Home / รักโบราณ / สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ / บทที่ 5 วันหนึ่งข้าจะต้องได้ปกป้องเด็กในท้องของท่าน (1/2)

Share

บทที่ 5 วันหนึ่งข้าจะต้องได้ปกป้องเด็กในท้องของท่าน (1/2)

last update Last Updated: 2025-07-03 12:00:54

"ข้าไม่เห็นด้วย!" ซางจี้หยวนเอ่ยเสียงกระด้าง พลางกอดอกขบฟันแน่น 

"ศิษย์พี่ ท่านไม่ได้ยินหรือว่าเขาเป็นโรคประหลาด ไม่ก็เอ่อ...บุรุษตัดแขนเสื้อ" จ้าวหลิงหลิงหลุกหลิกเล็กน้อย เอ่ยต่อว่า "แล้วจะเป็นกังวลไปไย อีกอย่างหากข้าไม่เข้าไปพัวพันในวังหลวง เช่นนั้นจะตามสืบเรื่องครอบครัวของข้าได้เช่นไร" 

ซางจี้หยวนกุมมือเนียนละเอียดไว้แน่น สีหน้าของเขามิสู้ดีนัก เอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน "แต่การคัดเลือกสนม หากเจ้าไม่ได้รับเลือกก็ต้องเข้าไปเป็นนางใน อีกอย่างเมื่อก้าวเท้าเข้าไปแล้วจะเดินออกมาได้อย่างไร ข้า... ข้า... ข้าไม่อาจทนเห็นเจ้าเดินเข้าเพลิงอเวจีได้จริง ๆ ข้าคิดว่าเรายังมีวิธีอื่น เรื่องพวกนั้นเป็นข่าวโคมลอยไม่มีมูล เจ้าเองก็เคยผ่านมา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะป่วยหรือเป็นบุรุษพวกนั้น" 

"ศิษย์พี่... ท่านเป็นคนบอกข้าเองมิใช่หรือ ว่าให้ข้าอยู่เพื่อทวงความยุติธรรม เช่นนั้นข้ามองไม่เห็นวิธีอื่นแล้ว แม้ท่านไม่เห็นด้วยและไม่ช่วยเหลือก็ไม่เป็นไร ไว้ข้าจะหาหนทางด้วยตนเอง" 

"หลิงเอ๋อร์ ไฉนจึงดื้อรั้นนัก" 

หลังจากถกเถียงกันอยู่พักใหญ่ ซางจี้หยวนก็ต้องจำใจทำตามแผนการของจ้าวหลิงหลิงอย่างเสียไม่ได้ ซางจี้หยวนรู้จักกับตระกูลพ่อค้าร่ำรวยอยู่บ้าง อีกทั้งตระกูลของเขายังมีอิทธิพลต่อตระกูลเหล่านั้นเสียด้วย 

ณ จวนสกุลเฟิง 

"คะ...คุณชาย ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านได้โปรดไตร่ตรองเถิด ทำเช่นนี้เท่ากับว่าตระกูลเฟิงกำลังหลอกลวงเบื้องสูง" เฟิงฟู่เซิ่งเศรษฐีวัยกลางคนตัวสั่นระริก 

ซางจี้หยวนนั่งไขว้ขาพลางจิบชาสบายอารมณ์ ส่วนจ้าวหลิงหลิงแม้ใบหน้าสะสวยพริ้มเพรากลับดูเย็นชาเสียจนน่าหวาดเกรง เศรษฐีเฟิงกวาดสายตามองพวกเขาก็พลอยอกสั่นขวัญแขวน เกรงว่าหากตนทำสิ่งใดไม่ถูกใจอีกฝ่าย นั่นหมายถึงชีวิตที่หลงเหลือเพียงครึ่งของตน 

"เถ้าแก่เฟิง อย่ากลัวไปเลย ท่านก็แค่รับนางเป็นบุตรบุญธรรม เช่นนี้คงไม่นับว่าหลอกลวงเบื้องสูงแล้วกระมัง" 

