หน้าหลัก / รักโบราณ / สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ / บทที่ 9 เพียงขยับกายก็ไม่เย็นแล้ว

แชร์

บทที่ 9 เพียงขยับกายก็ไม่เย็นแล้ว

ผู้เขียน: เทียนสื่อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-11 12:00:32

เวินเยี่ยนเฉินตวัดกายบอบบางแนบลู่บริเวณขอบอ่าง จ้าวหลิงหลิงตื่นตระหนก ทว่าแขนทั้งสองถูกอีกฝ่ายรวบตรึงไว้เบื้องหลังเสียจนมิอาจขยับ 

"ฝ่าบาทอย่าทรงหยอกล้อเช่นนี้เลยเพคะ ในน้ำเย็นเกินไป" 

"เย็นสิดี อีกเดี๋ยวขยับกายก็ไม่เย็นแล้ว" 

เวินเยี่ยนเฉินปลดอาภรณ์ตัวหนาซึ่งเปียกจนหนักอึ้งออกพ้นกายอย่างนึกรำคาญ จ้าวหลิงหลิงใจเต้นโครมคราม นางไม่น่าเลินเล่อคิดเล่นกับไฟ นึกเสียใจยามนี้ก็คงไม่ทัน เขาและนางล้วนเก่งกาจด้านวรยุทธ์ กระนั้นนางจะริอ่านต่อกรกับชายชาตรีที่กรำศึกผ่านสงครามอย่างโชกโชนได้อย่างไร 

"เฟิงเฟย หากเจ้าไม่เต็มใจเป็นสนมของข้าแล้วเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่" 

จ้าวหลิงหลิงข่มอาการประหวั่นเอาไว้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนเลือกเองมิใช่หรือ ความบริสุทธิ์นับสิบกว่าปีนี้ก็ช่างมันเถิด นางมิใช่สตรีอ่อนแอต้องคร่ำครวญเรื่องพรรคนั้นเสียหน่อย 

"เปล่าเพคะ หม่อมฉันเต็มใจเป็นสนมของฝ่าบาท" 

"แล้วเจ้ารู้จักสกุลจ้าวหรือไม่" 

จ้าวหลิงหลิงตัวแข็งทื่อประดุจดินปั้นไม้แกะสลัก ตอบกลับเขาเสียงเย็นยะเยือก "ไม่เพคะ เดิมทีหม่อมฉั

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 13 แต่งตั้งสนมเอก (1/2)

    ณ ท้องพระโรงแคว้นเฉินเป่ย"ฝ่าบาท ล่วงเลยมาหลายแรมเดือนทว่าฮองเฮายังมิมีทีท่าจะทรงพระครรภ์ กระหม่อมเห็นควรว่าพระองค์ควรแต่งตั้งพระสนมพ่ะย่ะค่ะ" ขุนนางวัยห้าสิบค้อมศีรษะพร้อมประสานมือถือแผ่นฮู่ป่าน [1] เอ่ยเสียงกังวานก้องเวินเยี่ยนเฉินแสดงสีหน้าสงบนิ่งไม่บ่งบอกสิ่งใด ริมฝีปากได้รูปขยับเอ่ย "งั้นหรือ แล้วพวกท่านเห็นว่าผู้ใดเหมาะสมกันเล่า"บรรดาขุนนางต่างเหลือบซ้ายแลขวามองหน้ากันหลุกหลิก ทุกคนล้วนต้องการถวายบุตรสาวของตนด้วยกันทั้งนั้น เพราะอย่างน้อยการถูกเลือกเป็นสนมเอก หากได้รับความโปรดปรานด้วยแล้ว ผลประโยชน์การเลื่อนขั้นตำแหน่งในรั้ววังจึงมิใช่เรื่องลำเค็ญ กระนั้นพวกเขากลับรู้ดีว่ายามนี้ควรต้องสนับสนุนผู้ใด"ฝ่าบาท บุตรีของท่านเสนาบดีฉู่ ทั้งรูปลักษณ์งดงาม กิริยาเพียบพร้อม กระหม่อมเห็นว่า...""ได้...ข้ารับนางเป็นสนม" เวินเยี่ยนเฉินตัดบท โดยมิได้ฉุกคิดด้วยซ้ำฉู่ซุนห่าวหน้ากระตุก ขุนนางก็พลอยฉงนไปตามกันกระนั้นทุกอย่างกลับง่ายดายกว่าที่พวกเขาคิด

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 12 ฮ่องเต้บ้าดีเดือด (2/2)

    เวินเยี่ยนเฉินแค่นยิ้ม "หลิงหลิง ข้ารู้ว่าเจ้าเจ็บปวด ข้าเองก็เจ็บที่เห็นครอบครัวเจ้าเป็นเช่นนั้น แต่เจ้ามิต้องเย็นชาถึงเพียงนี้ก็ได้กระมัง"ร่างเพรียวบางบนอ้อมแขนหยุดดิ้นทันควัน อกซ้ายของนางเต้นระส่ำโครมคราม "หมายความว่าอย่างไรเพคะ นี่พระองค์หมายถึงอะไร""เจ้าคิดว่าข้าหมายถึงอะไรกันล่ะ"เวินเยี่ยนเฉินแบกสตรีร่างระหงที่กำลังตะลึงค้างมุ่งตรงไปยังเตียงขนาดกว้าง เขาวางนางลงแช่มช้า พลางลากไล้ปลายนิ้วหยาบกร้านไปตามกรอบหน้างามพิสุทธิ์ เลื่อนเรื่อยลงมาจนถึงลำคอระหงที่มักตั้งตรงถือดี ก่อนที่เขาจะทันละลาบละล้วงเข้าไปด้านในสาบเสื้อตัวบางที่สวมใส่สำหรับยามหลับนอน มือเรียวพลันคว้าหมับเพื่อยับยั้งเอาไว้เสียก่อน"ทำอะไรเพคะ คืนนี้หม่อมฉันยังไม่พร้อม"จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางเฉียบแผ่ซ่านกลิ่นอายความเจ้าเล่ห์แสนกล จ้าวหลิงหลิงประหวั่นต่อท่าทีของเขา แม้นางเย็นชาเฉียบขาดเพียงใด เวินเยี่ยนเฉินกลับเป็นบุรุษที่สั่นคลอนก้อนน้ำแข็งในใจของนางเสมอหลิงหลิง เจ้าต้องมีสติ อย่าได้หลงระเริงในเพลิงสวาทโง่งมจนเผลอมีใจให้เขา"จ้าวหล

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 12 ฮ่องเต้บ้าดีเดือด (1/2)

    เมฆาเคลื่อนคล้อยบนผืนนภา สายลมระรื่นทรงพลังพัดแผ่วผ่านความอนธการเบื้องหน้า ร่างระหงงามประณีตดั่งลูกรักของสวรรค์ ผิวพรรณใต้แสงดาวผ่องกระจ่างราวหลิวหลีเนียนใส ทว่าคิ้วเรียวกับนัยน์ตาหงส์คู่นั้นช่างหมองเศร้าชอบกล นานมากแล้วที่นางยังติดอยู่ในสถานะฮองเฮา การติดต่อกับซางจี้หยวนก็ล้วนลำบากมากขึ้น เหตุใดตำหนักของนางจึงมีบรรดาองครักษ์เพิ่มอีกเป็นเท่าตัว เวินเยี่ยนเฉินคงมิได้ระแคะระคายกับตัวตนอันแท้จริงของนางเข้ากระมังจ้าวหลิงหลิงได้ยินเสียงฝีเท้าดังจากทางเบื้องหลัง ร่างระหงหมุนตัวกลับทันควัน ทว่าการเคลื่อนไหวของนางนั้นช้ากว่าผู้มาเยือนหนึ่งก้าว แขนแกร่งโอบกระชับรอบเอวคอด พลันดึงร่างเพรียวบางกระตุกรั้งแนบกาย"ฝ่าบาท! ทำอันใดเพคะ ปล่อยหม่อมฉัน" จ้าวหลิงหลิงพยายามผละห่างจากบุรุษร่างสูง แต่ดูเหมือนยิ่งขัดขืนเขากลับยิ่งรัดแน่นประหนึ่งอสรพิษร้าย"หลิงหลิง"เสียงทุ้มเอ่ยนามของนางออกมาโดยตรง ปกติแล้วเขามักเรียกนางว่าฮองเฮา ดูเหมือนห่างเหินกระนั้นนางกลับมิรู้สึกสะท้านใด ทว่ายามนี้เวินเยี่ยนเฉินกำลังกวาดสายตาสำรวจใบหน้าของนางดั่งกำลังค้นคว้าบางสิ่ง

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 11 คุณหนูสามตระกูลจ้าว

    ยามอาทิตย์อัสดง บุรุษร่างสูงยืนตระหง่านท่ามกลางเรือนเล็กหลังหนึ่ง ด้านในมีโคมไฟห้อยระย้าคอยให้แสงสว่างรำไร สามคนพ่อแม่ลูกกำลังนั่งกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย ท่อนขาแกร่งเยื้องย่างเข้าใกล้ธรณีทางเข้าแช่มช้า สตรีและชายวัยกลางคนละความสนใจจากถ้วยกระเบื้องเนื้อหยาบ ตะเกียบในมือชะงักค้างกลางอากาศ พร้อมสีหน้าหวั่นวิตก"เอ่อ...มิทราบว่าท่านต้องการพบผู้ใดหรือ" เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความประหวั่น"..."ผู้เป็นภรรยาหน้าเผือดสี นางเร่งคว้ากายเด็กน้อยราวสามขวบเข้ามาสวมกอด ทันทีที่ร่างสูงเคลื่อนกายมาถึงด้านใน แสงจากโคมไฟที่สาดสะท้อนส่งผลให้พวกเขาถึงกับผงะแทบหล่นเก้าอี้องครักษ์วังหลวง!สองสามีภรรยาถลาลงจากเก้าอี้พลางค้อมศีรษะเดี๋ยวนั้น ร่างกายสั่นเทิ้มเฉกเช่นกำลังยืนท่ามกลางหิมะแสนหนาวเหน็บ "ตะ...ใต้เท้า ท่านต้องการสิ่งใดหรือขอรับไยจึงมาเยือนเรือนของข้ายามวิกาลเช่นนี้""พวกเจ้าไม่ต้องกลัว ข้ามีเรื่องสอบถามเพียงไม่กี่คำถามเท่านั้น เพียงเจ้าเล่ารายละเอียดตามความจริง นอกจากข้าจะไม่ทำอันใดแล้ว ข้ายังมอบเงินใ

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 10 หอตำราลับ

    จ้าวหลิงหลิงนั่งพิเคราะห์ข้อความในกระดาษแผ่นเล็กที่ซางจี้หยวนส่งให้ในวันนั้นซ้ำไปซ้ำมา เรียวคิ้วดุจกระบี่เคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม มือสวยเนียนละเอียดยกชาถ้วยเล็กขึ้นแช่มช้าพลางเป่าลมเย็นเพื่อขับไล่ไอระอุ ริมฝีปากสีกุหลาบจรดดื่มละเลียดชิมขณะขบคิด ยิ่งนางแสดงอาการเยือกนิ่งมากเท่าใด ความงดงามและน่าเกรงขามก็พลันสะท้อนออกมาเสียจนบรรดานางกำนัลล้วนไม่กล้าแหงนหน้ามองจ้าวหลิงหลิงมิทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังมีคนผู้หนึ่งย่างกรายเข้าใกล้ตนเพราะตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะหนึ่งเนื้อหาในกระดาษแผ่นเล็กระบุเพียงว่าเกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่หลายเดือนมานี้นางจึงลอบสืบเรื่องราวของตระกูลฉู่มาโดยตลอด ใต้เท้าฉู่มีบุตรชายหนึ่งคนนามว่าฉู่เฉิงจิ้น และบุตรสาวนามว่าฉู่เยว่เฉิน ซึ่งจ้าวหลิงหลิงเคยพบหน้าอีกฝ่ายแล้วเมื่อคราคัดเลือกสนม นางมีคนรักหนึ่งคนคือ ต่งรุ่ยเหวิน กระนั้นกลับเป็นพวกไม่เอาไหน ใช้เส้นสายเพื่อเข้ารับราชการยศต่ำต้อยในวังหลวง ซ้ำยังคบหากันลับ ๆใต้เท้าฉู่หรือฉู่ซุนห่าวคือผู้ส่งรายงานเรื่องกบฏของแม่ทัพจ้าวต่อฮ่องเต้องค์ก่อน เพราะฉู่เฉิงจิ้นคือ

  • สืบแค้นฮ่องเต้แสนร้ายกาจ   บทที่ 9 เพียงขยับกายก็ไม่เย็นแล้ว

    เวินเยี่ยนเฉินตวัดกายบอบบางแนบลู่บริเวณขอบอ่าง จ้าวหลิงหลิงตื่นตระหนก ทว่าแขนทั้งสองถูกอีกฝ่ายรวบตรึงไว้เบื้องหลังเสียจนมิอาจขยับ"ฝ่าบาทอย่าทรงหยอกล้อเช่นนี้เลยเพคะ ในน้ำเย็นเกินไป""เย็นสิดี อีกเดี๋ยวขยับกายก็ไม่เย็นแล้ว"เวินเยี่ยนเฉินปลดอาภรณ์ตัวหนาซึ่งเปียกจนหนักอึ้งออกพ้นกายอย่างนึกรำคาญ จ้าวหลิงหลิงใจเต้นโครมคราม นางไม่น่าเลินเล่อคิดเล่นกับไฟ นึกเสียใจยามนี้ก็คงไม่ทัน เขาและนางล้วนเก่งกาจด้านวรยุทธ์ กระนั้นนางจะริอ่านต่อกรกับชายชาตรีที่กรำศึกผ่านสงครามอย่างโชกโชนได้อย่างไร"เฟิงเฟย หากเจ้าไม่เต็มใจเป็นสนมของข้าแล้วเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่"จ้าวหลิงหลิงข่มอาการประหวั่นเอาไว้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนเลือกเองมิใช่หรือ ความบริสุทธิ์นับสิบกว่าปีนี้ก็ช่างมันเถิด นางมิใช่สตรีอ่อนแอต้องคร่ำครวญเรื่องพรรคนั้นเสียหน่อย"เปล่าเพคะ หม่อมฉันเต็มใจเป็นสนมของฝ่าบาท""แล้วเจ้ารู้จักสกุลจ้าวหรือไม่"จ้าวหลิงหลิงตัวแข็งทื่อประดุจดินปั้นไม้แกะสลัก ตอบกลับเขาเสียงเย็นยะเยือก "ไม่เพคะ เดิมทีหม่อมฉั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status