แชร์

บทที่ 2 นิยายของหญิงอัปลักษณ์

ผู้เขียน: เฟยหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-03 15:30:01

หน้าเตาที่มีเหล่าเชฟฝึกหัดยืนอยู่เรียงราย กำลังขะมักเขม้นตั้งใจทำปลาต้มผักกาดดองให้เสร็จและมีรสชาติใกล้เคียงกับของอาจารย์ ซึ่งลี่หลินมีสีหน้าเป็นกังวลด้วยความตั้งใจเกินร้อยจึงทำให้กดดันตัวเอง เธอถกแขนเสื้อขึ้นอย่างทะมัดทะแมงจัดการต้มน้ำไว้รอเดือด แล้วจับปลาที่ถูกแช่อยู่ในน้ำแข็งมาชำแหละเป็นชิ้น ปลายมีดแหลมคมเฉือนเนื้อปลาไปถึงก้างเพื่อเลาะเอาเนื้อปลาชิ้นสวยออกมาวางเรียง ก่อนละมือไปเตรียมอย่างอื่นต่อ

“เก่งจังเลยลี่หลิน” ปิงปิงเอ่ยชม เมื่อเห็นว่าเพื่อนทำได้คล่อง ซึ่งต่างจากเธอที่ยังเงอะงะเรียงลำดับก่อนหลังไม่ถูก จนต้องแอบชำเลืองมองเพื่อน

“เมนูนี้ฉันทำให้แม่กินบ่อยน่ะ”

“เมื่อไหร่อาจารย์จะสอนทำอาหารอย่างอื่นบ้าง อาหารไทยก็น่าสนใจนะ” ปิงปิงบ่นพร้อมทำหน้ามุ่ย

“เราเรียนทำอาหารจีนไม่ใช่”

“ฮ่า ๆ จริงด้วย คงต้องไปหาเรียนหลักสูตรสั้น ๆ แทน”

“นี่ลี่หลิน”

“...?”

“ฉันได้หนังสือนิยายมาใหม่แหละ อยากอ่านไหม”

“มีกี่เล่มจบ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่างด้วยกลัวเอาไปอ่านนาน”

“แค่ไม่กี่เล่มหรอก อ่านแป๊บ ๆ ก็จบแล้ว”

ลี่หลินชั่งใจ “งั้นฉันยืมเธออ่านก็แล้วกัน”

“ได้เลยเพื่อนรัก ว้าย!” มัวแต่คุยกันน้ำในหม้อที่ปิงปิงตั้งไว้ดันมีฟองอากาศดันขึ้นจนล้นหม้อ เธอจึงตกใจลนลานและรีบปิดก๊าซ แล้วตั้งใจทำอาหารของเธอต่อไป

ลี่หลินเห็นอย่างนั้น เธอจึงหันมาสนใจปลาต้มผักกาดต่อ และผ่านไปไม่นานทุกคนต่างทยอยกันตักต้มปลาผัดกาดดองไว้ให้อาจารย์ได้ชิม ซึ่งลี่หลินรู้ดีว่าคงไม่ได้คะแนนเต็ม เพราะเวลาในการทำที่นานเกินไปจนทำให้เนื้อปลายุ่ยไม่เป็นชิ้น

“เจ็ดคะแนน” อาจารย์เฉิงชิมแล้วให้คะแนนทันที

“ขอบคุณค่ะ” ยังดีที่ยังผ่านเกณฑ์อยู่บ้าง

“หกคะแนน”

“หา! อาจารย์คะ” ปิงปิงได้น้อยกว่าอย่างน่าเสียดาย

“น้ำซุปมันขม” และนี่คือเหตุผลของอาจารย์ที่ฟังขึ้นอยู่ไม่น้อย ก่อนเดินไปชิมถ้วยอื่นบ้าง

“ค่ะอาจารย์ครั้งหน้าจะแก้ตัวใหม่” ปิงปิงทำหน้าเซ็ง ก่อนเดินอย่างหมดเรี่ยวแรงไปหยิบกระเป๋าโดยลากลี่หลินไปด้วยเพื่อไปเรียนต่อวิชาอื่นที่อัดแน่นไปจนถึงหนึ่งทุ่ม

“เหนื่อยจัง” ลี่หลินพูดอย่างหมดแรง พร้อมฟุบลงบนโต๊ะโรงอาหารของมหาวิทยาลัย เธอกับปิงปิงมาทานข้าวต้มลูกเดือยด้วยกันก่อนแยกย้ายกลับหอพักของตัวเอง

“ฉันก็เหนื่อย ยืนจนขาแข็งหมดแล้วเนี่ย หน้าก็มัน ไม่รู้สิวจะขึ้นไหม” ปิงปิงบ่นอุบอิบ พร้อมหยิบกระจกมาส่องดูหน้าตัวเอง

ชีวิตช่วงนี้ของลี่หลินดูน่าเบื่ออยู่ไม่น้อย นอกจากเรียนหนักทั้งวันแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ยังดีที่มีเพื่อนอย่างปิงปิงที่ทำให้ในแต่ละวันมีเรื่องราว

“นี่เอาไปอ่าน จะได้ไม่ต้องทำหน้าเบื่อโลกขนาดนี้” ปิงปิงหยิบหนังสือที่ถูกใส่ไว้ในกล่องเป็นเซ็ตอย่างดี

“ไหนบอกว่ามีไม่กี่เล่มไง” ลี่หลินพูดพร้อมรอยยิ้ม

“แค่ห้าเล่มสั้น ๆ”

“ไม่สั้นนะ”

“เอาไปอ่านเถอะ แล้วจะวางไม่ลง”

“ขอบใจนะ”

“อืม กินข้าวเถอะ จะได้ไปพักอ่านนิยาย ฉันมีอีกหลายเรื่องเลยนะ”

“พอก่อน อ่านเรื่องนี้ให้จบก่อน”

“จ้า”

เมื่อนั่งทานข้าวจนหมดก็ถึงเวลาที่เพื่อนทั้งสองต้องแยกย้าย ลี่หลินปั่นจักรยานคู่ใจกลับไปยังหอพักรวมซึ่งอยู่หลังมหาวิทยาลัย ส่วนปิงปิงที่มีบ้านอยู่ใกล้เธอจึงกลับไปนอนอยู่ที่นั่นโดยไม่จำเป็นต้องเช่าหอ

ร่างอรชรหอบกายที่มีแต่กลิ่นอาหารติดตัวเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง พลันเปิดประตูเข้ามาในห้องพักที่มีห้องโถงใหญ่อยู่ตรงกลางซึ่งต้องแบ่งปันกับเพื่อนอีกสามคน เธอเป็นเด็กนักเรียนดีจึงได้ทุนมาเรียน หากไม่ได้ทุนคงไม่มีโอกาสได้เข้ามาด้วยบ้านของเธอยากจนเป็นอย่างมากนั่นเอง

ลี่หลินไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังแม้แต่ปิงปิงก็ยังไม่อาจรู้ เธอปิดบังเรื่องนี้มานานเพราะด้วยกลัวจะถูกรังแกและถูกล้อ แต่ถึงอย่างนั้นลี่หลินก็ขยันอดทนสู้มาจนถึงทุกวันนี้ เพื่อหวังได้เข้าไปทำงานในโรงแรมห้าดาว

ก่อนจะพร่ำเพ้อคิดถึงความฝันไปมากกว่านี้ลี่หลินก็เดินไปอาบน้ำแต่งตัวซะใหม่ เธอไม่ลืมดูแลตัวเองด้วยการมาร์กหน้าและทาครีมจนทั่วตัว พร้อมสวมชุดนอนแสนสบายปีนขึ้นเตียงชั้นสองของตัวเอง เพื่อมานอนเอนกายอ่านนิยายของปิงปิง

