เธอยิ้มหวานส่งให้หมอภาสที่ยืนแข็งทื่อและทำตัวไม่ถูกกับอารมณ์ของอลิศที่เปลี่ยนไปรวดเร็วแต่เมื่อนิศาเดินเข้ามาและอลิศหันไปทักทายเธอเขาจึงรีบขยับแว่นเพื่อปรับอารมณ์อีกครั้ง
“พี่นิศา ไม่เฝ้าห้องยาเหรอคะมาทำอะไรที่นี่คะ”
“ไม่ใช่ธุระของเด็กฝึกงานที่จะมาถาม”
“อ้อ อลิศไม่ได้จะถามแบบนั้นค่ะ ก็ก่อนหน้านี้มันเคยมีปัญหาว่ายาที่พวกอลิศจัดเอาไว้ก่อนส่งไปไม่มีปัญหาแต่พอส่งไปถึงเค้าน์เตอร์กลับถูกสับเปลี่ยน อลิศก็เลยกลัวโดนแกล้งอีกน่ะค่ะ หมอภาสเองก็พึ่งเตือนว่าผิดพลาดสามครั้งในหนึ่งสัปดาห์ อลิศไม่อยากให้มันผิดพลาดบ่อย โดยเฉพาะเคสผู้ป่วยของคุณหมอภาส ไม่ต้องห่วงนะคะคุณหมอจากนี้อลิศจะดูแลเรื่องยาให้คุณหมอด้วยตัวเองค่ะ จะได้ไม่ผิดพลาด”
“นี่เธอ….”
“ขอตัวก่อนนะคะผู้ป่วยคงรอยาแล้ว รออลิศนะคะหมอภาส”
อลิศรีบหันไปและเบ้ปากเพราะความเมื่อยที่พยายามยิ้มนั้นทันทีพร้อมกับรีบเดินหนีไปทันทีก่อนที่ใครระหว่างสองคนนี้จะพูดอะไรขึ้นมา
แต่ก็ไม่มีเพราะหมอภาสเองกำลังตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่นิศาพยายามเก็บอาการเพราะกลัวว่าหมอภาสจะมองเธอไม่ดี
“หมอภาสคะ อย่าไปฟังนะคะเด็กนั่นพูดจาเรื่อยเปื่อย”
“คุณมีธุระอะไรที่นี่งั้นเหรอคุณนิศา”
“เอ่อ…นิศาแค่…”
“ผมขอตัวก่อนนะ”
“หมอภาสคะ คือว่าวันอาทิตย์นี้คุณหมอพอจะ…”
“ไม่ว่างผมเข้าเวรทั้งวัน ขอตัวก่อน”
“เอ่อ….พี่ภาสคะ….”
หมอภาสยืนนิ่งและหายใจเข้าจนไหล่ยกก่อนจะหันมามองหน้าเภสัชกรสาวอีกครั้ง
“อยู่ที่โรงพยาบาลผมเป็นแพทย์ กรุณาเรียกให้ถูกหากยังแยกแยะไม่ได้ก็อยู่ในที่ที่ตัวเองรับผิดชอบและพยายามอย่าให้มีเรื่องผิดพลาดบ่อย ๆ ผมไม่อยากเขียนรายงานหรอกนะ”
“แต่ว่าเรื่อง…”
“ผมบอกไปแล้วไงว่าไม่อยากฟังคำแก้ตัว ไปแก้ไขเสียให้ถูกต้องที่สำคัญเภสัชอย่างคุณไม่ได้มีหน้าที่อยู่ตรงนี้ ขอตัวก่อน”
หมอภาสเดินกลับไปที่ห้องแล้วโดยไม่ได้ใส่ใจนิศาอีก เธอยืนตัวสั่นเพราะความโกรธและมองแผ่นหลังที่เย็นชานั้นจนเขาเปิดเข้าไปในห้องตรวจอีกครั้ง
"นังเด็กฝึกงานนั่น!! เพราะแกคนเดียวทำให้พี่ภาสตำหนิฉัน"
อลิศเดินเข้ามาในห้องคลังยา ดูเหมือนว่านิวจะยังไม่กลับมาเธอจึงเอารายชื่อยาที่หมอเขียนมาให้และรีบจัดเพื่อจะนำส่งไปยังห้องตรวจเพราะเธอดันปากไวพูดไปแล้วว่าจะนำไปส่งด้วยตัวเองในเวลาสิบนาที
“ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะยัยป้านิศานั่นโผล่ไปก่อนคงไม่ต้องปากไวรับปากเอาไปเองแบบนี้ อลิศเอ้ย!!”
เธอจัดยาอย่างระมัดระวังแม้ว่าลายมือคุณหมอจะอ่านยากไปหน่อยแต่เพราะเธออยู่กับเรื่องแบบนี้มานานเพราะที่บ้านเธอเป็นโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์และส่งออกเกี่ยวกับเวชภัณฑ์เหล่านี้ดังนั้นเธอจึงเลือกเรียนสาขานี้ ไม่นานเธอก็จัดยาจนเสร็จและกำลังเดินออกจากห้องยาแต่ก็ต้องเจอกับนิศาที่เดินเข้ามา
“นั่นเธอจะเอาไปไหน”
“เอาไปให้คุณหมอค่ะ”
“เอามานี่ฉันจะไปเอง”
“ไม่ได้ค่ะพี่นิศา เพื่อป้องกันความผิดพลาดไม่ให้เกิดขึ้นอีกอลิศจะเอาไปให้คุณหมอเองค่ะแล้วถ้าหากว่ามันผิดอลิศจะได้ถูกตำหนิด้วยตัวเองพี่นิศาจะได้…”
“บอกให้เอามานี่”
เธอดึงถาดยาออกไปจากมือของอลิศทันทีแต่อลิศเองก็ไม่ยอมเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่านิศาโกรธมาจากข้างนอกและไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่
“พวกคุณทำอะไรกัน!!”
นิศาหันไปและรีบปล่อยมือทันที อลิศที่แย่งถาดยากับเธออยู่ไม่ทันระวังเธอจึงล้มไปชนคนที่ตะโกนอยู่ข้างหลังทันที
“โอ๊ย!!…ขอโทษค่ะ”
“หมอภาส มีธุระอะไรที่ห้องยาคะ”
นิศาถามด้วยน้ำเสียงตกใจและรีบตั้งสติในขณะที่อลิศกำลังก้มตรวจเช็กยาที่จัดเอาไว้เมื่อครู่นี้ว่าอยู่ครบหรือไม่ หมอภาสที่โกรธจัดเมื่อเห็นพวกเธอทะเลาะกันยังคงตะเบ็งเสียงทำให้อลิศตกใจเพราะลืมไปเลยว่าเขาเข้ามาอยู่ในนี้แล้ว
“ผมถามว่า เกิดอะไรขึ้น!!”
“พี่ภาสคะ ไม่มีอะไรค่ะ”
“ญานิศา!! ผมบอกแล้วว่าที่นี่…”
“ตายจริง!! ยาแก้แพ้อีกตัวตกไปไหนแล้วล่ะเนี่ย แย่จังเลยคงตกตอน….เอ่อ…ขอโทษค่ะ”
“อยู่นี่!! วันหลัง ก็หัดระวังเอาไว้บ้างนะ”
สายตาของนิศาที่มองมาที่อลิศยังคงไม่เป็นมิตรเหมือนเดิมเมื่อส่งถุงยาที่ถือในมือให้อลิศ เธอรับมาและยิ้มให้นิศาด้วยความดีใจและโล่งใจ
“เฮ้อ โล่งอกไปที ขอบคุณนะคะพี่นิศา แต่ถ้าพี่นิศาไม่มาแย่งถาดยานี้เพื่อจะเอาไปให้หมอภาสเองมันก็ไม่มีปัญหาแบบนี้หรอกค่ะ”
นิศาแทบอยากจะฉีกตัวของอลิศกินตรงหน้าหากว่าหมอภาสไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น
“ฉันไม่ได้จะแย่ง ก็แค่…ไม่อยากให้มันผิดพลาดอีก…ก็เลยจะเอามาตรวจแต่เธอ…”
“แต่เมื่อกี้พี่ไม่ได้พูดแบบนี้ พี่บอกว่าพี่จะเอาไปให้….”
“พอที!! คุณจัดยาเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วค่ะ”
“ตามมา”
“ค่ะคุณหมอ….พี่นิศาคะ คุณหมอเรียกแล้วขอตัวก่อนนะคะ”
นิศายังกำหมัดแน่นและยืนตัวสั่นอยู่เมื่ออลิศเดินตามหมอภาสออกไปเธอปิดประตูและทำท่าโล่งใจที่ออกมาจากในห้องนั้นได้และมองไปที่ถาดยาที่จัดเสร็จแล้วจนเดินชนหลังของหมอภาสอีกครั้งเพราะเธอไม่นึกว่าเขาจะหยุดเดิน
“คุณจะก้มดูอะไรนักหนา เดินไม่มองทางแบบนี้ไงถึงได้มีเรื่อง”
“ขอโทษค่ะ ก็แค่ดูให้แน่ใจเท่านั้นไม่อยากให้ผิดพลาดอีกนี่คะ”
“เอามานี่ ไม่ต้องตรวจแล้ว”
“งั้นอลิศขอตัว…”
“เธอก็ตามมาด้วย”
อลิศทำหน้างงแต่ก็ตามเขาเข้าไปที่ห้องด้วย ไม่รู้ว่าวันนี้เธอจะโดนอะไรอีกเพราะเขาเข้าไปจังหวะที่เธอกำลังมีเรื่องกับนิศาอยู่พอดี
“เกิดอะไรขึ้น”
“คะ?”
“ผมรู้ว่าคุณเข้าใจที่ผมถาม เล่ามา”
“ก็…อย่างที่คุณหมอเห็นคะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“หมายความว่ายังไง”
“อลิศจัดยาเสร็จก็จะนำมาส่งแต่ว่าพี่นิศาบอกว่าจะเอามาให้คุณหมอเองแล้วเธอก็เข้ามาแย่งถาดยาและคุณหมอก็เข้ามาเห็นค่ะ”
“เกิดเรื่องแบบนี้บ่อยแค่ไหน”
“ไม่เคยค่ะ วันนี้เป็นวันแรก”
“นี่คือยาที่คุณจัดมาตามที่ผมเขียนงั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
เขานั่งตรวจดูยาที่เธอจัดมาในถาดซึ่งถูกต้องแต่มีอยู่ตัวหนึ่งที่เขาดึงขึ้นมา
“นี่มันยาแก้แพ้อากาศ ไม่ใช่ยาแก้ผดผื่นคัน”
“ว่ายังไงนะคะ ขออลิศดูหน่อยสิคะ”
เขายื่นยาที่ผิดพลาดนั้นมาดูใกล้ ๆ และอลิศเองก็แน่ใจว่าตอนที่เธอจัดยาทุกอย่างตามเอกสารที่หมอภาสให้เธอจัดไม่พลาดเพราะเธอรู้ว่ายาแต่ละอย่างใช้ไม่เหมือนกันแม้ว่าจะมีสีเดียวกันก็ตาม
“เป็นไปไม่ได้”
“มีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม ผมคิดว่าเด็กฝึกงานไม่ควรจะมาทำงานให้ห้องปฏิบัติการที่ต้องใช้ความชำนาญการสูงแบบนี้นะ ผมจะย้ายพวกคุณไปอีกแผนกหนึ่งน่าจะเหมาะกว่า ผมไม่อยากมานั่งระแวงเรื่องนี้อีก ชีวิตผู้ป่วยมันสำคัญกว่าการที่จะเอามาเสี่ยงกับเรื่องนี้”
“คุณหมอคะ”
“คุณกลับไปเถอะ ยานี้ผมไม่ได้จะเอาให้ผู้ป่วยหรอก ผมก็แค่จะทดสอบคุณเท่านั้น”
“คุณหมอหมายความว่ายังไงคะ นี่คุณหมออยากจะทดสอบเหรอคะ คิดว่าพวกอลิศเป็นตัวถ่วงเป็นคนไม่มีความรู้และพัฒนาไม่ได้ แต่ไม่ได้ฟังเหตุผลเลยงั้นเหรอคะ คุณเองต่างหากที่เอาแต่ดูถูกเด็กฝึกงานจนหลับตาและไม่มองปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ๆ”
“นักศึกษา!!”
เขาตะคอกเธออีกครั้ง อลิศยอมเงียบแต่สีหน้าดื้อดึงนั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ยาแก้แพ้ชุดนี้ ถุงนี้ไม่ใช่ยาที่อลิศหยิบมาค่ะถ้าคุณหมอพร้อมที่จะฟังอลิศก็จะอธิบายให้คุณหมอฟังค่ะ”
สองวันถัดมา งานแต่งของหมอภาส & อลิศงานแต่งที่ดูจะหรูหราไม่แพ้งานหมั้นที่ถูกจัดขึ้นที่บ้านอลิศถูกเนรมิตขึ้นอีกครั้งที่บ้านของหมอภาส แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งริมสระสุดแสนจะโรแมนติกโหลแก้วนับร้อยที่ถูกนำไปลอยในสระน้ำที่เปิดไฟส่องเอาไว้ ด้านในขวดโหลสีต่าง ๆ มีเทียนหอมที่จุดเอาไว้อยู่เพื่อให้พวกมันส่องแสงในยามค่ำคืนของงานฉลองแต่งงานที่เรียบง่ายในแบบฉบับของคุณแม่หมอภาส“แม่ครับ ไหนบอกว่าแค่งานเล็ก ๆ ยังไงล่ะครับ”“แหม....ภาสล่ะก็ เพื่อนแม่ที่อยู่เมืองไทยก็อยากจะเห็นงานแต่งงานของลูกก่อน แม่ไปโม้เอาไว้เยอะว่าลูกสะใภ้แม่สวยพวกเธอก็เลยอยากดู ทีนี้ก็รู้กันทั้งศูนย์เลย ก็เลย….”“แม่ แต่ผมกับอลิศ…”“แล้วแกจะให้ไล่แขกกลับหรือไงยะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไป ๆ รีบไปเตรียมตัวได้แล้วจะได้เวลาส่งตัวคู่บ่าวสาวแล้ว ช่อดอกไม้ล่ะ หนูนิว นิวลูกอยู่ไหนน่ะ”“อยู่นี่ค่ะแม่ มาแล้ว ๆ นี่ค่ะคุณหมอ ขอโทษทีค่ะคือว่า…นิวมัวแต่ไปสั่งให้เพิ่มโต๊ะที่ริมสระให้แขกของคุณพ่ออลิศอีกเจ็ดโต๊ะ”“แม่กับคุณพ่อพิชิตนี่ จัดงานได้ “เรียบง่าย” ได้พอ ๆ กันเลยนะครับ”“แกรีบไปเตรียมตัวเถอะน่า แม่จะไปรับแขกด้านนี้ก่อน เดี๋ยวต้องพาเจ้าสาวออกมาแล้วร
สามเดือนผ่านไปรอบ ๆ บริเวณบ้านของอลิศถูกประดับและตกแต่งด้วยดอกไม้สดจากเมืองเหนือที่นิวเพื่อนสนิทของเธอจัดซื้อและให้คนส่งตรงมาจากเมืองเชียงรายเพื่องานหมั้นและงานแต่งของอลิศโดยเฉพาะ ดอกไม้สีชมพูและขาวถูกประดับไปทั้งงานทั้งในส่วนของลานพิธีหมั้นที่อลิศตั้งใจมาจัดที่สวนต้นไม้ด้านหลัง“ทำไมต้องจัดที่นี่ล่ะอลิศ”“แกเห็นต้นกระดังงาคู่นั่นไหม”“เห็นสิก็แกสั่งให้คนไปตั้งเวทีตรงใต้ต้นนั้นโดยที่ไม่ให้รบกวนดอกกระดังงาที่กำลังออกดอกอยู่”“ต้นไม้คู่นั่น ฉันปลูกมันพร้อมกับพ่อแม่และพี่รวิศตั้งแต่วันที่ลงเสาเอกบ้านหลังนี้”“หมายความว่าต้นไม้นี่อายุเท่ากับแก”“แก่กว่าน่ะ เพราะว่าตอนที่ปลูกลงดินฉันยังอยู่ในท้องแม่ได้สามเดือน แต่พี่รวิศได้สี่ขวบกว่าแล้วตอนที่สร้างบ้านหลังนี้”“เพราะแบบนี้นี่เอง ยังดีที่จัดงานตอนนี้ไม่ต้องกลัวเรื่องฝน”“ฉันอยากให้คุณแม่อยู่ร่วมในพิธีที่สำคัญนี้”นิวหันมากอดอลิศที่มองไปยังต้นกระดังงาคู่ที่ตอนนี้ถูกจัดและประดับด้วยผ้าม่านและดอกไม้สดซึ่งจัดเกือบจะเสร็จแล้ว อลิศกำลังปาดน้ำตาเมื่อหันไปอีกครั้งก็เป็นหมอภาสที่ใช้ทิชชูหันมาซับน้ำตาให้เธอ นิวเดินไปกับคนจัดดอกไม้แล้ว“ร้องไห้อีกแล
วันถัดมา“ไม่เอา ๆ เพชรน้ำไม่งามเลย ต้องเอาใหญ่ ๆ หน่อย ไม่เอา ๆ ไม่มีอันไหนสวยเลย”“คุณ คนแต่งน่ะตาภาสกับอลิศนะ ทำอย่างกับคุณจะแต่งเสียเอง”“ไม่ได้ค่ะ คุณก็รู้นี่คะงานหมั้นนี่สำคัญนะจะให้น้อยหน้าได้ยังไง ทั้งร้านนี่เอาไว้ใส่เล่น ๆ อ่ะได้ แต่ให้สวมจริง อลิศ…แม่คิดว่าคงต้องสั่งทำใหม่นะลูก หนูรอได้ไหม”“คุณแม่ครับ…”“แกหุบปากไปเลย นะอลิศนะตามใจแม่สักเรื่องหนึ่งนะลูก”“เอ่อ…พี่ภาสคะ อลิศคิดว่า….”“เอาตามนี้แหละ มาเธอมาจดสิ่งที่ฉันบอก ส่วนเธอวัดขนาดนิ้วให้พวกเขาด้วย ภาสเลือกแหวนที่ดูดีหน่อยเอาให้น้องไปใส่เล่น ๆ ก่อน เดี๋ยววงจริงค่อยเปิดตัวพร้อมงานหมั้น”“ถ้าอย่างนั้นเลือกแล้วผมพาอลิศไปเลยนะครับมีธุระต่ออีก”“เออ ๆ จะไปไหนก็ไปวันนี้อนุญาตแม่จะต้องสั่งของอีกเยอะเลย มานี่ ๆ เธอไปเรียกคุณธิวามาหน่อย เจ้าของร้านของพวกเธอน่ะ ฉันจะต้องสั่งงานที่พิเศษหน่อย”หมอภาสได้โอกาสเมื่อพวกเขาเลือกแหวนหมั้นที่เอามาสวมเป็นการชั่วคราวไปก่อนสองวงเสร็จแล้วก็รีบพาอลิศออกมาทันที ตอนเช้าเขาตั้งใจว่าจะออกมากับอลิศสองคนใครจะคิดว่าแม่รู้แผนของเขาโดยการมาดักรอกินข้าวเช้าด้วยและให้คุณพ่อเขาขับรถตามมา แต่เย็นนี้พวกเขาม
“แม่ครับเดี๋ยวก่อนนะครับแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะแล้วฟังผม”หมอภาสหันไปมองคุณแม่และเริ่มควบคุมสถานการณ์เพราะดูแล้วแม่ของเขาจะใจร้อนกว่าใครในที่นี้เลย“ก็พูดมาสิ”“คือผมขออลิศกับคุณอาแล้ว ส่วนเวลาที่นัดทานข้าวผมก็แค่รอให้คุณพ่อคุณแม่บินกลับมาก่อนแล้วนัดเวลาคุณอาพิชิตอีกครั้งเพราะท่านเองก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลและยังต้องทำงานด้วย เรื่องเวลาคุยกันได้ครับส่วนเรื่องแหวน ผมจะพาอลิศไปวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว เรื่องเรือนหอก็เหมือนกัน”หมอภาสอธิบายทุกอย่างให้แม่เขาฟัง นับว่าเป็นการอธิบายที่ครบถ้วน สมบูรณ์แบบและน่าทึ่งมากสำหรับอลิศที่ได้แต่นั่งฟังเพราะมันทั้งสั้นและได้ใจความ คุณแม่ของเขาเริ่มนิ่งลงจนพ่อของหมอภาสเริ่มพูดขึ้นมา“คุณก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมบอกแล้วไงว่าภาสมันไม่พลาดหรอกคุณก็ไม่ไว้ใจลูก เห็นไหมละเขาทำจนหมดแล้วเหลือแค่ให้คุณจัดงานแต่งให้เท่านั้นแหละ”“ก็ใครจะไปรู้ล่ะลูกคุณมันต่างจากคุณที่ไหน มีอะไรมันก็ไม่เคยพูด จะแต่งเมียทั้งทีพวกเรายังรู้เป็นคนสุดท้ายเลยไม่ใช่เหรอ”“แม่ครับ ถ้าผมยังไม่มั่นใจมีเหรอที่จะบอกแม่ได้ ไม่ใช่ไปแอบจับคู่มั่ว ๆ ให้ผมเหมือนครั้งก่อนนั้นอีก ผมเกือบสิ้นอาชีพเลยนะครับอย่าทำอีกนะคร
หมอภาสหันมามองหน้าคนที่เขาพึ่งจะเรียกเธอว่า “แม่” ที่หันไปมองลูกชายตัวเองสลับกับมองอลิศที่ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลย หมอภาสเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ“ผมไม่ได้จะปิดบังแต่ขอเวลาให้ผมกับเมียอาบน้ำก่อนจะไปพบไม่ได้เหรอครับทำไมต้องรีบขนาดนั้น”“จะไม่ให้ฉันรีบได้ยังไง!!”อลิศเริ่มกลัวเสียงที่แผดดังขึ้นเรื่อย ๆ ของคนตรงหน้าที่พุ่งเข้ามานั่งจนชิดเธอ แม้ว่าหมอภาสจะห้ามและยกมือขึ้นมากันแต่ก็ถูกเธอปัดออกไปก็ตาม“ดูสิ รังแกน้องจนช้ำไปหมด นิสัยเสียเชียวนะแก!!”“แล้วแม่ไม่อยากได้หลานหรือไง ทำเป็นพูดมากใครกันล่ะที่บอกผมว่าให้รีบ ๆ มีลูกน่ะ ทีนี้จะมาบ่นทำไม”“หุบปากแกไปเลย ออกไปอยู่กับพ่อแกไป”“ไม่!! แม่จะพูดอะไรกับอลิศผมก็จะนั่งฟังด้วย”“ไอ้หมาหวงก้าง!!”อลิศเริ่มปรับความรู้สึกไม่ถูกแล้วเมื่อฟังหมอภาสและคุณแม่ของเขาเถียงกันแต่สุดท้าย คุณแม่ของเขาก็หันมาจับมือเธอและมองเธอให้ชัดโดยที่อลิศรู้สึกอายมากเมื่อต้องมาพบกันครั้งแรกด้วยสภาพที่เธอเป็นแบบนี้“หนูสวยมากลูกสาวคุณแม่ สวยจนนึกไม่ถึงว่าแม่จะได้หนูมาเป็นลูกสาว”“ลูกสะใภ้!! ครับแม่ ไม่ใช่ลูกสาว”“หุบปากแกไปเลย!!”อล
มือของอลิศจับที่แท่งแกร่งตรงหน้าและค่อย ๆ รูดขึ้นลงตามจังหวะ หมอภาสที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบจะทนไม่ได้เมื่อถูกแฟนสาวตรงหน้าใช้ปากกับส่วนนี้ของเขาเป็นครั้งแรก“อลิศ …..อย่านะ อาาา!!!”ยิ่งหมอภาสร้องครางดังเท่าไหร่ อลิศก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเธอรูดจนหัวที่บานออกมาเกือบจะพุ่งชนหน้าของเธอ ลิ้นนุ่มของเธอจึงไล้เลียไปที่ยอดปลายบานนั้นทันที หมอภาสที่ไม่เคยถูกปลุกเร้าอารมณ์แบบนี้มาก่อนมีหรือจะทนความเสียวแบบนี้ไหว เขาทรุดลงแต่อลิศยังไม่ยอมหยุด เธอค่อย ๆ อมมันเข้าไปและรวบเข้าไปจนสุดโคน“อาา…อลิศ ผมเสียว….อาาา”เธอใช้ปากรูดขึ้นลงตามจังหวะสลับกับดูดและโลมเลียจนหมอภาสเริ่มไขว่คว้าหาที่จับเอาไว้ให้มั่น เสียงนิ้วมือหนาที่จิกไปที่โซฟาหนังหรูหรานั้นยิ่งทำให้อลิศรู้สึกเหมือนกับผู้ชนะ“อลิศ ผมจะ…แตก ถอยออกมาก่อน”อลิศไม่พูดอะไรแต่เธอไม่ยอมห่างเจ้าลำเอ็นแข็งตึงตรงหน้านั้นและยังอมเอาไว้ในปาก นิ้วเรียวยาวเอื้อมมากระตุ้นเขาเพิ่มที่ยอดหน้าอกสีเข้มของหมอภาส เธอรู้สึกว่าขนอ่อนของเขาลุกขึ้นชูชันอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน“อาา อลิศ ถ้าคุณไม่ออกผมจะแตกใส่ปากคุณนะ!!”“รีบมาสิคะที่รัก แตกมาได้เลย”“อาาา อลิศ!!!”เพียงแค่สิ