ภายในห้องพักของไพลิน แดนไทยกินข้าวอิ่มแล้วแต่ยังไม่ยอมกลับห้องของตัวเอง แต่กว่าจะกินอิ่มเขาก็ลีลาอยู่นั่น ยังคงนั่งอิดออดเล่นอยู่ภายในห้องของเธอ ไม่มีทีท่าว่าจะกลับห้องของตัวเองเลย
ไพลินรีบเก็บถ้วยจานรวมทั้งแก้วน้ำไปล้างโดยเร็ว หวังว่ากลับมาออกมาจากล้างจานเขาจะกลับห้องไปแล้ว เขายังคงวนเวียนอยู่ในห้องของเธอต่อ โดยย้ายไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ ทำตัวสบายๆ เหมือนเมื่อครั้งที่ยายยังอยู่ ขัดใจแต่ก็ไม่กล้าไล่เขา ถ้าเป็นคนปกติก็ต้องรู้และกลับไปแล้ว แต่นี่เขาเป็นเป็นคนไม่ปกติ ทำไมเธอต้องมาเจอคนแบบนี้ด้วยนะ ยายจะรู้ไหมว่าคนดีของยายไม่ได้ดีอย่างที่ยายมองเห็น มันแค่เปลือกนอก
“ฉันถามใหม่ก็ได้ เธอมากรุงเทพฯทำไม หรือว่าตามฉันมา” เสียงเขาดังมากกว่าปกติ แต่ก็คงนึกได้ว่าไพลินไม่ชอบให้เขาเสียงดัง ก็ชอบดื้อ ถามไม่ค่อยตอบ บางทีก็ต้องใช้เสียงบ้าง ถ้าเสียงไม่ดังก็ไม่ค่อยจะพูดด้วย ใจเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมอยากตอแย อยากให้ไพลินพูดเยอะๆ เสียงไพลินเวลาพูดน่าฟัง เอาตรงๆ เขาอยากรู้จักให้มากกว่านี้ บางทีก็งงตัวเองเหมือนกัน หนี้ก็อยากได้คืน นึกสงสารหน้าเล็กสวยนั่นเหมือนกัน พรุ่งนี้ยังไม่รู้ตัวเลยว่าจะเจออะไร ใจเขาก็สงสารอีกใจเขาก็นึกสะใจ อยากเห็นว่าเมื่อไพลินรู้เรื่องทุกอย่างแล้วจะทำหน้ายังไง แล้วจะทำยังไงต่อกับภาระหนี้สินของพ่อที่ตัวเองจะต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อไป
“หลงตัวเองมากไปหรือเปล่าคุณ พ่อฉันไม่สบายค่ะ ท่านโทรหาฉันทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องโทร ก่อนหน้านี่เราเพิ่งเจอกันก่อนที่ฉันกลับบ้านสวน เสียงพ่อเหมือนไม่สบายเมื่อเช้าวานคุยกับฉัน ท่านยังอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยบ่ายๆ มาออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่มีคนโทรหาฉันนัดให้ไปเจอพร้อมกับพ่อภรรยาและลูกใหม่ของพ่อ เขาบอกว่าเป็นทนายความ ฉันเลยหวั่นใจว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ” ไพลินพาซื่อเล่าให้เขาฟังคิดเพียงแต่ว่าถ้าเขาอยากรู้อะไรก็เล่าให้เขาฟังซึ่งมันก็ไม่ใช่ความลับอะไร เมื่อเขารู้แล้วจะได้รีบกลับ
“เธอไม่คิดเหรอว่าพ่อเธออาจนัดเปิดพินัยกรรมแล้วมอบมรดกให้เธอก็ได้”
“ไม่หรอกค่ะ เป็นไปไม่ได้ตั้งแต่พ่อแต่งงานใหม่เราก็เหมือนขาดการกันไปโดยปริยาย แม้แต่เรื่องธุรกิจที่พ่อทำ ถึงเวลานี้ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าธุรกิจที่พ่อทำคืออะไร อีกอย่างยายก็บอกสอนฉันเสมอว่า อย่าไปยุ่งกับครอบครัวใหม่ของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
"แล้วพ่อเธอไม่เคยส่งเสียเรื่องเงินเลยเหรอ"
"แอบส่งค่ะ ที่ต้องแอบเพราะพ่อไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวใหม่ พ่อฉันส่งเสียฉํนทุกเดือน แต่ฉันไม่เคยใช้เลยยังอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ในธนาคาร"
“ทำไมต้องเก็บไว้ ทำไมไม่ใช้แล้วเธอใช้เงินจากที่ไหน”
“เรื่องค่าใช้จ่ายของฉันตั้งแต่แม่เสีย ยายเป็นคนส่งเสียฉันทุกอย่าง สมบัติของแม่บ้าง เงินที่ฉันทำงานพิเศษบ้าง”
“แล้วคอนโดนี่ล่ะ รถอีกเธอเอาเงินจากไหนมาซื้อ”
“พ่อฉันซื้อไว้ตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงานใหม่ รถก็เป็นเงินที่พ่อกับแม่เก็บมาด้วยกันซื้อให้ พ่อบอกว่าดีกว่าไปเช่า”
“แล้วถ้าพ่อเธอมีปัญหาเรื่องเงินจริงๆ เธอจะทำยังไง ถ้าสมมุติว่าภรรยาใหม่เขาไม่รับผิดชอบอะไร ประมาณว่าทิ้งพ่อเธอเลยฉันแค่สมมุติเฉยๆ นะ”
“ถ้าเป็นแบบที่คุณว่าจริงๆ ฉันก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรับพ่อมาดูแล ส่วนเรื่องธุรกิจฉันไม่มีความรู้ความสามารถหรอกค่ะ อะไรจะเกิดก็คงปล่อยให้มันเกิดเพราะฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อถ้าเหตุมันเกิดขึ้นจริง อย่างที่คุณสมมุติ อาจให้ยายช่วย เพราะฉันมีญาติเหลืออยู่คนเดียวคือยาย หรือบางทีอาจต้องขายสมบัติเก่าใช้หนี้ ถ้าหนี้ของพ่อไม่เยอะเกินกำลังของฉันกับยายที่มีอยู่ก็น่าจะพอใช้หนี้ แต่ฉันขออย่าให้เป็นเรื่องนั้นเลย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงพ่อจะน่าสงสารมาก”
“เธอเคยเชื่อใจใครสักคนไหม แล้วถ้าคนๆ นั้นทำให้เธอเจ็บใจ เหมือนเป็นการหักหลัง เธอจะทำยังไงกับคนๆ นั้น”
“คงไม่ทำอะไรหรอกค่ะ มันเป็นสิทธิ์ของเขา คงโกรธเป็นเรื่องธรรมดา ฉันยังไม่เคยเจอกรณีที่คุณถาม บางทีถ้าเจอเหตุการณ์แบบนั้นฉันอาจไม่มีสติก็ได้ แต่สุดท้ายฉันก็คงเอาตัวเองออกมาให้ห่างเขาคนนั้น คงทำได้แค่นั้นจริงๆ ถามทำไมคะ”
“เมื่อไหร่กันที่เธอคิดจะมีคนที่สนิทมากๆ ฉันหมายความว่าคนที่คบกันแบบเป็นแฟน”
“ยังหรอกค่ะฉันยังไม่คิด อยู่แบบไม่มีใครก็ดีอยู่แล้วอย่างน้อยฉันก็มียาย มีชมพู มีพ่อแค่นี้ก็พอแล้ว ฉันอายุยังน้อยยังมีเวลาอีกเยอะ ดึกแล้วคุณกลับได้แล้วค่ะฉันจะนอน พรุ่งนี้ฉันต้องออกไปธุระแต่เช้า”
“ฉันขอโทษนะที่มาแล้วไม่ได้บอกลาเธอเลย จริงๆ ฉันควรโทรบอกเธอสักหน่อย”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะฉันไม่คิดมาก ไม่ใช่คุณไม่บอกใคร ยายก็รู้ว่าคุณกลับคนเราต่างก็มีเหตุผลส่วนตัวเสมอ ฉันไม่คิดเล็กคิดน้อยยิ่งเรื่องที่จะทำให้ทุกข์ฉันพยายามจะเลี่ยง”
“ฉันขออยู่ต่ออีกสักหน่อยได้ไหม กลับไปที่ห้องฉันก็ไม่มีเพื่อนคุย”
“ถ้าคุณจะอยู่ฉันก็ห้ามคุณไม่ได้อยู่แล้วนี่คะ ต้องถามว่าคุณเคยตามใจคนอื่นบ้างไหมนอกจากทำตามใจตัวเอง กลับกันฉันไม่เคยได้เป็นคนที่ถูกตามใจเลยสักครั้งมุมมองมันต่างกันค่ะ ฉันเข้าใจ”
“เคยคิดไหมว่าถ้ายายกับพ่อเธอไม่อยู่แล้ว หรือบัวชมพูแต่งานไปแล้วเธอจะอยู่ยังไงคนเดียว”
“ก็ไม่ยากนี่คะ ฉันก็อยู่ได้ทุกวันนี้ฉันก็เหมือนอยู่คนเดียวอยู่แล้ว ใช้ชีวิตคนเดียวดีจะตายอาจเสียใจบ้างที่ยายกับพ่อไม่อยู่ แต่มาคิดอีกทีก็อาจถึงเวลาของเขา ถ้าชมพูแต่งานจริงๆ ฉันก็ยินดีกับเพื่อนด้วย ดีใจซะอีกเพื่อนฉันลำบากกว่าฉันมาก จนป่านนี้ชมพูยังต้องส่งเสียน้องให้เรียน ส่งเสียพ่อแม่อยู่เลย ส่วนฉันไม่ต้องส่งเสียใครแค่ดูแลยายกับพ่อให้ดีแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรต้องให้คิดมากเลยค่ะ”
“แล้วถ้าสมมุตินะ ถ้าทรัพย์สมบัติทุกอย่างหมดไปหรืออาจต้องใช้หนี้หมด เธอจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง”
“ก็คงต้องหางานทำค่ะ ไม่ยากหรอกวิชาความรู้ฉันก็มี แรกๆ อาจจะยากหน่อย แต่ยังไงก็ตามฉันคิดว่าฉันอยู่ได้ ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้ายังไงก็ต้องหาวิธีอยู่ต่อให้ได้ฉันคิดแบบนี้” ไพลินตอบตามที่ใจตัวเองคิด
“บางทีเธอก็เป็นผู้ใหญ่กว่าฉันมากเลยนะ” เขายอมรับว่าเด็กไพลินเป็นผู้ใหญ่มาก บางเรื่องเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเขาเสียอีก
“คนเราไม่เหมือนกันค่ะ พิ้นฐานครอบครัวคนเราไม่เหมือนกัน ฉันเกิดมาและเติบโตมากับแม่กับยายที่คอยสั่งสอนให้เจียมเนื้อเจียมตัว ช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ช่วงที่แม่เสียฉันก็ผ่านจุดนั้นมาได้ มาเจอเรื่องที่พ่อไปมีภรรยาใหม่มีน้องใหม่เกิดขึ้นมาอีกหนึ่งคนตอนนั้นฉันตื่นเต้นที่รู้ว่ามีน้อง แต่ก็แค่แป๊ปเดียว ภรรยาใหม่ของพ่อไม่ได้เอ็นดูฉันเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฉันก็คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเจอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ฉันไม่เคยหวังเต็มร้อยสักอย่างเผื่อความผิดหวังไว้ให้ตัวเองเสมอ เลยไม่ค่อยเสียใจเท่าไหร่ค่ะ แต่อาจจะมีอีกหลายเรื่องที่ฉันยังไม่เจอก็ได้ ไม่แน่อาจมีเรื่องร้ายแรงที่สุดก็ได้ ไว้ถึงเวลานั้นฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าจะยอมรับมันได้ขนาดไหน”
“ยายจันเป็นโรคอะไรเธอถึงต้องคอยดูแลไม่ห่างเลย ถึงขนาดลาอออกจากงานเพื่อไปดูแลยาย”
“ยายเป็นโรคหัวใจค่ะ เบาหวาน ความดัน ต้องพบหมอและกินยาตลอด ยายอายุมากแล้วฉันไม่อยากให้ยายเครียด บั้นปลายของชีวิตอยากให้ยายอยู่อย่างมีความสุข”
“ฉันขอบใจเธอนะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ตามใจฉัน ขอโทษที่บางครั้งอาจทำให้เธอรำคาญใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณรู้ตัวเองฉันก็ไม่ถือ ต่อไปเราก็คงไม่ต้องเจอกัน “
“ทำไมเธอคิดแบบนั้น ทำไมคิดว่าเราจะไม่ต้องได้เจอกันอีก”
“ก็ไม่มีเหตุผลไหนที่จะต้องเจอกันนี่คะ คุณก็อยู่กรุงเทพฯส่วนฉันก็อยู่ต่างจังหวัด ไม่มีเหตุผลหรืองานอะไรที่เราจะต้องมาเจอกันอยู่แล้ว “
“แต่ถ้าฉันมีปัญหาอยากถามเธอ ฉันโทรหาเธอได้ใช่ไหม”
“ได้ค่ะไม่มีปัญหา แต่ฉันคิดว่าคุณคงไม่มีปัญหาหรอกค่ะสมัยนี้มีบริษัทฯรับปรึกษาเยอะแยะไปไม่จำเป็นต้องเป็นฉันหรอก อีกอย่างฉันคงไม่ว่างเพราะต้องดูแลยาย บางทีอาจต้องดูแลพ่อด้วยอีกคน ไม่ต้องโทรหาฉันดีที่สุดค่ะ เพราะถ้าฉันไม่รับสายหรือรับช้าคุณก็จะอารมณ์ไม่ดี ไม่โทรจะดีกว่าจะได้ไม่โมโห”
“ทำไมเธอคิดว่าฉันขี้โมโห เอาแต่ใจตัวเอง”
“นี่คุณไม่รู้ตัวเลยเหรอคะว่าเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง ฉันว่าคุณอายุไม่น้อยแล้วนะคะ ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองนิสัยเป็นยังไง ก็ไม่ควรที่จะไปตำหนิคนอื่นนะคะ”
“ทำไมเธอถึงกล้าว่ากล้าสอนฉัน”
“ก็คุณถามฉันเอง ฉันก็ตอบตามความเป็นจริง คุณต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้ ก่อนที่คุณจะไปว่าคนอื่น”
“แล้วถ้าฉันเปลี่ยนนิสัยตัวเองไม่ได้ล่ะ”
“ก็แล้วแต่คุณเลยค่ะไม่เกี่ยวกับฉัน คุณทำยังไงคุณก็จะได้แบบนั้น”
“หมายความว่ายังไง”
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมวันนี้ถามเยอะจังเลยฉันว่าแบบคุณไม่ต้องปรึกษาฉันหรอกค่ะ ประสบการณ์คุณเยอะกว่าฉันมาก คุณรู้ดีว่าตัวเองทำอะไรอยู่แล้วตอนนี้ฉันก็ง่วงนอนมากแล้วด้วย เราแยกย้ายกันไปนอนเถอะค่ะ”
“พรุ่งนี้ฉันมาขอกินข้าวเย็นด้วยได้ไหมที่นี่”
“ฉันคิดว่าเสร็จธุระแล้วจะกลับบ้านสวนเลยค่ะ คงไม่ได้อยู่ต่อเป็นห่วงยายไม่อยากทิ้งยายไว้คนเดียว”
“ไพลินเธอยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ธุระของเธอจะเสร็จไหม รับปากฉันหน่อยก็ได้ไว้ถ้าเธอกลับบ้านสวนจริงๆ ฉันก็ไม่ว่าหรอก”
“นี่ไงนิสัยคุณต้องได้ตลอดไม่คิดว่าคนอื่นจะคิดยังไง คุณไม่คิดบ้างเหรอคะว่า ถึงธุระฉันไม่เสร็จฉันก็อยากอยู่คนเดียวบ้าง อีกอย่างคุณเป็นผู้ชายฉันเป็นผู้หญิงถึงไม่มีอะไรก็เถอะ แต่คุณควรที่จะให้เกียรติความเป็นผู้หญิงของฉันบ้าง จริงๆ คุณยิ่งต้องคิดห่วงฉันให้มากกว่านี้ ฉันรู้ว่าคุณเอาแต่ใจตัวเองฉันยังยอมคุณเลย กลับกันคุณก็ต้องยอมฉันบ้าง ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ ถ้าคุณมีน้องสาวแล้วมีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาทำแบนนี้กับน้องคุณ คุณจะคิดยังไง ช่วยตอบฉันหน่อยได้ไหมคะ ถ้ายังตอบไม่ได้คุณเอาเก็บไปคิดเป็นการบ้านล่ะกัน ตอนนี้จะง่วงแล้วเชิญค่ะ” ไพลินพูดยาวไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจบ้างไหม เธอพูดด้วยเหตุผลทั้งสิ้น ถ้าคิดไม่ได้เธอก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
“ฉันขอนอนค้างที่นี่ได้ไหม ฉันสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ขอนอนที่ห้องเล็กนะไพลิน
ไพลินถอนหายใจเสียงดัง นั่นปะไรที่เธอพูดมายาวเหยียดไม่เข้าหูเขาเลยสุดท้ายเขาก็เอาแต่ใจตัวเอง
“ตามใจค่ะแล้วแต่คุณล่ะกัน ส่วนฉันขอตัวไปนอนก่อนและห้ามโทรห้ามไลน์ห้ามเคาะเด็ดขาด ไพลินเดินเข้าห้องของตัวเองล็อคอย่างแน่นหนาปล่อยให้แดนไทยอยู่ด้านนอกคนเดียวอย่างที่เขาอยากอยู่ ไม่เคยเจอใครที่บ้าเท่าเขาเลย อะไรนักหนา คนที่ทำงานกับเขาจะเป็นยังไงนะ ทนอารมณ์ของเขาได้ยังไงกัน แปลกจริงๆ ทำไมเธอถึงต้องมาเจอกับคนแบบนี้ด้วยยิ่งคิดก็ยิ่งงง
ไพลินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน ไม่ลืมที่จะโทรหายายและชมพู หวังว่าพรุ่งนี้คงไม่มีเรื่องที่ร้ายแรงอะไร ว่าจะไม่เครียดก็เครียดเหมือนเดิม ไหนจะคนที่อยู่ข้างนอกนั่นอีก หญิงสาวมีลางสังหรณ์ว่าเรื่องมันชอบกล หรือว่าเรื่องพรุ่งนี้จะเกี่ยวกับแดนไทย ไพลินหลับตาพยายามลบความคิดที่มีอยู่ในหัวออกไป คงไ่ม่หรอกเธอคงคิดมากไปเอง สงสัยจะเครียดเรื่องพ่อมากเกินไป กว่าที่หญิงสาวจะหลับก็เกือบเที่ยงคืน
แดนไทยพอใจเขาคว้ากุญแจห้องไพลินแล้วกลับไปห้องของตัวเอง อาบน้ำเรียบร้อยแล้วกลับมาห้องไพลินอีกครั้ง ไม่อยากนอนห้องตัวเองอยากอยู่ที่นี่ ไม่รู้หรอกว่าเหตุผลอะไร เขาแค่ทำตามใจตัวเองก็ไม่ได้เสียหายนี่เขาก็นอนอีกห้องไม่ได้บุกเข้าไปหาเจ้าของห้องสักหน่อย ไม่รู้จักก็เหมือนรู้จักนั่นแหลละ อย่างน้อยยายจันก็ไม่ได้รังเกียจเขา เต็มใจต้อนรับเขาอีกต่างหากมีแต่หลานสาวนี่แหละ รู้สึกว่าจะเรื่องเยอะเหลือเกิน คิดว่าตัวเองอยู่ในโลกนี้คนเดียวหรือยังไง จะอยู่แบบไม่สนใจใครไม่มีสังคมได้ยังไงกัน รู้สึกมีสบายใจเวลาที่ได้คุยกับเด็กไพลิน ถึงแม้ว่าคนที่เขาอยากคุยด้วย จะไม่อยากคุยกับเขาก็ตาม แดนไทยไม่ได้คิดถึงวันพรุ่งนี้ว่าผลจะเป็นยังไง ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องเลยตามเลย บางทีบางเรื่องก็ต้องให้เกิดขึ้นก่อน ถึงจะรู้วิธีแก้ไข
ในที่สุดก็ถึงวันทำบุญร้อยวันของคุณพายัพ ไพลิน บัวชมพูเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน เช้ามาจัดของที่วัด คนมาร่วมงานมากกว่าที่คิดเยอะเลย เพื่อนของคุณพายัพหลายคน พยายามหาทางติดต่อกับไพลินจนได้ พนักงานที่ทำงานที่บริษัทฯ เกือบยี่สิบคน รวมกับคนที่นับถือก็เกือบห้าสิบคนเข้าไปแล้ว จากที่คิดว่าจะทำกันแค่คนที่รู้จักไม่ถึงสิบคน แต่กลายเป็นว่ามีคนมาร่วมงานเยอะมาก ดีที่เรื่องอาหารเครื่องดื่มหาซื้อได้จากร้านใกล้บ้าน บัวชมพูมาช่วยไพลินเหมือนเดิม และครั้งนี้คุณมาร์ตินขอมาร่วมงานด้วย เขาอยากเรียนรู้วัฒนธรรมของเมืองไทย ซึ่งยายและไพลินก็ยินดีมากกรองกาญและเพื่อนๆ ต่อว่าไพลินนิดหน่อยที่ไม่ยอมบอกแต่ทุกคนก็หาทางมาจนได้ ซึ่งหลังจากที่ร่วมงานเสร็จแล้วทุกคนจะไปเที่ยวต่อ"พายจะไปรับยายที่บ้าน ฝากทางนี้ด้วยนะพู "ใกล้ได้เวลาพระท่านจะพาทำพิธีแล้ว ไพลินเตรียมตัวไปรับยายที่บ้าน เธอไม่อยากให้ยายมานั่งรอนาน คุยกับบัวชมพูว่าใกล้ได้เวลาค่อยไปรับ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวขาออกจากศาลาวัด บัวชมพูก็สะกิดให้เธอดูที่ประตูทางเข้าวัด“พายรถใครมาพูคุ้นจังเลย” บัวชมพูมองไปที่หน้าวัดรถเก
ครบสองเดือนที่ไพลินกลับมาอยู่บ้าน หญิงสาวมีความสุขมากได้ดูแลยาย ทำกับข้าวให้ยายกิน ตักบาตรเช้า ไปวัดทำบุญ สวดมนต์ทุกวันพระพร้อมกับยาย ทำงานบ้าน ทำงานที่ชอบ เธอไปที่ร้านขายอุปกรณ์การเย็บปักถักร้อยบ่อยมากๆ ผลิตผลงานมากมายประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเครื่องจักร ถักได้ถักดี ว่างก็วาดรูป อะไรที่ชอบมักทำได้ดีเสมอ ไพลินถักทุกอย่างที่ลูกค้าสั่ง ล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าต่างชาติทั้งนั้น ได้ราคาดียิ่งเป็นงานฝีมือต่างชาติยิ่งชอบ แต่เธอก็ดูแลยายไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เพราะไม่มีอะไรมากวนใจชีวิตเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก เช้าตื่นทำกับข้าวใส่บาตรกับยาย ทำกับอาหารกิน ไปตลาดซื้อของสดมาไว้ทำกับข้าว ปลูกผักไว้กินเอง วันๆ เธอไม่ค่อยมีเวลาว่างเลย เย็นวันศุกร์ถ้าบัวชมพูไม่ติดงานหรือกลับบ้าน ก็จะมาพักที่บ้านสวนกับไพลินเป็นประจำเรื่องสวนไม่ต้องห่วงลุงปานกับเมียดูแลให้ ยายให้ลุงเอาผลไม้ในสวนไปขายได้ แบ่งกันใช้แบ่งกันกิน บางครั้งผลไม้สุกกินไม่ทันยายก็ให้เธอเอาไปให้โรงเรียน ถวายพระที่วัดบ้างได้บุญกันถ้วนหน้าวันเสาร์และวันอาทิตย์ไพลินจะหยุดงานถักและงานวาด เธอจะพายายไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ตามโรงเรียนที่
เช้านี้ที่บ้านสวน ยายจันตื่นแต่เช้าเข้าครัวทำกับข้าวใส่บาตร ไพลินตื่นเป็นคนที่สองตามด้วยบัวชมพู ทั้งสองรีบอาบน้ำตามยายลงไปใส่บาตรเช้า กรวดน้ำเรียบร้อยแล้วขึ้นมากินข้าวเช้าพร้อมกัน“หนูพายกินข้าวเสร็จแล้วก็รีบไปธนาคารเสียนะหลาน โอนเงินให้เขา ไปทำเสียให้เรียบร้อย”“จ๊ะยาย พายเตรียมไว้แล้วค่ะ ยายอยากได้อะไรไหมเดี๋ยวเสร็จแล้วพายจะได้แวะตลาดสด”“อะไรก็ได้ลูก แล้วแต่หนูพายกับชมพูเลย อยากกินอะไรก็ซื้อมาของยายไม่ต้องเผ็ดก็พอ”ไพลินกับบัวชมพูนำเงินที่ได้จากการช่วยงานคุณพายัพไปฝากธนาคาร และโอนเข้าบัญชีแดนไทยทันทีเธอส่งสลิปให้คุณอำพล เพิ่งดูโทรศัพท์ว่าคุณอำพลโทรหาเธอตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งโทรทั้งไลน์ หญิงสาวตกใจ ปกติคุณอำพลไม่เคยโทรแบบนี้ จะมีเรื่องอะไรอีก หญิงสาวรีบโทรกลับทันที“สวัสดีค่ะคุณอำพลฉันขอโทษนะคะ พอดีเมื่อวานกลับถึงบ้านแล้วนอนยาวเลยค่ะ เพิ่งดูโทรศัพท์เมื่อกี้เลย เอ่อ...คุณอำพลคะฉันโอนเงินใช้หนี้หมดแล้วนะคะแล้วเดี๋ยวฉันส่งสลิปให้ รบกวนคุณอำพลเรื่องเอกสารด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ถ้ามีโอกาสฉันเข้ากรุงเทพฯ จะนัดกินข้าวนะคะ”“ไพลินฉันเอง ไพลินฟังฉันก่อนคุยกับฉันหน่อยได้ไหม ฉันอธิบายได้น
ของงานคุณพายัพดำเนินมาคืนสุดท้าย แขกมาร่วมแสดงความเสียใจมากมายกว่าสองวันที่ผ่านมา คุณทัตเทพและคุณดรุณีให้คุณอำพลและแดนไทยไปช่วยกันต้อนรับแขก เพราะเป็นนักธุรกิจที่ทั้งคู่รู้จักอยู่แล้ว ส่วนมากแขกที่มาเข้ามาแสดงความเสียใจกับไพลินเกือบทุกคน หญิงสาวปลื้มใจกับคุณพายัพที่มีแต่คนรักน้ำตาคลอตลอดเวลา เสียดายที่พ่อด่วนจากไปมีลูกค้าฝรั่งใหม่ๆ หลายคนเข้ามาทักทายแสดงความเสียใจด้วย บางคนรู้ว่ามีญาติผู้ใหญ่มา ถึงกับเข้าไปขอทักทาย เป็นที่แปลกใจสำหรับทุกคนในงาน ที่ยายจันถึงแม่จะแก่มากแล้ว ก็ยังสามารถพูดคุยทักทายกับฝรั่งต่างชาติโดยใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมากๆ ไพลินกับบัวชมพูไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะยายมีทั้งลูกศิษย์ และเพื่อนที่เป็นต่างชาติมากมายสมัยที่ยังเป็นครู ยายสอนภาษาอังกฤษ แดนไทยทึ่งที่สุดมีอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับครอบครัวของไพลินที่เขายังไม่รู้ หลายคนในงานมองยายจันอย่างชื่นชม“คุณไพลินครับ นี่คือมิสเตอร์มาร์ค เป็นลูกค้ารายใหญ่ของคุณพายัพ เขาเพิ่งทราบข่าวคุณพายัพ และรีบเดินทางมาแสดงความเสียใจด้วย” คุณอำพลพาชาวต่างชาติเข้ามาแนะนำให้เธอได้รู้จักไพลินยกมือไหว้และทักทายด้วยภ
คืนที่สอง ไพลินกับบัวชมพูยังสู้มาก มีหลายคนคอยช่วยงาน ยายจันให้จ้างทุกอย่าง ทำให้ไพลินกับบัวชมพูมีเวลาได้พักบ้าง เหนื่อยน้อยกว่าคืนแรก คาดว่าคืนนี้แขกคงเยอะเหมือนเดิม ยายจันจัดเครื่องประดับมาให้สองสาวครบวันที่ต้องทำงาน แยกของใครของมัน สมหน้าตาลูกสาวอดีตเจ้าของบริษัทฯมาก ไพลินไม่น้อยหน้าใครเลยใกล้เที่ยงปรากฎรถของแดนไทยเลี้ยวเข้ามาภายในบริเวณวัด เขามาพร้อมผู้หญิงหน้าตาคล้ายกัน ชังน้ำหน้านักแต่ก็อยู่ระหว่างงานพ่อจะแสดงออกมากกว่านั้นก็ไม่ได้ หลายคนในงานจับตามองดูเธออยู่ ไพลินยืนอยู่ภายในศาลาเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นเดินเข้ามา เธอลุกขึ้นยืนสบตากับฝ่ายหญิงเท่านั้น“สวัสดีค่ะน้องพายใช่ไหมคะ พี่ชื่อดารณีเป็นน้องพี่แดนไทย พี่แสดงความเสียใจด้วย เรียกพี่ดาก็ได้นะคะ มีอะไรให้พี่ช่วยบ้าง วันนี้พี่ว่างทั้งวัน” ดารณีแนะนำตัวเองกับไพลิน แค่เห็นหน้าเธอก็รู้สึกถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้แล้ว สวยหุ่นดีมาก ถึงแม้จะอยู่ในอาการเศร้าหมองก็ตาม“เอ่อ สวัสดีค่ะขอบคุณมากนะคะ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้ช่วยเลยช่วงเย็นแขกมาเยอะจะยุ่งหน่อยค่ะ” หญิงสาวยกมือไหวดารณี ไม่แม้แต่จะมองหน้
ไพลินหลบอยู่แถวหลังร้านกาแฟของปั้มน้ำมัน กระวนกระวายกลัวว่าแดนไทยจะตามมาเจอ เธอจำไม่ได้ว่าแทงเขาไปกี่ครั้ง เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิดเขาคิดไม่ดีกับเธอ ไม่น่าไว้ใจเขาเกือบยี่สิบนาที กัลยาหรือเก่๋เพื่อนของบัวชมพูที่ไว้ใจได้มารับเธอ บัวชมพูอยู่ในสายกับเพื่อนเพื่อเป็นการยืนยันว่ากัลยาเป็นเพื่อนของบัวชมพูแน่นอน บ้านพักของกัลยาอยู่ภายในโรงพยาบาล กัลยาอาศัยอยู่ลำพังซึ่งปลอดภัยแน่่นอน บัวชมพูไม่ได้บอกเพื่อนว่าไพลินเจออะไรมา เล่าให้ฟังเพียงแต่ว่ามีปัญหากับคนรู้จักขอพักรอบัวชมพูแค่สามชั่วโมง เพื่อนของชมพูไม่ติดใจอะไร"พายนอนพักก่อนนะ เก๋อยู่คนเดียว ที่นี่เป็นหอใน ถ้าไม่มีคนรู็จักที่พักอยู่ที่นี่คนนอกก็ไม่สามารถเข้ามาได้ ไม่ต้องกลัวนะอีกตั้งสามชั่วโมงกว่าชมพูจะขับรถมาถึงที่นี่ เก๋ว่าพายนอนพักก่อนเถอะขากลับพายจะได้เปลี่ยนพูขับรถ""พายขอบใจนะเก๋ ขอบใจมากพายจะไม่ลืมเลยที่ช่วยพายไว้ รบกวนเก๋ด้วยนะ""ไม่ต้องห่วงหรอกเพื่อนชมพูก็เหมือนเพื่อนเก๋นั่นแหละ เอาล่ะพายอาบน้ำก่อนก็ได้นะจะได้สบายตัว ใช้ชุดเก๋ได้เลย "ไพลินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดนอนของกัลยา เตรียมตัวนอนหันมาอ