ในยามบ่ายหลังจากที่ทำงานทุกอย่างเสร็จ ขวัญอุษานั่งพักอยู่ในห้องเล็ก ๆ ของเธอ ความเงียบสงบของบ้านใหญ่ในตอนนี้ทำให้เธอมีเวลาได้พักผ่อนจากการทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน แต่ในใจของเด็กสาว เธอยังคงคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านต่างจังหวัดเสมอ
ร่างผอมบางหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของเธอขึ้นมา มันเป็นของที่เธอใช้ติดตัวมาตลอด แม้จะไม่ใช่โทรศัพท์รุ่นใหม่ทันสมัยอะไร แต่ก็พอใช้โทรออกติดต่อกับพ่อเธอได้ ขวัญอุษานั่งลงบนเตียงก่อนจะกดหมายเลขโทรศัพท์ที่เธอจำได้ขึ้นใจ และรอสายด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความคิดถึง
เสียงรอสายดังก้องอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งเสียงที่คุ้นเคยของพ่อดังขึ้นที่ปลายสาย
“ฮัลโหล ขวัญหรือเปล่าลูก” เสียงของพ่อดูเหนื่อยล้า แต่ก็แฝงด้วยความดีใจที่ได้ยินเสียงลูกสาว
“ใช่ค่ะพ่อ ขวัญเองค่ะ” ขวัญอุษาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ดวงตาของเธอเริ่มมีน้ำตาคลอ เมื่อได้ยินเสียงของพ่อ ความคิดถึงที่เก็บไว้เริ่มเอ่อล้น
“เป็นยังไงบ้างลูก สบายดีไหม ทำงานเหนื่อยหรือเปล่า” พ่อถามด้วยความเป็นห่วง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรักและห่วงใย
“หนูสบายดีค่ะพ่อ งานที่นี่ก็โอเค หนูทำงานบ้านแล้วก็ช่วยจัดดอกไม้ คุณหญิงธัญญาท่านใจดีกับขวัญมากค่ะ ทุกคนในบ้านก็ดีกับหนูทุกคนเลย” เด็กสาวพยายามเล่าให้พ่อฟังด้วยน้ำเสียงสดใส แม้ในใจเธอจะรู้สึกถึงความเหนื่อยล้า แต่เธอก็ไม่อยากให้คนเป็นพ่อเป็นห่วง
“พ่อสบายดีไหมคะ” คนเป็นลูกสาวถามต่อ รู้สึกเป็นกังวลใจเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ของพ่อ
ผู้เป็นพ่อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “พ่อก็โอเคลูก ไม่ต้องห่วงเรื่องพ่อนะ พ่อดีใจที่หนูได้ทำงานดี ๆ แล้ว ได้ยินเสียงหนูพ่อก็พอใจแล้ว”
ขวัญอุษายิ้มบาง ๆ แม้พ่อจะพูดแบบนั้น แต่เธอรู้ดีว่าพ่อยังคงต้องเผชิญกับหนี้สินและความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนัก เธอสัญญากับตัวเองว่าจะทำงานให้เต็มที่และเก็บเงินส่งกลับไปช่วยพ่อให้ได้มากที่สุด
“พ่อจ๋า ถ้าขวัญได้เงินแล้วขวัญจะส่งเงินกลับไปให้พ่อทุกเดือนนะคะ พ่อจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก หนูสัญญาว่าจะช่วยพ่อให้ได้” ขวัญอุษาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้ในใจจะรู้ว่ายังมีอุปสรรคมากมายรออยู่
พ่อเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ไม่ต้องห่วงหรอกลูก ทำเท่าที่ทำได้นะ พ่อไม่อยากให้หนูต้องลำบากมากเกินไป แค่หนูสบายดี พ่อก็ดีใจแล้ว พ่อขอโทษนะที่ทำให้หนูต้องลำบาก”
คำพูดของพ่อทำให้ขวัญน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธอรู้สึกทั้งตื้นตันและเศร้าในเวลาเดียวกัน แต่เธอเช็ดน้ำตาออกและยิ้มให้กับตัวเอง พยายามเก็บความรู้สึกนั้นไว้ภายใน
“ค่ะพ่อ ขวัญจะดูแลตัวเองดี ๆ พ่อก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกันนะคะ ขวัญรักพ่อค่ะ” ขวัญอุษาบอกลาและยิ้มแม้ว่าพ่อจะมองไม่เห็น
“พ่อก็รักหนู ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก” พ่อกล่าวก่อนที่จะวางสาย
หลังจากวางสาย ขวัญอุษานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จิตใจเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความคิดถึง ความห่วงใย และความมุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น เธอรู้ว่าหนทางยังอีกยาวไกล แต่เธอจะไม่ยอมแพ้
ร่างผอมบางลุกขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองจากแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ชีวิตของเธออาจจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่เธอก็เชื่อมั่นว่าความพยายามและความรักของเธอจะนำพาเธอไปสู่วันที่ดีขึ้น
หลังจากที่ขวัญอุษาวางสายโทรศัพท์ เธอยังคงนั่งอยู่ในห้องเล็ก ๆ ของตัวเอง มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ความคิดถึงพ่อและความกดดันที่สะสมมา ทำให้หัวใจของเธอหนักอึ้งกว่าที่เคย เด็กสาวรู้ว่าชีวิตของเธอยังต้องดิ้นรนต่อไป แต่เธอก็ไม่อาจทิ้งความหวังที่เก็บไว้ในใจ
ในขณะที่ขวัญอุษานั่งอยู่เงียบ ๆ คุณหญิงธัญญาบังเอิญเดินผ่านมา เธอตั้งใจจะมาหาขวัญเพื่อพูดคุยบางอย่าง แต่เมื่อได้ยินเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ คุณหญิงหยุดฟังโดยไม่ตั้งใจ ความจริงใจและความรักที่ขวัญอุษาแสดงออกผ่านบทสนทนากับพ่อ ทำให้คุณหญิงสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและความกตัญญูที่อยู่ลึกในใจของเด็กสาวคนนี้
คุณหญิงธัญญาถอยกลับมายืนอยู่ที่ประตู รอให้เด็กสาวพูดคุยกับพ่อจนเสร็จ เธอรู้สึกสะท้อนใจและประทับใจในความมุ่งมั่นของขวัญอุษา การที่เด็กสาวต้องทำงานหนักเพียงเพื่อจะช่วยพ่อและครอบครัว ทำให้คุณหญิงเริ่มคิดว่าตัวเองควรช่วยเหลือขวัญอุษาให้มากกว่านี้
หลังจากขวัญวางสายไปแล้ว คุณหญิงธัญญาเคาะประตูเบา ๆ ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้นมาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
“คุณหญิงป้า มีอะไรให้หนูรับใช้หรือเปล่าคะ” ขวัญอุษาถามด้วยความสุภาพ
คุณหญิงธัญญายิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องเล็ก ๆ และนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้เตียง ขวัญอุษารู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่รู้ว่าคุณหญิงต้องการพูดอะไร
“ขวัญ ฉันได้ยินหนูคุยกับพ่อของหนูเมื่อกี้นี้” คุณหญิงเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เด็กสาวตื่นตกใจเล็กน้อยและหน้าเริ่มซีดลงเล็กน้อย เพราะเธอไม่คิดว่าจะมีใครได้ยิน
“ไม่ต้องกังวลไปนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่สิ่งที่ฉันได้ยินทำให้ฉันคิดอะไรบางอย่างได้”คุณหญิงกล่าวต่อ
ขวัญอุษาก้มหน้าลงเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงด้วยความกังวล เธอกลัวว่าคุณหญิงจะมองเธอในแง่ลบ หรือรู้สึกว่าเธอเป็นภาระ
“หนูไม่ต้องกังวลนะ ฉันเข้าใจดีว่าชีวิตของหนูไม่ได้ง่ายเลย การที่หนูต้องมาทำงานไกลบ้านเพื่อหาเงินไปช่วยพ่อตั้งแต่อายุยังน้อยแค่นี้ ถือเป็นสิ่งที่ฉันควรชื่นชมในตัวหนูมากกว่า หนูเป็นเด็กที่กตัญญูและขยันขันแข็ง ฉันเห็นมาตลอดเวลาที่หนูอยู่ที่นี่” คุณหญิงพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ขณะที่สายตาแสดงความเมตตาอย่างแท้จริง
ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สบตากับคุณหญิง ดวงตาของเธอเริ่มมีน้ำตาคลอ ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ เธอไม่เคยคิดว่าคุณหญิงจะเห็นคุณค่าในตัวเธอขนาดนี้
“ขอบคุณมากค่ะคุณหญิงป้า หนูแค่พยายามทำให้ดีที่สุด หนูไม่อยากให้พ่อเหนื่อยอีกต่อไปแล้ว” ขวัญอุษาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ แต่ยังคงยิ้มบาง ๆ
คุณหญิงธัญญายิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือขวัญอุษาอย่างอ่อนโยน “ฉันอยากช่วยหนูนะขวัญ หนูไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นภาระอะไร ฉันมีความสุขที่ได้ช่วยคนที่ตั้งใจทำงานอย่างหนู ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้หนูอีก และถ้าหนูต้องการส่งเงินกลับไปช่วยพ่อ ฉันก็จะช่วยเป็นบางส่วนเอง”
ขวัญอุษาตกใจและน้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม เธอไม่เคยคิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือเช่นนี้ ความรู้สึกตื้นตันใจทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก
“หนูไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีค่ะ หนู หนูซาบซึ้งมาก ๆ ค่ะ” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา มือของเธอที่กุมมือคุณหญิงไว้สั่นไหวเล็กน้อยด้วยความซาบซึ้งใจ
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกจ้ะ แค่หนูทำงานของหนูให้ดีที่สุด ฉันก็พอใจแล้ว” คุณหญิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และยิ้มอย่างจริงใจ
หลังจากการสนทนาจบลง ขวัญอุษารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เธอได้รับการช่วยเหลือที่เกินความคาดหวัง และมันทำให้เธอรู้สึกขอบคุณต่อคุณหญิงธัญญามากกว่าเดิม ความกังวลในใจที่เคยแบกรับไว้เริ่มเบาบางลง ร่างบางรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้เดินลำพังอีกต่อไป
หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น ขวัญอุษายังคงอยู่ในสภาพจิตใจที่แตกสลาย น้ำตายังคงไหลลงมาอย่างเงียบ ๆ ทุกครั้งที่เธอคิดถึงสิ่งที่ปกรณ์ทำกับเธอ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเจ็บปวด หญิงสาวไม่รู้ว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบได้พังทลายลง แต่เธอก็ไม่กล้าพูดหรือบอกใครถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะที่ขวัญอุษาอยู่ในความทุกข์นั้น ปกรณ์กลับมีความรู้สึกที่สับสน เขารู้ว่าตัวเองทำสิ่งที่ผิดมหันต์มันไม่ควรที่จะจบลงด้วยการมีอะไรกับหญิงสาวซึ่งคืนนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการขืนใจ ถึงแม้สุดท้ายแล้วมีจะมีความสุขสมเหลืออยู่ก็ตาม แต่ความโกรธ ความระแวง และความไม่ไว้ใจในตัวหญิงสาวที่ยังมีมากกว่ามันยังคงครอบงำจิตใจของฝ่ายไม่ดีของเขา แม้จะสำนึกผิดบางส่วน แต่เขาก็เลือกที่จะไม่แสดงความอ่อนแอออกมาเขาเลือกที่จะใช้ข้อมูลในด้านไม่ดีแทน เขากลับมองหาวิธีควบคุมขวัญให้ยอมอยู่ภายใต้กฎของเขา เพื่อไม่ให้เธอมีโอกาสทำลายครอบครัวของเขาในแบบที่เขาเชื่อไม่กี่วันหลังจากเหตุการณ์สุดรัญจวนใจในห้องนอนของหญิงสาวนั้น ปกรณ์เรียกขวัญอุษามาที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา ขวัญอุษาเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเธอซีดเผ
“ในเมื่อเธอไม่ยอมรับ ฉันก็จะจัดการเธอในแบบของฉันเอง มานี่เลย” ปกรณ์ใช้สองแขนแข็งแรงของเขากดแขนเรียวของขวัญอุษาให้ติดกับเตียง ใบหน้าคมของเขาซุกลงไปที่ซุกคอขาวของเธอ หญิงสาวเห็นสถานการณ์ไม่ดีเธอพยายามที่จะดิ้นรนให้พ้นจากคนใจร้ายคนนี้ แต่ถึงจะดิ้นรนยังไงเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอก็ไม่สามารถที่จะสู้แรงชายฉกรรจ์ที่เต็มไปด้วยโทสะและความเมาได้เลย เพียงไม่กี่อึดใจเสื้อนอนของเธอก็ถูกปกรณ์ดึงจนกระดุมขาด เผยให้เห็นเต้าอวบต่อสายตาของปกรณ์ “อย่าาาาา คุณปกรณ์อย่าทำ อ๊ะ” เสียงขวัญอุษาร้องห้ามเสียงดัง แต่อีกคนก็ไม่ได้ฟังเสียงมดเสียงแมงหวี่อย่างเธอ ตอนนี้ใบหน้าของเขาซบลงตรงเต้าอวบใหญ่ ลิ้นหยาบเลียรอบฐานเต้านม ก่อนที่จะใช้ปากอมดูดลอกเรียนแบบพฤติกรรมทารกดูดนมมารดา เพียงแต่เปลี่ยนจากเด็กทารกเป็นปกรณ์ที่โตเป็นหนุ่มและดูดนมของหญิงสาวที่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด มืออีกข้างก็ไม่ปล่อยให้ว่างเปล่าเขาเอามาเคล้าคลึงเต้านมอีกข้างนวดเพื่อให้อีกคนได้เสียวกระสัน จะได้เลิกต่อต้านเขาเสียที พอดูดข้างนี้จนพอใจ ปกรณ์ก็ย้ายมาอีกข้างและทำแบบเดียวกัน “อ๊ะ อ๊าาาา อย่า อ๊าาาา อย่าทำขวัญ ได้โปรด ซี๊ดดดด คุณปกร
หลังจากการสนทนาที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดกับคุณหญิงธัญญาเกี่ยวกับเรื่องของขวัญอุษา ความโกรธและความไม่พอใจของปกรณ์ก็ยังคงไม่ลดน้อยลง เขายังคงไม่เชื่อว่าแม่ของเขาจะช่วยเหลือหญิงสาวที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดขนาดนี้ ทั้งสนับสนุนให้เรียนมหาวิทยาลัย แถมยังให้เข้ามาทำงานในบริษัทของครอบครัว ปกรณ์ไม่สามารถยอมรับได้ว่านี่เป็นเพียงเรื่องของความเมตตาธรรมดา เขายังคงเชื่อว่าขวัญอุษามีเจตนาแอบแฝง ปกรณ์มักจะออกไปพบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจในช่วงเย็น โดยเฉพาะกับเฌอปรางค์ เพื่อนสนิทที่เป็นคนแรกที่เล่าเรื่องขวัญอุษาให้เขาฟัง ทั้งเฌอปรางค์และเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างคุ้นเคยกับความไม่ไว้ใจและความระแวงของปกรณ์ในเรื่องคนรอบตัว ทำให้พวกเขาเริ่มยุแยงและทำให้ความโกรธของปกรณ์เพิ่มมากขึ้น ในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ปกรณ์นั่งจิบไวน์ในบาร์หรูแห่งหนึ่งกับกลุ่มเพื่อน เฌอปรางค์และคุณานนท์ เพื่อนสมัยเรียนอีกคนก็เริ่มหยิบยกเรื่องของขวัญอุษาขึ้นมาพูดคุย “กรณ์ กูได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนั้น ขวัญอุษาอะไรนั่นน่ะ เธอเข้ามาอยู่บ้านของครอบครัวมึงใช่ไหม กูไปงานเลี้ยงกูเห็นแม่มึงแนะนำว่าเป็นหลานสาว” คุณนนท์ถามขึ้นด้วยน้ำเสี
แม้จะฟังคำอธิบายจากคุณหญิงธัญญาแล้ว แต่ปกรณ์ก็ยังไม่สบายใจเมื่อเห็นขวัญอุษาอาศัยอยู่ที่บ้านใหญ่ การที่หญิงสาวคนนี้ใกล้ชิดกับแม่ของเขาและมีบทบาทสำคัญในชีวิตของแม่ ทำให้ปกรณ์รู้สึกไม่ไว้ใจยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าคุณหญิงจะบอกว่าขวัญอุษาเป็นคนคอยดูแลและทำให้เธอไม่เหงาในช่วงที่เขาอยู่ต่างประเทศ แต่ในสายตาของปกรณ์ เขามองว่าเป็นเรื่องที่มันไม่ชอบมาพากล ปกรณ์ตัดสินใจว่า เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าขวัญอุษาเป็นใครและมีเบื้องหลังอย่างไร เขาเริ่มสืบเรื่องของขวัญด้วยวิธีการของตัวเอง เขาไม่ยอมให้ใครก็ตามเข้ามาใกล้ชิดกับครอบครัวโดยไม่รู้เจตนาที่แท้จริง ในช่วงสองสามวันหลังจากนั้น ปกรณ์เริ่มสังเกตพฤติกรรมของขวัญอุษาทุกครั้งที่เขาอยู่บ้าน เขามองขวัญอุษาทำงานในบ้านใหญ่ ช่วยพี่สายใจจัดโต๊ะ จัดดอกไม้ ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่าง แม้เธอดูเหมือนจะทำงานอย่างขยันขันแข็งและไม่มีท่าทีที่แสดงออกถึงเจตนาร้าย แต่ปกรณ์ยังคงไม่เชื่อใจ เขาคิดว่าเธออาจจะเสเเสร้งปิดบังบางอย่างอยู่ เมื่อสังเกตในบ้านแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ ปกรณ์จึงตัดสินใจตามสืบชีวิตของขวัญอุษาให้ลึกลงไปอีก เขาตรวจสอบประวัติของขวัญอุษาผ่านการติดต่อเพื่อนฝูงในวงการและใ
หลังจากที่ปกรณ์เดินออกจากห้องรับแขกโดยไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ขวัญอุษารู้สึกตึงเครียดขึ้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมปกรณ์ถึงแสดงท่าทีเย็นชาต่อเธอ ทั้งที่เธอไม่เคยเจอกันเลย อีกทั้งเธอก็ไม่เคยมีเจตนาร้ายหรือคิดเข้าหาผลประโยชน์ใด ๆ จากครอบครัวของคุณหญิงธัญญา ขวัญอุษารู้ดีว่าคุณหญิงให้ความเมตตาเธอมากแค่ไหน และเธอก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดเสมอเพื่อที่จะตอบแทนผู้มีพระคุณ ขณะที่ขวัญอุษายังคงนั่งจัดดอกไม้อยู่ในห้องรับแขก เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยของคุณหญิงธัญญาดังขึ้นจากทางด้านหลัง คุณหญิงเดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มสดใสที่ขวัญไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก ดวงตาของคุณหญิงเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นและความดีใจอย่างเห็นได้ชัด “ขวัญจ๊ะ ลูกชายของฉันกลับมาแล้ว ตากรณ์ลูกชายของฉันกลับมาแล้ว” คุณหญิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความสุข ขณะที่เดินตรงเข้ามาหาหญิงสาว ขวัญอุษายิ้มออกมาอย่างโล่งใจเมื่อเห็นคุณหญิงธัญญาดูมีความสุข “ค่ะคุณป้า หนูเพิ่งเจอคุณปกรณ์เมื่อกี้นี้เองค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพและยิ้มให้คุณหญิง แม้ในใจจะยังคงรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับท่าทีของปกรณ์ที่แสดงต่อเธอ แต่เธอก็ไม่กล้าท
หลังจากได้รับสายจากคุณปรางค์เกี่ยวกับหญิงสาวลึกลับที่คุณหญิงธัญญาแนะนำในฐานะ "หลานสาว" ปกรณ์ไม่อาจทนความสงสัยและความไม่สบายใจได้อีกต่อไป แม้เขาจะใช้ชีวิตในอเมริกาอย่างมั่นคง มีงานการที่รุ่งโรจน์และหรูหรา แต่เรื่องนี้กลับทำให้เขาตัดสินใจกลับเมืองไทยอย่างกะทันหัน โดยไม่บอกแม่หรือใครในครอบครัว ปกรณ์จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทยอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้วางแผนอะไรให้ยุ่งยาก เขาเพียงแค่ต้องการกลับไปตรวจสอบด้วยตัวเองว่า ขวัญอุษาเป็นใครกันแน่ และทำไมแม่ของเขาถึงแนะนำหญิงสาวคนนี้ให้คนอื่นรู้จักในฐานะ "หลานสาว" ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกับความเป็นจริง เขาไม่เคยมีญาติที่ไหนมาก่อน ดังนั้นการที่มีใครสักคนมาแสดงตัวในฐานะ "หลานสาว" ของแม่ย่อมเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ปกรณ์เดินออกจากสนามบินด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด แม้จะยังคงดูสุภาพและสง่างามในชุดสูท เขาขึ้นรถแท็กซี่ทันทีที่มีรถมาจอดตรงหน้า ให้ขับตรงไปยังบ้านของแม่ที่เขาจากไปตั้งแต่เด็ก โดยไม่ติดต่อหรือแจ้งใครแม้แต่คุณหญิงธัญญาเอง ระหว่างทางกลับบ้าน ความคิดของปกรณ์เต็มไปด้วยคำถาม เขารู้สึกไม่สบายใจในความสัมพันธ์ที่ดูไม่ชอบมาพากลระหว่า