เสียงกรีดร้องของเหล็กปะทะกันดังก้องไปทั่วช่องเขา หิมะที่เคยขาวสะอาดกลับถูกย้อมด้วยสีแดงของเลือด ฉันยืนอยู่กลางสนามรบ หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก มือที่ถือกริชฟางเซวี่ยนเกาสั่นเล็กน้อย แต่ฉันพยายามควบคุมมันไว้
สายตาของฉันจับจ้องไปที่หลงอวิ๋น เขากำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ดาบในมือของเขาเปล่งประกายเย็นเยียบ ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างสง่างามและแม่นยำ แต่แล้ว...
“ระวัง!”
ฉันตะโกนเมื่อเห็นนักล่ามังกรคนหนึ่งพุ่งเข้ามาทางด้านหลังของเขา หลงอวิ๋นหันกลับไปทันที ดาบของเขาฟันใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว แต่ในจังหวะนั้นเอง ฉันรู้สึกถึงแรงกระแทกที่มือของฉัน กริชหลุดจากมือของฉันและตกลงบนพื้นหิมะ
“อ๊ะ!”
ฉันร้องออกมา ขณะที่นักล่ามังกรอีกคนพุ่งเข้ามาหาฉัน ดาบของเขาเปล่งประกายสีม่วงเข้ม แสดงถึงพิษร้ายแรง ฉันถอยหลังอย่างรวดเร็ว แต่รู้ว่าตัวเองไม่มีอาวุธในมือ
ในจังหวะที่ดาบของศัตรูกำลังจะฟันใส่ฉัน แสงสีเงินสว่างจ้าก็เปล่งออกมาจากกระเป๋าของฉัน ไพ่ The Moon ลอยขึ้นมาในอากาศ สร้างโล่พลังเวทสีเงินบางๆ ป้องกันการโจมตีของศัตรูไว้ได้ทันเวลา
&ldqu
สองวันผ่านไปนับจากวันที่ดอกกุหลาบน้ำแข็งเบ่งบาน ในที่สุด วันจัดงานเลี้ยงต้อนรับฉันในฐานะ “ผู้พิทักษ์แห่งคำทำนาย” ก็มาถึงฉันถูกแต่งตัวในชุดราตรีสีฟ้าอ่อน เนื้อผ้าโปร่งเบาราวหมอกเช้า ปักประดับด้วยไข่มุกและเส้นเงินถักทอเป็นลวดลายเกล็ดหิมะที่ไหลลื่นไปตามชายกระโปรงสร้อยคอรูปจันทราเสี้ยว ประดับอัญมณีสีฟ้าระยับ ถูกคล้องลงบนลำคอขาวของข้า—ของขวัญจากหลงอวิ๋น ที่บอกว่า“มันจะคุ้มครองฉัน…แม้ยามเขาไม่อยู่ข้างกาย”เมื่อฉันก้าวเข้าสู่ห้องจัดเลี้ยง...เสียงสนทนารอบห้องเงียบลงชั่วครู่ ราวกับลมหายใจทั้งวังหยุดนิ่งสายตาทุกคู่หันมามองฉัน ราวกับภาพสะท้อนจากผลึกน้ำแข็งนับพันชิ้นห้องจัดเลี้ยงยิ่งใหญ่ตระการตา—ประดับประดาด้วยเสาน้ำแข็งแกะสลัก แสงเทียนนับร้อยสะท้อนกับผลึกใสราวกับหมู่ดาวตกต้องหิมะและตรงนั้น—เขากำลังยืนรออยู่หลงอวิ๋นในชุดราชองครักษ์สีน้ำเงินเข้ม ปักลายมังกรเงินที่เลื้อยตามสาบเสื้อไปจนถึงชายเสื้อคลุม ใบหน้าคมเข้มยังคงเรียบนิ่ง...แต่แววตาสีฟ้าเยือกเย็นนั
ณ ห้องบรรทมส่วนตัวของหลงอวิ๋นพระราชวังเทียนหลง – ยามรุ่งอรุณแสงแรกของวันค่อย ๆ สาดส่องลอดผ่านผ้าม่านแพรบางสีขาวเงิน ทาบลงบนผิวเปลือยเปล่าของสองร่างที่นอนแนบชิดกันบนเตียงผ้าไหม ราวกับเทพแห่งแสงกำลังรับรู้ถึงคำมั่นสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งถูกผนึกไว้ในราตรีก่อนหน้าฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ชั่ววินาทีแรกยังรู้สึกเหมือนฝัน...แต่ความอบอุ่นจากร่างกายแกร่งที่โอบกอดอยู่ด้านหลังก็ยืนยันกับฉันว่านี่คือความจริงร่างของหลงอวิ๋นยังคงแนบชิดอยู่กับฉัน เรือนกายแข็งแรงแต่เปี่ยมด้วยไออุ่น ลมหายใจของเขารินรดต้นคอฉันเบา ๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอฉันขยับเล็กน้อย เขาก็ลืมตาขึ้นราวกับเฝ้ารออยู่แล้วดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องสบฉันด้วยแววตาอ่อนโยนเกินกว่าจะเป็นของมังกรผู้เคยเย็นชา มือแกร่งยกขึ้นลูบเส้นผมฉันแผ่วเบา“ตื่นแล้วหรือ เจ้า” เขาถามเสียงนุ่มทุ้มฉันยิ้มจาง ๆ “ท่านเฝ้าฉันหรือคะ”“ข้าแค่อยากมองเจ้า” เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเล็กน้อย ราวกับกลัวว่าฉันจะละลายหายไป“เล่าเรื่องโลกของเจ้าให้ข้าฟังได้หร
ฉันไม่ลังเล ไม่ต้องคิดซ้ำ มือของฉันยกขึ้นแตะแก้มเขาเบา ๆ สบตาคู่นั้นที่กำลังลุกวาบด้วยความรู้สึกเดียวกับฉัน“ค่ะ… ฉันต้องการท่านจริง ๆ”ฉันเอียงใบหน้าเข้าหาเขา แล้วแนบริมฝีปากลงบนซอกคอของเขา จูบเบา ๆ ก่อนจะลากไล้จนเขาสะดุ้งเล็กน้อยกับลมหายใจที่ร้อนผ่าวของฉัน“ท่านอาจไม่รู้...” ฉันกระซิบขณะกดริมฝีปากลงกับผิวขาวนวลของเขา“แต่สำหรับโลกของฉัน…เผ่ายิปซีแม่มดอย่างฉัน หากเราเป็นของใครแล้ว…เราจะเป็นของเขาตลอดไป”ฉันขบเม้มลงตรงต้นคอเขาจนกลายเป็นรอยแดงเรื่อ ความพึงพอใจวาบขึ้นในใจเมื่อเห็นเขาหลับตาแน่นและสูดหายใจเข้าลึก“และสำหรับคนที่ผูกพันกับฉันแล้ว…” ฉันผละออกนิดเดียว ยิ้มเล็ก ๆ ขณะพูด“เขาจะไม่มีวันได้ยุ่งกับหญิงอื่นอีกเลย”ฉันจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา รู้สึกได้ถึงประกายบางอย่างที่สะท้อนกลับมา“หลงอวิ๋น…” ฉันกระซิบชื่อเขาชิดริมฝีปาก“ท่านแน่ใจนะคะ…ว่าจะเป็นของฉันคนเดียวตลอดไป”ดวงตาของเขาเปล่
ภายในห้อง แสงจันทร์อาบไล้ผ่านม่านบาง สะท้อนละอองหิมะที่เริ่มก่อตัวขึ้นรอบตัวเรา ราวกับโลกทั้งใบหยุดเคลื่อนไหว ละอองนั้นแขวนลอยอยู่กลางอากาศเหมือนดาวนับร้อยที่เปล่งแสงอยู่แค่ระยะหายใจ“ค่ะ...” ฉันพยักหน้าเบา ๆ สบตาเขา“ฉันเองก็รู้สึกว่ามีบางอย่าง... บางสิ่งที่เชื่อมเราไว้ตั้งแต่แรกพบ” ฉันยกข้อมือขึ้นให้เขาเห็นรอยลวดลายสีเงินจาง ๆ ที่เปล่งประกายเรืองรอง“รวมถึงสิ่งนี้...” ฉันแตะเบา ๆ บนรอยพันธะวิญญาณ“มันต้องมีความหมายแน่นอนค่ะ”ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งของหลงอวิ๋นเปล่งประกายขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดของฉัน ละอองหิมะรอบตัวเราหมุนวนเร็วขึ้นราวกับสะท้อนความรู้สึกที่ปั่นป่วนในใจเขา แม้ใบหน้าจะยังสงบนิ่งเหมือนเดิมเขาโน้มตัวลงมาเบา ๆ ปลายจมูกเกือบชิดหน้าผากของฉัน ลมหายใจเย็นเฉียบแตะผ่านผิวบางเบา จูบแผ่วเบาแตะหน้าผากอย่างแสนอ่อนโยนราวกับจะประทับตรารับรู้ระหว่างวิญญาณ“ตั้งแต่วันที่ข้าเห็นเจ้ายืนอยู่หน้าประตูวัง—ดวงตาที่สั่นไหวกับความไม่รู้ หนาวเหน็บแต่ยังมีแสงอยู่ภายในนั้น” เขากระซิบ
ฉันคุกเข่าอยู่เคียงข้างหลงอวิ๋นบนพื้นหินอ่อนที่เย็นจนรู้สึกได้ถึงความหนาวผ่านผ้าคลุมหนา ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ มีเพียงเสียงลมหายใจของเหล่าผู้อยู่ในห้องเท่านั้นที่ขับขานเบา ๆ ใต้เพดานสูงตระหง่าน เสาแกะสลักรูปมังกรล้อมรอบราวกับกำลังจับตาดูทุกฝีก้าวของเรา“ลุกขึ้นได้”น้ำเสียงทุ้มนุ่มแต่เด็ดขาดขององค์จักรพรรดิหลงจินหานดังขึ้น พร้อมกับกระแสพลังที่แผ่ซ่านออกมารอบพระองค์ฉันลุกขึ้นตามหลงอวิ๋นที่ยืนสง่างามอยู่ข้างกาย ความกดดันจากบุรุษบนบัลลังก์ทองทำให้ใจเต้นเร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาสีทองคมกริบของพระองค์จับจ้องมาที่เราราวกับกำลังอ่านใจ“ข้าได้รับรายงานถึงชัยชนะของเจ้าที่ช่องเขาน้ำแข็งนิรันดร์ เจ้าปกป้องวังเทียนหลงไว้ได้อีกครั้ง”องค์จักรพรรดิหยุดพักคำพูดชั่วครู่ ก่อนที่สายตาจะเคลื่อนมาหาฉัน“และนี่คงเป็นมนุษย์ต่างโลกที่ข้าได้ยินกิตติศัพท์มา... ผู้ที่ช่วยเหลือบุตรชายข้าในสนามรบ”หลงอวิ๋นก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงเขาหนักแน่นเมื่อกล่าวแนะนำฉัน“พระบิดา นางคือเอลาเรีย แห่งตระ
เสียงกรีดร้องของเหล็กปะทะกันดังก้องไปทั่วช่องเขา หิมะที่เคยขาวสะอาดกลับถูกย้อมด้วยสีแดงของเลือด ฉันยืนอยู่กลางสนามรบ หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก มือที่ถือกริชฟางเซวี่ยนเกาสั่นเล็กน้อย แต่ฉันพยายามควบคุมมันไว้สายตาของฉันจับจ้องไปที่หลงอวิ๋น เขากำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ดาบในมือของเขาเปล่งประกายเย็นเยียบ ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างสง่างามและแม่นยำ แต่แล้ว...“ระวัง!”ฉันตะโกนเมื่อเห็นนักล่ามังกรคนหนึ่งพุ่งเข้ามาทางด้านหลังของเขา หลงอวิ๋นหันกลับไปทันที ดาบของเขาฟันใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว แต่ในจังหวะนั้นเอง ฉันรู้สึกถึงแรงกระแทกที่มือของฉัน กริชหลุดจากมือของฉันและตกลงบนพื้นหิมะ“อ๊ะ!”ฉันร้องออกมา ขณะที่นักล่ามังกรอีกคนพุ่งเข้ามาหาฉัน ดาบของเขาเปล่งประกายสีม่วงเข้ม แสดงถึงพิษร้ายแรง ฉันถอยหลังอย่างรวดเร็ว แต่รู้ว่าตัวเองไม่มีอาวุธในมือในจังหวะที่ดาบของศัตรูกำลังจะฟันใส่ฉัน แสงสีเงินสว่างจ้าก็เปล่งออกมาจากกระเป๋าของฉัน ไพ่ The Moon ลอยขึ้นมาในอากาศ สร้างโล่พลังเวทสีเงินบางๆ ป้องกันการโจมตีของศัตรูไว้ได้ทันเวลา&ldqu