แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: กิตติรวิชญ์
ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ รีบพูดว่า "ผมแค่พูดเล่น คุณเก็บไปคิดจริงจังด้วยเหรอ?"

"จริงจังสิ ทำไมจะไม่จริงจัง ฉันเป็นคนจริงจังมาตั้งแต่เด็กแล้ว" ฉู่เหมียนหยิบแก้วเหล้าข้าง ๆ ขึ้นมาดื่ม

นึกถึงตอนที่กู้ว่างเชินปกป้องลู่เจียว กอดลู่เจียวและทำอะไรต่าง ๆ ให้ลู่เจียว เธอก็รู้สึกโกรธและไม่พอใจ

เธอแย่กว่าลู่เจียวตรงไหน แย่ยังไง?

ทำไมกู้ว่างเชินถึงมองเธอเป็นแค่เสี้ยนหนามในสายตาตลอดเวลา

"ฉู่เหมียน คุณใจแคบมากเลยนะ ไม่แปลกใจเลยที่กู้ว่างเชินไม่ชอบคุณ" ชายหนุ่มตะโกนด่าอย่างรุนแรง

ฉู่เหมียนเงยหน้า เมื่ออีกฝ่ายพูดถึงกู้ว่างเชิน ราวกับเธอถูกสะกิดบาดแผล

พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาว่าเธอใจแคบ

ถ้าเมื่อกี้เธอไม่สามารถช่วยชีวิตคุณหานได้ พวกเขาก็คงจะแสดงสีหน้าแบบเดิม

ถ้าเธอขอให้พวกเขาปล่อยเธอไป พวกเขาจะปล่อยเธอไปโดยดีไหม

พวกเขากัดไม่ปล่อยแน่ แถมยังจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธออย่างบ้าคลั่ง ผลักเธอลงสู่เหวลึก

ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ทำไมถึงกล่าวหาว่าเธอใจแคบกันล่ะ

ฉู่เหมียนโยนแก้วในมือลงที่เท้าของเขา สายตาเย็นชาและเฉียบคม "ในเมื่อคุณไม่ยอมคุกเข่าดี ๆ งั้นฉันจะช่วยทำให้คุณคุกเข่าเอง"

พูดจบ เธอก็หยิบปากกาออกมาอีกด้าม

ผู้คนที่มุงดูต่างก็พากันซุบซิบ เธอจะทำอะไรอีก?

ชายคนนั้นรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที

เขาไม่ทันมองว่าเมื่อกี้ฉู่เหมียนใช้ปากกาแทงเข้าไปที่คอของคุณหานอย่างไร

ฉากนั้นรวดเร็วและรุนแรงมาก แต่ไม่เห็นเลือดซึมออกมาเลย ฆ่าคนโดยเหยื่อไม่รู้ตัว คิดแล้วก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า

ชายคนนั้นกลืนน้ำลาย ล่าถอยไปหนึ่งก้าว

ฉู่เหมียนมองไปที่ชายตรงหน้า ปากกาหมุนควงไปมาที่ปลายนิ้วของเธอ

เธออยู่ในท่าทางที่เกียจคร้านและเฉื่อยชา ดวงตาคู่สวยของเธอเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก น้ำเสียงเย้ายวนเป็นพิเศษ "รู้ไหม ฉันใช้มันช่วยชีวิตคนได้ แต่ก็ใช้มันฆ่าคนได้เหมือนกัน..."

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งสันหลัง

"เพราะฉะนั้น ฉันจะให้เวลาคุณสามวินาทีในการพิจารณา จะคุกเข่า หรือ..." เท้าขวาของฉู่เหมียนยกออกจากเก้าอี้บาร์ มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า ปลายเท้ากำลังจะแตะพื้น

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง ‘ตุบ’ ชายหนุ่มคุกเข่าลงทันที

คุกเข่า

เขาคุกเข่า

ชายหนุ่มก้มหัวลงไปกราบกราน พร้อมกับร้องไห้ "พระโพธิสัตว์ผู้มีบุญ คุณคือพระโพธิสัตว์ผู้มีบุญจริง ๆ ผมผิดไปแล้ว ผมรู้ตัวแล้วว่าผมผิด"

"ผมมีตาแต่มองไม่เห็นภูเขาไท่ซาน ไม่รู้ว่าคุณหนูฉู่เก่งขนาดไหน"

"ได้โปรดเมตตาผมด้วย"

"ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ"

เขาไม่หยุดโขกหัว เข่าทั้งสองข้างสั่นเทา

คำพูดของชายคนนี้เมื่อตอนที่ฉู่เหมียนช่วยชีวิตผู้อื่นนั้นโหดเหี้ยมเพียงใด ตอนนี้ก็ยิ่งขลาดเขลามากเท่านั้น

ฉู่เหมียนเอียงคอ สายตาของเธอกวาดผ่านไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ราวกับจะถามว่ายังมีใครไม่พอใจอีกไหม

ภายในสถานที่นี้เงียบเหมือนเป่าสาก ไม่มีใครกล้าส่งเสียงแม้แต่คนเดียวเมื่อเห็นฉากอันน่าตกตะลึงเช่นนี้

เธอเชือดไก่ให้ลิงดูถึงขั้นนี้ ใครจะกล้าแสดงความไม่พอใจ

ตั้งแต่ฉู่เหมียนแต่งงานกับกู้ว่างเชิน เธอก็แทบไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน กู้ว่างเชินและลู่เจียวมีความสุขกันอย่างออกนอกหน้า ในขณะที่เธอไม่แม้แต่จะพูดอะไรเลย

ทุกคนคิดว่าฉู่เหมียนเป็นลูกคุณหนูที่ถูกตระกูลฉู่ตามใจจนทำอะไรไม่เป็นเลย

แต่ตอนนี้คำว่า ‘ลูกคุณหนูที่ถูกตามใจ’ นี้ จะหลอมรวมเข้ากับราชินีที่อยู่เหนือกว่าคนอื่นได้อย่างไร

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่พูดอะไร ฉู่เหมียนก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน

เห็นแบบนั้น พวกเขาก็ต่างถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ฉู่เหมียนอดหัวเราะเยาะไม่ได้

กลัวเธอกันขนาดนี้เลยเหรอ

เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ คนพวกนี้ช่างอ่อนแอไร้จุดยืน

ฉู่เหมียนเดินมาหยุดอยู่หน้าชายคนนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ

จากนั้นเธอก็ยกเท้า เหยียบหัวของเขาลงไปจนสุด

ฉู่เหมียนก้มลงมองอย่างหยิ่งผยอง "ต้องคุกเข่าแบบนี้สิ ถึงจะจริงใจ"

พูดจบเธอก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

จอห์นมองตามแผ่นหลังของฉู่เหมียน อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าพลางหัวเราะ

ฉู่เหมียนทำให้เขาประหลาดใจอีกครั้งจริง ๆ

ฉู่เหมียนยืนพิงผนังลิฟต์ด้วยความเหนื่อยล้า มองดูตัวเลขด้านบนกระโดดไปที่ ‘1’ ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก

ฉู่เหมียนลุกขึ้น แต่เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวเท้าของเธอก็เจ็บปวดอย่างรุนแรง

เธอถอดรองเท้าส้นสูงออกอย่างหงุดหงิด เธอถือรองเท้าไว้ในมือโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง แล้วเดินออกไปทั้งเท้าเปล่า

ไม่รู้ว่าฝนตกตั้งแต่เมื่อไหร่ หน้าตึกมีฝนตกปรอยอย่างต่อเนื่อง ฉู่เหมียนเงยหน้า ปล่อยให้ละอองฝนตกลงบนแก้มของเธอ

แสงไฟสลัวส่องใบหน้าของเธอที่ทั้งสวยและสง่างาม

เพิ่งก้าวออกมาจากความแข็งแกร่งเมื่อกี้นี้เอง ตอนนี้ฉู่เหมียนกลับรู้สึกแตกสลายอย่างบอกไม่ถูก

พอเหลือบมองไปด้านข้าง ฉู่เหมียนก็หยุดชะงัก

เธอมองตรงไปข้างหน้า เห็นกู้ว่างเชินสวมเสื้อเชิ้ตสีดำยืนพิงอยู่ข้างรถ ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อจุดบุหรี่สูบ แสงไฟจากที่จุดบุหรี่ส่องสว่างไปทั่วใบหน้าของเขา

ฝนโปรยปรายลงมาที่ไหล่ เขาไม่ได้กางร่ม พาดเสื้อสูทไว้ที่แขน นิ้วหนีบบุหรี่ ค่อย ๆ พ่นควันบุหรี่ออกมา ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมาจากตัวของเขา สายตาที่เย็นชาและเฉยเมยจ้องมาที่เธอ

แสงไฟในตอนกลางคืนไม่สว่างพอ เขาแค่ยืนอยู่ที่นั่นไม่ต้องพูดอะไร ก็ทำให้คนอื่นไม่อาจละสายตา

"ฉู่เหมียน มาคุยกันหน่อย" เขาพูดช้า ๆ แสดงให้เห็นว่ากำลังรอฉู่เหมียนอยู่

ฉู่เหมียนกำรองเท้าในมือไว้ แพขนตาสั่นไหว

ตั้งใจมารอเธอที่นี่ อยากคุยเรื่องอะไร เรื่องหย่าเหรอ?

รีบร้อนหย่ากับเธอขนาดนี้เชียว อยากให้คนรักมาแทนที่จนทนไม่ไหวสินะ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉู่เหมียนก็รู้สึกเศร้าใจ

เธอพยายามกลั้นความเจ็บปวดไว้ พยายามยิ้มเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น "ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่ง ไม่เห็นต้องคุยกันเลย"

"ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างแล้วแต่คุณจะจัดการเลย"

เมื่อได้ยินแบบนั้น กู้ว่างเชินก็ขมวดคิ้ว

ในความทรงจำ เธอมักจะเป็นแบบนี้เสมอ

กลัวว่าเขาจะงานยุ่ง จึงไม่เคยรบกวน

ทุกครั้งที่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านด้วยกัน เธอมักจะบอกว่า "ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่ง งั้นฉันจะล่วงหน้าไปจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่บ้านก่อน"

ตอนที่ขอร้องให้เขาออกไปฉลองวันเกิดกับเธอ เธอก็บอกว่า "ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่ง อยู่กับฉันครึ่งชั่วโมงก็พอแล้ว"

ตอนเธอป่วยเข้าโรงพยาบาล ครอบครัวโทรบอกให้เขาไปเยี่ยมเธอหน่อย แต่เธอกลับบอกว่า "ไปทำงานเถอะค่ะ ฉันสบายดี ไม่ต้องมาอยู่เฝ้าฉัน"

ตอนนี้พอจะหย่า เธอก็ยังคงเป็นแบบเดิม

ใครเคยบอกว่าฉู่เหมียนงี่เง่าไม่รู้ความกัน?

"ฉันไม่ยุ่ง" กู้ว่างเชินจ้องมองฉู่เหมียน ทันใดนั้นก็พูดประโยคนี้ออกมา

หัวใจของฉู่เหมียนเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

แต่งงานกันมาสามปี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินกู้ว่างเชินตอบแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง

แต่เมื่อคิดว่าเขากระตือรือร้นก็เพราะอยากเจรจาเรื่องการหย่า เธอก็รู้สึกเย้ยหยันอย่างมาก

"ฉู่เหมียน" ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของจอห์นดังมาจากด้านหลัง

ฉู่เหมียนหันกลับไป

จอห์นกางร่มสีดำไว้เหนือศีรษะของเธอ พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ทำไมตากฝนแบบนี้ล่ะ?"

"ไม่รู้น่ะสิว่าข้างนอกฝนตก" ฉู่เหมียนตอบขณะมองสบตาจอห์น

"ใช่ ฝนตกหนักมาก" จอห์นยกมือขึ้น ช่วยฉู่เหมียนเช็ดหยดน้ำฝนบนเส้นผมอย่างใกล้ชิด "ฉู่เหมียน ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านดีไหม?"

การกระทำที่ใกล้ชิดอย่างกะทันหัน ทำให้ฉู่เหมียนตั้งตัวไม่ทัน

เธอแทบจะตอบสนองตามสัญชาตญาณคือถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วมองไปที่กู้ว่างเชิน

แต่ไม่นานเธอก็ละสายตา

ก่อนหน้านี้เธอให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองในใจกู้ว่างเชินมาก ไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นนอกจากเขา กลัวเขาจะคิดว่าเธอเป็นคนเจ้าชู้

เธอระมัดระวังตัวมาหลายปี จนหลงลืมไปว่าเขาไม่เคยสนใจเธอเลย

"คุณจะไปส่งฉันเหรอ บอกให้ฉันไปส่งคุณที่บ้านยังน่าเชื่อถือซะกว่า" ฉู่เหมียนตอบจอห์นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

"ถ้าคุณอยากไปส่งผมก็ได้นะ" จอห์นพยักหน้ารับทันที

กู้ว่างเชินมองฉากนี้เงียบ ๆ ลูกกระเดือกแหลมคมเคลื่อนไหวขึ้นลง ดวงตาสีดำเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน

ตั้งแต่ที่ฉู่เหมียนขอหย่า การมีตัวตนของเขาต่อหน้าฉู่เหมียนก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อย ๆ

เขาเอื้อมมือเข้าไปในรถแล้วกดแตรอย่างใจเย็น

เสียงแตรรถดังเสียดแก้วหู ดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้างนับไม่ถ้วน

จอห์นเงยหน้าขึ้นก็เห็นกู้ว่างเชิน เขาแปลกใจมาก "คุณกู้ มารอคนเหรอครับ?"

กู้ว่างเชินสูบบุหรี่แล้วใช้นิ้วดีดเถ้าบุหรี่ทิ้งไป ชี้ไปที่ฉู่เหมียนอย่างใจเย็นและแน่วแน่ "รอเธอนั่นแหละ"

ฉู่เหมียนมองไปที่กู้ว่างเชิน

จอห์นสงสัย "คุณกู้กับฉู่เหมียนรู้จักกันมาก่อนแล้วเหรอครับ?"

กู้ว่างเชินจ้องมองฉู่เหมียน นัยน์ตาดำล้ำลึกมีความโกรธปรากฏขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฝนตกหรือเพราะบรรยากาศยามค่ำคืนที่อึมครึม คืนที่มีฝนตกแบบนี้ เสียงของเขาทุ้มต่ำเป็นพิเศษ "ผมเป็นสามีของเธอ"
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สุดไขว่คว้าภรรยาคืนใจ   บทที่ 295

    ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห

  • สุดไขว่คว้าภรรยาคืนใจ   บทที่ 294

    “ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร

  • สุดไขว่คว้าภรรยาคืนใจ   บทที่ 293

    ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี

  • สุดไขว่คว้าภรรยาคืนใจ   บทที่ 292

    ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว

  • สุดไขว่คว้าภรรยาคืนใจ   บทที่ 291

    ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่

  • สุดไขว่คว้าภรรยาคืนใจ   บทที่ 290

    ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status