บทที่ 5
วื้อ วื้อ วื้อ แคร่ก แคร่ก!!
เสียงรถจักรยานคันเก่าดังตลอดทาง เด็กหนุ่มค่อยปั่นมีสาวน้อยร่างเล็กซ้อนท้าย หลังจากพายุฝนตกมาหลายวัน ท้องฟ้าก็เปิดเสียที มองเห็นสีฟ้าครามแจ่มใสจรดผืนน้ำ
ร่างแกร่งปั่นจักรยานพาสาวร่างบอบบางซ้อนท้าย เลาะเลียบถนนชายหาดไปยังสะพานปลาแต่เช้าตรู่ ตอนนี้เรือประมงหาปลาเข้าเทียบท่าทยอยกลับมาจากออกเรือ แม่พรพิศสั่งให้ซื้อปลาสักสองสามกิโลกรัมไปเก็บไว้ในตู้เย็น และกุ้งปลาหมึกเล็กน้อยเผื่อทำต้มยำหรือผัดพริกเผา
พสุธาเอี้ยวหน้าไปด้านหลังมองบุษยานั่งคร่อมแกว่งขาไปมาอย่างมีความสุข ผมสั้นติ่งหูปลิวไปตามแรงลมเปิดใบหน้าเรียวหวานสดใส เธอเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มกว้าง มือเล็กยังกุมเอวสอบของเขาไว้แน่น
“นั่งดี ๆ ล่ะ ตกไปแม่พี่คงเอาไม้เรียวตีพี่แน่”
“ฮ่า ฮ่า บัวไม่ใช่เด็กแล้วนะคะพี่แทน”
เธอซบหน้าลงแนบแผ่นหลังกว้างชื้นเหงื่อ กลิ่นกายพสุธาโรยริน หน้าหวานคมฝังดวงหน้าลงกลางแผ่นหลังสูดลมหายใจ
“นี่! ทำอะไรน่ะ พี่ตัวเหม็นนะ”
“ไม่เหม็นสักหน่อย ออกจะหอม”
บุษยาหัวเราะแกล้งใช้จมูกถูบดไปมาจนพสุธาจักจี้ รถจักรยานส่ายไปมาทำให้เธอโอบมือไปด้านหน้าเกี่ยวเอวสอบเขาไว้แน่น
“พี่แทน ขี่ดีดีสิ”
“เป็นไงล่ะ อยากแกล้งดีนัก นั่นถึงแล้ว”
สาวน้อยชะโงกหน้าออกมาดูทางข้างหน้า เห็นสะพานปลาของหมู่บ้านแต่ไกล เสียงคนในหมู่บ้านคอยมาซื้อของสดที่เพิ่งจับขึ้นมาจากทะเล
“ป้าพิศบอกว่าให้ดูกุ้งตัวเล็กไปด้วย เอากุ้งของสงขลานะ ป้าจะเอาไปทำกุ้งหวานไว้กินกับข้าวต้มตอนเช้า จะมีมาถึงเราไหมพี่แทน”
เธอแหงนหน้ามองขณะที่เขากำลังตั้งขาหยั่งจักรยาน คนร่างเล็กลงมายืนรอตรงตีนสะพานไม้ทำเป็นลานกว้างสำหรับนำปลาลง เรือประมงเข้าท่าแล้วหลายลำ ชาวบ้านกำลังมุงดูเลือกซื้ออาหารทะเล
“อ้าว แทน มาทำพรือ[1]?”
“แม่ให้มาซื้อปลาครับ”
พสุธาตอบเป็นภาษากลาง โดยปกติอยู่ที่บ้านพรพิศไม่เคยให้เขาพูดภาษาใต้และแม่เองก็ไม่พูด แม่บอกว่าถ้าเราพูดแล้วจะทำให้ติดทองแดง เวลาไปทำงานที่อื่นจะโดนคนภาคกลางล้อเลียน
ซึ่งอันที่จริงตัวเขาไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหา พูดติดทองแดงก็สามารถสื่อสารได้และเป็นเอกลักษณ์ดี แต่เขาตามใจแม่เสมอ ไม่อยากให้คิดมากจึงทำตามที่สอน
“แม่หม้ายพรือ[2]?”
“ครับ สบายดีครับ”
“เอารถถีบมาหรือ?”
“ครับ”
พสุธารีบดึงมือบุษยาไปอีกทาง เพื่อเลี่ยงคำถามที่ดูท่าจะตามมาอีกมาก เมื่อป้าสมหมายมองไปยังสาวร่างเล็กด้านหลังที่มาด้วยกัน ป้าสมหมายเป็นคนขายผักในตลาดสดที่แม่เคยเล่าให้ฟังว่าแกย้ายไปอยู่กับลูกในตัวเมืองแล้ว นี่คงมาหาซื้อของทะเลเหมือนกัน
“พี่แทนซื้อไปเยอะ ๆ นะ จะได้ไม่ต้องมาบ่อย ๆ”
“อืม เอาสิ”
พสุธาจัดการซื้อของตามใบรายการที่แม่จดมารวมไปถึงผักสดที่มีขายอยู่ที่สะพานปลาแม้ว่าจะไม่มากนักแต่ก็ทำให้ทั้งสองหิ้วถุงพะรุงพะรังกลับไปยังรถจักรยาน
“เอาใส่ตะกร้าหน้า”
เขาจัดแจงแย่งถุงมาจากมือบุษยาแล้วยัดใส่ลงในตะกร้าจักรยานจนหมด มีพูนออกมาเล็กน้อยแต่ไม่หล่นนอกตะกร้า แล้วใช้เท้าปัดขาหยั่งขึ้น
“ไม่กันเถอะบัว เริ่มสายแล้วแดดจะร้อน”
พสุธาขึ้นนั่งคร่อมใช้เท้ายันพื้นไว้รอจนบุษยานั่งเรียบร้อยจึงถีบรถออกจากสะพานปลา ขี่เลียบเลาะไปตามทางเดิมที่มาครั้งแรก
“พี่แทนแวะซื้อน้ำหน่อยสิ บัวหิวน้ำ”
เขาหักหัวรถจักรยานลงไปยังร้านค้าข้างทางแล้วหายไปในร้านออกมาอีกครั้งพร้อมกับน้ำเย็นสองขวด พสุธาจึงยื่นให้บุษยาหนึ่งขวด
“ขอบคุณค่ะ เราแวะที่โขดหินที่เราชอบไปนั่งเล่นก่อนกลับบ้านได้ไหมพี่แทน”
พสุธาวางขวดน้ำที่ดื่มไปครึ่งขวดแล้วใส่ในตะกร้าหน้า ขึ้นคร่อมแล้วถีบตัวรถจักรยานออกจากข้างทางเข้าสู่ถนนเล็กเลียบทะเลตามเดิม
“แต่มันสายแล้วนะ ถ้าขืนไปช้าแดดจะแรง”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย แวะหน่อยสิ นะ นะ”
บุษยาใช้มือน้อยกำเสื้อยืดด้านหน้าตรงเอวสอบไว้แล้วเขย่าไปมาพร้อมส่งเสียงออดอ้อน เอาใบหน้ากลิ้งเกลือกบนแผ่นหลัง
“ก็ได้ ๆ แค่แปปเดียวนะ”
เธอลอบยิ้มกว้าง พี่แทนไม่เคยขัดใจเธอเลยสักครั้งตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าสิ่งนั้นยากเย็นมากขนาดไหน พสุธาจะหามาให้หรือตามใจเธอเสมอ
บุษยาซบหน้าลงบนแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม หันใบหน้าไปทางทะเล ดวงตาส่งสายตาทอดยาวไปไกลสุดขอบฟ้าสีคราม เธออยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ไม่อยากให้พี่แทนไปไหน และเธอเองก็จะไม่ไปไหนเช่นกัน
[1] มาทำไม
[2] แม่สบายดีไหม
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง