ฟีนด์ยิ้มกว้างก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องนอนทันที เธอมีเรื่องจะถามเขาเยอะมากแต่ว่ามันไม่มีเวลาเลยนี่สิ อยู่ดีๆเขาก็โผล่ไปรับที่โรงพยาบาลเล่นเอาหัวใจแทบวายอยู่ตรงนั้นเพราะเราไม่ได้เจอกันมาหลายเดือนแล้ว แถมติดต่อเขาไม่ได้เลยอีกเป็นเดือน เธอไม่เคยบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขารู้แต่ว่าสุดท้ายเขาก็รู้อยู่ดี ทีแรกตั้งใจจะถามในตอนกินข้าว แต่ว่าเรายังไม่ทันได้คุยกันให้เข้าใจก็ถูกตามทำร้ายตลอดทั้งวัน
ก็อกๆๆ
“เข้ามาแล้วล็อกประตูด้วย”
“มีอะไร?”
“ใครเป็นคนตามพี่มากันแน่?” เธอลุกขึ้นยืนบนเตียงเพราะว่าจะได้ตัวสูงกว่าเขาสักที เธออยากมีความรู้สึกได้มองต่ำแบบนี้บ้างแต่ว่าส่วนสูงแค่หนึ่งร้อยหกสิบห้าเซ็นติเมตรไม่ค่อยเอื้ออำนวยสักเท่าไร สถานะของเราสองคนนับเป็นความลับมาตลอดเพื่อความปลอดภัย จนกระทั่งตอนนี้ที่เธออายุยี่สิบสี่ปีและเขาอายุยี่สิบเจ็ดปี เราคบกันมาได้สี่ปีแล้วยังไม่มีใครรู้เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย
“ซ่อนกิ๊กไว้เหรอผัวจะมาหาถึงห้ามดีจัง!”
“กิ๊กบ้านพี่ดิ!”
“ก็ดีที่ไม่มี พี่ยังไม่อยากฆ่าใครเพิ่มตอนนี้”
เธอวางมือลงที่บ่าใหญ่พร้อมกับมองหน้าคนดุดันที่ไม่รู้ว่าไปเอารอยแผลที่คิ้วมาเพิ่มตอนไหนอีก รอยสีปากเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน แถมให้ลบรอยแผลเป็นออกก็ไม่ยอมอีก รู้ไหมว่าแบบนี้ทำให้เขาดูเป็นคนดุดันมากกว่าเดิมและหาความเป็นมิตรไม่ได้เลยสักเสี้ยวเดียว เราสบตากันเพียงไม่กี่วินาทีเธอก็ถอดเสื้อของตัวเองโยนทิ้งทันที คนทำหน้าดุดันยิ้มกว้างแล้วถอดเสื้อตามเช่นกัน
“กินนมไหม?”
“จะดูดให้หนำใจเลย”
เรามันคนคุ้นเคยกันดีเรื่องแบบนี้ไม่ต้องอะไรมากก็รู้ว่าจะทำแบบไหนให้ถึงอกถึงใจและมีความสุขจนแทบสำลัก ช่วงสองปีแรกเราอยู่ด้วยกันแต่เก็บทุกอย่างเป็นความลับ พอเธอกลับมาช่วยงานที่ครอบครัวก็มักจะแวะไปหาเขาทุกครั้งที่ไปเมืองนอก หรือบางครั้งแค่คิดถึงก็ไปหาแล้ว แต่เธอห้ามเขามาหาที่นี่เพราะหวั่นใจว่าจะเกิดอันตรายขึ้นเอาได้ แม้ว่าความจริงแล้วตัวสร้างอันตรายมันคือเขานั่นแหละไม่ใช่คนอื่นหรอก
ผัวทั้งคนใครจะไม่เป็นห่วงเล่า
คบกันมาตั้งสี่ปีจะไม่รักก็คงไม่ใช่หรอก
เวลาล่วงเลยมาถึงตอนค่ำที่งานเลี้ยงตามนัดเพื่อจะพูดคุยธุรกิจสำคัญ ฟีนด์นั่งฟังพ่อแนะนำให้รู้จักกับนักธุรกิจหลายคนและพูดคุยเรื่องทั่วไปเพื่อความสัมพันธ์อันดีในอนาคต จากนั้นพ่อก็จับมือเธอเดินไปนั่งกับเจ้าของเหมืองเพราะว่าเราจะเจรจากันเกี่ยวกับงานอย่างไม่เป็นทางการให้เขาเก็บเอาไปพิจารณา แล้วหลังจากนั้นจะนัดเจอกันอีกครั้งหลังจากเขากลับมาจากพักผ่อนแล้ว
เรื่องงานไม่ได้น่าเครียดอย่างที่คิด
ตอนนี้เครียดเรื่องผัวมากกว่า
เธอแอบมองพี่บลูมที่กำลังพูดคุยกับผู้หญิงสองคนอย่างเป็นมิตร เขาทำเหมือนว่าไม่มีเมียงั้นแหละ แล้วยัยผู้หญิงสองคนนั้นดันทำท่าทางเหมือนอยากจะลากเขาขึ้นห้องให้ได้เลย นี่ขนาดอยู่ในงานเลี้ยงยังทำท่าทางระริกระรี้เหมือนลืมสถานะว่าตัวเองก็ลูกคุณหนูคนหนึ่งที่ควรจะเก็บอาการบ้าง ความคันช่องคลอดเวลาเห็นผู้ชายหล่อเร้าใจมันก็ไม่แปลก แต่นี่จะเอาแบบไม่เลือกสักหน่อยเหรอ
นั่นผู้ชายของเธอนะ
อยากไปกระชากยัยสองคนนั้นออกจริงๆ
“มึงว่าคุณหนูจ้องพี่บลูมปะ?” แฮมกระซิบถามพี่ชายเบาๆด้วยความสงสัยมาก
“ตอนบ่ายทะเลาะอะไรกันรึเปล่าวะ?” เกรย์ถามกลับด้วยความสงสัยเช่นกัน
“คุณหนูเล่นเรียกไปคุยส่วนตัวในห้องเป็นชั่วโมงแบบนั้นใครจะรู้วะ!”
“กูว่านะต้องโดนด่าชัวร์เลย คุณหนูท่าทางเหวี้ยงเก่งขนาดนี้ แถมพี่บลูมก็หน้าโหดฉิบหาย”
“คิดแล้วสงสารพี่บลูมเลยวะ”
ฟีนด์พยายามรักษาสีหน้าให้มากที่สุดทั้งที่ในใจร้อนเป็นไฟแล้ว ผู้ชายในงานเลี้ยงนี้มีตั้งเยอะแยะทำไมถึงไม่สนใจกันนะ ทำไมต้องสนใจคนที่ทำหน้าดุดันตลอดเวลาแบบนั้นด้วย ผู้หญิงสองคนนั้นทำท่าเหมือนอยากจะได้บอดี้การ์ดของเธอไปจริงๆนะนั่นถึงได้วนเวียนใกล้ตัวตลอดเวลาแบบนี้
สองคนนั้นตั้งใจรุมกินผัวเธอให้ได้เลยใช่ไหม
ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดมากแต่ต้องเก็บอาการ
“เป็นอะไรรึเปล่าฟีนด์ถึงทำหน้าแบบนี้”
“รองเท้ากัดค่ะพ่อ ขยับแล้วมันเจ็บมาก”
“มีคู่สำรองไหม?”
“อยู่ที่รถค่ะ งั้นฟีนด์ขอตัวไปเปลี่ยนก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับมา”
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
ฟีนด์ยิ้มกว้างให้กับพ่อที่เป็นห่วงความปลอดภัย แล้วรีบเดินไปจับแขนคนตัวใหญ่กระชากออกจากงานทันที พอพ้นสายตาคนเธอปล่อยมือออกแล้วกอดอกเดินไปที่รถด้วยความหงุดหงิดมาก เขาทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดได้ดีเยี่ยมตั้งแต่วันแรกแถมไม่มีพิรุธอะไรแสดงออกมาให้ใครเห็นถึงความสัมพันธ์ของเราสองคนว่าแนบชิดกันมากขนาดไหน พอเปิดประตูรถเข้าไปนั่งแล้วปิดประตูรถเธอดึงเขามาจูบทันทีเผื่อว่าจะทำให้ใจเย็นมากขึ้น พอผละมาอีกทีเขาก็อุ้มนั่งตักแล้ว
เธอไม่อยากจะงี่เง่าแบบนี้เลย
“เป็นอะไรอีก?”
