ตอนแรกเขาคิดว่าจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติและรักษาระยะห่างระหว่างตัวเขากับแฟนเก่า คริสพยายามเตือนตัวเองว่าเขาแต่งงานแล้วมีภรรยาที่คนในสังคมต่างรู้และยอมรับ แต่เมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้คริสเริ่มไม่สบายใจ เขาคิดถึงคำพูดที่ภิณไลย์ญาเคยบอกไว้ว่าเธอกู้เงินจากพี่ชายของเขาถึง 3 ล้านดอลลาร์เพื่อรักษาน้องชาย
ทั้งก่อนหน้านี้นิโคลัสเคยแสดงท่าทีไม่ชอบภิณไลย์ญามาก่อน เขาพยายามกีดกันเธอออกจากชีวิตของน้องชายด้วยซ้ำ หรือว่านิโคลัสจะบีบบังคับจิตใจให้ภิณไลย์ญาเอาตัวเข้าแลกกับเงินจำนวนนั้น ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งสงสัย
เขารู้ดีว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ภิณไลย์ญาไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย ขนาดคบกับเขามานานแม้เขาแสดงความรักกับเธอมากเท่าไหร่แต่เธอก็จะไม่ยอมเผลอไผลปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาอย่างเด็ดขาด เรื่องนี้เขาควรจะต้องพูดกับพี่ชายให้รู้เรื่องเพราะไม่อย่างนั้นแล้วมันก็จะเป็นเรื่องรบกวนจิตใจของเขาตลอดเวลา
คริสเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานอันโอ่โถงของพี่ชายซึ่งเป็นห้องทำงานที่ใหญ่กว่าของเขาหลายเท่าอยู่อีกฝั่งหนึ่งของคฤหาสน์ซาเวียร์และเป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีใครผ่านเข้ามา นั่นเป็นเพราะนิโคลัสไม่ชอบให้ใครเข้ามารบกวนเขาเวลาทำงาน
ซึ่งในเวลานั้นเป็นช่วงเวลาบ่ายจัด ในขณะนั้นนิโคลัสนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขาด้วยท่าทีสบาย ๆ ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายไม่เคร่งเครียดเหมือนเวลาที่เขาอยู่ต่อหน้าพนักงานในบริษัทและเมื่อเห็นว่าน้องชายเข้ามาในห้องทำงานเขาจึงเอ่ยทักขึ้นว่า
“อ้าว...คริส...มีธุระอะไรหรือเปล่า มาหาฉันถึงที่นี่”
คริสยังไม่ได้ตอบ เขาก้าวเข้าไปและนั่งบนโซฟาตัวยาวที่เบาะรองนุ่มแสนสบายทำจากหนังสัตว์อย่างดี เขานั่งไขว่ห้างและประสานมือเอาไว้บนตัก วันนี้เขาอยู่ในชุดลำลองเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา
บทที่ 25
“ผมแค่อยากมาที่นี่ ผมไม่ได้เข้ามาในห้องทำงานของพี่นานแล้วนะครับ”
“ใช่...แกไม่ค่อยจะมาที่นี่เพราะแกชอบอยู่ในห้องของแกเหมือนกัน ก็คงเหมือนฉันนั่นแหละที่ชอบอยู่ตรงนี้เพราะมันเป็นพื้นที่ที่อิสระและปลอดภัย ว่าแต่จะมีอะไรอย่างนั้นเหรอถึงได้มาหาฉันน่ะ”
“โซอี้เป็นไงบ้างครับ ช่วงนี้ผมเห็นพี่พาลูกไปเที่ยวบ่อย ๆแกคงจะมีความสุขมากสินะครับ”
“ใช่...โซอี้มีความสุขมากฉันอยากให้เขาได้รู้จักปรับตัวในการอยู่ร่วมกับคนหมู่มากเพราะเมื่อก่อนโซอี้อยู่แต่กับพี่เลี้ยงที่ฮาวายมันก็เลยทำให้เธอค่อนข้างไม่ค่อยไว้ใจใคร ฉันอยากจะให้โซอี้ได้ปรับพฤติกรรมของตัวเองก่อนเข้าโรงเรียน”
“และดูท่าทางพี่เองก็คงจะมีความสุขมากสินะครับช่วงนี้ผมเห็นสีหน้าของพี่ไม่ค่อยเครียดอย่างเมื่อก่อน”
“คงเป็นเพราะโซอี้มาอยู่กับฉันที่นี่ล่ะกระมังมันมันก็เลยทำให้ฉันรู้สึกว่าที่บ้านนี้มีสีสัน เด็ก ๆ น่ะน่ารักและช่างพูด”
“ผมว่าคงไม่เฉพาะแต่เด็ก ๆ ล่ะกระมังครับที่ทำให้บ้านนี้มีสีสันและช่วยเติมเต็มความรู้สึกของพี่ชายของผมที่โดยปกติแล้วสีหน้าจะเคร่งเครียดทั้งวันเพราะว่าจริงจังกับการทำงานมาก”
คำพูดนั้นทำให้นิโคลัสสะดุดลมหายใจตัวเอง เขาวางปากกาในมือลงและเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่กำลังไหลวนอยู่ในบรรยากาศรอบ ๆ ตัวระหว่างเขากับน้องชายคนเดียว เขาเห็นรอยยิ้มอยากบนมุมปากของคริส
“ที่แกพูดนี่หมายความว่ายังไงคริส ฉันอาจจะตามไม่ทันความคิดของแก”
“ไม่มีใครตามความคิดของใครทันเหรอครับ ขนาดผมอยู่กับพี่มาตั้งกี่สิบปีจนอายุขนาดนี้ผมเองก็ยังตามความคิดพี่ไม่ทันเลย”
“มีอะไรแกก็พูดมาดีกว่านะคริส ทำไมต้องอ้อมค้อมแล้วทำไมจะต้องใช้คำพูดแบบนั้นด้วย”
“พี่ไม่อยากให้ผมอ้อมค้อมอย่างนั้นเหรอครับ...โอเคครับถ้าอย่างนั้นที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อที่จะคุยอย่างตรงไปตรงมากับพี่เพราะผมมีอะไรผมก็มักจะเปิดเผยและพี่ก็จะรู้ความเคลื่อนไหวของผมเสมอแต่ผมซะอีกที่แทบไม่รู้เลยว่าความคิดของพี่เป็นยังไงและมีอะไรที่พี่แอบซ่อนเอาไว้”
“ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจกันนะคริส บอกมาตรง ๆ ดีกว่าว่าแกต้องการอะไร”
คราวนี้นิโคลัสยืดลำตัวขึ้นยืนมือแกร่งทั้งสองค้ำยันบนโต๊ะ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาในทันใดส่วนคริสต์เองก็ค่อย ๆ ยืดตัวลุกขึ้นก่อนที่จะยื่นโทรศัพท์มือถือของเขาให้กับนิโคลัสรับไป
“ผมอยากให้พี่เปิดมือถือดูเดี๋ยวนี้เลยครับ”
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั