พี่บลูมถูกเรียกตัวมาจากเมืองนอกกะทันหัน
หน้าที่เขาคือดูแลความปลอดภัย
“ยืนขึ้นหน่อยสิคุณหนู”
“อะไรอีก”
“ลองดูว่าถ้าซ่อนปืนแล้วจะเดินปรกติไหวไหม”
“ฉันทำเองก็ได้”
“อย่าดื้อน่า”
“หาเรื่องลวมลามก็พูดมาเถอะฉันไม่ถือสาหรอก”
บลูมส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าคุณหนูตัวเล็กที่ปากจ้อได้ตลอดเวลา เรียวขาของเธอนุ่มมากและมีรอยช้ำจากการโดนทำร้ายเมื่อไม่กี่วันก่อน ปืนขนาดเล็กใส่ปลอกติดไว้ที่เรียวขาเล็กจากนั้นก็ให้ลองเดินอย่างเป็นธรรมชาติ เขาหยิบปืนมาเปลี่ยนใหม่ให้พอดีมากขึ้นกว่าเดิม จากนั้นก็ให้เดินดูอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้เธอทำต่างจากครั้งแรกจนน่าขำไม่ไหวจริงๆนะ
เดินเหมือนนางแบบที่หมุนฟูลเทิร์น
“เป็นไง?”
“อืม”
“ตอบแค่นี้เหรอ!?”
“จะให้ตอบว่าอะไรล่ะ?”
“ก็…ฉันเหมาะกับปืนนี้ไง”
“เหมาะก็ได้ พี่ใส่กระสุนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ปืนกระบอกนี้ใช้ตอนจำเป็นนะ”
“เป็นพ่อเหรอถึงสั่งดีจัง!”
“ก็พ่อเธอไหมล่ะที่สั่งพี่มาแบบนี้”
“พ่อนะพ่อไม่รู้ว่าใช้อะไรเลือกพี่มาดูแลฉัน ความจริงบอดี้การ์ดทีมอื่นก็มีคนพร้อมเหมือนกัน พี่ต่อรักษาตัวไม่นานเดี๋ยวก็หายแล้ว ฉันว่านะพ่อต้องเลือกพี่ตอนเมาแน่เลยถึงไม่ใช้สมองแบบนี้”
“เชื่อพี่เถอะว่าพ่อฉลาดกว่าลูกแน่”
“พี่ว่าฉันโง่เหรอ!?”
“แล้วมีคำไหนที่ชมไหมล่ะ?”
บลูมหันมาสนใจปืนต่อเพราะต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่างหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น จากนั้นก็หยิบมีดเล็กมาซ่อนไว้ในรองเท้า เขาหยิบโทรศัพท์มาโทรเช็คเซฟเฮ้าส์ที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงเผื่อว่ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นอีก ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางจบลงง่ายๆจนกว่าจะตายกันไปข้างหรอก อีกฝั่งหนึ่งสูญสิ้นทุกอย่างจากความไม่ซื่อของตัวเองเลยแค้นมาก ส่วนพ่อของคุณหนูต้องทำหน้าที่ตรวจสอบทันทีที่เป็นประธานบริษัทเพราะจำนวนเงินที่หายไปมีมูลค่าเกือบสองร้อยล้าน นั่นคือความเสียหายที่ต้องหาที่มาที่ไปและจบปัญหาให้ได้โดยเร็ว
ฟีนด์คือคนหาหลักฐานแทบทุกอย่างมา
เธอคือหนึ่งในเหตุของความแค้น
ผ่านไปไม่นานเสียงรถดังเข้ามาจอดภายในบ้าน บลูมคว้าตัวคุณหนูฟีนด์เข้าไปซ่อนตัวในห้องครัวขณะที่แอบมองว่ามันเป็นใคร ปืนในมือพร้อมจะลั่นไกทุกเมื่อเพื่อฆ่าทุกคนที่จะทำร้ายเธอ ผ่านไปห้านาทีถึงได้เดินออกมาจากที่ซ่อนเพราะคนที่มาคือลูกน้องไม่ใช่คนอื่น
เกรย์กับแฮมคือบอดี้การ์ดคนใหม่เช่นกัน
เขาคือหัวหน้าพวกมัน
“หิวรึยังครับผมแวะซื้อของมาให้ด้วย” แฮมถามด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วแอบมองหัวหน้าของตัวเองคนใหม่ของตัวเองด้วยความรู้สึกแปลกๆ
เขากับเกรย์ถูกส่งตัวมาด่วนเพื่อดูแลคุณหนูฟีนด์โดยเฉพาะและพี่บลูมคือคนที่มาเป็นหัวหน้าพวกเขาทั้งที่เราไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน ไม่รู้สิว่าควรจะพูดยังไงในความรู้สึกคล้ายว่าเคยเห็นหัวหน้ามาก่อนทั้งที่ไม่ใช่เลยสักนิด ตามรายงานที่ได้รับก่อนจะมาถึงที่นี่คือพี่บลูมทำงานอยู่เมืองนอกมานานมาก พี่บลูมไม่เคยไปฐานที่พวกเขาอยู่เลยสักครั้ง
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” บลูมถาม
“ตึงเครียดทุกฝ่ายเลยบลูม แล้วก็เรายังหาที่ซ่อนตัวของมันไม่เจอด้วย แต่คิดว่าอีกไม่นานจะต้องเจอแน่นอน อีกข้อที่พึ่งจะรู้คือมันน่าจะร่วมมือกับคนอื่นเพื่อยักยอกเงินและคนนั้นนั่นแหละช่วยมันหนีไปต่างประเทศได้ทันก่อนเราจะเข้าไปจับ คนที่ช่วยมันไม่ใช่คนธรรมดา” เกรย์รายงานตามที่สายข่าวส่งข้อมูลมา แล้วอีกข้อที่ได้รู้คือเซฟเฮ้าส์หลังนี้อยู่นอกแผน เขามองน้องชายที่กำลังเตรียมอาหารกลางวันกินในตอนบ่าย มองคุณหนูฟีนด์ที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยอะไรเลย แล้วมองหัวหน้าที่ไม่เคยร่วมงานด้วยเลยสักครั้งด้วยความสงสัย
ออร่าอันตรายขนาดนี้คงทำงานโหดมาเยอะ
ประวัติแทบทั้งหมดคือความลับ
“จับเป็นมันได้ไหม?”
“ไม่ครับ มันถูกเก็บทันที”
“เหี้ยเอ้ย!!”
“คืนนี้เราจะค้างที่นี่กัน ส่วนวันพรุ่งนี้รอให้คนตรวจสอบบ้านของคุณหนูก่อนว่าปลอดภัยแล้วรึยังถึงค่อยกลับกัน”
“ครับ ว่าแต่ทำไมเราถึงมาที่นี่แทนที่จะเป็นโรงแรมล่ะ แล้ว…อาวุธพวกนั้น?”
“นี่คือเซฟเฮ้าส์ลับที่มีแค่ไม่กี่คนรู้ ถ้ามันจะมีอาวุธซ่อนก็ไม่แปลกเลยนี่ ไปพักผ่อนเอาแรงเถอะ คืนนี้ไม่น่าจะได้พักง่ายๆหรอก”
“สองคนนั้นน่ะอย่าพึ่งคุยเรื่องงาน มากินข้าวก่อน” แฮมเรียกเสียงสดใสแล้วยิ้มกว้างให้กับอาหารกลางวันที่จะกินแล้วก็นอนพักเอาแรง เขาเทน้ำอัดลมดื่ม ส่วนคนอื่นดื่มน้ำเปล่ากันและคุณหนูฟีนด์เลือกจะดื่มน้ำผลไม้ ในตู้เย็นมีเบียร์แช่เอาไว้อยู่เผื่อว่าต้องการเพราะเราจะอยู่ที่นี่จนกว่าที่บ้านจะปลอดภัยมากกว่าที่ผ่านมา
บ้านของคุณหนูฟีนด์ถูกวางระเบิดแต่เก็บกู้ทัน
คอนโดก็ถูกวางกับดักฆ่าแต่โชคดีที่ไหวตัวทัน
ตอนนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัย
แฮมแอบมองหัวหน้าที่หน้าตึงตลอดเวลาด้วยความสงสัยหลายอย่างแต่ยังไม่ถึงเวลาถามออกไปเพราะยังไม่สนิทกันมากพอ เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะมาเป็นหัวหน้าทีมเมื่อวานนี้ แต่อีกฝ่ายน่าจะรู้อยู่แล้วว่าจะได้ใครมาช่วยงานบ้าง
คนที่เป็นหัวหน้านี่น่ากลัวทุกคนเลยเนอะ
พี่บลูมจะเก่งขนาดไหนนะ
ใบหน้าดุดันต่อให้ยิ้มยังไงก็ไม่เป็นมิตร เขาคิดว่าดูเจ้าเล่ห์น่ากลัวว่าเดิมด้วยซ้ำ หรือต่อให้ทำแววตาอ่อนโยนยังทำให้น่ากลัวได้อยู่ดี รอยแผลเป็นที่ริมฝีปากไม่ได้ชัดมากแต่ที่หางคิ้วลากยาวไปถึงกลางหน้าผากนั้นชัดเจน มือใหญ่มีเส้นเลือดปูดนูนขึ้นเด่นชัดและมีรอยแผลเป็นนูนขึ้นด้วย มีรอยสักรูปงูเต็มทั้งแขนขวา สีผิวไม่ได้ขาวแต่ก็ไม่ได้คล้ำ จะว่าเป็นสีแทนก็ไม่น่าใช่สักเท่าไร ดูทรงแล้วน่าจะออกแดดบ่อยมากพอสมควรแถมยังออกกำลังกายหนักถึงปั้มกล้ามได้ใหญ่บึกบึนขนาดนี้
หัวหน้าคนนี้คือใครกันแน่นะ
ดูจากฝีมือแล้วไม่ธรรมดาเลยสักนิด
“ฉันจะไปนอนพักนะ”
“เชิญครับคุณหนู ส่วนพวกแกสองคนอยู่คุยเรื่องงานก่อน”
“พี่บลูมตามขึ้นมาด้วยล่ะ ฉันมีเรื่องจะคุย”
“สำคัญไหม?”
“บอกให้มาก็มาเถอะน่าจะถามอะไรนักหนา ฉันไม่ฆ่าพี่ตายตอนนี้หรอก!”
“เดี๋ยวตามขึ้นไป”
สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ช้ากว่าใจที่ร้อนกว่าอยู่ดี งานแต่งจัดขึ้นที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง แขกมาร่วมเป็นพยานรักอย่างล้นหลาม บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขและความอบอุ่น รูปคู่บ่าวสาวที่ใช้ตกแต่งงานใครเห็นก็ล้วนยิ้มออกมาเพราะเจ้าบ่าวหน้าดุดันมาก ต่อให้ยิ้มก็หน้าดุเหมือนเดิม ในขณะเจ้าสาวสวยหวานเหมือนเจ้าหญิงแทบทุกรูปที่ใช้ ดอกไม้ส่วนใหญ่จะเป็นลิลลี่สีขาวสะอาดตาเป็นหลัก เสียงเปียโนและเสียงไวโอลินในบทเพลงรักเป็นตัวผสมชั้นดีให้งานแต่งครั้งนี้หวานชื่นมากขึ้น นี่คือการแต่งงานที่หลายคนคิดว่ากะทันหัน แต่ใครจะรู้เล่าว่าคบกันมาสี่ปีกว่าแล้ว บลูมคุยกับแขกในงานด้วยความเป็นกันเองมากแล้วมองเวลาด้วยความร้อนใจ ลูกน้องทั้งหมดคนรับบทเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยความเต็มใจมาก แถมพวกมันยังเป็นคนนำเสนอตัวเอง ใบหน้าดุดันมีรอยยิ้มกว้างให้กับทุกคนที่ร่วมยินดี แม้ว่าจะไม่ชอบหน้าบางคนมากเท่าไรก็ตามพ่อแม่ให้ของขวัญแต่งงานเกาะส่วนตัวที่มีวิวทิวทัศน์ดีงามมูลค่าราวๆเจ็ดร้อยล้าน พี่ชายบ่นนิดหน่อยที่ถูกแต่งงานตัดหน้าไปก่อนแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากและให้ของขวัญเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของอยู่ มูลค่าราวๆสี่ร้อยล้านโดยประมาณ พี่สาวใ
“พี่มีเรื่องจะบอก”“อะไรเหรอ?” “พ่อลาออกจากประธานแล้วจะใช้ชีวิตเกษียณที่คฤหาสน์ส่วนตัว”“แบบนี้ก็แสดงว่า…พี่บลูมกลับไปทำงานเหรอ!?” “ตอนแรกพี่ขี้เกียจอยู่นะแต่คิดๆแล้วพี่คงจะใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ถ้าอยากมีฟีนด์อยู่ในชีวิต ไบรท์ก็ให้ข้อเสนอมาดีด้วยสิ โบว์ก็รบเร้าไม่หยุดเลยแล้วฟีนด์ก็อยากให้พี่อยู่ด้วยตลอดเวลาเลยไม่ใช่เหรอถึงอ้อนแทบทุกครั้งที่คุยกัน ถึงเรื่องนี้มันจะฝืนใจตัวเองหน่อยแต่หน้าที่ตรงนั้นมาเป็นของพี่มาตลอด ลูกน้องหลายคนยังรอพี่กลับไป”“พี่บลูม…” “แต่งงานกันพี่นะฟีนด์?” เขาก้มลงมองหน้าเมียที่ตาโตด้วยความตกใจแล้วลุกนั่งทันที “พี่ว่าไงนะ!?” อยู่ดีๆก็พูดออกมาแบบไร้ความโรแมนติกเลยนี่นะ เขาขยับเข้าไปจูบเมียแล้วดันตัวเธอให้ลงนอนไปก่อนจะผละออกมาสบตา เราจูบกันอย่างเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความหิวกระหายที่ไม่รู้จักอิ่มเลย เพียงไม่กี่นาทีเสื้อผ้าร่วงลงไปกองที่พื้นพรมเหลือเพียงเรือนกายเปลือยเปล่าที่กอดรัดนัวเนียนกันบนโซฟาตัวใหญ่หน้าทีวีที่กำลังเปิดหนังอยู่ เขาผละใบหน้าออกมาอีกครั้งแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับหยิบแหวนแต่งงานมาจากกางเกงที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ“แต่งงานกับพี่นะที่รัก” “มาขออ
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทันในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ การจากลาที่ไม่ใช่ตลอดไป แต่หนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอันตรายเกินกว่าจะคาดเดาได้ ความรับผิดชอบต่องานและชีวิตคนอยู่ในกำมือทำให้ไม่สามารถอยู่กับความสุขตรงนี้ได้นานเกินไปบลูมนอนจูบเมียหลังจากบอกรักกันอย่างหนักมาตลอด ตัวเราเปล่าเปลือยแนบชิดกัน แววตาคู่สวยที่มองเต็มไปด้วยความรักและซ่อนความกังวลเอาไว้ไม่มิด ทุกสัมผัสจากเธอคือสิ่งที่ดีที่เขาจะจดจำเอาไว้เป็นกำลังใจในช่วงเวลายากลำบาก เมื่อจบเรื่องนี้แล้วเขาจะกลับมาอยู่กับเธออีกยาวนาน หน้าที่กับความรักสวนทางกันถ้าดื่มดำนานเกินไปลูกน้องที่นั่นอาจจะตาย “พี่ต้องไปแล้ว” “ห้ามเป็นอะไรนะ” “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก อีกไม่นานพี่จะกลับมานอนกอดเมียแบบนี้จนเมียเบื่อหน้าเลย” “ใครจะเบื่อได้เล่า!” “ไปอาบน้ำกันเถอะ”เราสองคนช่วยกันอาบน้ำแล้วจูบกันไม่หยุด มือเล็กบีบครีมอาบน้ำแล้วถูกจนเกิดฟองก่อนจะลูบไล้เรือนร่างที่กำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและรอยแผลเป็นเยอะมากขึ้นกว่าเดิมจากเหตุการณ์ที่พึ่งจะผ่านมา แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเขาก็คือคนที่ดูดีมากสำหรับเธอเสมอ ใบหน้าหล่อเมื่อก่
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอาการบาดเจ็บดีขึ้นมากกว่าเดิมเยอะแต่ก็ยังทำอะไรไม่สะดวกเท่าไร เรื่องของเมียไม่น่าเป็นห่วงมากแล้วมั่นใจว่าต่อจากนี้เธอจะรับมือไหว ไอ้นักการเมืองคนนั้นเครื่องบินตกขณะที่หลบหนีออกนอกประเทศจนเป็นข่าวดัง หลายคนคาดว่าถูกใครสักคนสั่งเก็บเพื่อไม่ให้มีการซัดทอด ส่วนไอ้เวรที่สู้กับเขามันชื่อไวท์ มันยังไม่ตายแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเอาคืน มันน่าจะกำลังรักษาตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งเช่นเดียวกันกับเขา มันอยากวัดฝีมือกับเขาวันนั้นมันไม่ได้สนใจฟีนด์ด้วยซ้ำ“หมอบอกว่าพี่จะได้ออกวันไหน?” เขาหันไปถามเมียที่กำลังนั่งปอกเปลือกผลไม้อยู่ “ถ้าอาการดีกว่านี้ก็น่าจะออกอาทิตย์หน้ามั้ง” ผัวถามแบบนี้ครั้งที่เท่าไรแล้วนะ “พี่เบื่อ!” “ทนๆให้หายดีก่อน” “ที่นี่มันน่าเบื่อ! มองไปทางไหนก็น่าเบื่อไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาสักอย่าง แล้วคนอื่นล่ะ?” “เห็นว่าจะมาเยี่ยมวันนี้แหละอีกเดี๋ยวคงถึง” “ฟีนด์รู้ไหมเราอยู่ที่ไหน?” “ใจกลางเมืองเลย” “แบบนี้ขโมยรถสักคันหนีน่าจะง่าย” “พี่บลูม!!” “เรียกซะดังเลย!” “พี่ไม่เข็ดบ้างเลยรึไงห่ะ!?” “เข็ดอะไร?” “ก็ที่เป็นอยู่นี่ไง!” “ก็ยังไม่ตายสักหน่อย!” “ถ้าหากพี่หนีออกจ
เกรย์ แฮม โจ เคน เฟย และไค เดินมาตั้งใจจะเยี่ยมบอสและบอกให้คุณหนูรู้ว่าคุณท่านมาถึงแล้ว แต่ว่าภาพที่เห็นมันชัดเจนเลยว่าไม่ควรจะเข้าไปขัดจังหวะใดๆทั้งสิ้น คุณหนูจับมือพี่บลูมจูบซ้ำๆไม่หยุดแล้วร้องไห้ออกมาตลอด บางครั้งก็ซบไปใบหน้าลงบนเตียงแล้วยกแขนกอดเอาไว้ เรื่องอาการบาดเจ็บหนักจนอาจจะไม่รอดรู้จากหมอแล้ว เรื่องที่บอสทำเพื่อช่วยชีวิตลูกน้องก็รู้แล้วเช่นกัน เป้าหมายหลักของพวกมันคือคุณหนูฟีนด์ แต่คนที่มันอยากฆ่าคือบอสคนเดียว “หรือว่าคุณหนูจะรักบอสจริงๆวะ?” เคนถามเสียงแผ่วเบาด้วยความสงสัย“นั่นดิ! เมื่อวานก็ไม่ได้คุยกันเลย วันนี้เกือบตายก็ยังไม่ได้คุยสักคำอีก” ไคบอกเพิ่ม“ไม่ตายเว้ย! นายน้อยของกูไม่มีทางตายหรอก!” โจรีบแย้งออกมาแล้วเม้มปากแน่นข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา พวกเราทั้งสี่คนรู้ดีว่าหัวหน้าวางแผนมาเป็นอย่างดีและพยายามช่วยชีวิตขนาดไหน ตั้งแต่ทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันมาถึงสี่ปีผ่านเรื่องเลวร้ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่บอสจะทิ้งลูกน้องให้ตายโดยไม่พยายามช่วย “นายน้อย…หมายความว่าไงวะโจ!?” ไคขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและตกใจมาก“ก็…เมื่อก่อนเรารู้ว่านายน้อยคือคนออกแบบทุก
“พี่บลูม!!”“เร็วๆสิโจ!!” ในวินาทีนั้นที่เราสบตากันเขายิ้มกว้างให้ก่อนจะถูกยิงแล้วล้มตัวลง แต่ก็ไหวตัวหลบอีกฝั่งทันก่อนจะถูกกระสุนอีกนัดปลิดชีพเอาได้ถ้าช้าสักวินาที เลือดของเขาไหลทะลักออกมาแต่ยังแข็งใจฝืนลุกขึ้นเพื่อจะปกป้องเธอให้ได้ ตัวเขาโชกไปด้วยเลือดและบาดแผล เขายิงคนที่มันวิ่งมาทางเธอแม่นเหมือนจับวางพร้อมกับหลบอีกคนที่พุ่งเป้าจะเอาชีวิตเขาอย่างเดียว เธอมองไปทางโจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงรถดังขึ้นและแล่นมาทางนี้ด้วยความเร็วมาก เอี๊ยด!!“ขึ้นรถเร็ว!!”“ไปเอาพี่บลูมมาเดี๋ยวนี้!!”“เกาะแน่นๆนะคุณหนู”“ชิ่งเต็มที่เลยโจ” ทางด้านบลูมยืนแสยะยิ้มจ้องมองไอ้เวรที่อึดได้ใจขนาดโดนยิง โดนกระทืบจมตีนจนกระอักเลือดออกมายังลุกขึ้นไหว ถูกเขาจับทุ่มลงพื้นถนนก็ยังรอด สภาพมันโซซัดโซเซใกล้จะตายเต็มทนแล้วแหละ ตัวเขาถูกรุมนั่นเลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะบาดเจ็บหนักและเสียสมาธิจากการหันไปมองเมีย พวกลูกน้องมันพุ่งเป้าไปหา เขาหยิบปืนมายิงคุ้มกันให้กับเมียกับลูกน้องและพลาดโดนยิง “กูไม่มีทางให้ครั้งนี้มึงหนีไปหรอก!!” “งั้นมึงก็ผ่านไอ้นี่ไปให้ได้สิ!”“ไอ้เหี้ยเอ้ย!!” บลูมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของมัน