พัณณ์ชิตาเดินลงมายังลานจอดในเวลาเกือบจะตีห้า หญิงสาวทั้งง่วงทั้งเพลียเพราะคืนก่อนหน้านี้เธอก็ผ่าตัดจนตึกและคืนนี้ก็ถูกปลุกทั้งที่เพิ่งเข้านอนไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ
“ดูท่าทางแล้วหมอคนสวยคงจะเหนื่อยมากนะครับ ให้ผมขับรถไปส่งไหม” นิโคไลที่รออยู่ตรงลานจอดรถเกือบครึ่งชั่วโมงก็เดินเข้ามาหา
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้”
“แต่ผมอยากไปส่ง”
“จะไปส่งฉันให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะคะ ทำไมคุณไม่เอาเวลานี้ไปเฝ้าหลานสาวหรือน้องสาวของคุณล่ะ”
“เพราะที่นั่นมีคนเฝ้าเยอะแล้วไงล่ะ แต่ยังไม่มีใครเฝ้าคุณเลยสักคน”
“ทำไมจะต้องเฝ้าฉันด้วยล่ะ” พัณณ์ชิตาถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็คุณหมอบอกผมเองนี่ว่าจะรับผิดชอบ”
“ใช่ ฉันเป็นคนรับผิดชอบ แต่คุณไม่จำเป็นต้องมาเฝ้าฉันแบบนี้”
“จำเป็นสิ ถ้าเกิดคุณกลัวความผิดแล้วหนีไป ผมกับครอบครัวจะหาคนรับผิดชอบที่ไหนล่ะ เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะตามติดคุณเป็นเงาตามตัวจนกว่าหลานสาวผมจะออกจากโรงพยาบาล”
“ว่างมากเหรอคะ”
“ไม่ว่างแต่ก็จะพยายามวางครับ” เขาตอบด้วยท่าทางยียวน
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันผ่าตัดตามข้อบ่งชี้ ไม่มีตรงไหนที่ฉันทำพลาดเลย ถ้าคุณไม่เชื่อจะลองไปถามหมอที่โรงพยาบาลอื่นดูก็ได้”
“ถ้าผมถามพวกคุณก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว ผมอยากเห็นกับตามากกว่า ถ้าคุณมั่นใจก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลยนี่ครับ หรือคุณกลัวผม”
“ฉันจะกลัวคุณทำไมล่ะ”
“งั้นก็ต้องให้ผมไปส่งสิ”
“คุณเป็นใครฉันยังไม่รู้จักเลยจะให้ไปด้วยง่ายๆ ได้ยังไง”
“เดี๋ยวค่อยแนะนำตัวกันก็ได้”
“รอเดี๋ยวนะ”
พัณณ์ชิตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโหมดวิดีโก่อนจะหันกล้องไปทางชายหนุ่มที่เธอเพิ่งเจอเป็นครั้งที่สอง
“บอกชื่อนามสกุลของคุณมาสิ”
“นี่ถึงขนาดอัดวิดีโอเลยเหรอ ไหนคุณว่าไม่กลัว”
“เขาเรียกกันไว้ก่อน เอาล่ะบอกมา”
“ฟังนะ ผมชื่อนิโคไล เลวานอฟ วิมลภักดี ชื่อเล่นว่านิคอายุ 32 พ่อชื่อวิกเตอร์ เวลานอฟ แม่ชื่อนิชาภา เลวานอฟ วิลมลภักดี” นิโคไลตอบไปตามความจริงเพราะเขาไม่มีอะไรปิดบังหรือต้องกลัวอะไรอยู่แล้ว เขารู้สึกถูกชะตากับคุณหมอคนสวยคนนี้เสียแล้วเพราะเธอเป็นคนแรกที่กล้าต่อรองกับเขาและดูแล้วเธอไม่มีความกลัวเขาเลยสักนิด
พัณณ์ชิตาส่งไฟล์ที่บันทึกไว้ให้กับพี่ชายของตนก่อนจะส่งข้อความตามไปบอกว่าถ้าเธอเป็นอะไรไปให้สงสัยผู้ชายคนนี้เป็นคนแรก
หลังจากตกลงกันได้แล้วพัณณ์ชิตาก็ให้เขาเป็นคนขับรถของตนเองมายังคอนโดโดยมีคนของเขาขับรถอีกคันตามหลัง
“ขอบใจนะมีคนขับรถให้นั่งก็สบายดีเหมือนกัน”
“ดูคุณไม่กังวลเลยนะ”
“จะกังวลอะไรล่ะ คลิปวิดีโอเมื่อครู่ฉันส่งไปให้พี่ชายที่เป็นตำรวจแล้ว ถ้าฉันเป็นอะไรไปเขาก็คงตามหาคุณได้ไม่ยาก อีกอย่างตอนนี้หลานของคุณก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาล” พัณณ์ชิตทำทีว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่าแต่อันที่จริงเธอนั้นกลัวเขาอยู่มากเหมือนกัน
“แล้วจะไปทำงานอีกตอนไหน”
“ถามทำไมจะมาขับรถให้เหรอ”
“ใช่นะสิ เกิดคุณหนีขึ้นมาล่ะ”
“เอาเบอร์มาสิฉันจะโทรบอกก่อนจะออกจากที่นี่ครึ่งชั่วโมง แต่ถ้ามาถึงช้าก็อย่ามาโทษฉันนะ”
“คุณพักอยู่ชั้นไหนเหรอ”
“ไม่ต้องรู้หรอกน่า และก็ไม่ต้องกลัวหนีเพราะที่นี่มีทางเข้าออกแค่ทางเดียว”
“ผมก็แค่อยากรู้เผื่อคุณจะปีนหนีไปทางด้านหลัง”
“จะบ้าเหรอ ฉันพักชั้น 18 ปีนลงมาถ้าพลาดก็คงได้ไปเฝ้ายมบาลน่ะสิ” หญิงสาวพูดพลางกดโทรศัพท์ของเขาเข้าเครื่องตัวเองพอได้ยินเสียงก็กดวางสาย
“ผมจะมาถึงที่นี่ก่อนครึ่งชั่วโมงแน่”
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณจะทำได้อย่างที่พูดไหม ขอกุญแจรถฉันคืนด้วย”
“เก็บไว้ที่ผมดีกว่า เผื่อคุณตุกติก แล้วคิดจะหนีขึ้นมาล่ะ” นิโคไลทำตัวไม่มีเหตุผลจนคุณหมอส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับความเอาแต่ใจ
“แล้วถ้าเกิดคุณเป็นพวกสิบแปดมงกุฎเอารถฉันไปขายล่ะจะทำยังไง”
“เอาอะไรมาคิดว่าผมเป็นสิบแปดมงกุฎ”
“ใครจะไปรู้คนเราเดี๋ยวนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ เพราะฉะนั้นขอกุญแจรถคืนให้ฉันด้วย”
“รถคุณจะขายได้ถึงสามล้านหรือเปล่ายังไม่รู้เลยผมจะขโมยไปทำไมให้เสียเวลา”
“จะกี่ล้านมันก็เรื่องของฉันไหม ถ้าคุณเอารถฉันไปแล้วถ้าโรงพยาบาลโทรถามกะทันหันเพราะมีคนไข้ด่วนขึ้นมาฉันจะทำยังไง คุณนึกถึงคนไข้คนอื่นบ้างนะ ฉันไม่ได้มีน้องคุณเป็นคนไข้แค่คนเดียวสักหน่อย” พัณณ์ชิตาชักจะหมดความอดทน แล้วตอนนี้เธอก็ทั้งง่วงทั้งเหนื่อยและอยากพัก ถ้าเขายังกวนประสาทอยู่แบบนี้เธอคงได้เรียกรปภ.ของคอนโดมาไล่เขาไปแน่ๆ
นิโคไลไม่เถียงเพราะสิ่งที่เธอพูดมันถูกต้องแล้ว ชายหนุ่มส่งกุญแจรถคืนให้กับพัณณ์ชิตาก่อนที่จะตัวเองจะนั่งรถที่ขับตามหลังมาออกจากคอนโด
“เฮ้อ!” คุณหมอสาวถอนหายใจ เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครมาจากไหน แต่คิดว่าพรุ่งนี้คงจะรู้ประวัติของเขาทั้งหมดถ้าชื่อและนามสกุลที่เขาบอกมานั้นเป็นชื่อจริงของเขา
“หมอพั้นช์ลางานตั้งหลายวันครั้งนี้จะไปเที่ยวไหนคะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจถามคุณหมอสาวที่มักจะใช้วันหยุดไปกับการท่องเที่ยวและมีของฝากติดไม้ติดมือมาเป็นประจำ“ครั้งนี้คิดว่าจะพักผ่อนอยู่บ้านจริงๆ ค่ะ เจอกันวันจันทร์หน้านะคะ” พัณณ์ชิตาอยากให้เวลากับนิโคไลบ้างเพราะที่ผ่านมาเธอทำแต่งานหนักมาโดยตลอดพัณณ์ชิตาบอกพยาบาลที่หน้าห้องตรวจก่อนจะรีบมาขึ้นรถซึ่งนิโคไลมารออยู่ก่อนแล้ว“เหนื่อยไหมครับ” ชายหนุ่มส่งน้ำเย็นให้เธอ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่มารับคนรัก“ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับน้ำมาดื่มจากนั้นทั้งสองคนก็ไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านประจำซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากเพนท์เฮาส์“ผมขอทำงานต่ออีกนิดนะครับ” นิโคไลบอกคนรักเมื่อมาถึงบนห้อง“ได้ค่ะ”พัณณ์ชิตากลับมายังห้องนอนยังไม่ทันได้เข้าห้องน้ำก็มีข้อความจากหมอปิญชาน์แจ้งผลการตรวจเลือดและนั่นก็ทำให้เธอยิ้มออก ไม่ใช่แค่ผลจากหมอปิญชาน์ แต่เธอยังไม่ตรวจที่อื่นมาแล้วเมื่อตอนบ่าย หญิงสาวยิ้มด้วยความดีใจที่ทุกอย่างมันผ่านไปได้ เธออาบน้ำอย่างสบายใจจนลืมไปว่านิโคไลก็รอฟังผลเลือดอยู่เหมือนกันเมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกข่าวดีกับเขาก็รีบอาบน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แต
วันนี้พัณณ์ชิตามาเจาะเลือดที่คลินิกของหมอปิญชาน์หลังจากที่ทานยาครบ 28 วันแล้ว ไม่ว่าผลการตรวจเลือดจะออกมายังไงนิโคไลก็ยังยืนเหมือนเดิมว่าเขาจะแต่งงานกับเธอซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือนแล้ว “เดี๋ยวพี่จะเอาเลือดไปส่งเอง พั้นช์ไปรอฟังผลที่บ้านก็ได้นะ” “นานไหมครับหมอ” นิโคไลถาม “ไม่เกิน 2 ชั่วโมงครับ” “ถ้าผลเป็นลบก็หยุดยาแล้วมาตรวจซ้ำอีกครั้งหลังจากวันนี้อีกสองเดือน” “แล้วถ้าผลเป็นบวกล่ะครับ” “ถ้าผลเป็นบกต้องตรวจเพิ่มว่าระดับเชื้อมีมากน้อยแค่ไหนจากนั้นก็จะเริ่มทานต้านเชื้อครับ แต่ผมว่าดูแล้วโอกาสที่จะติดเชื้อแทบไม่มีเลย พั้นช์ก็อาการปกติดี” “ขอบคุณครับหมอชาน์” “พั้นช์ออกไปรอข้างนอกก่อนได้ไหม พี่ขอปรึกษาอะไรคุณนิคสักหน่อย” ปิญชาน์บอกคุณหมอรุ่นน้อง “ขอพั้นช์ฟังด้วยไม่ได้เหรอคะ” “มันเป็นเรื่องของผู้ชายพั้นช์อย่าฟังเลย” “ก็ได้ค่ะ” พัณณ์ชิตาเดินออกไปแล้วปิญชาน์ก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับนิโคไลเพราะรู้ว่าผู้ชายทุกคนนั้นมีความต้องการในเรื่องอย่างว่า “ขอบคุณค
“เป็นอะไรหรือเปล่าพั้นช์” นิโคไลถามคนรักทันทีที่เธอขึ้นมานั่งบนรถ “มีเรื่องเครียดนิดหน่อยค่ะ” “ผมช่วยอะไรได้ไหมครับ” “ใครก็ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ” “ผมไม่รู้ว่าปัญหามันคืออะไร ถึงผมช่วยไม่ได้แต่ให้กำลังใจพั้นช์ได้ใช่ไหมครับ” เขาจับมือเล็กๆ ขึ้นมาแล้วจูบไปบนหลังมือเบาๆ “ขอบคุณค่ะนิค เรารีบกลับเถอะค่ะพั้นช์เหนื่อยมากอยากนอนพักแล้ว” “พั้นช์หลับเลยก็ได้นะครับ” พัณณ์ชิตาหลับตาลงช้าๆ เธอไม่ได้เหนื่อยอย่างที่พูดเลยสักนิดแต่เธอกำลังเครียดกับปัญหาที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่และก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มพูดกับเขายังไง “ที่รักถึงแล้วถ้าไม่ไหวให้ผมอุ้มไปนะ” “ไม่เป็นค่ะนิค พั้นช์ไหว” พอมาถึงบนห้องก็รีบอาบน้ำและเข้านอนซึ่งนิโคไลก็เข้าใจว่าคนรักเหนื่อยจากการทำงานจริงๆ เพราะเมื่อเช้าเธอบอกเขาว่าวันนี้มีผ่าตัดถึงสามเคสด้วยกัน ชายหนุ่มนั่งทำงานต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะอาบน้ำและเข้านอนตามเธอไป พัณณ์ชิตายังนอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างรอผลเลือดหนึ่งเดือนนี้เธอต้องหาทางอยู่ห่างจากเขาให้ม
อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะถึงงานแต่งงานแล้ว การเตรียมงานเป็นไปตามแผนที่คิดไว้ ทั้งสองคนเลือกไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ภูเก็ตเพราะที่นั่นเป็นจุดที่ทั้งสองตกลงใช่ชีวิตร่วมกัน ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วเหลือแค่รอเวลาเพียงเท่านั้น พัณณ์ชิตายังคงทำงานอย่างเดิมแต่ก็วางแผนไว้แล้วว่าหลังแต่งงานเธอจะรับขึ้นเวรให้น้อยลงเพราะอย่างแบ่งเวลาให้กับครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้นิโคไลก็ให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง ส่วนเขาก็ยังคงทำงานที่บริษัทของตนเองและบิดาที่ย้ายออฟฟิศมาไว้ที่ตึกฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาล “หมอพั้นช์ไหวไหมคะ” พยาบาลประจำห้องผ่าตัดถามเธอขึ้นเพราะวันนี้พัณณ์ชิตาผ่าตัดไปถึงสามเคสและเคสสุดท้ายเป็นที่ค่อนข้างหนักเพราะคนไข้มีเชื้อ HIV แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี” “ไหวค่ะพี่ไก่” “หมอพั้นช์อึดมากๆ เลยนะคะ” “พี่ไก่เหมือนกันนะคะ ถ้าไม่ได้พี่พั้นช์ก็คงแย่” เพราะพี่ไก่หรือปัทมานั้นเป็นพยาบาลที่คอยส่งเครื่องมือให้เธอในห้องผ่าตัด ทั้งสองทำงานเข้าขากันดี บางครั้งเธอแทบไม่ต้องบอกพี่พยาบาลก็หยิบเครื่องมือมารออยู่แล้ว “พี่ดูตารางผ่าตัดแล้ว เดือนนี้หมอพั
กลับมาถึงเมืองไทยชีวิตของพัณณ์ชิตาก็ดำเนินต่อไปตามปกติ ในทุกๆ วันนิโคไลจะคอยตามรับส่งจนใครๆ ต่างก็พากันอิจฉา แม้ว่าต้องทำงานบริษัทของตนเองและบิดาแต่นิโคไลก็บริหารเวลาได้ดี “พั้นช์ครับ ผมแต่งตัวโอเคไหม” “หล่อแล้วค่ะ” พัณณ์ชิตามองคนรักที่วันนี้เขาเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวต่างจากวันปกติที่มักจะสวมแต่สีโทนมืด “มันดูเข้ากับคุณไหม” “เข้าสิคะ นิคคะคุณไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้เข้ากับพั้นช์หรอกนะคะ แต่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว” “ผมอยากเปลี่ยนตัวเองบ้าง เบื่อแล้วสีมืดๆ ดูไม่สดชื่นเลย แล้วผมก็อยากดูดีในสายตาของเพื่อนคุณ”วันนี้พัณณ์ชิตานัดทานอาหารกับเพื่อนซึ่งบังเอิญว่าเข้ามาประชุมวิชาการกันที่กรุงเทพหญิงสาวจึงนัดทานอาหารเย็นกับทุกคนและเธอก็ตั้งใจจะบอกข่าวดีให้เพื่อนๆ ได้ทราบ“เราต้องเตรียมการ์ดไปให้เพื่อนๆ ไหมครับ”“พั้นช์เอาใส่กระเป๋าไว้แล้ว ไปกันเถอะค่ะ”“เดี๋ยวสิ ลืมอะไรหรือเปล่า”“ไม่นะคะ หญิงสาวเปิดกระเป๋าถือของตนเองเช็กแล้วว่าด้านในมีการ์ดแต่งงาน โทรศัพท์รวมทั้งกระเป๋าเงินอยู่ครบแล้ว“ผมไม่ได้หมายถึงของในกระเป๋า”“แล้วหมายถึงอะไรล่ะคะ” หญิ
สายของวันใหม่พัณณ์ชิตาถึงรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนทั้งเธอและคนรักต่างกระโจนเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีเรี่ยวแรงตอบสนองเขาได้มากขนาดนั้น เธอไม่รู้ว่ามันมากไปหรือเปล่าเพราะไม่เคยมีประสบการณ์กับคนอื่นมาก่อน แต่ถ้าถามว่ามีความสุขไหมคุณหมอสาวก็ตอบได้อย่างไม่อายเลยว่ามันมีความสุขมาก สุขจนนึกว่าทุกอย่างเป็นความฝัน เธอนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อวานถ้านิโคไลกลับมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง ถึงแม้จะยิงอังเดรไปแล้วแต่ก็ยังมีลูกน้องของเขาที่รออยู่ทางด้านนอกอีกอย่างน้อยสองคน “โทรศัพท์” พัณณ์ชิตานึกได้ว่าเมื่อวานได้อัดเสียงสนทนาไว้ จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องทรุดลงข้างเตียงเพราะขาเธอแทบมีแรงอีกทั้งยังปวดร้าวไปทั้งตัว “โอ๊ยยย...” “พั้นช์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” นิโคไลที่เดินขึ้นมาบนห้องนอนพอได้ยินเสียงก็รีบเข้ามาพยุงเธอขึ้นมานั่งบนเตียง “นิคคะ โทรศัพท์ของพั้นช์อยู่ที่ห้องรับแขก ช่วยไปเอาให้หน่อยได้ไหมคะ” “ผมเห็นแล้วแต่แบตมันหมดตอนนี้ชาร์ตอยู่ เดี๋ยวผมเอามาให้แบตน่าจะเต็มแล้ว” พัณณ์ชิตานั่ง