“สองคนนั้นมันชอบพี่นี่!”
“หึงผัว?”
“ไม่!”
“ลากพี่มาจูบขนาดนี้ถ้าไม่หึงก็น่าจะหิวไส้กรอกแน่เลย”
“กินตอนบ่ายจนอิ่มแล้ว”
“แน่ใจเหรอ?”
“ก็…กินอีกก็ได้ แต่เร็วๆหน่อยนะ”
“ยัยเด็กหื่น!”
กว่าเราจะกลับเข้างานเลี้ยงกันอีกครั้งก็เล่นเอาแทบหมดแรงจนขยับตัวไม่ไหว บลูมช่วยจัดแจงเสื้อผ้าให้เมียใหม่อีกครั้งเพื่อความเรียบร้อยและขัดใจนิดหน่อยตรงที่มันโชว์หน้าอกมากเกินไป จากนั้นหยิบรองเท้าหนังมาใส่ให้แทนส้นสูงเผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้วิ่งหนีทัน ส่วนเมียกำลังทาลิปสติกใหม่และจัดผมให้เข้าทรง ก่อนจะหยิบน้ำหอมขวดเล็กมาฉีดอีกครั้งทั้งที่ตัวก็ยังหอมอยู่ เขาหยิบปืนของเธอมาเช็คให้แน่ใจก่อนจะเก็บเข้าไว้ที่เดิม
อีกครึ่งชั่วโมงเราจะกลับกันแล้ว
มีคนตามมาฆ่าเมียแน่
“อย่าให้ฉันเห็นอีกนะว่ามีคนมาจีบพี่อีกอะ!”
“ไหนว่าไม่หวงไง แล้วทำไมขู่ดีจัง”
“อยากโดนอีกรึไง!?”
“ทั้งคืนก็ไหว”
“หุบปากไปเลย!”
เธอตัวเล็กเท่ามดแต่มาชี้นิ้วขู่เขาที่ตัวเท่ายักษ์นี่นะ นับถือว่ากล้าและความปากแจ๋วจริงๆเลย ยัยคุณหนูฟีนด์ขี้หึงยังไงก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แถมเราเจอกันอีกครั้งในรอบหลายเดือนเธอดูหิวมากนะ ตอนบ่ายจับเขากินจนหมดแรงจะขย่มต่อถึงยอมลงให้เขาคุมเกมไปจนเสร็จ ตกดึกเข้าหน่อยก็ลากออกจากงานเลี้ยงมาขย่มจนรถโยก ดีหน่อยที่เขายังห้ามตัวเองไหวไม่งั้นได้มีรอยแดงตามตัวเธอแน่นอน
พ่อตาไม่รู้ว่าเขาคือใครกันแน่
แต่พ่อเขารู้จักกับพ่อตาเพราะเป็นหุ้นส่วน
เรื่องการมาคุ้มครองเมียก็ไม่ใช่ความบังเอิญหรือพึ่งจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ว่าที่มาช้าเพราะก่อนหน้านี้เขาติดงานสำคัญมากอยู่ แล้วตอนนั้นถูกล้อมจนต้องวางแผนหลายตลบเพื่อหลบหนีออกมาจากเขตของศัตรูได้อย่างหวุดหวิด พอเดินทางมาถึงที่บ้านลูกน้องก็รายงานเรื่องปัญหาทางธุรกิจที่เกิดขึ้นทันที ยังไม่ทันได้คิดวิเคราะห์ก็รู้ข่าวเรื่องฟีนด์ถูกลอบทำร้ายจนรถคว่ำกำลังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล เขาให้พ่อจัดการเรื่องปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ดมาดูแลและเลือกลูกน้องฝีมือดีในประเทศใกล้เคียงเพื่อดึงตัวมาช่วยงานใหญ่ในครั้งนี้
ทุกอย่างมันคือความลับ
เมียยังไม่รู้ ลูกน้องก็ยังไม่รู้เช่นกัน
ดังนั้นสถานะของเขาในตอนนี้คือบอดี้การ์ดของหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทที่ส่งมาคุ้มครองลูกสาวของประธานคนใหม่ อีกหน้าที่คือช่วยสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะคนที่ให้ความช่วยเหลือพวกมันหลบหนียิ่งต้องหาให้เจอก่อนทุกอย่างจะแย่กว่านี้ หลายคนเริ่มถูกฆ่าปิดปากและโยนความผิดมาให้พ่อตารับเต็มๆ
เงินแค่สองร้อยล้านหายไปจากบริษัท
มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ช้ากว่าใจที่ร้อนกว่าอยู่ดี งานแต่งจัดขึ้นที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง แขกมาร่วมเป็นพยานรักอย่างล้นหลาม บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขและความอบอุ่น รูปคู่บ่าวสาวที่ใช้ตกแต่งงานใครเห็นก็ล้วนยิ้มออกมาเพราะเจ้าบ่าวหน้าดุดันมาก ต่อให้ยิ้มก็หน้าดุเหมือนเดิม ในขณะเจ้าสาวสวยหวานเหมือนเจ้าหญิงแทบทุกรูปที่ใช้ ดอกไม้ส่วนใหญ่จะเป็นลิลลี่สีขาวสะอาดตาเป็นหลัก เสียงเปียโนและเสียงไวโอลินในบทเพลงรักเป็นตัวผสมชั้นดีให้งานแต่งครั้งนี้หวานชื่นมากขึ้น นี่คือการแต่งงานที่หลายคนคิดว่ากะทันหัน แต่ใครจะรู้เล่าว่าคบกันมาสี่ปีกว่าแล้ว บลูมคุยกับแขกในงานด้วยความเป็นกันเองมากแล้วมองเวลาด้วยความร้อนใจ ลูกน้องทั้งหมดคนรับบทเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยความเต็มใจมาก แถมพวกมันยังเป็นคนนำเสนอตัวเอง ใบหน้าดุดันมีรอยยิ้มกว้างให้กับทุกคนที่ร่วมยินดี แม้ว่าจะไม่ชอบหน้าบางคนมากเท่าไรก็ตามพ่อแม่ให้ของขวัญแต่งงานเกาะส่วนตัวที่มีวิวทิวทัศน์ดีงามมูลค่าราวๆเจ็ดร้อยล้าน พี่ชายบ่นนิดหน่อยที่ถูกแต่งงานตัดหน้าไปก่อนแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากและให้ของขวัญเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของอยู่ มูลค่าราวๆสี่ร้อยล้านโดยประมาณ พี่สาวใ
“พี่มีเรื่องจะบอก”“อะไรเหรอ?” “พ่อลาออกจากประธานแล้วจะใช้ชีวิตเกษียณที่คฤหาสน์ส่วนตัว”“แบบนี้ก็แสดงว่า…พี่บลูมกลับไปทำงานเหรอ!?” “ตอนแรกพี่ขี้เกียจอยู่นะแต่คิดๆแล้วพี่คงจะใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ถ้าอยากมีฟีนด์อยู่ในชีวิต ไบรท์ก็ให้ข้อเสนอมาดีด้วยสิ โบว์ก็รบเร้าไม่หยุดเลยแล้วฟีนด์ก็อยากให้พี่อยู่ด้วยตลอดเวลาเลยไม่ใช่เหรอถึงอ้อนแทบทุกครั้งที่คุยกัน ถึงเรื่องนี้มันจะฝืนใจตัวเองหน่อยแต่หน้าที่ตรงนั้นมาเป็นของพี่มาตลอด ลูกน้องหลายคนยังรอพี่กลับไป”“พี่บลูม…” “แต่งงานกันพี่นะฟีนด์?” เขาก้มลงมองหน้าเมียที่ตาโตด้วยความตกใจแล้วลุกนั่งทันที “พี่ว่าไงนะ!?” อยู่ดีๆก็พูดออกมาแบบไร้ความโรแมนติกเลยนี่นะ เขาขยับเข้าไปจูบเมียแล้วดันตัวเธอให้ลงนอนไปก่อนจะผละออกมาสบตา เราจูบกันอย่างเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความหิวกระหายที่ไม่รู้จักอิ่มเลย เพียงไม่กี่นาทีเสื้อผ้าร่วงลงไปกองที่พื้นพรมเหลือเพียงเรือนกายเปลือยเปล่าที่กอดรัดนัวเนียนกันบนโซฟาตัวใหญ่หน้าทีวีที่กำลังเปิดหนังอยู่ เขาผละใบหน้าออกมาอีกครั้งแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับหยิบแหวนแต่งงานมาจากกางเกงที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ“แต่งงานกับพี่นะที่รัก” “มาขออ