เฟิงฟู่เซิ่งครุ่นคิด จริงดังอีกฝ่ายว่า เขาเองก็มิได้มีบุตรแต่อย่างใด เป็นตาแก่ทึนทึกมาช้านาน ฮูหยินก็ตายไปเมื่อหลายปีก่อน แต่ทว่าหากนางเข้าไปแล้วก่อความวุ่นวายในวังหลวง เช่นนั้นหายนะจะไม่ย้อนมาถึงตัวเขาหรือ  

ดูเหมือนจ้าวหลิงหลิงมองออกว่าเฟิงฟู่เซิ่งคิดอ่านเช่นไร เสียงใสเอ่ยเรียบเรื่อย "สตรีแต่งงานไปแล้วย่อมนับว่าเป็นคนอื่น ข้ารับรองว่าจะไม่มีเรื่องเดือดร้อนมาถึงตระกูลของท่าน" 

เฟิงฟู่เซิ่งตัวแข็งทื่อด้วยความอึ้งงัน เหงื่อกาฬของเขาแตกพลั่ก นางรู้ความในใจของเขาดุจปีศาจ นางอ่านใจผู้อื่นได้หรืออย่างไร 

"ชะ...เช่นนั้นข้าจะช่วยพวกท่านสักครา" 

ซางจี้หยวนยกยิ้มมุมปาก "แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง" 

.

.

"ฝ่าบาท ภาพวาดของเหล่าคุณหนูจากขุนนางและบรรดาเศรษฐีพ่ะย่ะค่ะ" หร่านจิ้งเหยาหอบม้วนภาพวาดเข้ามามากมายจนท่วมศีรษะ 

เดิมทีเรื่องการคัดเลือกพระสนมล้วนเป็นการเฟ้นหาสตรีอันเพียบพร้อมจากไทเฮา ทว่ายามนี้หาได้มีไทเฮา เพราะตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์พระนางก็ตรอมใจตามสวามี ทิ้งบัลลังก์มังกรนี้ไว้ให้เวินเยี่ยนเฉินอย่างโดดเดี่ยว 

เจ้าของใบหน้าวสันต์ทว่าเคร่งเครียดละมือจากงานเบื้องหน้า "เอากลับไปให้กงหนี่ว์ [1] เถิด สตรีห้าคนให้นางเลือกเลยแล้วกัน ไว้ถึงวันนั้นข้าจะไปด้วยตนเองอีกครั้ง" 

"พ่ะย่ะค่ะ" 

จังหวะที่หร่านจิ้งเหยาค้อมศีรษะลงภาพม้วนหนึ่งพลันร่วงหล่นลงบนพื้น จากนั้นกลิ้งหลุน ๆ เสียจนภาพวาดคลี่ออก นัยน์ตาคมกริบตวัดมองชั่วประเดี๋ยว ก็ต้องนิ่งงั้นตื่นตะลึง อกด้านซ้ายเต้นดังโครมคราม 

ภาพสตรีนางนี้...

"ฝ่าบาท กระหม่อมขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ" หร่านจิ้งเหยาค้อมศีรษะอีกคราด้วยความเร่งร้อน เขาก้มหยิบม้วนภาพเสมือนขึ้นหมายนำกลับไปรวมกับภาพอื่น ๆ 

"จิ้งเหยา เดี๋ยวก่อน" 

"พ่ะย่ะค่ะ" 

"ภาพเมื่อครู่ เอามาให้ข้า" 

"พ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์ตัวสูงจึงวางม้วนภาพที่พะเนินเทินทึกดุจภูเขาเลากาบนอ้อมแขนลง จากนั้นยื่นม้วนที่ผู้เป็นนายต้องการไปเบื้องหน้า 