“มันจะวางไม่ลงขนาดนั้นเลยเหรอ” ลี่หลินไม่เชื่อคำเพื่อนด้วยชื่อเรื่องก็แสนธรรมดา ปกยังมีแต่ดอกโบตั๋นไม่มีจุดสนใจอะไรสักอย่าง มีเพียงชื่อเรื่องที่บ่งบอกถึงตัวละครหลัก ว่าคนที่กล่าวถึงในเรื่องนี้คือ หญิงอัปลักษณ์

“คงจะเหมือนเรื่องอื่นแหละมั้ง” ลี่หลินคาดเดา พล็อตนิยายวนเวียนอยู่ไม่กี่อย่างที่พอน้ำเน่า แต่คนก็ยังชอบอ่านมัน ไม่เว้นแม้แต่เธอ ถึงจะพอคาดเดาว่าตอนจบเป็นเช่นไร แต่เธอก็อยากรู้ว่าระหว่างทางมีอุปสรรคอะไรบ้าง

มือเรียวกรีดหน้าหนังสือเปิดออก เธออ่านคำโปรยเป็นอย่างแรก ซึ่งทำให้รู้สึกหน่วงอยู่ในใจไม่น้อย ราวกับว่าเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับเธอจนทำให้รู้สึกจุกอกและหน่วงอยู่ในใจ

“หากข้าตายจากท่านไป ท่านจะเหลียวแลมองข้ารึไม่” นี่คือถ้อยคำที่กลั่นออกมาพร้อมหยดน้ำตาพรั่งพรูดั่งสายโลหิต ต่อหน้าสามีคนไร้ใจ ท่านแม่ทัพไม่ตอบคำใดเพียงแต่เดินมาผลักนางลงสู่ก้นเหวลึกอย่างเยือกเย็น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 37 หญิงอันเป็นที่รัก

    เช้าวันต่อมาร่างอรชรเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาถูกวงแขนของชายอันเป็นที่รักสวมกอดไว้อย่างหลวม ๆ เมื่อคืนจางเหว่ยได้พิสูจน์แล้วว่าเขามิได้อ่อนหัดอย่างที่สตรีผู้น้อยดูถูกไว้ เขาทำให้ฟู่ฟู่หมดแรงจนยังมิลืมตา ชายเปลือยเปล่าบนเตียงจึงค่อย ๆ ขยับกาย พลางหอมไหล่มนอย่างแผ่วเบาด้วยความทะนุถนอม ต่อจากนี้จางเหว่ยต้องดูแลฟู่ฟู่ในฐานะภรรยาอันเป็นที่รักสมใจปรารถนา“อื้ม” เสียงครางเบา ๆ เอ่ย เมื่อถูกรบกวน ฟู่ฟู่ค่อย ๆ ลืมตาเพื่อรับแสงเช้าวันใหม่ แต่พอจักขยับกายกลับรู้สึกเจ็บระบมพลันทำหน้าเหยเก“เจ็บมากรึไม่ ข้าควรถนอมเจ้ามากกว่านี้” จางเหว่ยได้พรากพรหมจรรย์ไปจากนาง ร่องรอยบนเตียงยังหลงเหลือไว้ เขามิควรกระทำกับนางรุนแรงเกินไปนัก แต่อารมณ์กำหนัดทำให้บุรุษผู้นี้ขาดความยับยั้งชั่งใจ“มิเป็นอันใดดอก” ฟู่ฟู่เหนียมอายพลันหลบสายตาสามีหมาด ๆ“หญิงอันเป็นที่รักของข้า เจ้าพักผ่อนเถิดข้าจักไปหาข้าวมาให้เจ้ากิน”จางเหว่ยดึงผ้าห่มคลุมกายนางไว้เช่นเคยพลางลูบศีรษะเบา ๆ แล้วลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเดินออกไปร่างสูงเดินเข้าไปในครัวก็พบกับมารดาซึ่งกำลังทำความสะอาดเหมือนเช่นทุกวัน จางเหว่ยชั่งใจอยู่มิน้อยก

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 36 ถวิลหา

    “ทหารทั้งหลายโปรดฟังข้า ที่พวกเราได้มาประจำการอยู่ในที่แห่งนี้ เพราะข่าวลือเรื่องก่อกบฏที่มีอยู่หนาหู จนระคายถึงเมืองหลวง ข้าแม่ทัพใหญ่นามว่ามู่หยางจึงขอสั่งการพวกเจ้าให้ผลัดเปลี่ยนกันตั้งเวรยาม และเร่งสร้างป้อมปราการชั่วคราวให้เสร็จโดยไว และแบ่งคนที่เหลือหากลุ่มก่อกบฏให้เจอโดยไว หากปราบได้สิ้นซากเร็วเมื่อใดฮ่องเต้จักตบรางวัลให้พวกเจ้าอย่างงาม”เฮ!สิ้นเสียงของท่านแม่ทัพผู้ทรงอำนาจ เหล่าพลทหารต่างพากันร้องเฮเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ก่อนตบเท้าแยกย้ายกันไปทำงานในส่วนที่ต้องรับผิดชอบ ส่วนมู่หยางซึ่งใส่ชุดทหารเต็มยศได้เดินขึงขังเข้ามายังกระโจมเพื่อประชุมวางกลยุทธ์ต่อเขามิรู้ว่าพวกก่อกบฏคือผู้ใดในดินแดนเขาเหลียงซานที่แยกเป็นเหล่าเป็นก๊ก คราวแรกตั้งใจจักปลอมตัวมาเป็นบุรุษธรรมดา แต่ทางการมิเห็นดีเห็นงามด้วย ยิ่งทำตัวประเจิดประเจ้อเช่นนี้พวกก่อการกบฏคงได้เตรียมตั้งรับและระวังตัวกันกวดขันมากกว่าเดิม ท่านแม่ทัพมิได้เกรงกลัวผู้ใดนัก เพียงแต่เขาอยากเสร็จงานราชการให้โดยไวจักได้รีบกลับไปเรือนตระกูลกู้เท่านั้นเอง“สีหน้าท่านแม่ทัพเคร่งเครียดยิ่งนัก” รองแม่ทัพฝ่ายซ้ายเห็นมู่หยางซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 35 ภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามา

    เขาเหลียงซานดินแดนอันห่างไกลสตรีผู้น้อยได้มาอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ก็นานพอควร จากที่มิเคยหยิบจับทำงานบ้านนางก็เรียนรู้วิชาจากมารดาใบ้ของจางเหว่ยจนเป็นที่รักใคร่ และเหมือนเป็นหนึ่งในครอบครัวของจางเหว่ยไปซะแล้วฟู่ฟู่สวมชุดเก่าโทรม ๆ ที่ถูกย้อมสีจากเปลือกไม้ นางกำลังขะมักเขม้นหาจับปลาที่ธารน้ำไหลสูงเพียงเข่า โดยใช้ปลายไม้ไผ่ที่ถูกเหลาจนแหลมพุ่งใส่ปลาในน้ำ แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่ได้ปลาสักทีจางเหว่ยเดินกลับมาจากการหาของป่าได้เข้ามาเห็นเข้า เขาจึงย่องเบาไม่ให้นางรู้ตัวแล้วแอบมองคนตั้งใจหาปลาด้วยสีหน้าจริงจังอย่างนึกเอ็นดูจ๋อม...“เจ้าปลาเอ๋ย โปรดเห็นใจข้าด้วย” ฟู่ฟู่ยกมืออ้อนวอน ก่อนหยิบไม้ในน้ำขึ้นมาจับปลาต่อ น้ำใสและไหลเย็นปลาตัวใหญ่ไหว้วนไปมาอย่างล่อตาล่อใจ แต่ด้วยการหักเหของแสง จึงทำให้เห็นเป็นภาพลวงตาฟู่ฟู่จึงคาดคะเนผิดเพี้ยนไป นางจึงจับปลาไม่ได้สักตัว “ให้ข้าช่วยเจ้าดีรึไม่” “ว้าย! ท่าน”เสียงของบุรุษแว่วมาคนกำลังตั้งใจไปที่ปลาตัวใหญ่จึงตกใจเมื่อจู่ ๆ ได้ยินเสียง ฟู่ฟู่หันไปมองและเสียหลักจนหงายหลังตกน้ำอย่างน่าอายต่อหน้าบุรุษจางเหว่ยไม

