ฉันหายใจถี่และเร็วขึ้น หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก
แต่ขาของฉันก็ก้าวถอยฉับไว ก่อนจะพลิกตัวต่ำหลบอย่างคล่องแคล่ว — ดาบของนักฆ่ากวาดผ่านเฉียดศีรษะไปเพียงปลายผม
เคร้ง!
ปลายแขนเสื้อของฉันพันเข้ากับข้อมือของเขาโดยสัญชาตญาณ
ฉันฉวยแรงหมุนตัวอย่างแม่นยำ ก่อนจะฟาดศอกใส่ชายโครงเต็มแรง — ท่าผสมระหว่างมวยไทยกับยูโดที่เคยเรียนในมหาวิทยาลัยยังฝังอยู่ในร่างกาย
นักฆ่าผงะถอย แต่ไม่ทันล้ม ฉันใช้จังหวะนั้นกระโดดถีบกลางอกซ้ำ แล้วกลิ้งตัวออกห่างอย่างรวดเร็ว
เสียงฝีเท้าทะลุหิมะดังเข้ามาจากข้างหลัง — อีกคนกำลังพุ่งเข้ามา!
ฉันหันไม่ทัน ดาบสีเลือดกำลังจะฟาดลงมาที่กลางหลัง!
พรึ่บ!
สายลมเย็นจัดพัดวูบเข้ามาพร้อมเสียง
เปรี้ยง!
น้ำแข็งปะทะกับโลหะจนระเบิดเป็นสะเก็ดกระจาย
ฉัวะ!
แขนของนักฆ่าหยุดค้างกลางอากาศ — ถูกห่อหุ้มด้วยผลึกน้ำแข็งใสสะท้อนแสงจันทร์ ก่อนที่มันจะแตกสลายกลายเป็นฝุ่นน้ำแข็งในชั่วพริบตา
เงาร่างสีขาวพุ่งลงมาจากฟ้าอย่างพายุหิมะ—
หลงอวิ๋นยืนอยู่เบื้องหน้า ดาบ
เสียงประตูห้องเอลาเรียปิดลงพร้อมเสียงกลไกล็อคที่ซับซ้อน ตามมาด้วยเสียงกระซิบของเวทมนตร์บางอย่าง หลังจากนั้นก็มีเสียงแกร่งของผลึกน้ำแข็งที่ก่อตัวซ้อนกันแน่นหนา — ราวกับกำแพงจากปราการชั้นในสุดในอีกมุมของวัง —โถงวังหิมะใต้แสงจันทร์แสงจากผลึกคริสตัลแขวนสูงสะท้อนกับน้ำแข็งโปร่งใสตามเสาค้ำจำนวนมาก กลิ่นอายของสงครามแผ่ซ่านกลางโถงที่เคยเงียบสงบหลงอวิ๋นก้าวเข้ามาในโถงด้วยจังหวะมั่นคง ชุดคลุมสีขาวเงินสะบัดตามแรงเดินอย่างเยือกเย็น“เจ้ามาช้า” หลงเทียนเจินกล่าวเสียงหนักแน่น ขณะยืนอยู่หน้ากระดานเวทวินิจแผนที่มิติเขา — มังกรทองแห่งทิศตะวันออก พี่ชายต่างสายเลือดของหลงอวิ๋น — มองน้องชายด้วยสายตาผู้นำที่ไร้ความลังเลเวทแผนที่กลางห้องแสดงจุดสีแดงสี่จุดกระพริบวาบตรงประตูทิศตะวันออกของเมืองเทียนหลง“กลุ่มนักล่ามังกรปรากฏตัว... ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่สี่กลุ่มพร้อมกัน”หลงเทียนเจินกล่าวขณะโบกมือให้ภาพแผ่ขยายออก“พวกมันมาด้วยพลังเวทอาคมป้องกันสูง และ...ดูเหมือนจะรู้ทางลับในการหลบเวรย
ภายในห้องพักของหลงอวิ๋น — แสงสีฟ้าอ่อนนวลจากตะเกียงน้ำแข็งส่องสะท้อนบนผนังหินอย่างเงียบสงบไออุ่นจากเตาหินร้อนแผ่กระจายทั่วห้อง ผสมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรจันทรา สร้างบรรยากาศอบอุ่น ปลอดภัย ราวกับโลกภายนอกที่วุ่นวายไม่มีอยู่จริงหลงอวิ๋นพาฉันมานั่งที่โซฟาหนานุ่มใกล้เตาไฟ เขาคุกเข่าลงตรงหน้าโดยไม่เอ่ยคำใด — เพียงแค่มือใหญ่ของเขาจับมือฉันไว้เบาๆ อย่างแผ่วถนอมดวงตาสีฟ้าคู่นั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด แต่แฝงด้วยแววห่วงใยที่ชัดเจน“เจ้าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?” น้ำเสียงของเขานุ่มลึก ราวกับจะกลืนฉันไว้ในความอบอุ่นนั้น“ไม่ค่ะ… อาจจะมีปวดเมื่อยนิดหน่อย” ฉันยิ้มบางๆ พลางหมุนไหล่เล็กน้อยให้เขาดู“แต่โดยรวมแล้ว ฉันยังโอเคอยู่ค่ะ”หลงอวิ๋นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ“วันนี้… ช่างเกินกว่าที่ข้าคาดคิดไว้”“ข้าควรเป็นคนปกป้องเจ้าให้ดี… แต่กลับกลายเป็นว่า เจ้าต่างหากที่ก้าวออกมาปกป้องข้า”“ท่านก็ช่วยฉันเยอะอยู่นะคะ&rdq
ฉันหายใจถี่และเร็วขึ้น หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอกแต่ขาของฉันก็ก้าวถอยฉับไว ก่อนจะพลิกตัวต่ำหลบอย่างคล่องแคล่ว — ดาบของนักฆ่ากวาดผ่านเฉียดศีรษะไปเพียงปลายผมเคร้ง!ปลายแขนเสื้อของฉันพันเข้ากับข้อมือของเขาโดยสัญชาตญาณฉันฉวยแรงหมุนตัวอย่างแม่นยำ ก่อนจะฟาดศอกใส่ชายโครงเต็มแรง — ท่าผสมระหว่างมวยไทยกับยูโดที่เคยเรียนในมหาวิทยาลัยยังฝังอยู่ในร่างกายนักฆ่าผงะถอย แต่ไม่ทันล้ม ฉันใช้จังหวะนั้นกระโดดถีบกลางอกซ้ำ แล้วกลิ้งตัวออกห่างอย่างรวดเร็วเสียงฝีเท้าทะลุหิมะดังเข้ามาจากข้างหลัง — อีกคนกำลังพุ่งเข้ามา!ฉันหันไม่ทัน ดาบสีเลือดกำลังจะฟาดลงมาที่กลางหลัง!พรึ่บ!สายลมเย็นจัดพัดวูบเข้ามาพร้อมเสียงเปรี้ยง!น้ำแข็งปะทะกับโลหะจนระเบิดเป็นสะเก็ดกระจายฉัวะ!แขนของนักฆ่าหยุดค้างกลางอากาศ — ถูกห่อหุ้มด้วยผลึกน้ำแข็งใสสะท้อนแสงจันทร์ ก่อนที่มันจะแตกสลายกลายเป็นฝุ่นน้ำแข็งในชั่วพริบตาเงาร่างสีขาวพุ่งลงมาจากฟ้าอย่างพายุหิมะ—หลงอวิ๋นยืนอยู่เบื้องหน้า ดาบ
เมื่อพ้นจากเขตตลาด เส้นทางเบื้องหน้าปกคลุมด้วยหิมะขาวบาง ๆ ต้นไม้สูงใหญ่เรียงรายสองข้างทาง กิ่งก้านเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งใสที่ห้อยระย้า สะท้อนแสงแดดยามบ่ายคล้อยเป็นประกายวิบวับราวกับอัญมณีจากฟากฟ้า“ทะเลสาบอยู่เลยป่านี้ไปอีกหน่อย” หลงอวิ๋นบอกขณะพาเดินเข้าสู่ทางลึก“ใช้เวลาประมาณสิบห้านาที... เจ้าหนาวหรือไม่?”“ไม่หนาวหรอกค่ะ ถ้าทำแบบนี้”ฉันยิ้มก่อนจะยื่นมือไปจับมือเขา แล้วซุกเข้าไปในเสื้อคลุมของเขาอย่างขี้เล่น“เห็นมั้ยคะ อุ่นแล้ว” ฉันพูดพลางเงยหน้าส่งยิ้มให้เขาหลงอวิ๋นชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงมือของฉันที่แทรกเข้ามาในเสื้อคลุม ดวงตาสีฟ้าวาววับขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากจะคลี่ยิ้มบาง—รอยยิ้มที่เขาไม่ค่อยมีให้ใครได้เห็น“อุ่น...” เขาทวนคำช้า ๆ น้ำเสียงทุ้มลึกนุ่มนวล“ไม่มีใครเคยพูดเช่นนั้นกับข้ามาก่อน ผู้คนมักบอกว่า... ข้าเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง”เขาปรับชายเสื้อคลุมให้คลุมตัวฉันไว้ได้มากขึ้น กลายเป็นอ้อมกอดอุ่น ๆ ที่เราแชร์กันในความเย็นของป่า
