Masuk"ขอร้องล่ะพี่ อย่าดันเข้ามาได้ไหม ดันจนฉันจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ" ท่ามกลางคลื่นมหาชนในงานคอนเสิร์ต ฉันตั้งใจเอาตัวเบียดน้องผู้หญิงคนข้างหน้า เธอสวมกระโปรงสั้นสไตล์ญี่ปุ่นที่ดูเซ็กซี่ ฉันงัดมันขึ้นแล้วแนบชิดไปที่ก้น สิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่าก็คือ กางเกงชั้นในของเธอนั้นบางมาก ก้นอวบอิ่มของเธอ มันทำให้ฉันตื่นตัวขึ้นมาทันที ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ เหมือนว่าเธอก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับการที่ฉันดันมันด้วย
Lihat lebih banyakแต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า ผ่านไปแค่สามวัน จ้าวเหล่ยก็มาหาถึงบ้าน วันนั้นฉันกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน เสียงกริ่งประตูหน้าบ้านดังขึ้น ฉันนึกว่าเป็นคนส่งอาหาร พอเปิดประตูออกไป ก็เห็นจ้าวเหล่ยยืนอยู่หน้าประตู หน้าตาบึ้งตึง ในมือมีของบางอย่างกำแน่น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธราวกับจะแผดเผาฉันให้มอดไหม้ "เฉินเฉิง บอกความจริงกับฉันมา นายกับสวี่เวยมันเรื่องอะไรกัน?" เขาไม่ได้เดินเข้ามาในบ้าน แต่โยนของในมือใส่ฉัน มันคือโทรศัพท์มือถือ หน้าจอสว่างอยู่ บนหน้าจอเป็นคลิปวิดีโอจากงานคอนเสิร์ตครั้งนั้น และคลิปที่กำลังเล่นอยู่ คือภาพเหตุการณ์ระหว่างฉันกับสวี่เวยบนหน้าจอขนาดใหญ่ สมองฉันอื้ออึงไปหมด เลือดสูบฉีดขึ้นหน้าจนรู้สึกร้อนผ่าว โทรศัพท์ในมือเกือบหล่นลงพื้น: "ไอ้เหล่ย ฟังฉันอธิบายก่อน มันไม่ใช่แบบที่นายคิดนะ..." "ไม่ใช่แบบที่ฉันคิด?" จ้าวเหล่ยตะคอกออกมา เสียงของเขาสั่นเครือ "แล้วมันแบบไหน? ไหนลองบอกฉันสิ! ฉันเห็นนายเป็นเหมือนพี่น้องแท้ๆ แล้วนายล่ะ? นายไปนอนกับน้องเมียฉัน! นายทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง? นายเห็นแก่หน้าสวี่ชิงบ้างไหม?" "ฉัน..." ฉันอ้าปากค้าง แต่พูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว คำแก้ตัว
“เลิกหงุดหงิดได้แล้วน่า วันนี้ฉันแต่งเมียนะ ทำตัวให้มีความสุขหน่อย! เดี๋ยวมาดื่มกับฉันให้เต็มที่ ไม่เมาไม่เลิก!” ฉันฝืนยิ้มออกมา แต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้งเหมือนมีหินทับอยู่ ตลอดหลายชั่วโมงต่อมา ฉันรู้สึกหวาดระแวงไปหมด สายตาคอยจับจ้องสวี่เวยตลอดเวลา กลัวว่าเธอจะทำอะไรแผลงๆ ออกมา และก็กลัวว่าจ้าวเหล่ยจะจับสังเกตได้ สวี่เวยก็ทำตัวสงบเสงี่ยมดี คอยเดินตามติดสวี่ชิงตลอด บางครั้งที่สบตากับฉัน เธอก็รีบหลบสายตาทันที เหมือนกำลังหลบอะไรบางอย่างตอนที่งานแต่งงานใกล้จะเลิก ฉันกับจ้าวเหล่ยเดินไปส่งแขกที่หน้าประตู สวี่เวยเดินเข้ามาบอกลาสวี่ชิงว่า “พี่คะ หนูขอกลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาหาใหม่” “ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเหรอ?” สวี่ชิงจับมือเธอไว้ “ให้พี่เขยไปส่งสิ” “ไม่เป็นไรค่ะพี่ หนูเรียกรถกลับเองได้” สวี่เวยพูดพลางกวาดสายตามองฉันกับจ้าวเหล่ย “พี่เขย พี่เฉิน หนูกลับก่อนนะคะ”จ้าวเหล่ยทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง ฉันรีบพูดแทรกขึ้นมาว่า “ให้เธอกลับเถอะ ตอนนี้เรียกรถยาก เดี๋ยวฉันขับรถไปส่งเธอเอง” พอพูดจบฉันก็รู้สึกเสียใจทันที นี่มันหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ เลยไม่ใช่เหรอ? แต่จ้าวเหล่ยกลับไม่ได้คิดอะไร