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 34 ท่านมีน้ำใจเกินไปแล้ว

    อากาศยามราตรีหนาวเหน็บเสียจนปวดกระดูก สองเท้าก้าวเดินไปตามทางโดยมีบุรุษรูปงามเดินข้างกาย แม้หญิงอัปลักษณ์จักมิอยากรับน้ำใจจากเซียวจ้าน แต่คนดื้อด้านก็ยังมิยอมปล่อยให้นางต้องเดินลำพังมิมีเสียงพูดใดเอ่ยออกมา มีเพียงเสียงฝีเท้าและเสียงลมพัดคอยให้รู้สึกไม่หวาดกลัว เมื่อต้องเดินไปตามตรอกซอกซอยเปลี่ยว หากเป็นผู้อื่นเหมยลี่คงนึกหวั่นกว่านี้ แต่มิรู้ทำไมนางถึงได้ไว้ใจบุรุษรูปงามที่เพิ่งเคยเจอเพียงไม่กี่หนในที่สุดเซียวจ้านได้เดินนำนางมาจนถึงโรงหมอ ซึ่งยามนี้ประตูด้านหน้าได้ปิดสนิท คบเพลิงที่ตั้งเอาไว้ได้ดับจนมอดเหลือแต่ขี้เถ้า“เจ้ามาช้าไปเสียแล้ว” น้ำเสียงลุ่มลึกเอ่ยแผ่วเบาราวกระซิบ“ข้าต้องทำเช่นไร ที่ใดพอจักมียาให้ข้าได้บ้าง”“เรือนของข้าพอจักมี หากเจ้า...”“มิได้ ข้ามิไปเรือนของคุณชายเซียวจ้านเป็นอันขาด”เหมยลี่จ้องนัยน์ตาคู่เฉี่ยว ก่อนขยับถอยครึ่งก้าวอย่างระวังตัว ด้วยเพราะมิอาจให้ผู้ใดมาเดือดร้อนกับนาง อีกทั้งเซียวจ้านยังเป็นสหายรักของท่านแม่ทัพ หญิงซึ่งเป็นสมบัติอันไร้ค่าของมู่หยาง ยิ่งมิควรเข้าใกล้บุรุษผู้ใด โดยเฉพาะคุณชายรูปงามท่านนี้“ข้ามิรู้ว่าเจ้าเป็นอันใดแม่นาง แต่เรือนของข้ามี

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 33 ท่านช่างดื้อดึงนัก

    “มาแล้วเจ้าค่ะ” อู๋ท่งเดินมาพร้อมนางรับใช้คนสนิทของต้าเหนิงเหมยลี่ที่นั่งอยู่บนพื้นพลันมองใบหน้านางผู้นี้ ทว่ากลับหลบสายตากันเสียดื้อ ๆ“บอกท่านฮูหยินไปเสียว่าเจ้าได้มอบยาขวดนี้ให้หญิงอัปลักษณ์รึไม่” อู๋ท่งพูดอีกหน น้ำเสียงคล้ายข่มขู่ก็มิปาน“ขะ...มิได้มอบยาขวดใดให้นางเลยเจ้าค่ะ” หญิงผู้นี้พูดติด ๆ ขัด ๆ พร้อมก้มหน้าหลบสายตาเหมยลี่ที่จ้องกันอยู่“มิจริง เจ้าเป็นคนมอบให้ข้ากับมือ ไปถามแม่นางต้าเหนิงดูก็ได้ นางเป็นคนยื่นให้เจ้านำมาให้ข้าเองแท้ ๆ”“เจ้านี่ยังหน้าด้านกุเรื่องขึ้นมาอีกนะ จับนางไปโบยเสีย” ฮูหยินชิงชิงชี้หน้า“ไม่นะ ท่านฮูหยินข้ามิได้ขโมยนะเจ้าคะ เหตุใดท่านมิถามเอาความจริงจากแม่นางต้าเหนิงด้วยเล่า” เหมยลี่พยายามเรียกร้องความยุติธรรมที่นางมิได้กระทำ“เจ้ามีสิทธิ์อันใดเรียกร้องในเรือนข้า ต่อให้สะใภ้เอกของข้าบอกว่าเจ้ามิผิด แต่ข้ามิเชื่อดอกว่าหญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้ามิใช่ขโมย”“ถึงหน้าตาของข้าจักอัปลักษณ์ แต่ข้ามิเคยทำเรื่องเช่นนี้” หยดน้ำตาไหลพรากมองสตรีสูงวัยอย่างขุ่นเคืองใจ“เจ้าจักบอกว่าเจ้าจิตใจสูงส่งงั้นรึ ฮ่า ๆ คนเยี่ยงเจ้าต่อให้บวชเป็นแม่ชีก็มิมีผู้ใดเลื่อมใสศรัทธาดอก” อ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 32 จับหัวขโมย

    รอยแผลบนกายยังพอทุเลาลงไปได้บ้าง เหมยลี่ไม่มีเวลามานั่งรักษาตัวเองได้อีกต่อไปเหตุเพราะนางเป็นเพียงแค่ผู้รับใช้ของเรือนตระกูลกู้ที่ยามนี้ต่างต้องช่วยกันทำความสะอาดเรือนเป็นการใหญ่ หญิงอัปลักษณ์ได้งานขัดถูที่ห้องอาบน้ำและต้องหามถังน้ำมาใส่ในอ่างหินให้เต็ม ซึ่งนับว่าหนักเอาการสำหรับหญิงร่างอรชรที่ต้องทำมันเพียงผู้เดียวเสื้อผ้าเปียกปอนไปด้วยน้ำที่สาดกระเซ็นและเหงื่อไหลจาการทำงานหนัก ร่างกายที่มีบาดแผลต้องกัดฟันสู้เพื่ออยู่ในเรือนนี้ต่อไปให้ได้ ในเมื่อเลือกที่จะสมอ้างเป็นบุตรสาวจากแคว้นอันแล้วนี่คือชะตาที่นางต้องก้มหัวยอมรับมันตึก ตึกเสียงรองเท้าของสตรีสูงศักดิ์ย่างกรายเข้ามา ต้าเหนิงชูคอเดินหลังตรงพร้องปรายตามองหาหญิงอัปลักษณ์โดยกำลังคิดหาวิธีกลั่นแกล้งโดยที่นางมิต้องเสียแรงลงมือเอง“แม่นางต้าเหนิง ข้าจวนขัดเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” เหมยลี่รีบลุกขึ้นมาก้มโค้งให้ นางคิดว่าสะใภ้เอกของตระกูลกู้ต้องการแช่น้ำในอ่างเป็นแน่“แผลของเจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง” นางเสแสร้งแกล้งถาม พลันแปรเปลี่ยนสีหน้าดูคล้ายว่าห่วงใย“ดีขึ้นบ้างเจ้าค่ะ”“เอายาไปให้นาง” ต้าเหนิงผินหน้าเล็กน้อยพร้อมบอกให้นางรับใช้คนสนิทยื่นขวดยา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status