ผู้คนในตลาดเริ่มเคลื่อนไปทางโซนถัดไป เสียงดนตรีแปลกหูดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมแสงสีหลากหลายลอยสู่ท้องฟ้า ดึงดูดสายตาทุกคนรอบข้าง“นั่นคือโซนเวทมนตร์” หลงอวิ๋นอธิบาย“เจ้าอยากไปดูหรือไม่?”ฉันพยักหน้าทันที ดวงตาเป็นประกายวาววับ“ค่ะ ไปดูโซนเวทมนตร์กัน ฉันอยากรู้ว่าเวทมนตร์ที่นี่จะเหมือนกับโลกของฉันไหม?”หลงอวิ๋นเลิกคิ้วเล็กน้อย สีหน้าสนใจชัดเจน“เวทมนตร์ในโลกของเจ้า?” เขาถามเสียงจริงจัง ขณะนำทางฉันไปตามทางเดินหินสีขาวเงิน“มีเวทมนตร์ในโลกของเจ้าด้วยหรือ? เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ”ระหว่างที่เราเดินผ่านแผงขนมหวานส่งกลิ่นหอมละมุน ฉันมองเด็กน้อยที่กำลังถือขนมรูปดาวหกแฉกเปล่งแสงสีนวลอย่างสนใจ“ในโลกของเรา เวทมนตร์ถูกแบ่งออกเป็นหลายสาขา” หลงอวิ๋นอธิบายต่อ“เทพธิดาแห่งพายุหิมะประทานพลังให้ผู้มีพรสวรรค์บางคน แต่ละคนมีพลังเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน”เราเดินเข้าสู่โซนเวทมนตร์ที่คึกคัก เต็มไปด้วยซุ้มและเต็นท์หลากสีสันเรียงราย นักเวทแต่ละคนต่างแสดงควา
“ไปสิคะ จะเหมือนพาเหรดที่โลกของฉันมั้ย?”ฉันถามพลางยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย หวังว่าที่นี่จะมีบอลลูนการ์ตูนลอยกลางฟ้าแบบที่ฉันเคยดูหลงอวิ๋นจับมือฉันแน่นขึ้น แล้วพาฝ่าฝูงชนไปยังจุดชมวิวริมถนน ที่เงียบสงบและไม่มีใครยืนบังพอดี“เหมือนโลกของเจ้า?” เขาเอียงหน้ายิ้มน้อย ๆ“ข้าไม่เคยเห็นของโลกเจ้า...แต่เชื่อเถอะ เจ้ายังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้แน่นอน”ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อขบวนพาเหรดเริ่มขึ้น…นักเต้นในชุดขาววิบวับราวกับหลุดจากกลุ่มดาว เดินนำขบวนออกมาอย่างสง่างาม ท่าทางพริ้วไหวของพวกเขาเหมือนเกล็ดหิมะกำลังร่ายระบำ พวกเขาถือไม้คทาคริสตัลที่ปลายเป็นรูปดาวหิมะ และทุกครั้งที่ปลายคทาแตะพื้น เกล็ดหิมะสีเงินก็ลอยขึ้นจริง ๆ!“กลุ่มแรกคือ ‘นักเต้นหิมะแรก’ พวกเขาคือตัวแทนของหิมะแรกแห่งฤดูหนาว” หลงอวิ๋นอธิบายข้างหูฉัน“โอ้โห… แบบนี้ต้องเรียกว่าหิมะแบรนด์เนมแล้วล่ะค่ะ!” ฉันแซวขำ ๆ พร้อมยิ้มเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่หลงอวิ๋นแค่ส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วยิ้มแบบกลั้นหัวเรา