"มาแล้วๆ!" จ้าวเหล่ยผลักฉันทีหนึ่ง ฉันมองตามสายตาเขาไป สวี่เวยสวมชุดเดรสสีขาวนวล ดูต่างจากลุคสายเดี่ยวสุดเซ็กซี่เมื่อสัปดาห์ก่อนราวกับเป็นคนละคน แต่ตอนที่เธอเดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง สายตาที่กวาดมาทางฉัน แววตาที่ตื่นตระหนกและตกใจ มันเหมือนกับความรู้สึกที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในใจฉันตอนนี้ไม่มีผิด ฉันรีบก้มหน้าลง แสร้งทำเป็นสนใจก้อนน้ำแข็งในแก้วเหล้า แต่หูเจ้ากรรมกลับได้ยินเสียงเธอคุยกับสวี่ชิงชัดเจน ทุกคำพูดเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงจนฉันใจสั่น “ไอ้เฉิง เหม่ออะไรอยู่?” จ้าวเหล่ยตบหลังฉันทีหนึ่ง “ไป ไปทักทายสวี่เวยกับฉันหน่อย อย่ามายืนทื่อเป็นท่อนไม้อยู่ตรงนี้สิ” ขาฉันอ่อนเปลี้ยไปหมด อยากจะหาข้ออ้างขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่จ้าวเหล่ยลากฉันเดินไปทางนั้นเสียแล้ว พอสวี่เวยเห็นพวกเราเดินเข้าไป เธอก็ขยับไปหลบอยู่ข้างหลังสวี่ชิงโดยไม่รู้ตัว สวี่ชิงไม่ทันสังเกต จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สวี่เวย นี่พี่เฉินเฉิง เพื่อนสนิทของพี่จ้าวเหล่ย ต่อไปเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ พวกเธอทำความรู้จักกันไว้สิ” สวี่เวยฝืนยิ้มออกมาอย่างแข็งทื่อ พยักหน้าให้ฉัน: “สวัสดีค่ะ พี่เฉิน” ฉันอ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่นานวันแต่งงานของจ้าวเหล่ยก็มาถึง ฉันใส่ซองช่วยงานและเข้าไปนั่งในโต๊ะอาหารในโรงแรม เพื่อรอชมพิธีการ จ้าวเหล่ยเป็นเพื่อนสนิทของฉัน แต่ฉันไม่ค่อยรู้จักญาติพี่น้องของเขาเท่าไหร่นัก พิธีการช่วงแรกค่อนข้างน่าเบื่อ ฉันจึงนั่งเล่นมือถือ ไถดูคลิปวิดีโอสั้นฆ่าเวลาไปพลางๆ โดยไม่ได้สนใจรอบข้างมากนักเมื่อพิธีเริ่มขึ้น ประตูบานใหญ่ด้านหลังห้องจัดเลี้ยงก็ค่อยๆ เปิดออก เจ้าสาวในชุดวิวาห์เดินออกมาจากประตูอย่างช้าๆ เธอหน้าตาสะสวยและดูอ่อนหวาน มีความคล้ายคลึงกับน้องผู้หญิงที่ฉันเจอในคอนเสิร์ตวันนั้นมากแต่คนที่เดินตามหลังเธอมาคือเพื่อนเจ้าสาวฉันเพ่งมองไป เพื่อนเจ้าสาวคนนั้นคือน้องผู้หญิงคนที่ฉันเจอในคอนเสิร์ตไม่ใช่เหรอ? ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอเธอที่นี่! บนโลกนี้มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ด้วยเหรอ!ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะ พยายามเพ่งมองหน้าเธอให้ชัดๆ เพื่อดูว่าใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า ถึงเธอจะแต่งหน้า แต่โครงหน้ารูปไข่ก็ยังเด่นชัดมาก ทั้งช่วงขา และส่วนสูง ทุกอย่างเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นไม่มีผิด แล้วเธอก็สังเกตเห็นฉันที่นั่งอยู่ข้างล่างเวทีเหมือนกัน สายตาของเราสบกันพอดี ในวินาทีนั้น เราทั้ง