เวินเยี่ยนเฉินกวาดสายตาสำรวจทุกรายละเอียดจากองคาพยพบนใบหน้าของสตรีในม้วนภาพอย่างใคร่รู้ หัวใจที่เฉยชามานานพลอยกระเพื่อมไหวอย่างน่าฉงน ความทรงจำบางอย่างสาดสะท้อนเสียจนอกซ้ายเจ็บแปลบ ความผิดบาปกำลังถาโถมกัดกินจิตใจ คิ้วเข้มเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม 

เหมือน...เหมือนเหลือเกิน

เวินเยี่ยนเฉินแหงนหน้าขึ้นแช่มช้า "สตรีนางนี้คือใคร" 

"ทูลฝ่าบาท นางคือบุตรบุญธรรมของเศรษฐีเฟิงพ่ะย่ะค่ะ" 

เวินเยี่ยนเฉินนิ่วหน้า 

บุตรบุญธรรมงั้นหรือ เช่นนั้นแท้จริงนางคือลูกเต้าเหล่าใคร

"รู้หรือไม่ว่านางมีที่มาอย่างไรก่อนเศรษฐีเฟิงจะรับเป็นบุตรบุญธรรม" 

หร่านจิ้งเหยาครุ่นคิด "นางเคยเป็นเด็กกำพร้าไร้พ่อขาดแม่ เศรษฐีเฟิงเห็นแล้วเกิดนึกเวทนาจึงเก็บนางมาเลี้ยง ทว่ากลับมิได้เลี้ยงดูนางที่เมืองหลวงจึงไม่มีผู้ใดรู้จัก เห็นว่านางเติบโตจากที่อื่น ไม่นานมานี้นางเพิ่งได้กลับมาช่วยกิจการเศรษฐีเฟิงพ่ะย่ะค่ะ" 

คิ้วเข้มเลิกขึ้น "งั้นหรือ" 

บนโลกใบนี้จะมีคนที่หน้าตาละม้ายกันราวกับแกะได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ คนอื่นอาจมิได้ใส่ใจ ทว่าวันนั้นเขาเห็นทุกอย่างกระจะตา สตรีวัยแรกแย้มหน้าตางดงามหมดจดนอนจมกองโลหิตตระกองกอดมารดาสิ้นใจอยู่บนพื้นท่ามกลางสายฝนอย่างน่าเวทนา

เชิงอรรถ

^กงหนี่ว์ (宮女) หรือนางกำนัลรับใช้ภายในวังหลวง คอยทำหน้าที่รับใช้องค์จักรพรรดิ พระภรรยาต่าง ๆ และเชื้อพระวงศ์ รวมถึงทำงานจิปาถะต่างๆ ทั้งหมดภายในวัง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 8 สงครามเย็น ณ ห้องสรงน้ำ (1/2)

    "เมื่อคืนสนมเฟิงหลับสบายหรือไม่" เสียงทุ้มเอ่ยถาม นัยน์ตาของเขาหรี่มองสตรีซึ่งนั่งก้มศีรษะหลุบเปลือกตาลงเบื้องล่าง"เพคะ หม่อมฉันสบายดี ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา"คืนเข้าหอที่ผ่านมาจ้าวหลิงหลิงมิได้ร่วมหอกับเขา แต่สิ่งที่นางได้รู้กระจ่างแจ้งคือ ฮ่องเต้มิได้ประชวรและไม่ใช่บุรุษตัดแขนเสื้อ!!แล้วเหตุใดจึงได้มีข่าวเช่นนั้นออกไป หนำซ้ำเวินเยี่ยนเฉินยังนิ่งดูดายมิเอาความกับบรรดาชาวบ้านปากเปราะเหล่านั้น น่าเจ็บใจยิ่งที่ยามนี้จ้าวหลิงหลิงกำลังขุดหลุมฝังตนทว่าหากนางประสงค์ให้ฮ่องเต้ไว้เนื้อเชื่อใจ จำต้องทำตัวสงบเสงี่ยมว่าง่ายดุจดั่งแมวน้อยเชื่อง ๆถ้าเผลอบุ่มบ่ามใจร้อน แผนการอาจพังครืนไม่เป็นท่า สายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของสกุลจ้าวที่ยังหลงเหลือก็คงต้องจบเห่ด้วยเช่นกัน"เมตตาหรือ ดูเหมือนเฟิงเฟยไม่อยากร่วมหอกับข้าเสียมากกว่า" เวินเยี่ยนเฉินผ่อนหายใจ เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ "ทำไม...เจ้าเกรงว่าข้าทำไม่เป็นงั้นหรือ"จ้าวหลิงหลิงรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางจะกระด้างกระเดื่องต่อเขามิได้จ้าวหลิงหลิงควบคุมสติจา

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 7 สตรีเจ้าแผนการ (2/2)

    ณ ห้องหอสีชาดจ้าวหลิงหลิงกวาดสายตามองบรรยากาศโดยรอบผ่านผ้าแพรผืนบาง เดิมทีนางคิดว่าตนมิได้กริ่งเกรงเขาแต่อย่างใด กระนั้นหัวใจของนางที่ยังกระเพื่อมไหวดันมิยอมสงบแม้สักเสี้ยวเสียงเยื้องย่างใกล้เข้ามาทุกขณะ จ้าวหลิงหลิงใจเต้นระรัว กระทั่งผ้าผืนบางถูกเลิกขึ้นจนสุด"เงยหน้าขึ้น" เสียงทุ้มเปล่งออกมาเย็นชาดุจเหมันตฤดูจ้าวหลิงหลิงรู้สึกประหม่า นางแหงนใบหน้าขึ้นเนิบช้า ดูเหมือนการเคลื่อนไหวของนางไม่ทันใจเขาเอาเสียเลย มือหยาบระคายจึงคว้าหมับไปยังปลายคางโค้งมน จากนั้นจึงช้อนใบหน้างดงามดุจหยกขาวเพื่อประจันหน้ากับตน ทั้งสองสบสายตาดั่งช่วงเวลาหยุดหมุน หัวใจของบุรุษเต้นเร้าโครมคราม จ้าวหลิงหลิงล้วนไม่ต่างกันเหมือนยิ่งนัก ไยพวกนางจึงมีหน้าตาที่ละม้ายคล้ายกันดุจเป็นคนคนเดียวกัน"เฟิงหลิงหลิง เจ้ามีพี่น้องหรือไม่"จ้าวหลิงหลิงใจกระตุกวูบ เมื่อถูกกระตุ้นต่อมความเคืองขุ่น กระนั้นนางกลับกลืนน้ำลายหนืดเหนียวเพื่อกดข่มอารมณ์เอาไว้"ไม่มีเพคะ"ริมฝีปากได้รูปหยักลึกเป็นรอยยิ้มหนึ่งฝั่ง "เจ้าคงไม่ได้คิด

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 7 สตรีเจ้าแผนการ (1/2)

    เพียะ!ร่างระหงล้มพับพังพาบอยู่บนพื้น ฉู่เยว่เฉินยกมือป้องแก้มซ้ายซึ่งปรากฏรอยนิ้วทั้งห้าด้วยความเจ็บแสบ พร้อมดวงตาอันแดงก่ำ"เจ้ามันไม่ได้เรื่อง ไยจึงกล้าบากหน้ากลับจวน ที่เป็นเช่นนี้เพราะบุรุษไร้สามารถตระกูลต่งนั่นใช่หรือไม่" ฉู่ซุนห่าวกัดฟันกรอด เขาตั้งใจส่งฉู่เยว่เฉินบุตรสาวของตนเข้ารับตำแหน่งสนมเอก จากนั้นค่อยไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮา เดิมทีนางเป็นอิสตรีที่เพียบพร้อมซ้ำยังมีใบหน้าสะสวย อีกทั้งเขาติดสินบนขันทีนางกำนัลตั้งเท่าใด นอกจากเวินเยี่ยนเฉินจะรับสนมเพียงนางเดียวแล้ว คนอื่นล้วนถูกส่งตัวกลับทั้งหมด"ท่านพ่อ ข้าทำเต็มที่แล้ว ท่านพี่รุ่ยเหวินมิได้เกี่ยวสิ่งใดด้วย อีกอย่างสนมเอกฝ่าบาทเป็นคนเลือกเอง ข้าหาบังคับพระทัยของพระองค์ได้" ฉู่เยว่เฉินน้ำตานองหน้าเพราะบิดาของนางมักใหญ่ใฝ่สูง กระทั่งได้เป็นขุนนางขั้นหนึ่งยังไม่พึงใจ กลับต้องการควบคุมบัลลังก์มังกรร่วมด้วย เพราะมีนางเป็นบุตรสาวเพียงหนึ่งเดียว เขาจึงเคี่ยวกรำนางให้เติบโตเพื่องานนี้มาโดยตลอด คาดไม่ถึงทุกอย่างกำลังพังครืนไม่เป็นท่าเพราะสตรีที่เพิ่งโผล่หน้ากลับเมืองหลวง

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 6 ภารกิจที่โรยด้วยหนามแหลมคม (2/2)

    ถึงขั้นตอนของการตรวจสอบเรือนร่าง จ้าวหลิงหลิงเป็นคนสุดท้าย อาภรณ์ผืนบางบนกายถูกเปลื้องออกจนสิ้น ผิวขาวราวงาช้างพร้อมสัดส่วนโค้งเว้าเด่นชัดกระจะตาเสียจนสตรีด้วยกันยังต้องตะลึงค้าง กลิ่นหอมจาง ๆ ล่องลอยมาจากเรือนร่างงามระหงเฉกเช่นเดินอยู่ท่ามกลางมวลบุปผชาติเพราะจ้าวหลิงหลิงเชี่ยวชาญด้านการปรุงพิษศาสตร์แพทย์ บรรดาเครื่องหอมที่ช่วยให้กายมีกลิ่นจรุงดุจบุปผาจึงมิยากแต่อย่างใด แม้นางมักจับดาบง้างธนูอยู่เป็นนิจ กระนั้นกลับมิเคยละเลยเรื่องบำรุงตนเอง"นะ...นี่เจ้า งดงามยิ่ง กลิ่นนี่เป็นกลิ่นกายเฉพาะตัวงั้นรึ ไยจึงหอมนัก"จ้าวหลิงหลิงมองตอบด้วยสีหน้าเย็นชา "เจ้าค่ะ ข้าสามารถปรุงเครื่องหอมชำระกายให้สามารถติดทนไปยันชาติหน้า หากท่านชมชอบไว้เข้ารอบคัดเลือกห้าคนข้าจะทำให้ดีหรือไม่"อีกฝ่ายผงะ วาจาของนางช่างเยือกเย็นดุจยืนท่ามกลางหิมะ ซ้ำยังมีสุ้มเสียงแข็งกระด้างเฉกเช่นน้ำแข็ง "เจ้า ปรับปรุงวาจาเสียหน่อย หากเอ่ยเช่นนี้ต่อพระพักตร์ฝ่าบาทคงได้ศีรษะหลุดจากบ่า""ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าจะพยายาม"กงหนี่ว์ส่ายศีรษะ กระนั้นร่างกายของจ้าวหลิงหลิงดุจเซียนสตรี งดงามจนไร้ที่

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 6 ภารกิจที่โรยด้วยหนามแหลมคม (1/2)

    เดิมทีการเข้าคัดเลือกพระสนมอายุพวกนางจะต้องราวสิบสี่ถึงสิบหกหนาว ทว่าจ้าวหลิงหลิงกลับอายุได้สิบแปดหนาวแล้ว กระนั้นนางยังคงมีใบหน้าอ่อนเยาว์ยิ่งกว่าสตรีเหล่านั้นเสียอีก จ้าวหลิงหลิงเข้ามาคัดเลือกสนมโดยใช้สกุลแฝงเฟิงหลิงหลิง และปลอมแปลงอายุจากสิบแปดหนาวเป็นสิบหกเท่านั้นพิธีการคัดเลือกพระสนมเริ่มต้นขึ้นแล้ว อันดับแรกนางกำนัลอาวุโสจะทำการตรวจสอบจากรูปร่างหน้าตา ดูเหมือนบรรดาคุณหนูเหล่านั้นล้วนมีสีหน้าหวาดหวั่น มิมีผู้ใดต้องการเป็นสนมของเวินเยี่ยนเฉิน เพราะข่าวหนาหูว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมีอาการประชวรด้วยโรคประหลาดนั่นเป็นเพียงการเลี่ยงข้อครหาเท่านั้น เอ่ยโดยง่ายดูเหมือนฮ่องเต้คงนกเขาไม่ขันกับบรรดาสตรีทว่ากับบุรุษด้วยกันก็คงไม่แน่กระมังจ้าวหลิงหลิงแค่นยิ้มในใจ เป็นเช่นนี้ก็ดีมิใช่หรือ ภารกิจของนางจะได้ราบรื่น ซ้ำยังไม่เปลืองตัวอีกด้วย สตรีหน้าขาวเหล่านี้เป็นหญิงประเภทใด เกรงมิได้ร่วมหอเพียงนั้นเชียวรึ ยามนี้จึงมีเพียงนางที่ยังยืนสงบนิ่งไม่บ่งบอกสิ่งใด ใบหน้างามหยดดุจเซียนสวรรค์ตั้งตรงถือดีโดยไร้ความกริ่งเกรง"นี่เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลยรึ"

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 5 วันหนึ่งข้าจะต้องได้ปกป้องเด็กในท้องของท่าน (2/2)

    ไม่เคยมีผู้ใดระแคะระคายมาก่อนว่าแม่ทัพใหญ่จ้าวตงหยวนมีลูกแฝด จ้าวหลิงหวินเป็นแฝดพี่ร่างกายอ่อนแอ นางจึงไม่มีโอกาสได้ออกเที่ยวเล่นเฉกเช่นจ้าวหลิงหลิงยามที่จ้าวหลิงหลิงออกไปกับบิดา นางก็เพียงมาบอกเล่าเรื่องราวให้พี่สาวฝาแฝดของตนรับรู้เท่านั้น และเป็นเช่นนั้นเรื่อยมา ทว่าจ้าวหลิงหวินกลับมิได้น้อยใจต่อโชคชะตาของตนแต่อย่างใด ถึงไม่มีเหตุการณ์ล้างบางตระกูลจ้าว แฝดพี่เช่นนางก็มีอายุไม่ยืนยาวเท่าใดนัก ที่ยังประคองร่างกายจนถึงวัยปักปิ่นก็นับว่าปาฏิหาริย์ยิ่งแล้ว"เอ่อ...ฝ่าบาท ว่าแต่..." หร่านจิ้งเหยามองภาพที่ยังอยู่ในมืออีกฝ่ายด้วยความลังเล เขาไม่รู้ว่าแท้จริงผู้เป็นนายต้องการสิ่งใดกันแน่ ร้อยวันพันทศวรรษแทบไม่เห็นฮ่องเต้หน้าละอ่อนผู้นี้สนใจสตรีนางใด"ให้กงหนี่ว์รับนางเข้ามาในรอบห้าคน""หา...ฝะ...ฝ่าบาทพึงใจนางหรือพ่ะย่ะค่ะ" หร่านจิ้งเหยากะพริบตาปริบ ๆเวินเยี่ยนเฉินหยิบพู่กันและก้มหน้าต่อ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย "อืม...ข้าอยากเห็นนางตัวเป็น ๆ เจ้าไปได้แล้ว""พ่ะย่ะค่ะ"หร่านจิ้งเหยาตอบรับด้วยความงุนงง กระนั้นในใจกลับโล่งอกอย่างน่าประ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status