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทันในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ การจากลาที่ไม่ใช่ตลอดไป แต่หนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอันตรายเกินกว่าจะคาดเดาได้ ความรับผิดชอบต่องานและชีวิตคนอยู่ในกำมือทำให้ไม่สามารถอยู่กับความสุขตรงนี้ได้นานเกินไปบลูมนอนจูบเมียหลังจากบอกรักกันอย่างหนักมาตลอด ตัวเราเปล่าเปลือยแนบชิดกัน แววตาคู่สวยที่มองเต็มไปด้วยความรักและซ่อนความกังวลเอาไว้ไม่มิด ทุกสัมผัสจากเธอคือสิ่งที่ดีที่เขาจะจดจำเอาไว้เป็นกำลังใจในช่วงเวลายากลำบาก เมื่อจบเรื่องนี้แล้วเขาจะกลับมาอยู่กับเธออีกยาวนาน หน้าที่กับความรักสวนทางกันถ้าดื่มดำนานเกินไปลูกน้องที่นั่นอาจจะตาย “พี่ต้องไปแล้ว” “ห้ามเป็นอะไรนะ” “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก อีกไม่นานพี่จะกลับมานอนกอดเมียแบบนี้จนเมียเบื่อหน้าเลย” “ใครจะเบื่อได้เล่า!” “ไปอาบน้ำกันเถอะ”เราสองคนช่วยกันอาบน้ำแล้วจูบกันไม่หยุด มือเล็กบีบครีมอาบน้ำแล้วถูกจนเกิดฟองก่อนจะลูบไล้เรือนร่างที่กำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและรอยแผลเป็นเยอะมากขึ้นกว่าเดิมจากเหตุการณ์ที่พึ่งจะผ่านมา แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเขาก็คือคนที่ดูดีมากสำหรับเธอเสมอ ใบหน้าหล่อเมื่อก่
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอาการบาดเจ็บดีขึ้นมากกว่าเดิมเยอะแต่ก็ยังทำอะไรไม่สะดวกเท่าไร เรื่องของเมียไม่น่าเป็นห่วงมากแล้วมั่นใจว่าต่อจากนี้เธอจะรับมือไหว ไอ้นักการเมืองคนนั้นเครื่องบินตกขณะที่หลบหนีออกนอกประเทศจนเป็นข่าวดัง หลายคนคาดว่าถูกใครสักคนสั่งเก็บเพื่อไม่ให้มีการซัดทอด ส่วนไอ้เวรที่สู้กับเขามันชื่อไวท์ มันยังไม่ตายแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเอาคืน มันน่าจะกำลังรักษาตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งเช่นเดียวกันกับเขา มันอยากวัดฝีมือกับเขาวันนั้นมันไม่ได้สนใจฟีนด์ด้วยซ้ำ“หมอบอกว่าพี่จะได้ออกวันไหน?” เขาหันไปถามเมียที่กำลังนั่งปอกเปลือกผลไม้อยู่ “ถ้าอาการดีกว่านี้ก็น่าจะออกอาทิตย์หน้ามั้ง” ผัวถามแบบนี้ครั้งที่เท่าไรแล้วนะ “พี่เบื่อ!” “ทนๆให้หายดีก่อน” “ที่นี่มันน่าเบื่อ! มองไปทางไหนก็น่าเบื่อไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาสักอย่าง แล้วคนอื่นล่ะ?” “เห็นว่าจะมาเยี่ยมวันนี้แหละอีกเดี๋ยวคงถึง” “ฟีนด์รู้ไหมเราอยู่ที่ไหน?” “ใจกลางเมืองเลย” “แบบนี้ขโมยรถสักคันหนีน่าจะง่าย” “พี่บลูม!!” “เรียกซะดังเลย!” “พี่ไม่เข็ดบ้างเลยรึไงห่ะ!?” “เข็ดอะไร?” “ก็ที่เป็นอยู่นี่ไง!” “ก็ยังไม่ตายสักหน่อย!” “ถ้าหากพี่หนีออกจ
