Episode 02 ถ้าหากว่า…
ธีลินขออนุญาตอาคิรามาจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำให้เขาขณะที่ตอนนี้เขากำลังนั่งทำงานอยู่ภายในห้องทำงานซึ่งเธอไม่ควรเข้าไปหากไม่ได้รับอนุญาตทำให้เธอไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าจริงๆ แล้วเขาทำอาชีพอะไร เข้าไปทำอะไรข้างในกันแน่ ถึงจะเกิดคำถามมากมายแต่กฎเหล็กของการทำงานที่นี่ก็คือห้ามทำตัวสอดรู้สอดเห็น
"ทำตัวลึกลับอย่างกับเป็นพวกมาเฟียอย่างงั้นแหละ" ธีลินพึมพำเบาๆ ขณะใช้มือแกว่งน้ำในอ่างเพื่อเช็กอุณหภูมิให้อุ่นพอดีไม่ร้อนจนเกินไป "ฮึ่ย!" คนตัวเล็กหันหลังกลับมาเตรียมเดินออกไปเรียกครามให้มาอาบน้ำชะงักพร้อมกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อหันมาเจออาคิรายืนพิงขอบประตูห้องน้ำอยู่
คนตัวเล็กใช้มือลูบหน้าอกตัวเองเรียกขวัญกำลังใจไม่คิดว่าการทำงานดูแลคนพิการของเธอจะน่าระทึกได้ถึงขนาดนี้ และก็ได้แต่ภาวนาว่าเขาจะไม่ได้ยินประโยคที่เธอหลุดพูดออกไป
"กำลังจะออกไปเรียกอยู่พอดีเลยค่ะ นายน้อยอาบน้ำเลยไหมคะ" ธีลินเอ่ยขึ้นกลบเกลื่อนเสียงตกใจของตัวเองเมื่อครู่นับว่ายังโชคดีที่ตาของเขามองไม่เห็น เลยไม่เห็นสีหน้าของเธอในตอนแรกรวมถึงการยกมือทาบอก
"อืม"
ธีลินมองคนตัวโตที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความงุนงง ก่อนจะเดินก้าวเท้าเรียวเข้าไปหาเขาเผื่อว่าเขากำลังรอการช่วยเหลือจากเธออยู่
"ให้ฉันช่วยไหมคะ?" สาวใช้คนสวยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประหม่า เนื่องจากทุกทีเขาจะจัดการตัวเองได้โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร ทั้งวันมานี้เธอมีหน้าที่เพียงคอยเฝ้าระวังให้เขาห่างๆ ก็เท่านั้น
อาคิราไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่ยื่นมือมาตรงหน้าทำให้ธีลินยื่นมือตัวเองไปรับเขาเอาไว้โดยอัตโนมัติ เพียงแค่ไออุ่นจากฝ่ามือหนาที่แผ่กระจายลงมาคนตัวเล็กก็เผลอกลั้นหายใจด้วยความประหม่าอย่างบอกไม่ถูก เธอพาเขาเดินไปตรงกลางห้องน้ำอย่างระมัดระวัง
"นายน้อยจะถอดเสื้อผ้าเองไหมคะ หรือให้ฉันช่วยถอด"
"ถ้าฉันเป็นมาเฟียเธอจะยังรับงานนี้อยู่ไหม" คำถามที่ถามออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของชายหนุ่มทำเอาคนตัวเล็กอึ้งไปชั่วขณะ จะว่าเป็นคำถามที่แปลกประหลาดก็ไม่เชิง แต่ก็ไม่ใช่คำถามที่คนทั่วไปจะถามกันอยู่ดี
"คงรับมั้งคะ"
"เพราะอะไรไม่กลัวเหรอ?"
"เคยเห็นแต่มาเฟียในหนังในนิยายค่ะเลยไม่รู้ว่าคำนิยามของมาเฟียในความเป็นจริงน่ากลัวขนาดไหน แต่ถ้าให้เลือกก็คงรับทำงานนี้เหมือนเดิม เพราะฉันมีหน้าที่แค่ดูแลคุณส่วนเรื่องคุณจะทำอะไรเป็นใครนั่นไม่ใช่เรื่องของฉันอยู่แล้ว สรุปก็คือที่ฉันยอมรับงานนี้เพราะว่าเงินค่ะ" ธีลินพยายามตอบคำถามของเขาตามความเข้าใจของตัวเอง
"มาเฟียไม่ได้สวยงามเหมือนในหนัง หรือนิยายที่เธอเคยอ่านเจอหรอก"
"อ่า…ค่ะ ถ้านายน้อยหมายถึงที่ฉันพูดไปก่อนหน้าอย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะคะฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณเป็นมาเฟียจริงๆ ขอโทษที่พูดจาไม่สมควรออกไปด้วยค่ะ" ธีลินแสร้งพยักหน้ารับรู้เป็นเชิงเข้าใจถึงจะรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในใจลึกๆ ก็ตาม
"แต่ถ้าเธอสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อเงินโดยไม่สนใจอะไรเหมือนที่เธอพูดได้จริงๆ เธออาจจะเป็นคนแรกที่ทำงานอยู่ครบตามสัญญาก็ได้"
ธีลินไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ตอนนี้หากเขามองเห็นคงได้เห็นสีหน้างุนงงเป็นไก่ตาแตกของเธอยิ่งพยายามทำความเข้าใจก็เหมือนยิ่งใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทุกที เขาพูดราวกับว่าตัวเองเป็นมาเฟียจริงๆ เสียอย่างนั้นแหละ นี่มันยุคสมัยไหนแล้วเธอแทบจะไม่เชื่อด้วยซ้ำว่ามีมาเฟียอยู่จริง มาเฟียที่จับต้องได้สำหรับเธอคือพวกคนรวยใช้อำนาจเงินกดหัวคนจนอย่างพวกเธอเอาไว้ต่างหาก
"ถอดเสื้อสิ"
"คะ? อะ…อ๋อ" หญิงสาวที่ถูกดึงสติกลับมาเอื้อมมือไปจับชายเสื้อยืดสีขาวของชายหนุ่มเอาไว้ พร้อมกับพยายามถอดมันออกด้วยความทุลักทุเลเพราะขนาดของส่วนสูงเธอที่เตี้ยกว่าเขาเกือบยี่สิบเซนติเมตร "กะ…ก้มลงมาหน่อยได้ไหมคะ" คนตัวเล็กบอกด้วยน้ำเสียงอู้อี้ปลายเท้าพยายามเขย่งให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้
ก่อนจะถอดเสื้อยืดเจ้าปัญหาออกมาได้สำเร็จ เมื่อได้รับความร่วมมือจากอีกฝ่ายช่วยโน้มตัวลงมา ทว่าทันทีที่ตัวเสื้อถูกถอดออกไปสิ่งที่เธอต้องเผชิญคือใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เหตุการณ์เหมือนเดจาวูกับเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าในห้องหนังสือที่เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบจะชนกับใบหน้าของเธอ ทำให้ธีลินฉวยโอกาสนี้สำรวจมองเครื่องหน้าของเขาชัดๆ เป็นกำไรชีวิตก่อนจะถอยหลังออกไปสองสามก้าว
"จะให้ฉันช่วยถอดกางเกงด้วยไหมคะ" ธีลินเอ่ยถามด้วยความประหม่าเพราะไม่รู้ว่าควรถอดออกมากน้อยแค่ไหนเขาถึงจะสามารถอาบน้ำได้
"ไม่ต้อง" น้ำเสียงทุ้มต่ำแทรกขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ค่อยๆ ยกมาจับกางเกงวอร์มของตัวเองลงไปกองกับพื้นโดยที่ยังสวมใส่กางเกงบ็อกเซอร์สีดำเอาไว้ สาวใช้อ่อนประสบการณ์อย่างธีลินลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นไลน์กล้ามท้องเด่นชัดของชายหนุ่ม ถึงแม้ตาจะมองไม่เห็นแต่ส่วนอื่นของร่างกายเขาแทบไม่ต่างอะไรกับคำว่าลูกรักพระเจ้าเลย
ดวงตาที่เหม่อลอยของเขาทำให้เธอเผลอจ้องมองมันด้วยความรู้สึกหลากหลายถึงแม้บุคลิกของเขาจะดูเย็นชาลึกลับ แต่พอสายตาไม่ได้ดุดันตามไปด้วยกลับไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวอะไร จริงๆ แล้วเขาก็คงเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่จำเป็นต้องแสดงมาดเคร่งขรึมออกมาเพื่อควบคุมลูกน้องใต้การปกครองของตัวเอง
"ฉันช่วยค่ะ" ธีลินรีบเดินเข้าไปประคองร่างหนาให้ลงไปในอ่างอาบน้ำอย่างระมัดระวัง ถึงแม้เขาจะใช้ความเคยชินสัมผัสกับส่วนต่างๆ ของอ่างอาบน้ำ แต่ก็ยังแอบยากเกินไปอยู่พอสมควรที่จะลงไปด้วยตัวเองโดยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
ธีลินมองขวดแชมพู ครีมอาบน้ำให้อยู่ในตำแหน่งเดิมเพื่อความมั่นใจว่าชายหนุ่มจะไม่หยิบผิดขวดมาใช้อย่างรอบคอบ
"ฉันรออยู่ข้างนอกนะคะ" ธีลินบอกก่อนจะเดินกลับออกไป เธอแง้มบานประตูเอาไว้เพื่อให้ได้ยินเสียงคนด้านในอยู่ตลอดเวลา หลังจากพาเขาเข้านอนหน้าที่ของเธอวันนี้ก็กำลังจะสิ้นสุดลง และจะดำเนินไปแบบนี้ทุกวันตลอดระยะเวลาสามเดือนที่เธอตกลงเซ็นสัญญาเป็นสาวใช้ให้กับมาเฟียตาบอดอย่างอาคิรา
บทส่งท้ายสิ่งแรกที่คาร์ลินทำหลังจากกลับมาจากอิตาลีคือการตรงไปหาเฟลิกซ์ ซึ่งแน่นอนว่าเธอได้ขออนุญาตเจโรมก่อนมาแล้ว และเขาเองก็นั่งรอเธออยู่ที่ด้านนอก“ขอบคุณที่ยังอุตส่าห์มาหากันนะ” เฟลิกซ์ทักทายร่างบางที่เดินเข้ามาหาเขาภายในห้องทำงานที่กาสิโนพร้อมแหวนเพชรเม็ดโตบนนิ้วนางข้างซ้าย“ฉันก็ต้องมาหาอยู่แล้วสิ”“ตอบตกลงไปแล้วฉันจะมีค่าอะไรอีก”“ขี้น้อยใจจัง เดี๋ยวหาสวยๆ ให้เอาไหม”“ถ้าแค่เป็นผู้หญิงสวยๆ ก็พอ ฉันหาใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องรอลินมานานขนาดนี้หรอก”“เพราะรู้ว่านายรอวันนี้ถึงได้ตั้งใจมาบอกไม่ให้รอไง คนดีๆ แบบนายสมควรได้เจอคนดีๆ นะ ฉันไม่เหมาะสมกับนายหรอก” คาร์ลินพยายามปลอบโยนเฟลิกซ์เพื่อรักษามิตรภาพระหว่างเธอกับเขาเอาไว้"ทำไมถึงเป็นมัน ทำไมไม่เป็นฉัน ลินรับปากฉันแล้วนี่ว่าจะหย่ากับมัน”“เพราะไม่อยากผิดคำพูดที่รับปากไว้ฉันเลยหย่ากับเขาแล้ว” คาร์ลินบอกพร้อมกับหยิบเอกสารการหย่าออกมาจากกระเป๋าให้เฟลิกซ์ดู
Episode 36 สัญญาตายและดูเหมือนว่าทั้งสองคนเองก็รู้ตัวเหมือนกันว่าคาร์ลินกำลังรอคำตอบจากพวกเขาทั้งสองคน ถึงได้เอ่ยปากพูดขัดจังหวะขึ้นมา“มองหน้าป๊ะป๋าเหมือนจะมีคำถามนะ”“เราสองคนพ่อลูกแค่มองตาก็รู้ใจแล้วไม่ใช่เหรอคะ งั้นก็ตอบมาเลยสิคะไม่เห็นต้องรอให้ถามเลย” คาร์ลินบอกกับอาคิรา“แค่อยากมาอยู่ในทุกช่วงชีวิตของลูกน่ะ”“แล้วป๊ะป๋าไม่มีความคิดเห็นเรื่องเจโรมกับหนูหน่อยเหรอคะ”“โตแล้วตัดสินใจเองสิ ถึงจะหวงมากแต่ก็ทำได้แค่คอยปกป้องอยู่ห่างๆ เพราะตอนนี้ลูกสาวพ่อโตแล้ว”“ทำไมไม่บอกเจ๊ไปด้วยว่าพ่อให้พี่สาวเขา กับเขาเซ็นสัญญายินยอมตายหากทำให้เจ๊เสียใจ” อาคินพูดแทรกขึ้นพร้อมกับชูสัญญาที่พึ่งเซ็นมาหมาดๆ ในมือ“ว่าไงนะ!”“อย่างโหด/โหดฉิบหายเลย” ไม่ใช่แค่คาร์ลินที่ส่งเสียงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่ทั้งเม็ดฝุ่น และเซเวียร์ซึ่งไม่คุ้นชินกับวงการมืดของเหล่ามาเฟียต่างก็พากันตกใจไปตามๆ กันอาคินเองก็ช่วยให้ทั้งสองคนได้เห็นอะไรแปลกใหม่โดยการหยิบสัญญาส่งให้เม็ดฝุ่นกับเซเวียร์ดู“สีแดงๆ ที่ใช้ประทับรอยนิ้วมือนี่อย่าบอกนะว่า...”“เลือด” คำตอบจากน้ำเสียงทุ้มของอาคินทำเอาเม็ดฝุ่นตัวหดเหลือเพียงคืบเท่านั้น
Episode 35 เซอร์ไพรส์เป็นอีกหนึ่งในหลายครั้งที่เธอมักจะมองลึกไปในดวงตาของเขาเพื่อรอคำตอบที่มันสะท้อนออกมาเพื่อยืนยันคำตอบของเขาว่าจริงเท็จมากแค่ไหน“พูดไปเธอก็คงจะไม่เชื่อ”“ก็พูดมาก่อนสิ เพราะฉันอยากฟังไม่ว่าคำตอบมันจะจริง หรือเป็นแค่เรื่องโกหกก็ตาม”“ฉัน...”“คุณลูกค้ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ” คาร์ลินกลอกตาขึ้นบนด้วยความหงุดหงิดที่ถูกพนักงานส่งเสียงขัดจังหวะเสียก่อนเธอรีบจัดการเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินนำเจโรมออกไป เธอยืนสบตากับพนักงานที่รบกวนช่วงเวลาสำคัญเธอครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงเดินถือชุดที่ลองไปวางลงบนเคาน์เตอร์คิดเงิน เจโรมเดินตามออกมาจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย พร้อมกับจัดแจงนำของไปส่งยังโรงแรมที่เขาจองเอาไว้“ไม่ฟังฉันตอบก่อนเหรอ”“ไม่มีอารมณ์จะฟังแล้ว”“งั้นอยากฟังเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน” เขาบอกพร้อมกับบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความมันเขี้ยว “ไปหาข้าวกินกันไหม หรือจะกลับไปกินที่โรงแรม”“ไปกินที่โรงแรมดีกว่าเหนื่อยแล้ว”“ยืนเฉยๆ ก็เหนื่อยด้วยเหรอ”คาร์ลินหันมามองอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ เธอดึงแขนเขามาคล้องเอาไว้ ก่อนจะพากันเดินกลับไปที่รถเพื่อกลับยังโรงแรมหลังจากเข้าพักท
Episode 34 รื้อฟื้นความหลังสายตาหวานเยิ้มมองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มผ่านกระจกสะท้อนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนมือลงลูบไล้เนินสามเหลี่ยมอวบนูนไปมาจนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานที่ถูกกระตุ้นออกมา“ไหนว่าไม่ให้จับ” อีกฝ่ายเอ่ยแซวย้อนคำพูดของหญิงสาวที่เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้“ก็ตอนนั้นยังไม่อยากนี่” คนตัวเล็กตอบตาใส ไม่ได้รู้สึกกระดากอายที่ถูกยอกย้อนเลยแม้แต่น้อย“หืม อยากอะไร” เจโรมแกล้งเอ่ยถามทั้งที่ตัวเขาเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว หนำซ้ำยังยิ่งกลั่นแกล้งเธอด้วยการดันเอาปลายนิ้วเรียวยาวเข้าไปทักทายปากช่องทางรักเปียกชื้นของคนตัวเล็กจนร่างบางบิดเกร็งไปมาใบหน้าหวานเหยเกไปตามสัญชาตญาณ ยิ่งเธอตอบช้ามากเท่าไหร่ปลายนิ้วร้ายก็ยิ่งดันเข้าไปลึกมากขึ้นเท่านั้น“ตกลงอยากอะไรไม่เห็นพูด” ยิ่งคนตัวเล็กพยายามกลั้นเสียงครางกระเส่าเอาไว้ อีกฝ่ายก็ยิ่งกระตุ้นแกล้งให้เธอเปล่งเสียงออกมา“อะ...อยากได้”“อยากได้อะไร”“อยากได้แรงๆ ได้ไหม” ประโยคคำตอบกลับที่เต็มไปด้วยความออดอ้อน และมารยาของคนตัวเล็กทำเอาเจโรมอดที่จะเอ็นดูตอบสนองต่อคำขอของเธอไม่ได้“งั้นก็ต้องเก็บเสียงดีๆ นะ” เขาโน้มมากระซิบข้างเรือ
