อยและลำบากมากในช่วงนี้”
พอขวัญอุษาได้ฟังเธอก็ก้มหน้าลง น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ เธอรู้สึกถึงความรักและความเมตตาที่คุณหญิงมีต่อเธอ แต่ในใจเธอก็ยังไม่กล้ารับเงินก้อนนี้ เพราะกลัวว่าจะเป็นภาระให้กับคุณหญิงผู้ที่มีพระคุณของเธอ
“หนูอยากให้พ่อสบายก็จริง แต่หนูก็ไม่อยากทำให้คุณหญิงป้าลำบากค่ะ” คนร่างผอมบางพูดเสียงเบา ๆ แต่สั่นเครือด้วยความรู้สึกละอายใจ
คุณหญิงธัญญายิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะวางซองเงินลงบนตักของขวัญอุษา “ฉันไม่ได้ทำให้ฉันลำบากเลยขวัญ ฉันมีความสุขที่ได้ช่วยหนู การช่วยเหลือคนที่ตั้งใจทำงานอย่างหนู มันเป็นเรื่องที่ฉันอยากทำจริง ๆ ถ้าหนูเอาเงินนี้ไปช่วยพ่อ หนูจะทำงานได้อย่างสบายใจมากขึ้น ไม่ต้องห่วงหรือกังวลใจ เชื่อฉัน”
ขวัญอุษาเงยหน้าขึ้นมองคุณหญิง น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความซาบซึ้งใจ เธอรู้ว่าคุณหญิงพูดด้วยความจริงใจ แต่ในใจเธอก็ยังลังเล
“คุณหญิงป้า หนู…” จู่ๆ เด็กสาวก็พูดไม่ออก เธอทั้งตื้นตันซาบซึ้งและรู้สึกกังวลว่าจะเป็นภาระกับอีกฝ่าย
แต่คุณหญิงธัญญาพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้นเล็กน้อย “ฟังฉันนะขวัญ ฉันไม่ได้ถามหนูว่าหนูจะรับหรือไม่ ฉันบังคับให้หนูรับเงินนี้ไป เอาไปช่วยพ่อหนูซะ และหลังจากนั้น เราค่อยเริ่มต้นกันใหม่ได้ หนูทำงานที่นี่ หนูก็ช่วยงานฉันอย่างเต็มที่ แค่นั้นก็พอแล้ว”
ขวัญอุษานิ่งงันไปครู่หนึ่ง เธอไม่เคยเจอใครที่เมตตาและยืนยันจะช่วยเธอเช่นนี้ น้ำตาที่คลออยู่ในตาของเธอไหลลงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันเป็นน้ำตาแห่งความตื้นตันและโล่งใจ
ในที่สุด ขวัญก็ต้องยอมรับซองเงินนั้นด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ เธอก้มลงไหว้คุณหญิงด้วยความเคารพ น้ำเสียงของเธอสั่นไหวขณะพูดว่า “ขอบพระคุณมากค่ะคุณหญิงป้า หนูจะไม่ลืมบุญคุณของคุณหญิงป้าเลย หนูสัญญาว่าจะทำงานให้ดีที่สุดค่ะ”
คุณหญิงธัญญายิ้มอย่างอ่อนโยนและลูบหัวขวัญเบา ๆ “ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หนูเป็นคนขยันและซื่อสัตย์ ฉันเชื่อว่าหนูจะไปได้ไกลแน่ ๆ แล้วเราก็เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันนะ”
เมื่อคุณหญิงเดินออกไปจากห้อง ขวัญอุษานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เธอมองซองเงินในมือ รู้สึกตื้นตันและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก เงินก้อนนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อ แต่ยังทำให้เธอรู้สึกถึงความรักและความเมตตาที่ได้รับจากคุณหญิง
ขวัญอุษาตัดสินใจทันทีว่าเธอจะส่งเงินก้อนนี้กลับไปให้พ่อในทันที เพื่อให้พ่อสามารถใช้จ่ายหนี้สินและคลายความกังวลลง เด็กสาวจากต่างจังหวัดรู้สึกว่าตอนนี้เธอไม่ได้สู้เพียงลำพังอีกต่อไป
ค่ำวันนั้น หลังจากที่คุณหญิงธัญญาได้ให้เงินช่วยเหลือ ขวัญอุษารู้สึกโล่งใจและเบาใจมากกว่าที่เคยเป็นมา เธอรู้สึกเหมือนภาระหนักที่แบกไว้มานานได้ถูกยกออกไป เธอตัดสินใจไม่รอช้า รีบหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่า ๆ ของเธอขึ้นมาและกดหมายเลขโทรศัพท์ของพ่อที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เสียงรอสายดังอยู่ไม่กี่ครั้งก่อนที่พ่อจะรับสาย
“ฮัลโหล... ขวัญหรือเปล่าลูก” เสียงพ่อที่ปลายสายฟังดูเหนื่อยล้าและห่วงใยตามปกติ คนเป็นลูกอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้น
“ใช่ค่ะพ่อ ขวัญเอง” เด็กสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใสที่เธอไม่สามารถปิดบังความตื่นเต้นได้
“พ่อเป็นยังไงบ้างคะ ยังเหนื่อยเหมือนเดิมหรือเปล่า” ขวัญอุษาถามขึ้นด้วยความห่วงใย แม้ใจเธอจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะบอกข่าวดี แต่เธอยังอยากรู้เรื่องของพ่อก่อน
พ่อถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตอบ “พ่อก็สบายดีลูก ไม่ต้องห่วงนะ แค่ทำงานหนักไปตามเรื่องเท่านั้นเอง แล้วลูกล่ะ งานเป็นยังไงบ้าง”
เด็กสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง สูดหายใจลึกก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจ “พ่อ... หนูมีข่าวดีจะบอกค่ะ”
พ่อฟังอย่างสนใจ “ข่าวดีอะไรหรือลูก”
“คุณหญิงป้า...เอ่อ คุณหญิงธัญญาที่หนูทำงานด้วย ท่านให้เงินหนูมาก้อนหนึ่งค่ะ ให้หนูเอาไปใช้ช่วยพ่อจ่ายหนี้ หนูไม่อยากรับ แต่ท่านบังคับให้รับค่ะ” ขวัญอุษาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงตื่นเต้นและซาบซึ้งอยู่ในใจ ที่ปลายสาย พ่อเงียบไปพักใหญ่ ราวกับว่าเขากำลังประมวลผลสิ่งที่ได้ยิน ขวัญอุษารู้ว่าพ่อคงจะตกใจไม่น้อย
“ขวัญ พ่อไม่อยากเชื่อเลย ลูกหมายความว่ายังไงเหรอ คุณหญิงธัญญาให้เงินลูกจริง ๆ หรือ” เสียงของพ่อสั่นเล็กน้อย เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครใจดีพอที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือเช่นนี้
“จริงค่ะพ่อ คุณหญิงป้าท่านใจดีมาก หนูบอกท่านว่าไม่อยากรับ แต่ท่านบอกว่าท่านอยากช่วย หนูเลยรับไว้แล้วจะส่งเงินนี้กลับไปให้พ่อใช้จ่ายหนี้ค่ะ” ขวัญอุษาอธิบายด้วยความตื้นตัน น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นน้ำตาแห่งความโล่งใจและความสุข
พ่อเงียบไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเพราะความซาบซึ้งและอึ้งในความเมตตาของคุณหญิงธัญญา “พ่อ พ่อไม่รู้จะพูดอะไรดี ลูกโชคดีมากที่ได้เจอคนใจดีขนาดนี้”
ร่างผอมบางยิ้มทั้งน้ำตา “ค่ะพ่อ หนูรู้สึกโชคดีมาก ๆ และหนูก็อยากให้พ่อรู้ว่า ตอนนี้พ่อไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้อีกต่อไปแล้วนะคะ หนูจะส่งเงินไปให้พ่อทันทีเลยค่ะ”
“พ่อไม่รู้จะขอบใจยังไงดีลูก แต่พ่ออยากให้ลูกจำไว้ว่าพ่อภูมิใจในตัวลูกมาก พ่อรู้ว่าลูกทำงานหนักเพื่อช่วยพ่อมาตลอด” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงสั่นไหว ความตื้นตันที่พ่อรู้สึก ทำให้เขาไม่สามารถเก็บน้ำตาไว้ได้
“หนูก็ภูมิใจในตัวพ่อเหมือนกันค่ะพ่อ หนูรักพ่อนะ” ขวัญอุษากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย
"พ่อก็รักลูกมากนะขวัญ ขอบใจจริง ๆ ที่ทำให้พ่อโล่งใจได้ขนาดนี้" เสียงของพ่อแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกยินดี
หลังจากที่วางสาย ขวัญอุษาก็นั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ เธอยิ้มอย่างมีความสุข หัวใจที่เคยหนักอึ้งตอนนี้รู้สึกเบาสบาย เธอรู้ว่าตอนนี้พ่อของเธอจะได้คลายความกังวลลง และชีวิตของเธอก็เริ่มเข้าสู่จุดที่มีความหวังมากขึ้น ในคืนนั้นเด็กสาวเข้านอนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุขและความขอบคุณ เธอสัญญากับตัวเองว่าจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตที่ดีกว่าทั้งสำหรับเธอและพ่อ
หลายปีผ่านไปหลังจากวันที่ขวัญอุษาและปกรณ์ ตัดสินใจแต่งงานและสร้างครอบครัวร่วมกัน น้องกั้งลูกชายคนแรกของพวกเขาค่อย ๆ เติบโตขึ้นท่ามกลางความรักและการดูแลเอาใจใส่อย่างอบอุ่นจากทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นปกรณ์ที่ทุ่มเทเป็นพ่อที่ดี ขวัญอุษาที่คอยดูแลลูกอย่างใกล้ชิด หรือแม้แต่คุณหญิงและพ่อสาธิต ที่ยังคงรักและเห่อหลานอย่างไม่ลดละ บ้านที่เคยเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความขัดแย้งในอดีต ตอนนี้กลายเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความรัก และความสงบสุขที่ทุกคนร่วมกันสร้างขึ้น วันหนึ่งในช่วงเย็น ขณะที่พระอาทิตย์ตกดิน ปกรณ์นั่งอยู่ในสวนหลังบ้านพร้อมกับลูกชายตัวน้อยที่ตอนนี้เริ่มโตและวิ่งเล่นไปมา ขวัญอุษาที่ท้องลูกคนที่สองนั่งอยู่ข้าง ๆ มองดูภาพครอบครัวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เธออดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นปกรณ์วิ่งตามลูกชายด้วยท่าทางสนุกสนาน “พี่กรณ์ รู้ตัวไหมว่าพี่เปลี่ยนไปมาก พี่เป็นพ่อและเป็นที่ดีที่รักเมียรักลูกมากๆ เลยนะคะพี่กรณ์” ขวัญอุษาพูดขึ้นเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ปกรณ์หันมายิ้มให้ภรรยา ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เธอ “พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อหนูและลูกไงครับ ทุกวันพี่รู้สึกว่าชีวิตของพี่มีความหมายมากขึ้
หลังจากที่ขวัญอุษาและปกรณ์ใช้ชีวิตแต่งงานร่วมกันได้ไม่นาน วันสำคัญอีกวันที่ทั้งสองรอคอยก็มาถึง วันที่ขวัญอุษาคลอดลูกน้อยของพวกเขา ปกรณ์ซึ่งตื่นเต้นมาตลอดตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะเป็นพ่อ รอคอยวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะทำตัวเป็นพ่อที่ดูเหมือนพร้อมแล้ว แต่เมื่อวันที่ขวัญอุษาเจ็บท้องต้องเข้าห้องคลอดมาถึง เขากลับรู้สึกทั้งตื่นเต้นทั้งประหม่าเหมือนเป็นครั้งแรกที่เผชิญหน้ากับเรื่องใหญ่ในชีวิตเมื่อเช้าขวัญอุษารู้สึกถึงอาการเจ็บท้องคลอดเริ่มต้นขึ้น เธอบอกปกรณ์ด้วยน้ำเสียงเบา ๆ “พี่กรณ์ ขวัญคิดว่าถึงเวลาแล้ว”ทันทีที่ปกรณ์ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “อะไรนะถึงเวลาแล้วเหรอ ถึงเวลาแล้วลูกจะคลอดแล้ว ไปโรงพยาบาล กระเป๋าคลอด กระเป๋าอยู่ไหน ขวัญอย่าเพิ่งนะ พี่ไปเอากระเป๋าก่อน” เขารีบวิ่งไปหยิบของเตรียมเข้าห้องคลอด แม้จะเตรียมของไว้แล้วเป็นสัปดาห์ แต่เขากลับดูรีบร้อนอย่างน่าขำ“พี่กรณ์ ใจเย็น ๆ หน่อย ขวัญยังไม่คลอดตอนนี้ ขวัญแคเจ็บท้องเตือน” คนท้องบอกพลางยิ้มเอ็นดูสามี เธอพยายามที่จะตั้งสติ แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นปกรณ์ทำท่าทางกระวนกระวายเหมือนจะลืมของสำคัญไปเมื่อถึงโรงพ
หลังจากที่ขวัญอุษาและปกรณ์ ตัดสินใจที่จะสร้างครอบครัวร่วมกัน ความรักและความเข้าใจระหว่างทั้งคู่ก็เริ่มเบ่งบาน วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถึงวันสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขาคือวันแต่งงาน ปกรณ์ได้จัดงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองความรักและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ร่วมกัน งานแต่งจัดขึ้นในโรงแรมหรูที่เต็มไปด้วยดอกไม้สวยงาม บรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุข แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างเป็นทั้งครอบครัวและเพื่อนสนิทรวมถึงพนักงานในบริษัท เมื่อถึงเวลาสำคัญ ขวัญอุษาที่งดงามในชุดเจ้าสาวท้องโตเล็กน้อยและปกรณ์สูทสีขาวยืนเคียงข้างกัน ท่ามกลางเสียงเพลงและการแสดงความยินดีจากทุกคน ขณะที่งานดำเนินไปอย่างราบรื่น กลุ่มเพื่อนสนิทของปกรณ์ก็เริ่มเข้ามาแซวเจ้าบ่าวกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะความปากหนักของปกรณ์ที่บอกไม่เคยชอบขวัญอุษาและไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองในตอนแรก คุณานนท์เพื่อนสนิทของปกรณ์ที่มาร่วมงาน เดินเข้ามาใกล้เจ้าบ่าวพร้อมยกแก้วขึ้น “เอ้า ไอ้กรณ์ มึงมันเก่งจริง ๆ นะ ในที่สุดก็สอยน้องขวัญของกูไปแต่งงานกับมึงจนได้ ใครจะไปคิดว่าคนปากหนักอย่างมึงจะมีวันนี้ ยินดีด้วยนะมึง” เสียงหัวเราะดังขึ
หลังจากที่ขวัญอุษาตัดสินใจให้อภัยปกรณ์ และเริ่มเปิดใจให้เขาอีกครั้ง ชีวิตของทั้งสองก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ ปกรณ์ดูแลขวัญอุษาอย่างใกล้ชิดทุกวัน ทั้งช่วยงานในสวนและเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่อที่ดี แม้จะมีอุปสรรคจากอดีต แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ที่จะสร้างอนาคตใหม่ให้กับขวัญอุษาและลูก ช่วงเย็นขณะที่ขวัญกำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนที่เธอโปรดปราน ปกรณ์ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น หญิงสาวเงยหน้ามองเขายิ้มตอบอย่างอ่อนโยน “ขวัญ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะถามหนู” ปกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตาคมยังมองจ้องใบหน้าสวยอย่างรักใคร่ ขวัญอุษามองใบหน้าคมของปกรณ์ด้วยความสงสัย “เรื่องอะไรเหรอคะ” ปกรณ์สูดลมหายใจลึก ก่อนจะย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ ร่างอวบ และหยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าของเขา เปิดให้เห็นแหวนแต่งงานที่ซ่อนอยู่ภายใน ขวัญอุษาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย “พี่กรณ์ นี่พี่” “ขวัญ พี่รู้ว่าพี่ทำผิดพลาดมามากมายในอดีต และทำให้ขวัญเจ็บปวด แต่ตอนนี้ พี่อยากขอโอกาสที่จะสร้างอนาคตใหม่กับขวัญ” ปกรณ์พูดอย่างช้าๆแสดงความจริงใจ
หลังจากที่ปกรณ์ยังคงพยายามพิสูจน์ตัวเองโดยช่วยงานในสวนผลไม้ทุกวันร่วมกับคุณสาธิต แม้ว่าเขาจะมีอาการแพ้ท้องแทนขวัญอุษาจนทานอาหารได้เพียงน้อยนิด เขาก็ไม่เคยหยุดหรือแสดงความอ่อนแอ เพราะเขาอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อขวัญอุษาและลูกแต่ในที่สุด การทานได้น้อยและอ่อนแรงจากอาการแพ้ท้องก็เริ่มส่งผลต่อร่างกายของปกรณ์อย่างรุนแรง จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อปกรณ์กำลังช่วยพ่อตาตัดแต่งกิ่งไม้บนต้นผลไม้สูง ซึ่งเป็นงานที่เขาทำเป็นประจำแม้จะเริ่มรู้สึกอ่อนล้า แต่ในวันนี้อาการแพ้ท้องที่เขาเผชิญมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์เริ่มสะสม ร่างกายของเขาเริ่มอ่อนแอเพราะทานอาหารได้น้อยขณะที่ปกรณ์อยู่บนต้นไม้และกำลังใช้มีดตัดกิ่งไม้ เขารู้สึกเวียนหัวและตาพร่ามัว เขาพยายามกะพริบตาหลายครั้งเพื่อให้การมองเห็นกลับมาเป็นปกติ แต่ความเหนื่อยล้าจากการทานได้น้อยทำให้เขารู้สึกเหมือนร่างกายจะไม่ตอบสนองทันใดนั้นอาการเวียนหัวก็ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของปกรณ์ไม่สามารถทรงตัวอยู่บนกิ่งไม้ได้อีกต่อไป เขารู้สึกเหมือนร่างกายจะล้มลงก่อนที่เขาจะคว้ากิ่งไม้ไว้ได้“โ
ถึงแม้ว่าปกรณ์ยังตามง้อและช่วยพ่อสาธิตทำงานในสวน แต่ขวัญอุษายังคงใจแข็งและพยายามรักษาระยะห่างจากปกรณ์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องของคนรักของปกรณ์ที่เขาเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ ในใจของขวัญอุษารู้สึกว่า ปกรณ์ทำทีมาง้อเธอที่นี่แต่อาจจะยังมีคนรักที่รออยู่ที่กรุงเทพ และสิ่งที่เขากำลังทำตอนนี้อาจเป็นเพียงแค่ความรู้สึกผิด หรือการพยายามชดใช้ความผิดพลาดของตัวเองเท่านั้นขณะที่ทั้งสองนั่งคุยกัน ขวัญอุษาตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองและบอกให้ปกรณ์กลับไปหาคนรักของเขา เธอไม่อยากให้ปกรณ์ต้องเสียสละหรือทิ้งชีวิตในกรุงเทพฯ เพื่อรับผิดชอบลูกในท้องของเธอ อีกทั้งไม่อยากให้คนรักของปกรณ์ต้องเสียใจขวัญอุษาหันมามองจ้องหน้าหล่อของปกรณ์ด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะพูดขึ้นกับเขา “คุณปกรณ์ คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะคะ คุณมีชีวิตของคุณ มีคนรักที่คุณต้องกลับไปดูแล ขวัญว่าคุณกลับไปอยู่ที่กรุงเทพก็ได้ค่ะ วันไหนที่คุณอยากจะมาหาลูกคุณค่อยมาก็ได้”ปกรณ์ชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขามองขวัญด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “ขวัญ คุณกำลังพูดถึงใครเหรอ ที่บอกว่าคนรักของผม”ขวัญอุษามองหน้าเขาอย่างไม่ชอบ







