เสียงเพลงใน Midnight Bloom Pub ดังสนั่นหวั่นไหว แสงจากไฟหลากหลายสีสันสลับกันไปมา หน้าเวทีมีกลุ่มคนกำลังโยกย้าย บางคู่กำลังล้วงบางอย่าง บางคู่กำลังนัวเนียกันอย่างได้ที่ จังหวะเพลงที่ชวนคนโยกจนหัวสั่นนั้นมันกลับไม่ทำให้เรนนี่ที่นั่งยกแก้วดื่มครั้งแล้วครั้งเล่าอยากโยกย้ายได้เลยสักนิด
อึก ๆ ๆ
เสียงกระดกน้ำมึนเมาลงคอแบบไม่ลดละ แก้วที่เท่าไรเรนนี่ก็ไม่แน่ใจ เธอรู้เพียงแค่แอลกอฮอล์กำลังช่วยเธอเยียวยาหัวใจ
เธอเป็นนักศึกษาปี 4 ที่กำลังฝึกงานอยู่ ตอนนี้เธอได้มาหาเพื่อนสนิทอย่าเอมมี่ที่นี่ อันที่จริงเธอมีเรื่องที่อยากระบายกับเอมมี่แต่พอเห็นว่าเพื่อนสนิทนั้นก็มีเรื่องทุกข์ใจไม่ต่างกันเธอเลยเลือกที่จะเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ภายใน
ตอนนี้เธอนั่งดื่มคนเดียวกลางผับหรู ยังดีที่ตอนมาเอมมี่เป็นคนเลือกโต๊ะที่ไม่ได้อยู่ด้านหน้าไปมากกว่านี้ไม่งั้นคงวุ่นวายจนน่าปวดหัวเปล่า ๆ
อยู่ ๆ น้ำตาก็รินไหลลงมาเป็นสาว ก้มหน้ามองแก้วที่ถืออยู่ในมือ “ไอ้คนใจร้าย นิสัยไม่ดี” พูดกับตัวเองราวกับอยากระบาย ยกมือเช็ดน้ำตาออกเบา ๆ ก่อนเงยหน้ามองเพดานของร้าน เรนนี่สูดลมหายใจเข้าลึกตั้งสติ
เธอเพิ่งเลิกกันแฟนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ราวกับโลกทั้งใบแตกสลาย แม้จะคบกันได้เพียงปีกว่า ๆ แต่เรนนี่ก็รักอีกคนจนหมดใจ เรนนี่ไม่รู้ว่าเธอพลาดตรงไหนอีกฝ่ายถึงเลือกที่จะนอกใจเธอและไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น...
เธออาจจะยังคบกับแฟนต่อก็ได้หากเธอไม่รับรู้ถึงอาการผิดปกติที่แฟนเธอเป็น โทรหาไม่ค่อยรับสาย อ้างว่าติดธุระบ่อย ๆ ไหนจะการที่อีกฝ่ายเริ่มดูแลตัวเองให้ดีมากขึ้น
ทั้ง ๆ ที่คิดไว้แล้วว่าการคบคนหล่อมันอันตราย เรนนี่เลยเลือกที่จะคบคนที่หน้าตาปานกลาง ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้ดูดีจนถึงขั้นที่สามารถเป็นดาราได้ ฐานะก็พอไปวัดไปวา แต่สุดท้ายแล้วแฟนของเธอก็มักมาก มีของสวย ๆ อย่างเธออยู่ในมืออยู่แล้วแท้ ๆ แต่กลับใฝ่ต่ำไปเอาใครก็ไม่รู้เข้ามาในความสัมพันธ์
แม้จะรักและเสียใจแต่เรนนี่ก็ไม่ได้คิดที่จะกลับไปคว้าเอาขยะมาไว้ในมืออีกครั้ง เธอรักและดูแลดีขนาดนี้ ไม่ว่าแฟนของเธออยากได้อะไรเธอก็พร้อมเอาเงินเก็บที่พ่อและแม่เธอให้ไว้มาซื้อให้ตามที่อีกคนต้องการ
“น่าจะเชื่อพ่อ...” เรนนี่พูดกับตัวเองอีกครั้ง ความรักครั้งนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อันที่จริงพ่อเธอปรามอยู่หลายครั้งว่าการที่เธอเอาเงินไปปรนเปรออีกฝ่ายโดยไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้มันไม่ดีสักเท่าไรนัก แต่เธอก็ไม่เชื่อฟัง และเลือกที่จะทำแบบนั้นอยู่ดี
“เมาให้ตายกันไปข้าง ความรักห่วยแตก!” ชูแก้วเหล้าขึ้นสูงเหนือหัว พูดปลุกใจตัวเองเสียงดัง โต๊ะที่อยู่ติดกันก็มองเธอราวกับเธอไม่ปกติแต่เรนนี่ไม่ได้สนใจ
“สวัสดีครับคนสวย” เสียงทุ้มทักทายเธอ
เรนนี่เงยหน้าไปสบตา ใบหน้าเริ่มแดงก่ำ ดวงตาหยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ “ไม่ อย่ามายุ่ง” เรนนี่เสียงดัง
ผู้ชายคนนั้นไม่ได้สนใจ เขาเลือกที่จะนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ยิ้มด้วยแววตาไม่หวังดีสักเท่าไร ไล่มองเรนนี่ในชุดสีขาวเกาะอกตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่สายตานั้นกลับหยุดอยู่ที่ไฟหน้าของเรนนี่นานสองนาน
“ทำไมคนสวยถึงมานั่งดื่มคนเดียวแบบนี้ล่ะครับ”
“ผัวทิ้งไง” เรนนี่ตอบพร้อมกับหัวเราะในลำคอเล็กน้อย
“ไอ้เวรนั่นทำไมมันโง่อย่างนี้” ผู้ชายคนนั้นหวังอาศัยจังหวะชุลมุน ย้ายตัวเองมานั่งติดกับเรนนี่ ยื่นแก้วไปตรงหน้าหญิงสาวหวังจะสานความสัมพันธ์ในค่ำคืนนี้
“ใช่ไหม มันโง่ หล่อก็ไม่หล่อ หน้าอย่างกับปลาตีน!” ราวกับเรนนี่ได้ที่ปลดปล่อย เธอพูดเสียงดัง “ฉันนะ ทั้งรัก ทั้งดูแลดี เงินก็มีให้ใช้ ทั้ง ๆ ที่มันโตกว่าแท้ ๆ แต่ไม่เคยซื้ออะไรให้ฉันเลย!”
“เห็นไหมครับคนสวย มันโง่มากเลย ว่าไหม” ปากพูด ตัวขยับ ผู้ชายแปลกหน้านั่งแนบชิดกับเรนนี่ มือส่งไปด้านหลัง
“โง่ ไอ้โง่ ไอ้โง่นั่นมันเลือกที่จะทิ้งผู้หญิงสวย ๆ แบบฉัน!”
“ใช่ครับ มัน...เฮ้ย!” ผู้ชายคนนั้นร้องเสียงหลง เขากำลังจะวางมือลงบนเอวบางโดยถือวิสาสะ แต่แล้วก็โดนมือของใครบางคนปัดออกอย่างแรง
ผู้ชายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังสีดำมันเงา ผมถูกเซตให้เข้าที่ แว่นตากรอบหนายืนค้ำหัวอยู่
“กรุณาอย่าทำสันดานแบบนี้ครับ” ผู้ชายที่มาใหม่เอ่ยเสียงเข้ม
“มึงเสือกอะไรวะไอ้เหี้ยแว่น นี่เมียกู” ผู้ชายคนนั้นไม่ยอม
“เหรอ” คนที่สวมแว่นถาม
“ใช่ดิ ใช่ไหมครับที่รัก” คนที่ตั้งใจจะโอบเอวเรนนี่ยังไม่ยอม หันหน้าไปถามเรนนี่ที่นั่งทำหน้าตาราวกับโลกแตกสลาย
“ฮือ ฉันไม่มีแฟนแล้ว” แต่ด้วยสติที่ไม่เต็มร้อยทำให้เธอถามตอบไม่ค่อยรู้เรื่อง
“มึงจะไปไหนก็ไปเถอะไป กูกับเมียทะเลาะกันอยู่”
“เหรอ”
“เออสิวะ”
“ลากตัวมันออกไป” ผู้ชายที่สวมแว่นเหนื่อยที่จะพูดอะไรให้มันมากความ เขาหันไปบอกการ์ดที่ดูแลรักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ด้านหลังสองคน
การ์ดทั้งสองพยักหน้ารับคำสั่ง เดินเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้น
“เหี้ยอะไรวะ มึงบ้าไหม นี่เมียกู!” ผู้ชายคนนั้นไม่ยอม ร้องโวยวายดังลั่นร้าน “ทุกคนดูนะ ถ่ายคลิปไว้เลยนะ ไอ้เหี้ยนี่มันบ้า คนกำลังจะง้อเมีย!”
“เหอะ” ผู้ชายที่สวมแว่นหัวเราะในลำคอ “ติดแบล็กลิสต์ ห้ามเข้ามาที่ร้านนี้อีกเด็ดขาด”
“มึงมีสิทธิ์อะไรวะ นี่ก็ร้านเพื่อนกู มึงเจอแน่!”
“ถ้ามึงไม่หุบปากเรื่องมันจะไม่จบแค่เอามึงไปโยนไว้นอกร้าน” ฟางเส้นสุดท้ายขาดสะบั้น ผืนป่าบ่นอย่างหัวเสีย ใช้มือขยับขาแว่นระบายความรำคาญ
“ปล่อยกูสิวะ ปล่อยกู” ผู้ชายคนนั้นออกแรงหวังจะให้ตัวเองหลุดเป็นอิสระ “กูจะโทรเรียกเพื่อนกู!”
เหตุการณ์เริ่มลากยาว ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นหันมามองยังโต๊ะที่เรนนี่นั่งอยู่ แต่เรนนี่กลับยิ้มและใช้มือเท้าคางมองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับนี่เป็นการแสดงเพื่อความบันเทิงอะไรสักอย่าง
“เพื่อนมึงที่เป็นเจ้าของร้านนี้?” ผืนป่าเลิกคิ้วถาม
“เออ! คนที่จะโดนหิ้วออกจากร้านไม่ใช่กู แต่ต้องเป็นมึง”
“เอามันไปที่สถานีตำรวจ บอกกับตำรวจว่ามันเมาแล้วอาละวาดในร้านและจะขืนใจผู้หญิง” ผืนป่าไม่ได้สนใจ เขาบอกกับการ์ดสองคน
“มึงเป็นใครวะ กร่างมากเหรอ!” ผู้ชายคนนั้นยกเท้าขึ้นมาหวังจะยันขาของผืนป่า
“กูเป็นเจ้าของร้านที่มึงกำลังเหยียบอยู่ตอนนี้ และในโทษฐานที่มึงทำให้ร้านกูแปดเปื้อน ไปนอนเล่นในคุกสักคืนเถอะ” ผืนป่าพูดจบก็เดินไปดึงเรนนี่ให้ตามตนออกจากร้านไป
“หนูจะวางสายแล้วนะ” [หนูทำงานไปด้วยคุยกับพี่ไปด้วยไม่ได้เหรอครับ] “เราคุยกันมาจะชั่วโมงหนึ่งแล้วนะพี่ป่า” [คุยกับหนูทั้งวันพี่ก็ไหว] “อย่าทำเหมือนตัวเองเป็นวัยรุ่นได้ไหม จะสามสิบอยู่แล้วนะ” [เฮ้อ ก็ได้ครับ] “ไว้คุยกันตอนเย็นนะคะ” [ครับ ไว้เจอกัน] “ไว้คุยกัน ไม่ใช่ไว้เจอกัน!” [โอเค...คิดถึงหนูนะ] “หนูก็คิดถึงพี่ป่า” [ครับ งั้นพี่วางสายแล้วนะ] “ค่า วางไปเลย” สายถูกตัดไปทันทีที่เธอเอ่ยบอก เรนนี่นั่งยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของผืนป่า ตอนนี้ก็เข้าเดือนที่ 3 แล้วตั้งแต่ที่เธอรู้จักกับผืนป่ามา ผืนป่าเสมอต้นเสมอปลาย ติดเธอยังไงก็ยังคงติดเธอแบบนั้น วันนี้เป็นวันฝึกงานวันสุดท้าย เรนนี่ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะรีบเดินทางไปหาผืนป่า ตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์ ตั้งแต่ที่เธอตกลงเป็นแฟนกับผืนป่า เธอก็ลองใจโดยการไปหาเพียงเดือนละครั้งถึงสองครั้ง ก่อนที่เรนนี่จะรักผืนป่าไปมากกว่านี้เธออยากจะแน่ใจว่าระยะทางที่ห่างกันจะมีผลต่อความสัมพันธ์
“พี่ป่า...หนูเหนื่อยแล้วนะ” เรนนี่พึมพำ สะลึมสะลืออยู่ในอ้อมอกของผืนป่า มือหนาที่สาละวนอยู่บนหน้าท้องขาวก็หยุดลง“พี่ป่าไม่ได้จะทำครับ พี่ป่าอยากลูบให้หนูเฉย ๆ”“ไม่จริง พี่ป่าหวังผล” เรนนี่เถียงกลับผืนป่าหัวเราะเล็กน้อย กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น “หนูอยากไปทำงานกับพี่ไหมครับ”“หนูจะไปกวนพี่ป่าไหม” เรนนี่หลับตาตอบ“ไม่กวน ให้หนูไปด้วยพี่น่าจะมีกำลังใจทำงานมากกว่า”“อือ...แต่หนูขอนอนแป๊บหนึ่งได้ไหมคะ”“ครับ นอนพักก่อน”ผืนป่าปล่อยให้เรนนี่พักสายตาชั่วโมงกว่า ๆ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปปลุกด้วยการระดมหอมแก้มซ้ายทีขวาที เรนนี่รู้สึกจั๊กจี้จึงลืมตาตื่นขึ้นมา มือเรียวคล้องไปที่คอของผืนป่ารอยยิ้มหวานถูกส่งออกมา “พรุ่งนี้หนูต้องกลับแล้วนะ”“...” ผืนป่าเงียบ“ไว้หนูจะมาหาใหม่”“พี่ไม่อยากให้หนูกลับแต่พี่ก็เข้าใจ” เพราะเรนนี่กำลังฝึกงานอยู่ เขาไม่อยากจะขัด แต่เขาก็ไม่ได้อยากให้เรนนี่ห่างจากเขา“หืม พี่ป่างอแงเหรอ” เรนนี่เห็นสีหน้าที่แปลกไปก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม ใบหน้าหล่อเศร้าลงเล็กน้อย มุมปากเบะลงต่ำ“เฮ้อ” ผืนป่าทิ้งตัวลงบนเตียง ใบหน้าหล่อซุกลงที่ลำคอระหงเรนนี่พยายามกลั้นยิ้ม ผืนป่าน่ารัก...น่
เรนนี่สวมชุดเกาะอกสีอ่อน กระโปรงสั้นชนิดที่ขัดใจผืนป่า ผมปล่อยยาวตรง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างดี ริมฝีปากบางน่าสัมผัส ผืนป่าเอ่ยปากชมเรนนี่ไม่ต่ำกว่าสามครั้งก่อนออกจากห้องเธอควงแขนผืนป่าเดินขนาบข้างไปที่ท่าเรือ ผืนป่าเหมาเรือเพื่อพาเรนนี่ดินเนอร์กลางแม่น้ำเจ้าพระยาแม้เรนนี่จะมีฐานะที่พอจะทำอะไรแบบนี้ได้ แต่เชื่อเถอะว่าเธอไม่มีทางทำมันเด็ดขาด แพงเกิน!หญิงสาวเอาแต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น เธอดีใจที่ผืนป่าทำให้เธอขนาดนี้ ทำให้เธอโดยที่เธอไม่ต้องเรียกร้องเลยสักอย่าง สุดท้ายแล้วเรนนี่ก็อดไม่ได้ที่จะเอาไปเปรียบเทียบกับพีระ รายนั้นน่ะนอกจากไม่ออกเงินสักบาทยังรบเร้าให้เธอพาไปทานแต่อาหารแพง ๆ“คิดอะไรอยู่” ผืนป่าถามเมื่อเห็นว่าเรนนี่นั่งเหม่อโต๊ะทานอาหารที่อยู่กลางเรือ มีเพียงสองคนที่นั่งอยู่ ส่วนพนักงานต่างรอบริการอยู่ไกล ๆ เพราะผืนป่าบอกเอาไว้ว่าเขาชอบความเป็นส่วนตัว“คิดว่าหนูโชคดีที่ได้เจอพี่ป่า” เรนนี่ออดอ้อน“หนูอยากได้อะไร”“ทำไมเหรอ”“หนูอ้อนพี่ป่าทำไมครับ”“อ่า...” เรนนี่รู้สึกร้อน ๆ ที่หนู เธอแพ้กับคำพูดที่เรียกแทนตัวเองว่าพี่ป่า“หนูอยากดื่มไหม”“อยากค่ะ”“งั้นเดี๋ยวพี่เลือกเ
ร่างบางเปลือยเปล่า ไม่ได้สวมใส่อะไรนอนคว่ำหน้าบนหมอนนุ่ม ข้าง ๆ กันมีผู้ชายร่างสูงกำลังนั่งมองแผ่นหลังขาวเนียน มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนุ่มอยู่อย่างนั้นผืนป่ายิ้มออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขารู้แค่เพียงว่าตอนนี้เขาอิ่มความสุขเสียเหลือเกิน...เรนนี่รู้สึกตัวจึงขยับตัวเล็กน้อย หันหน้ามาทางที่ผืนป่าอยู่ เปลือกตาสีไข่ ๆ ค่อยลืมขึ้น เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายที่เปลือยเปล่านั่งอยู่ข้าง ๆ เรนนี่ก็รีบหันหน้าหนี“ทำไมพี่ป่าไม่ใส่เสื้อผ้า” เรนนี่ทักท้วง“หนูยังไม่ใส่ ทำไมพี่ต้องใส่ล่ะครับ” ผืนป่าตอบเสียงเรียบ“งั้นพี่ป่าก็เอาผ้าห่มคลุมไว้สิ” เรนนี่เถียงต่อ“ทำไมพี่ต้องทำแบบนั้น”“ก็...ก็ต้องอายหนูไง”“พี่ไม่อาย”“อายหนูหน่อยก็ได้ หนูยังอายเลย”“ครับ อายนิดเดียวก็ได้” ผืนป่าพูดจบเขาก็ทำสิ่งที่ทำให้เรนนี่ตื่นเต็มตา มือของผืนป่าจับมือของเรนนี่ไปวางไว้บนดุ้นยักษ์ที่กำลังหลับใหล“พี่ป่า!” เรนนี่ลืมตัวจึงหันกลับมาเรียกอีกคนเสียงดังลั่น แต่พอสบตาเข้ากับคนเจ้าเล่ห์ก็ต้องใจอ่อนยวบ ใบหน้าหล่อกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่ไม่อาจต้าน“ว่าไงครับ” ยิ่งเจอน้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นเรนนี่ยิ่งอยากยกธงขาว...สุดท้ายเรนนี่ก็ทำในส
สองเท้าหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะที่เรนนี่นั่งอยู่ เขาส่งสายตาดุไล่คนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้หวังจะทักทาย สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็ถอยห่างออกไปเรนนี่เงยหน้ามาสบตา ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “พี่ป่าเห็นหนูได้ยังไง”ผืนป่าใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ไม่เจอกันนานหลายสัปดาห์ โผล่มาอีกทีก็มายิ้มหวานใส่เขาซะงั้น ใครมันจะไปไหนรอด“หนูมาที่นี่ได้ยังไง”“ไม่รู้”“…”“สงสัยความคิดถึงมันพาหนูมามั้ง”คำตอบที่ได้ทำเอาผืนป่ายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาเดินเข้าไปใกล้ หยิบกระเป๋าใบเล็กของเรนนี่มาถือไว้ในมือ มือหนากอบกุมมือเรียวเอาไว้ก่อนจะพาเรนนี่เดินออกมาจากร้านทันทีคอนโดมิเนียมสุดหรูคือจุดมุ่งหมาย แต่ทว่าต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบไม่พูดไม่จา นั่งคนละฝั่งของโซฟา ผืนป่านั่งมองเรนนี่ส่วนเรนนี่เอาแต่ก้มมองเท้าของตัวเอง“พี่ป่าโกรธหนูไหม”ผืนป่าอยากตอบออกไปว่าไม่โกรธ แค่หนูโผล่มาอยู่ตรงนี้และเรียกเขาว่าพี่ป่าด้วยรอยยิ้มแบบนั้นเขาก็โกรธไม่ลงแล้ว แต่ทว่าผืนป่าก็อยากรู้ว่าเรนนี่ต้องการจะคุยอะไรกับเขา เขาเลยเล่นไปตามน้ำ “ให้พี่โกรธหนูเรื่องอะไร”“ที่หนูหายไปไม่บอก”“…” ไม่โกรธครับ พี่ไม่โกรธหนูเลย“โกรธหนูใช่ไหม” เมื่อเห็นว่าผืนป่าไม่ตอบ เ
ฉันกลับแล้วนะ ขอบคุณที่ให้ฉันอยู่ด้วยแล้วก็ขอโทษที่รบกวน-เรนนี่-กระดาษโพสต์อิทแผ่นเล็กแปะไว้บนบานประตูห้องนอนของผืนป่า เขาตื่นมาในช่วงสาย ๆ ของวัน ทันทีที่เปิดประตูห้องแล้วเห็นกระดาษแผ่นเล็กแผ่นนั้นใจเขาก็รู้สึกวาบโหวง แม้จะอยู่ด้วยกันไม่กี่วันแต่เขาก็ชอบมากกว่าเขาอยู่เพียงลำพังร่างสูงเดินไปนั่งลงบนโซฟา มือก็ถือกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้ มองมันสลับไปมากับห้องนอนของเรนนี่ที่เปิดค้างอยู่ ไม่รอช้าเขาก็รีบเดินเข้าไปภายในกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ยังคงลอยทั่วห้องนอนเล็ก เสื้อผ้าบางชุดยังคงแขวนอยู่ในตู้ ครีมบางตัวยังวางอยู่ในห้องผืนป่ายกยิ้มขึ้นเบา ๆ หากเจ้าของเขาทิ้งของเอาไว้แบบนี้แสดงว่าเดี๋ยวก็คงกลับมาเอาจากที่จิตใจห่อเหี่ยวก็กลับมาสดใสอีกครั้ง ผืนป่าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะนัดเพื่อนออกไปทานอาหารกลางวันร้านอาหารที่มีห้องส่วนตัวคือจุดหมาย ผืนป่าไม่ชอบความวุ่นวาย เวลาเขาจองห้องอาหารเขาจึงเลือกร้านที่มีห้องวีไอพีเขาไปนั่งรอสักพักไม่นานนักเมย์ก็มาถึง“อ้าว ไอ้ธีร์ยังไม่มาเหรอ” เมย์เห็นห้องโล่งก็เอ่ยถาม“ยัง”“แล้วทำไมแกมาคนเดียวล่ะ” เมย์นั่งลงตรงกันข้าม “ธีร์มันโม้ให้ฉันฟังว่าแกมีเด็ก” เพื่อนสาววางกระ
หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายที่ผับของผืนป่า เขาก็ได้พาเรนนี่กลับทันที เขาไม่มีอารมณ์จะมานั่งทำงานต่อตลอดทางกลับไปยังคอนโดมิเนียมหรูไม่มีเสียงพูดใด ๆ ผืนป่าดูอารมณ์ร้อนเล็กน้อย ส่วนเรนนี่ก็เอาแต่นั่งเงียบเพราะความเขิน แต่ผืนป่ากลับคิดว่าที่เรนนี่นั่งเงียบมันเป็นเพราะพีระ เพราะวันนี้เขายังได้ยินเรนนี่ร้องไห้เพราะเรื่องไอ้เวรนั่นอยู่เลยสองเท้าก้าวเข้าไปในห้อง เรนนี่ถอดรองเท้าและเปลี่ยนเป็นรองเท้าสลิปเปอร์สีเข้มที่เอาไว้ใส่ในห้อง เธอทำเหมือนกับว่าที่นี่คือห้องของเธอ ถึงอยู่ได้ไม่กี่วันแต่เธอยอมรับว่าเธอรู้สึกปลอดภัยในตอนที่เธออยู่ที่แห่งนี้“หิวหรือเปล่า” ผืนป่าเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนเรนนี่ส่ายหัวก่อนเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาผืนป่าพยักหน้าทั้ง ๆ ที่เรนนี่ไม่เห็น เขาปลดกระดุมออก ก่อนพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นถึงบริเวณข้อศอก ร่างสูงเดินตรงไปยังตู้เย็นก่อนเปิดหาน้ำเย็นเพื่อดื่มดับความลุ่มร้อนในหัวใจเรนนี่กัดริมฝีปากล่าง เธอขบคิดอะไรอยู่ในหัว สงสัยแต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรถามมันออกไปหรือเปล่า...โซฟาข้างกายยวบลงบ่งบอกเธอว่าเจ้าของห้องได้มานั่งข้าง ๆ ผืนป่านั่งขาไขว่ห้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์สั่งงานลูกน้อง ปกติ
“อย่าทำอะไรน้องถ้าน้องไม่ยอมนะ” ธีรภพที่นั่งดื่มกับผืนป่าบนชั้นสอง มองลงไปด้านล่างเห็นเอมมี่และเรนนี่กำลังคุยกันอยู่“กูไม่ได้เลวขนาดนั้น”“กูรู้ แต่กูกลัวมึงหน้ามืดตามัวเห็นของชอบใกล้ ๆ กลัวมึงจะอดใจไม่ไหว” ธีรภพวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ มองหน้าเพื่อนของตัวเอง“...” ผืนป่ายกยิ้ม“เอมมี่เป็นห่วงเพื่อนมาก ๆ” ธีรภพพูดขึ้น “หวังว่ามึงจะไม่ทำอะไรให้เมียกูเสียใจนะที่ไว้ใจผิดคน”“เออ ไม่ต้องย้ำ”ผืนป่าไม่ได้ชวนคุยอะไรต่อ เขาเอาแต่มองลงไปยังชั้นหนึ่ง มองหน้าหญิงสาวที่อาศัยอยู่กับเขามาหลายวัน อยู่ ๆ หัวคิ้วเขาก็ขมวดเป็นปมเมื่อมีผู้ชายเข้ามาทักทายเรนนี่ถึงโต๊ะ ทั้ง ๆ ที่เขาให้การ์ดมายืนเฝ้าที่โต๊ะแล้วแท้ ๆ ไอ้เวรนั่นมันกล้าดียังไงวะ“ฉิบ เมียกู” ธีรภพวางแก้วลงบนโต๊ะรีบร้อนจะลุกออกไปแต่ก็ไม่ทันผืนป่า ที่ลุกหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ “เร็วกว่ากูอีก” เขาบ่นพึมพำแล้วรีบก้าวเท้าตามลงไป“ว่าไงครับเรนนี่” พีระที่สวมเสื้อยืดสีขาว เอาเสื้อเข้าด้านในกางเกงยีนสีซีด พีระไม่ใช่คนหน้าตาดี แต่เขาเป็นคนที่แต่งตัวเก่ง“…” เรนนี่เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง“ออกไปจากโต๊ะพวกเราเถอะ” เอมมี่เป็นคนเอ่ยบอก“ได้ยังไงล่ะ ไหน ๆ
เรนนี่ตั้งสติก่อนยิ้มออกมา ผืนป่าไม่ใช่คนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แบบที่เอมมี่บอก“งั้นแสดงว่าคุณกำลังคิดอกุศลกับฉัน...ใช่ไหม” เรนนี่ไม่ได้กลัว หากอีกคนเป็นไฟเธอก็พร้อมที่จะเป็นน้ำมัน“...”“ชอบฉันหรือไง” เรนนี่ขยับเข้ามาใกล้ ใช้ขาหนึ่งข้างเกยไปบนหน้าขาแกร่ง“ฮึ”“ทำไมไม่ตอบล่ะ”หมับมือหนาวางลงบนต้นขาขาว เรนนี่เบิกตาโพลง ตกใจและตื่นเต้นกับไอร้อนของฝ่ามือที่สัมผัสอยู่ที่หน้าขาของเธอ“ฉันว่าฉันเตือนเธอแล้วนะ” ผืนป่าบอก ใบหน้าเขาตอนนี้ราวกับสัตว์ป่าที่กำลังหิวกระหาย“คะ...คุณ” เรนนี่อึกอักเมื่อมือร้อนนั้นเริ่มลากไล้“ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเธอไม่ลุกหนีฉันจะคิดว่าเธอรู้สึกแบบเดียวกันกับฉัน”ไม่ทันที่ผืนป่าจะเริ่มนับ เรนนี่ก็วิ่งหนีหายเข้าไปในห้องตัวเองเสียแล้วปังเสียงปิดประตูดังลั่น ผืนป่าหัวเราะออกมาเบา ๆ “น่ารัก” พร้อมกับพึมพำกับตัวเองอีกฝั่งของประตู หญิงสาวที่วิ่งหนีกลับเข้าห้องทรุดตัวลงกับพื้น มือเรียวกุมเอาไว้ที่ตรงกลางระหว่างอก สัมผัสเมื่อกี้มันทำให้เธอใจเต้นแรงจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ไหนจะใบหน้าหล่อที่มีแว่นปกปิดอยู่ใกล้เพียงไม่กี่คืบ เรนนี่อาจจะเป็นโรคภูมิแพ้...หมายถึงภูมิแพ้คนหล่อเพ