ในความเย็นของค่ำคืนนี้…
ภาพอดีตยังหลับใหลอยู่ใต้ผืนหิมะ
“ในวันที่หัวใจของเขาเยือกเย็นที่สุด...กลับเป็นวันที่อันตรายที่สุดของโลก”
ผืนป่าเขตต้องห้าม ทิศเหนือของแดนน้ำแข็ง — เมื่อหลายร้อยปีก่อน
ดวงจันทร์เต็มดวงลอยอยู่เหนือยอดไม้
แต่แสงของมันส่องไม่ถึงพื้นดิน...เพราะหมอกหิมะที่ปั่นป่วน ทุกอย่างสงบนิ่งจนดูเหมือนเวลาได้หยุดลง — เว้นแต่เสียงหอบหายใจอ่อนแรงของหญิงสาวผู้หนึ่ง
เธอนอนอยู่ในอ้อมแขนของหลงอวิ๋น เลือดสีแดงเปื้อนชุดสีขาวของเธอจนแทบไม่เห็นลายผ้าดั้งเดิม เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเธอพันกับนิ้วของเขา ราวกับว่าเธอยังไม่อยากปล่อย
“อวิ๋น...” เสียงของเธอแผ่วเบา
“ไม่ใช่ความผิดของท่าน...”
“เงียบเถอะ” เสียงของหลงอวิ๋นแข็ง แต่สั่นเครือ
มือของเขากดแผลที่ท้องของเธอไว้แน่น พยายามจะหยุดเลือดที่ยังคงไหลไม่หยุด
“ข้าจะพาเจ้าไปรักษา ข้า...ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายที่นี่”
“มัน...สายเกินไปแล้ว…&rd
🌑 เบื้องหลังม่านเงา – ราชินีแห่งความมืดณ อาณาจักรเร้นใต้ผืนเงาแห่งภูผาหมอกโลกันต์ห้องพิธีศักดิ์สิทธิ์ของราชินีเซรีฟิน่า ด้านบนคือเพดานโค้งที่สลักเวทอักษรโบราณคดเคี้ยวราวงูเงา รอบห้องมีเพียงแสงจากตะเกียงวิญญาณเรืองรอง—และเสียงลมหายใจหนักแน่นของสัตว์ร้ายใต้ผิวโลกกลางห้อง...คือ เส้นวงเวทผนึก รูปลักษณ์ซับซ้อน ทำจากหยาดเลือดมังกรบริสุทธิ์ และใจกลางวงเวทนั้น—คือ ผลึกดำทรงกลม ที่มีเกล็ดน้ำแข็งแฝงอยู่ภายในภายในผลึกนั้น…คือหัวใจของมังกรโบราณ—เนรูไซร์พญามังกรผู้มีฤทธิ์สะท้อนคำสาปแห่งดวงจันทร์พญามังกรที่หลับใหลมานานนับพันปีและกำลัง...จะตื่นขึ้นเซรีฟิน่ายืนอยู่หน้าแท่นพิธี ชุดคลุมสีม่วงดำของเธอปักด้วยด้ายเงินรูปเสี้ยวจันทร์ และเกล็ดมังกรน้ำแข็งเรือนผมสีเงินดำของเธอทิ้งลงมาถึงแผ่นหลัง ริมฝีปากแดงดั่งเลือดที่ไม่หลั่ง...ขยับแผ่วเบา“หลงอวิ๋น...”เสียงของเธอเบาหวิว เหมือนความคิดที่ไม่เคยหลุดพ้นไปจากจิต“เจ้
ฉันยืนอยู่ตรงระเบียงด้านตะวันออกของหอจันทราลมเย็นพัดผ่านแผ่วเบา กลิ่นหิมะบาง ๆ ลอยมากับอากาศ เจ้าหยกหิมะกลิ้งตัวหลับข้างหมอน ขณะที่หลงอวิ๋นยืนเงียบอยู่ข้างหน้าต่าง มองท้องฟ้าสีเงินนิ่งงัน“ข้าอยากฟังคำทำนายของเจ้า”เสียงของเขาทุ้มต่ำแต่นุ่มนวล“เจ้าบอกว่ามีบางสิ่ง...กำลังจะตื่นขึ้น?”ฉันพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเล่าให้เขาฟังถึงไพ่สามใบที่ฉันเปิดเมื่อเช้า ภาพแสงวาบจากไพ่ยังติดตา และเสียงก้องในหัวฉันก็ยังไม่หายไปไหน“มีบางอย่างที่ถูกผนึกไว้...มันไม่ควรถูกปลุกขึ้นมา” ฉันพูดเสียงแผ่ว“แต่ตอนนี้...มันเริ่มสั่นไหวแล้ว”หลงอวิ๋นนิ่งไปชั่วขณะ นิ้วเรียวยาวของเขาประสานกันแน่นอยู่เบื้องหน้า ดวงตาสีฟ้าของเขามีแววครุ่นคิดลึกซึ้ง และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นก็เปล่งประกายอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน“ข้าเคยได้ยิน...ตำนานของมังกรดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่ง”“ถูกผนึกไว้ใต้ทะเลสาปจันทรา ตั้งแต่ยุคแห่งความแตกแยก”ฉันเงยหน้าขึ้น ดวงตาเบิกกว้างทะเลสาปจันทร
เช้าวันถัดมาพระราชวังเทียนหลงยังคงงดงามดั่งภาพวาด—แต่ภายใต้หลังคาแก้วน้ำแข็งที่ส่องประกายกลับเต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือนที่มองไม่เห็นหลงอวิ๋นออกจากหอจันทราตั้งแต่ยามเช้ามืด เพื่อเข้าประชุมลับร่วมกับเหล่าผู้นำทางการทหารเรื่องเดียวที่ทำให้เขาไม่อาจวางใจได้ คือ ‘การเคลื่อนไหวของนักล่ามังกร’ ที่เริ่มรุกคืบเข้ามาใกล้ดินแดนฝั่งใต้และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น...ฉันนั่งอยู่ที่เก้าอี้ใกล้หน้าต่างในห้องพัก บรรยากาศรอบตัวอบอุ่นจากเตาผิงเวท และกลิ่นดอกไวโอเล็ตจาง ๆ จากพรมขนนุ่มแสงแดดสีขาวนวลลอดผ่านม่านโปร่งเบา...แต่ภายในใจฉันยังไม่สงบเหมือนอากาศในห้องเลย“ความฝันเมื่อคืน...มันไม่ใช่แค่ฝัน”ฉันพึมพำกับตัวเอง ขณะที่หลงจื่อ วางถ้วยชาอุ่นไว้ข้างมือฉันอย่างเงียบ ๆ“คุณหนูต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมเจ้าคะ?”“ไม่ล่ะ ขอบใจนะหลงจื่อ”ฉันยิ้มอ่อนให้เธอ แล้วค่อย ๆ เปิดกล่องกำมะหยี่สีม่วงที่วางอยู่ข้างเตียง ก่อนที่ฉันจะเปิดไพ่เสียง...“คิ้ว~”เจ้าก้อนกลมสี
ณ ห้องผนึกคริสตัลน้ำแข็งชั้นใต้ดินลึกสุดของหอเวทน้ำแข็ง เขตหวงห้ามแห่งราชสภาเทียนหลง—สถานที่เร้นลับ ที่แม้แต่ผู้ครองบัลลังก์ก็ยังไม่อาจเหยียบย่างเข้ามาโดยไร้คำอนุญาตที่นั่นไร้เปลวไฟ ไร้แสงเทียน มีเพียงแสงเรืองรองจากผลึกคริสตัลทรงกลมที่ลอยอยู่เหนือแท่นหินน้ำแข็งโบราณ แสงนั้นไม่ใช่แสงธรรมดา... แต่มาจาก ‘แสงจากจิต’ ที่ถูกสกัดไว้จากจิตวิญญาณผู้มีพลังสูงสุดแห่งเผ่ามังกรน้ำแข็งเสาหินสิบสองต้นล้อมรอบ สลักอักขระมังกรโบราณรอบตัวเป็นวงเวทคุ้มผนึก อักษรเปล่งแสงจาง ๆ ราวกับยังหายใจอยู่ในจิตของใครบางคนรอบโต๊ะหินกลางห้อง สมาชิกสูงสุดของราชสภาเทียนหลงนั่งประจำตำแหน่ง พวกเขาไร้ชื่อ ไร้ยศ ไม่ปรากฏในจารึกของราชวงศ์—แต่คือผู้อยู่เบื้องหลังทุกพระราชกฤษฎีกา ทุกคำบัญชาสมาชิกบางคนสวมผ้าคลุมสีเงินดั่งหิมะเก่า หรือสวมผ้าคลุมสีดำดั่งเงาใต้ธารน้ำแข็ง และบางคนก็สวมผ้าคลุมสีน้ำเงินจางดั่งท้องฟ้าในคืนหิมะตก พวกเขาเหล่านั้น คือมือที่มองเขียนกฎของโลกแห่งนี้กลางห้อง—ภาพเคลื่อนไหวในคริสตัลเผยให้เห็นเอลาเรี
ในความเย็นของค่ำคืนนี้…ภาพอดีตยังหลับใหลอยู่ใต้ผืนหิมะ“ในวันที่หัวใจของเขาเยือกเย็นที่สุด...กลับเป็นวันที่อันตรายที่สุดของโลก”ผืนป่าเขตต้องห้าม ทิศเหนือของแดนน้ำแข็ง — เมื่อหลายร้อยปีก่อนดวงจันทร์เต็มดวงลอยอยู่เหนือยอดไม้แต่แสงของมันส่องไม่ถึงพื้นดิน...เพราะหมอกหิมะที่ปั่นป่วน ทุกอย่างสงบนิ่งจนดูเหมือนเวลาได้หยุดลง — เว้นแต่เสียงหอบหายใจอ่อนแรงของหญิงสาวผู้หนึ่งเธอนอนอยู่ในอ้อมแขนของหลงอวิ๋น เลือดสีแดงเปื้อนชุดสีขาวของเธอจนแทบไม่เห็นลายผ้าดั้งเดิม เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเธอพันกับนิ้วของเขา ราวกับว่าเธอยังไม่อยากปล่อย“อวิ๋น...” เสียงของเธอแผ่วเบา“ไม่ใช่ความผิดของท่าน...”“เงียบเถอะ” เสียงของหลงอวิ๋นแข็ง แต่สั่นเครือมือของเขากดแผลที่ท้องของเธอไว้แน่น พยายามจะหยุดเลือดที่ยังคงไหลไม่หยุด“ข้าจะพาเจ้าไปรักษา ข้า...ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายที่นี่”“มัน...สายเกินไปแล้ว…&rd
หลงอวิ๋นนำฉันออกจากห้องจัดเลี้ยงอย่างแนบเนียน ผ่านระเบียงหินน้ำแข็งที่ทอดยาวไร้ผู้คน แสงจากโคมแก้วน้ำแข็งที่ห้อยเรียงรายส่องแสงสีฟ้าอ่อน ราวกับดวงดาวนำทางในรัตติกาลเมื่อเราก้าวเข้าสู่สวนน้ำแข็งชั้นใน ฉันก็ต้องหยุดมองภาพเบื้องหน้าที่นี่เงียบสงบจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเองบ่อน้ำแข็งสะท้อนแสงจันทร์ ราวกับกระจกเงาของท้องฟ้า ต้นไม้หิมะเรืองแสงสีอ่อน ๆ ท่ามกลางความเงียบ และกลิ่นเย็นที่ชวนให้นึกถึงค่ำคืนในดินแดนที่ไม่มีใครกล้าเหยียบย่างฉันค่อย ๆ เดินไปช้า ๆ ก่อนจะหยุดลง หันมาทางเขา“องค์ชาย...” ฉันพูดเสียงนุ่ม“ฉันไม่ได้คิดจะเล่นเกมอะไรทั้งนั้นหรอกค่ะ” ฉันยิ้มเล็กน้อย สายตายังจับจ้องเขาอย่างแน่วแน่“ฉันแค่ไม่ชอบให้ใครมาข่มเหง โดยเฉพาะด้วยสายตาที่มองมนุษย์อย่างกับเป็นของเล่น”ฉันหันหน้าไปทางจันทร์ครึ่งดวงเบื้องบน น้ำเสียงของฉันจริงจังทุกคำพูด“ในโลกของท่าน ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่ากฎเป็นยังไง ต้องก้มหัวให้ใคร หรือปล่อยผ่านคำพูดเย็นชาร้าย ๆ ไปบ้าง”ฉันสูดลมหายใจลึก แล้วพูดเสียงหน