เกรย์ แฮม โจ เคน เฟย และไค เดินมาตั้งใจจะเยี่ยมบอสและบอกให้คุณหนูรู้ว่าคุณท่านมาถึงแล้ว แต่ว่าภาพที่เห็นมันชัดเจนเลยว่าไม่ควรจะเข้าไปขัดจังหวะใดๆทั้งสิ้น คุณหนูจับมือพี่บลูมจูบซ้ำๆไม่หยุดแล้วร้องไห้ออกมาตลอด บางครั้งก็ซบไปใบหน้าลงบนเตียงแล้วยกแขนกอดเอาไว้ เรื่องอาการบาดเจ็บหนักจนอาจจะไม่รอดรู้จากหมอแล้ว เรื่องที่บอสทำเพื่อช่วยชีวิตลูกน้องก็รู้แล้วเช่นกัน เป้าหมายหลักของพวกมันคือคุณหนูฟีนด์ แต่คนที่มันอยากฆ่าคือบอสคนเดียว “หรือว่าคุณหนูจะรักบอสจริงๆวะ?” เคนถามเสียงแผ่วเบาด้วยความสงสัย“นั่นดิ! เมื่อวานก็ไม่ได้คุยกันเลย วันนี้เกือบตายก็ยังไม่ได้คุยสักคำอีก” ไคบอกเพิ่ม“ไม่ตายเว้ย! นายน้อยของกูไม่มีทางตายหรอก!” โจรีบแย้งออกมาแล้วเม้มปากแน่นข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา พวกเราทั้งสี่คนรู้ดีว่าหัวหน้าวางแผนมาเป็นอย่างดีและพยายามช่วยชีวิตขนาดไหน ตั้งแต่ทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันมาถึงสี่ปีผ่านเรื่องเลวร้ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่บอสจะทิ้งลูกน้องให้ตายโดยไม่พยายามช่วย “นายน้อย…หมายความว่าไงวะโจ!?” ไคขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและตกใจมาก“ก็…เมื่อก่อนเรารู้ว่านายน้อยคือคนออกแบบทุก
“พี่บลูม!!”“เร็วๆสิโจ!!” ในวินาทีนั้นที่เราสบตากันเขายิ้มกว้างให้ก่อนจะถูกยิงแล้วล้มตัวลง แต่ก็ไหวตัวหลบอีกฝั่งทันก่อนจะถูกกระสุนอีกนัดปลิดชีพเอาได้ถ้าช้าสักวินาที เลือดของเขาไหลทะลักออกมาแต่ยังแข็งใจฝืนลุกขึ้นเพื่อจะปกป้องเธอให้ได้ ตัวเขาโชกไปด้วยเลือดและบาดแผล เขายิงคนที่มันวิ่งมาทางเธอแม่นเหมือนจับวางพร้อมกับหลบอีกคนที่พุ่งเป้าจะเอาชีวิตเขาอย่างเดียว เธอมองไปทางโจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงรถดังขึ้นและแล่นมาทางนี้ด้วยความเร็วมาก เอี๊ยด!!“ขึ้นรถเร็ว!!”“ไปเอาพี่บลูมมาเดี๋ยวนี้!!”“เกาะแน่นๆนะคุณหนู”“ชิ่งเต็มที่เลยโจ” ทางด้านบลูมยืนแสยะยิ้มจ้องมองไอ้เวรที่อึดได้ใจขนาดโดนยิง โดนกระทืบจมตีนจนกระอักเลือดออกมายังลุกขึ้นไหว ถูกเขาจับทุ่มลงพื้นถนนก็ยังรอด สภาพมันโซซัดโซเซใกล้จะตายเต็มทนแล้วแหละ ตัวเขาถูกรุมนั่นเลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะบาดเจ็บหนักและเสียสมาธิจากการหันไปมองเมีย พวกลูกน้องมันพุ่งเป้าไปหา เขาหยิบปืนมายิงคุ้มกันให้กับเมียกับลูกน้องและพลาดโดนยิง “กูไม่มีทางให้ครั้งนี้มึงหนีไปหรอก!!” “งั้นมึงก็ผ่านไอ้นี่ไปให้ได้สิ!”“ไอ้เหี้ยเอ้ย!!” บลูมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของมัน