Masuk[คลับหรูใจกลางเมืองกรุง]
“พระพายอย่าคิดมากนะ ยังไงเส้นด้ายกับรัณก็อยู่เคียงข้างพระพายนะ...เรื่องที่พระพายเล่ามาทั้งหมด...ถ้าเป็นเส้นด้ายเองก็คงจะต้องทำเหมือนกับพระพายเหมือนกันแหละนะ”
“อืม...ใช่ รัณเห็นด้วยกับเส้นด้ายเหมือนกันนะพระพาย เรื่องการใช้หนี้จริงๆ ถ้าพระพายบอกรัณ...รัณก็จะพอช่วยได้บ้าง ไม่ต้องเอาตัวเองไป...เอ่อ...ให้นายพริษฐ์อะไรนั่นก็ได้”
“พระพายไม่อยากรบกวนใคร แม้กระทั่งพี่วีร์เอง พระพายก็ยังเกรงใจ ไม่กล้าที่จะบอกเลยด้วยซ้ำ เรื่องทั้งหมดพระพายจะต้องแก้ไขมันด้วยตัวของพระพายเอง ขอบใจเส้นด้ายกับรัณมากเลยนะที่เป็นห่วงพระพาย”
“เอ่อ...แล้วนี่นายพริษฐ์ไม่โทรตามพระพายเหรอที่ออกมาแบบนี้...แล้วคืนนี้พระพายจะกลับไปนอนที่เพนท์เฮ้าส์นั่นมั้ย”
ภรัณยูเอ่ยถามเพราะความเป็นห่วงเพื่อนสาว ถ้านันท์นลินเลือกเขา เธอก็คงจะไม่ลำบากแบบนี้แน่ ภรัณยูมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถช่วยนันท์นลินได้อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็คงจะต้องขายที่สักแปลงสองแปลงเพื่อช่วยเหลือคนรักตัวเองแหละน่า
“เขาไม่สนใจพระพายหรอก...ถ้าเขาต้องการพระพายเมื่อไหร่เขาก็จะโทรมาเองแหละ”
นันท์นลินสรุปเป็นอย่างนั้น เพราะเขาก็บอกนันท์นลินอยู่ตลอดเวลา ว่านันท์นลินจะต้องสนองความต้องการของเขาก็เพราะใช้หนี้เท่านั้น
“ทำยังไงจะช่วยพระพายได้...ขอรัณคิดแปปนึงนะพระพายหนี้สี่สิบล้าน จะต้องขายที่สักแปลงที่ติดกับ...”
“รัณ...พระพายไม่เป็นไรหรอก ระยะเวลาหนึ่งปีมันไม่นานหรอกนะ พระพายทนได้อยู่แล้ว ไม่แน่นะพระพายอาจจะได้เป็นอิสระเร็วกว่ากำหนดก็ได้...เพราะว่า...”
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปที่บุคคลที่เธอกำลังพูดถึงอยู่พอดี ‘เธอมาที่นี่งั้นหรือ?’
“อะไรเหรอพระพาย? มองใคร”
“นั่นสิ...ผู้หญิงคนนั้นพระพายรู้จักเหรอ?”
[อีกด้านหนึ่ง]
“นะคะธัญญ์...มานั่งดื่มเป็นเพื่อนเจนิสหน่อยสิคะ เจนิสมารอแล้วค่ะ...อืม...เดี๋ยวเจนิสแชร์โลเคชั่นไปค่ะ มานะคะธัญญ์”
“ครับ” ปลายทางตอบตกลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ขอบคุณค่ะธัญญ์แล้วเจอกันนะคะ”
รมิตาวางสายจากคนรัก เธอต้องประชิดประกบติดเขาตลอด เพื่อที่พริษฐ์จะได้ไม่มีเวลาไปหาอีนังนั่นอีก ‘พริษฐ์บอกให้เธอรอเขา...รมิตาไม่รอหรอก...แต่รมิตาจะรุกต่างหาก...ไม่มีวันที่เธอจะยอมอีนังบ้านั่นอย่างแน่นอน’
[อีกโต๊ะหนึ่งห่างออกไป]
“เอ่อ...เธอคนนั้นเป็นแฟนคุณพริษฐ์”
“ห๊ะ! อะไรนะ!”
สองเสียงประสานพร้อมกันด้วยความตกใจทันที
“และก็พึ่งจะทะเลาะกับพระพายไปเมื่อวาน”
“ห๊ะ! หนักเข้าไปอีก”
“แล้วเธอจะไม่มาอาละวาดกับพระพายที่นี่เหรอ”
นารารัตน์มองซ้ายทีขวาทีด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะโชคร้ายขนาดนี้ นี่มันคือหนึ่งในล้านของเรื่องความบังเอิญที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“ก็ลองอาละวาดสิ...นี่มันร้านใครให้มันรู้ซะบ้าง เดี๋ยวพ่อสั่งเก็บเลย...”
ภรัณยูยืดอกไปข้างหน้าแสดงบทบาทพระเอกทันที
“โอ้ย...รัณ! แกเป็นผู้ชายนะ...แกจะตบกับผู้หญิงหรือไง เพราะอย่างงี้แหละ...น้องเมกาถึงบอกว่าแกไม่แมน...เพลียจิต...”
“เอ๊า! ใครบอกว่าฉันจะไปมีเรื่อง...ฉันแค่จะปกป้องอดีต คนรักของฉันต่างหากล่ะ แกไม่รู้อะไรเส้นด้าย คอยดูล่ะกัน”
สายตาคมจับจ้องไปยังหญิงสาวหุ่นสวยแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเว้าหน้าเว้าหลัง หน้าอกหน้าใจแทบจะทะลักออกมากองอยู่ตรงหน้า จริงๆ ภรัณยูก็มีความรู้สึกกับเพศตรงข้ามตลอดนะ แต่ทำไมทุกคนถึงมองว่าเขาไม่ใช่ชายชาตรี หาว่าเป็นเกย์บ้างล่ะ...คิดแล้วหน้าปวดหัวจริงๆ สาวๆ พวกนี้คงตาไม่ถึงกันเป็นแน่
[ในขณะเดียวกัน...จังหวัดเชียงใหม่]
บรรยากาศของบ้านพักตากอากาศในยามค่ำคืนดูเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย แสงไฟจากตามที่ต่างๆ นั้นค่อนข้างบางตา มีเพียงแสงจากหิ่งห้อยเท่านั้นที่กำลังบินโฉบไปมาระยิบระยับสวยงาม
“ขอบคุณวีร์มากๆ เลยนะคะที่พาธารามาเที่ยวที่นี่...ธาราไม่เคยมาเลยนะคะ...ตั้งแต่เล็กจนโต...จะอยู่ที่อังกฤษซะส่วนใหญ่เลยค่ะ”
รอยยิ้มสวยบนใบหน้าของหญิงสาวถูกแต่งแต้มอยู่ตลอดเวลา พรินทร์มีความสุขอย่างที่สุด ที่ในวันนี้เธอจะมีความรักกับคนที่เธอถูกใจเสียที
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับธารา อีกไม่นานเราก็จะมากันบ่อยๆ อยู่แล้วครับ...ถ้าเราคบกัน ผมก็จะพาคุณไปเที่ยวรอบโลกเลยครับ”
กวินกานต์ใช้คำพูดหวานหว่านล้อมเน้นหนัก เพื่อให้หญิงสาวติดกับดักเขาโดยเร็ว การแก้แค้นที่หวังผลคือความเจ็บช้ำ ซึ่งเขาได้รุกมันอย่างหนักแล้ว
“จะ-จริงหรือคะ”
ความปลื้มปิติล้นทะลักหัวใจพรินทร์อย่างจัง อกใจไหวสะท้านขึ้นลงผิดจังหวะ เมื่อสายตาคมเข้มของเขาจ้องมาที่เธอ แววตาของเขาเปลือยความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจน มันทำให้ พรินทร์รู้สึกเขินอายอย่างที่สุด ‘เธอไม่ใช่วัยแรกสาวนะ...ทำไมใจเธอถึงเต้นแรงขนาดนี้’
“จริงครับ...อืม...ไวน์แก้วนี้จะทำให้คุณรู้สึกซาบซ่านเหมือนผมกำลังสื่อความรู้สึกกับคุณตอนนี้ไงครับ...”
แก้วทรงสวยถูกยกชูขึ้นมาทันที กวินกานต์จัดทุกอย่างเพื่อการนี้โดยเฉพาะ การดินเนอร์ใต้แสงเทียน ในบรรยากาศที่เป็นใจ และบ้านพักตากอากาศส่วนตัวแบบนี้ช่างเหมาะอย่างที่สุดกับการแก้แค้นเอาคืนเสียจริง!
“ค่ะ” ใบหน้าสวยเป็นสีซับเลือดขึ้นมาทันที เธอมองเขาอย่างเคลิบเคลิ้มสายตาชื่นชมหลงใหลแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขาเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่อย่างที่สุด ทั้งสายตาอันวับหวามที่จ้องมองเธออย่างไม่กระพริบ อกแกร่งกำยำที่เจ้าตัวปลดกระดุมออกราวกับตั้งใจเผยความแข็งแกร่ง พรินทร์ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เพราะความกระสันรัญจวนที่อยู่ตรงหน้าของเธอ ทำให้พรินทร์แสดงความกล้าขึ้นมาทันที
“ธาราอยากรู้ว่า...ทำไมวีร์ถึงพาธารามาที่นี่คะ จริงๆ เราพึ่งจะคุยกันได้ไม่กี่วันเองนะคะ”
พรินทร์เริ่มกล้าที่จะเปิดความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น เพราะไวน์ที่เธอดื่มไปแก้วที่สี่ ทำให้ใบหน้าสวยแดงก่ำแววตาเชื่อมหวานซึ้งกระแสความอบอุ่นไหลวนอยู่ในใจของหญิงสาวขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่มีอะไรหรอกครับธารา...ในตอนแรกผมเองเคร่งเครียดกับงานจนเกินไปเลยไม่ได้สนใจ...แต่เพราะคุณพ่อแนะนำคุณให้ผมได้มีโอกาสได้เจอกับคุณ พ่อบอกว่าคุณทำงานเก่งมาก แต่ผมไม่ได้สนใจความเก่งของคุณหรอกนะธารา...ผมสนใจในความเป็นคุณต่างหาก ที่ทั้งสวยและน่ารัก...”
“ไม่นะ! ปล่อยฉัน! แก!”ในเมื่อข้อมือของเธอถูกมัดเอาไว้ รมิตาก็ใช่ว่าจะยอมแพ้เสียเมื่อไหร่ เท้าของเธอทำงานแทบจะทันที ทั้งเตะทั้งถีบแบบทุลักทุเลภายในรถยนต์คันหรูสีดำที่ติดฟิล์มดำสนิททั้งคันกับแอร์เย็นฉ่ำ “เธอนี่มันวอนหาเรื่องจริงๆ พับผ่าสิ!!” เสียงของภรัณยูคำรามออกมา เขาไม่คิดว่าคืนนี้จะเป็นคืนที่หนักหนาที่สุดในชีวิตของเขา จากนี้ไปเขาคงหลีกหนีผู้หญิงไปสักพัก “แกก็ปล่อยฉันสิ!”เสียงหอบหายใจกระเส่า รมิตาเริ่มหมดแรงตอนนี้สภาพของเธอที่นั่งอยู่ตักของชายแปลกหน้า อกกระเพื่อมไหวภายใต้บราตัวจิ๋ว ทำให้สายตาคมจ้องมาที่เต้าใหญ่คู่นั้นทันที “ปากดีขนาดนี้โดนสักที ก็คงจะดีนะ!” ภรัณยูเริ่มมีความคิดใหม่แทรกเข้ามา สายตาคมกวาดไปทั่วเรือนร่างอันขาวโพลนที่อยู่บนตักของเขา ลมหายใจร้อนสะดุดเข้าที่สองเต้าขาวที่กระเพื่อมขึ้นลงไปมาตามแรงหายใจของเจ้าตัว “ไอ้แมงดา! อย่างแก! ฉันไม่เอาหรอก! อย่าได้แม้แต่จะคิด!” “อ่อ...ปากดีให้ตลอดล่ะกัน! ไอ่แมงดาคนนี้แหละ! จะทำให้เธอร้องไม่หยุด!”สิ้นประโยค มือหนาก็ยกร่างของเธอคร่อมกับบนตักเขาในสภาพที่เขานั่งพิงอยู
ภรัณยูเห็นด้วยกับเพื่อนหมดแล้วตอนนี้ เขามองไม่เห็นทางที่จะกลบเสียงร้องของยัยม้าพยศนี้ได้ยังไง “กรี๊ดดดด! ฉันไม่ไป! แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ธัญญ์! ธัญญ์คะ”เสียงหวีดร้องคร่ำครวญพร้อมกับความเสียใจที่มีต่อคนรักของเธอตอนนี้มันชัดเจนแล้ว พริษฐ์ไม่ได้รักเธอแล้ว คนรักของเธอเลือกอีนังผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้รักรมิตาอีกแล้ว... “มานี่! หยุดร้องได้แล้ว! ผมเหนื่อยแล้วนะ” “แกก็ปล่อยฉันสิ! ไอ้แมงดา!”รมิตาใช้คำพูดหยาบคายด่าทอผู้ชายที่จับเธอไว้แน่น เพื่อหวังให้ชายหนุ่มนี้หมดความอดทน “ยัยผู้หญิงปากปลาร้า! อึ่ม!”ภรัณยูพยายามนับหนึ่งถึงร้อย กลั้นความโกรธอย่างที่สุด มือหนาบีบแขนของเธอเอาไว้แน่น เกิดมาก็ไม่เคยเจอ ผู้หญิงอะไรบ้าชะมัด “รัณ! แกพาเธอเข้าไปเถอะ ฉันจะรออยู่ข้างนอก ไม่ไหวจริงๆ แก้วหูจะแตกแล้ว”นารารัตน์ขับรถมาจอดตรงหลังคลับ ที่ห่างไกลผู้คนพอสมควร พร้อมกับร้องเรียกเพื่อนของเธอ วิธีนี้อาจจะช่วยกลบเสียงยัยหมาบ้านี้ได้ “โอเค เส้นด้าย! แก้วหูฉันระเบิดแล้วเหมือนกัน!” “อีนังบ้า! แกเป็นเพื่อนกับอีนังหน้าด้าน พวกแกกักขังหน่วงเหนี่ยวฉัน! อย่
เสียงทักทายอย่างไม่เป็นมิตรแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเมื่อร่างของรมิตาเดินมาถึงที่โต๊ะ สายตาเหยียดมองจ้องหาเรื่องเต็มร้อย แม้แฟนหนุ่มของเธอจะห้ามเท่าไหร่รมิตาก็ไม่ยอมฟัง เพราะภายในร่างกายของรมิตานั้นร้อนเป็นไฟ บวกกับแอลกอฮอร์ผสมอยู่พอสมควร เธอจะต้องปิดเกมบ้าบอนี้ให้ได้ “แล้วคุณคิดว่าจะเจอดิฉันที่ไหนหรือคะ...ที่นอกจากเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของคุณพริษฐ์แล้ว...ดิฉันเองก็ไม่ค่อยจะมีที่ไปสักเท่าไหร่เลยค่ะ...ช่วยแนะนำหน่อยสิคะ”นันท์นลินก็มีฤทธิ์ของแอลกอฮอร์อยู่ในร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว บวกความกล้าที่มีอยู่ทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยิ่งเหมือนสุมไฟเพิ่มเข้าไปอีก “แก! มันจะมากเกินไปแล้วนะ...แกคิดเหรอว่าธัญญ์เลี้ยงแกไว้และปล่อยให้อยู่สุขสบายแบบนี้...แล้วแกจะมากล้ามาพูดแบบนี้กับฉัน!”ความโกรธแล่นปรี๊ดขึ้นมาทันที เมื่อเจอความพูดตอกกลับจากอีกฝ่าย “แล้วดิฉันจะต้องพูดแบบไหนกับคุณล่ะคะ...ในเมื่อคุณกลับไปถามแฟนของคุณแล้ว คำตอบที่ชัดเจนแบบนั้น คุณก็น่าจะรู้แล้วนะคะ จะต้องให้ดิฉันตอบแบบไหนถึงจะตรงใจคุณคะ”ใบหน้าสวยเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ ความมึนตึงเพราะฤทธิ์ของเครื่องดื่มทำให้นันท์น
“อะไรของแกรัณ! อยู่ดีๆ ก็พูดอะไรบ้าๆ ขึ้นมา”นารารัตน์มองเพื่อนชายสุดเฮ้วของเธอ ภรัณยูเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมุทะลุ บ้าดีเดือด ผิดกับรูปลักษณ์ของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง หล่อ ขาว คม ริมฝีปากสีชมพูอ่อนๆ รูปร่างสูงโปร่งแต่ไม่ถึงกับผอม อกแกร่งกำยำ หุ่นค่อนข้างไปทางสำอางมากกว่าที่ออกแนวชายชาตรี ทำให้ผู้หญิงนับร้อยนับพันมองเพื่อนของนารารัตน์เป็นเกย์มาตลอด “ก็หมายถึงเธอคนนั้น ที่เป็นแฟนของนายพริษฐ์นั่นไง ก่อนหน้านี้เธอจะหาเรื่องพระพายอยู่ไม่ใช่เหรอ...ฉันจะอาสาจัดการให้ เธอจะได้ไม่มายุ่งกับพระพายอีก” “รัณ! นี่แกจะบ้าหรือไง คิดอะไรไม่ออกแล้วใช่มั้ย แกถึงใช้วิธีแบบเผด็จการของแกน่ะ” “พระพายไม่เป็นอะไรหรอกรัณ...ขอบคุณรัณมากเลยนะที่จะช่วยพระพาย...จริงๆ เธอจะโมโหก็ไม่แปลกหรอก เพราะเธอก็ต้องหึงหวงแฟนของตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา เป็นใครก็ต้องโกรธกันทั้งนั้นพระพายเข้าใจ” “โอเค...ถ้าพระพายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...รัณเองจะได้สบายใจ เอ้า...ดื่มกันบ้างสิ...ไหนๆ วันนี้เราก็มาเจอกัน...ในรอบเท่าไหร่นะ...รอบสองเดือนน่าจะใช่...มาๆ ชนแก้ว!” “นานจนจำไม่ได้แล้วสิรัณ...โอเค...ด
เสียงร้องครวญอย่างเจ็บปวด พรินทร์ไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ ในหัวของเธอก่อนหน้านี้คิดว่ามันคงสุขสมและเสียวซ่าน แต่ทว่ามันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเลยสักนิด หัวใจของพรินทร์เริ่มเต้นแรงและถี่ขึ้นเรื่อยๆ อาการบางอย่างของเธอกำลังจะตามมา ริมฝีปากบางกัดเม้มเอาไว้เพื่ออดกลั้นกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น “ไม่!! โอ๊ะ! ผมก็ปวด! ธารา!”เสียงทุ้มรอดไรฟันออกมา เอวหนายกขึ้นสูงกดเน้นสะโพกกระแทกแท่งเหล็กฝ่าความคับแคบเข้าไปอย่างแรง! จนทำให้แท่งร้อนแกร่งนั้นทะลุทะลวงเยื้อกั้นเข้าลึกจนสุดลำ! สวบ! มังกรใหญ่กระแทกกระทั้นเสียงดังสนั่น! “กรี๊ดดดด! ไม่นะ! ปล่อย! ฮึก!”เสียงร้องของเธอดังพร้อมกับแท่งร้อนกระแทกเข้ามาช่องทางรักของเธอจนจุก “โอวว์ ซี๊ดดดด...อึ้มมม์ ปล่อยตัวตามสบายธารา!”เสียงหอบกระเส่าสั่งคนตัวเล็ก เมื่อเรือนร่างงามพยายามจะเด้งร่างตัวเองออก จนมือหนาต้องจับล็อคเอวบางเอาไว้แน่น! ตั่บ! เสียงมังกรใหญ่กระทุ้งกระแทกเสียงดังสนั่นจนร่างบางสั่นสะท้านสะเทือน “ฮึก! แต่มันจะ- เจ็บ!”เสียงร้องของหญิงสาวดังลั่นห้อง ช่วงล่างของเธอเจ็บปวดจนแทบแตกสลาย มือบ
คำหวานถูกหยอดอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีบางอย่างที่เป็นความจริง กวินกานต์ไม่ได้โกหกตรงที่เธอเป็นคนสวยและน่ารักเลย เพราะเธอคนนี้เป็นแบบนั้นจริงๆ ใบหน้าขาวนวลเนียนใส ดวงตากลมโตหวานซึ้ง ริมฝีปากบางอวบอิ่มสีชมพู มันทำให้กวินกานต์แอบหลงใหลเคลิบเคลิ้ม แต่ก็เป็นเพียงชั่วขณะชั่วครู่ เพราะว่า กวินกานต์นั้นรักนันท์นลินเกินกว่าที่จะมองหญิงอื่น เขารักนันท์นลินเพียงคนเดียวเท่านั้น สิ่งที่เขาแสดงตอนนี้คือการแก้แค้นเอาคืนนายพริษฐ์ ชายที่พรากคนที่รักไปจากเขา เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง... “อื้อออ...” พึมพําอย่างเคลิบเคลิ้มของหญิงสาวดังขึ้น เมื่อริมฝีปากร้อนกำลังดูดดุนปากบางอย่างดุเดือด ร่างของพรินทร์ลอยเคว้งขึ้นไปในอากาศ กลุ่มผีเสื้อน้อยใหญ่โบยบินไปทั่วช่องท้อง อันเรียบแบนของเธอ ลิ้นหนาชอนไชเข้าไปในโพรงปากเล็ก เกี่ยวกวัดรัดลิ้นบางอย่างรุนแรงตามอารมณ์ที่กำลังกระเพื่อมไหว “ธะ-ธารา ผะ-ผม โอววว์”เสียงทุ้มครวญครางอย่างเจ็บปวด กวินกานต์ไม่คิดว่าร่างงามจะให้ความรู้กระสันถึงเพียงนี้ ความหวานอันดูดดื่มจากเรียวปากสวย ทำให้กวินกานต์ตกอยู่ในห้วงอารมณ์หวามอย่างง่ายดาย “คะ?” ใ