Episode 33 ฮันนีมูนคาร์ลินมองปลายทางที่เครื่องลงจอดยังประเทศอิตาลีด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะพาเธอมาไกลถึงขนาดนี้ ที่สำคัญเธอยังไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยต่างหาก“กระเป๋าฉันล่ะ” คนตัวเล็กเอ่ยถามหากระเป๋าสะพายคู่ใจที่มีของสำคัญของเธออยู่ในนั้นหลายอย่างทั้งเอกสาร โทรศัพท์ และบัตรเครดิตต่างๆ“เก็บเอาไว้ให้แล้ว เราจะไม่ใช้โทรศัพท์กันตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่”“แล้วทำไมฉันต้องอยู่ที่นี่ ตกลงลักพาตัวฉันมาทำไม” คนตัวเล็กกระแนะกระแหนอย่างไม่เกรงกลัวสถานการณ์ในตอนนี้เลย“แค่จะพาเมียมาฮันนีมูนนี่เรียกลักพาตัวเลยเหรอ ไม่ดูรุนแรงเกินไปหน่อยรึไง” เจโรมแสร้งตีหน้าเศร้าราวกับตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำถูกกล่าวหาให้ความเท็จ“ฮันนีมูน?”“ใช่ เราจะมาฮันนีมูนกันที่นี่ ที่นี่จะมีแค่เราสองคน”คำตอบที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจากริมฝีปากหยักได้รูปทำเอาคาร์ลินชะงักไปครู่หนึ่ง หัวใจดวงน้อยเผลอเต้นผิดจังหวะเพียงแค่ปล่อยใจจินตนาการภาพเธอกับเขาฮันนีมูนด้วยกันในหัว“เราจะเริ่มจากการไปช็อปปิงกันก่อน เพราะเธอไม่ได้เอาอะไรมาเลย ดีไหม?”“คุณจ่าย?”“แน่นอนสิ ฉันต้องเป็นคนจ่ายอยู่แล้ว แล้วฉันก็จะตามใจเธอทุกอย่างด้วย”
Episode 32 ลักพาตัวหน้าตาที่โดดเด่นบวกกับการแต่งตัวที่เน้นเรือนร่างที่สมส่วนตามมาตรฐานทำให้แม้จะนั่งดื่มอยู่เฉยๆ แต่ก็มีผู้ชายมากมายให้ความสนใจอยากเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ“สวัสดีครับมาคนเดียวเหรอ”คาร์ลินเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่โน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมากระซิบข้างหูเธอท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังแข่ง เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขาแต่ยกแก้วตัวเองขึ้นจิบแทนทำราวกับเขาเป็นเพียงอากาศธาตุสำหรับเธอ ยิ่งเห็นหน้าเขาเธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เพราะสีผมบลอนด์ทองของเขามันทำให้เธอนึกถึงใครบางคนที่เธอกำลังบ่นถึงเมื่อครู่“ผมชื่อ...”“ฉันไม่ได้อยากรู้จัก” คาร์ลินถอนหายใจออกมาด้วยความรำคาญ ก่อนจะพูดดักอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์“ดูเหมือนคุณจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ”“เพราะเห็นหน้าคุณไงเลยอารมณ์ไม่ค่อยดี” คำตอบที่ไร้ซึ่งมิตรภาพสำหรับคนแปลกหน้า ทำให้อีกฝ่ายเองก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก แต่โชคดีที่มีคนเข้ามาช่วยห้ามไม่ให้เรื่องบานปลายเอาไว้เสียก่อน“เขาไม่อยากคุยด้วยก็รีบไสหัวไปดีกว่า” น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังแทรกขึ้นทำให้มือที่กำลังจะกระดกแก้วเครื่องดื่มเข้าปากชะงักไป เธอมองเจ้าของมือที่นั่งลงโอบเอวเธอเอาไว้ด้วยสายตาราบ