โอ๊ยเมื่อยตัวไปหมด เมื่อคืนฉันกับพี่เวลล์จัดหนักกันยกใหญ่จนตีสี่ กว่าฉันจะตื่นนอนก็ปาไปเกือบเที่ยง ดีนะว่าวันนี้มีเรียนบ่ายสองโมง ส่วนเขายังอยู่และดูเหมือนจะตื่นก่อนฉันเสียอีก ซึ่งเขากำลังเล่นมือถือ อยู่เงียบ ๆ ข้างฉัน
เราสองคนต่างมองหน้ากัน แต่กลับไม่มีใครปริปากพูดอะไรเลย เหมือนเรากลับมาเป็นอีกตัวตนหนึ่งที่เป็นคนเงียบๆ พูดน้อย ที่พูดมากตอนกลางคืนนั้นก็คงเป็นฤทธิ์แอลที่ถาโถมซัดดื่มอย่างกับน้ำเปล่านั่นแหละ
ฉันละจากหน้าเขาหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงพันรอบตัวเพื่อเข้าไปอาบน้ำแต่ทันทีที่ลุก กลับโดนคนข้างๆ ดึงแขนให้กลับไปในอ้อมแขนของเขาก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากจูบเฉยเลย ก็จูบตอบเขาแหละเอากันทั้งทีก็เอาให้คุ้ม เพราะคงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว แต่เพราะมีเรียนบ่ายสอง ถ้าขืนมัวต่อมีหวังติดลมดังนั้นจึงกลั้นใจผลักเขาออกไป
“ขอตัว พอดีมีเรียนต่อค่ะ” ฉันหยักคิ้วก่อนจะลุกไปอาบน้ำชำระร่างกายทันที เพราะตอนนี้เหนียวตัวจากเหงื่อสุดๆ พออาบน้ำเสร็จก็พบว่าเขาแต่งตัวเรียบร้อยไปก่อนแล้ว
“พี่ไม่อาบน้ำก่อนเหรอคะ”
“ไม่ครับ จะกลับไปอาบที่ รพ.”
“อ่อ” พูดจบฉันก็หันไปแต่งตัวของตัวเอง ในขณะที่ปากก็ยังเอ่ยต่อ
“รุ่นพี่ ก่อนออกจากห้องรบกวนจ่ายค่าห้องคนล่ะครึ่งนะคะ ”
“อืม”
“แล้วถ้าเจอกันข้างนอก อย่าทำเป็นรู้จักฉันล่ะ”
“...” เขาเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยต่อ “มันก็ควรเป็นแบบนั้น”
“ขอให้รุ่นพี่โชคดีค่ะ หวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นความสุขของกันแหละกันครั้งหนึ่งนะคะ”
“....” พี่เวลล์ไม่ตอบอะไร ฉันจึงโบกมือให้ก่อนที่เขาจะวางเงินไว้ที่โต๊ะ แล้วเดินออกไปทันที ส่วนฉันก็รีบแต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อยก่อนคว้ากระเป๋า คว้าเงินที่วางบนโต๊ะ
“เชี้ย บอกแล้วว่าคนล่ะครึ่ง ค่าห้องมันคนละพันห้าเอง จะวางไว้หมื่นหนึ่งทำไม ฉันไม่ได้ขายตัวซะหน่อย” ฉันส่ายหัวอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินออกไปจ่ายเงินแล้วตีตัวกลับคอนโดทันที เพื่อเปลี่ยนชุดนักศึกษาก่อนปรี่ตัวอย่างเร่งรีบไปมหาลัย
ยามเย็น..คอนโด
ฉันเดินเปิดประตูเข้าห้องด้วยความเหนื่อยล้าจากการเรียนและเรื่องเมื่อคืนก็ส่งผลมากอยู่ หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น แหงนมองฝ้าเพดานขาว ตอนนี้ในหัวขาวโพนไปหมด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมาทำเอาลืมไม่ลงจริงๆ ใบหน้าอันหล่อเหลาของรุ่นพี่เวลล์ยังตราตรึงสุดๆ แต่ไงก็เถอะ จบคือจบ แอบแซ่บแล้วแยกย้ายนะดีที่สุดแล้ว ฉันเองก็สมใจอยาก และนั่นก็เป็นกฎที่ฉันพูดก่อนเพื่อไม่ให้เกิดพันธะใดๆ ใช่ฉันมันคนที่ไม่ควรมีพันธะใดๆ จริงๆ
“แหมมมมมมมมม....” ยัยมีนเปิดประตูออกมาจากห้องของตัวเอง พร้อมเอ่ยหยอกทันทีเมื่อเห็นฉัน
“...”
“เป็นไง รุ่นพี่เวลล์” ยัยมีนนั่งลงข้างๆ ก่อนจะสะกิดถามด้วยความอยากรู้
“ก็ดี” ฉันตอบไปในขณะที่ยังพิงพนักโซฟาหลับตาแบบนั้น
“ก็ดี.. รีแอคแค่นี้เนี่ยนะ นั่นพี่เวลล์เลยนะยะ ผู้หญิงที่แทบจะรองาบทั้งมหาลัย ทั้งในคลับ แต่แกแค่ไปนั่งร่วมโต๊ะก็ได้งาบเฉยโชคดีสุดๆ” ยัยมีนตบมือดัง เปาะๆ จนฉันรำคาญ
“โชคดีอะไร ไม่ได้เป็นเจ้าของเขาซะหน่อย แค่เอาแล้วก็จาว ไม่ได้มีซัมติงอะไรกันต่อ”
“ไม่ลองจีบพี่เขาดูเหรอ พี่แม็กบอกว่าพี่เวลล์โสดนะมึง”
“ไม่ล่ะไม่อยากมีแฟน แกก็รู้คนอย่างฉันไม่ควรมีแฟน”
“เอ่อ.....ก็นะ” ยัยมีนเหมือนฉุกนึกอะไรได้ก็เงียบไป
“ว่าแต่มึงเถอะมีน เอาไงต่อกับพี่แม็ก จูนติดป่าววะ”
“พี่เขาก็ดีนะ ก็แลกไลน์กันไปก่อน มึงก็รู้อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการคบหาผู้ชายของกูคือพ่อกูค่ะ”
“พ่อมึงห่วงมึงแหละ ถ้าไม่ได้กูจะได้มานอนคอนโดแบบนี้ไหมล่ะ แต่เอาเถอะ รอบนี้ก็ค่อยๆ ศึกษาไปแล้วกัน ผู้ชายน่ะ รู้หน้าไม่รู้ใจ”
“น้อมรับคำสอนค่ะ คุณมึง”
‘ตู๊ด........................’
“ขอตัวแป๊บ ป๊ากูโทรมา” ฉันที่มองไปยังมือถือเห็นว่าป๊าโทรมาเลยเอ่ยบอกเพื่อนไป
“อืม งั้นกูกลับเข้าห้องก่อนล่ะ” ยัยมีนปลีกตัวเดินเข้าห้องไป
ฉันเดินมาตรงระเบียงคอนโดจากใบหน้าแน่นิ่ง ก็หลุบตาเข้าสู่โหมดจริงจังทันที
“ว่าไงคะ ป๊า”
“แจนลูก คืนนี้ช่วยป๊าทำงานหน่อย” เสียงอันน่าเกรงขามที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้น
“เรื่องสำคัญ?”
“ใช่ล็อตนี้สำคัญมากมูลค่าหลักร้อยล้าน ป๊ายังกลับประเทศไม่ได้”
“ได้ค่ะป๊า เดี๋ยวแจนจัดการให้ค่ะ”
“ขอบใจมากลูก ป๊าคิดถึงลูกนะ”
“เช่นกันค่ะ ป๊า”
ฉันวางสายจากผู้เป็นพ่อ ทอดสายตาออกไปยังวิวข้างหน้าพลางถอนหายใจแรงๆ
“คืนนี้ก็คงไม่ได้พักอีกแล้วสินะ ช่างเถอะก็ขอให้อย่าเกิดเรื่องจนต้องออกแรงเลย ไม่อยากจะฆ่าใครถ้าไม่จำเป็น”
เมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมายในการซื้อขายสินค้าล็อตสำคัญล็อตใหญ่ของบริษัทพ่อ ฉันก็ตรงดิ่งออกจากคอนโดขับรถมุ่งไปยังสถานที่นัดหมายทันทีซึ่งเป็นท่าเรือร้างแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลมากนัก ขับรถไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย
“คุณหนู สวัสดีครับ”
“ทำตัวตามสบายค่ะพี่ทิม เป็นไงบ้างคะ ตรวจเช็คของไปก่อนรอบหนึ่งหรือยัง”
“เรียบร้อยครับคุณหนู”
“พาแจนไปที่คลังสินค้าหน่อยค่ะ แจนจะตรวจอีกรอบเผื่อมันเกิดปัญหาแจนจะได้เป็นคนรับผิดชอบได้”
“ขอบคุณคุณหนูมากครับ เชิญทางนี้ครับ”
ฉันเดินตามพี่ทิม ซึ่งเป็นมือขวาของคุณพ่อที่ถูกสั่งให้ประจำการในประเทศรองจากฉันก็พี่เขานี่แหละที่มีอำนาจตัดสินใจแทนพ่อฉัน
เมื่อตรวจสอบสินค้า และตรวจตราความเรียบร้อยแล้ว ฉันก็เข้าไปนั่งโซฟาในห้องรับแขกเพื่อรอลูกค้ารายใหญ่
“นี่เป็นรายชื่อของลูกค้าวันนี้ครับคุณหนู” ฉันเอื้อมไปหยิบเอกสารในมือพี่ทิมขึ้นมาอ่าน “ตระกูลอิทธิฤทธิ์”
“ใช่ครับคุณหนู แต่ดูเหมือนคนที่จะเข้าทำการซื้อขายครั้งนี้จะเป็นลูกชายคนโต ของตระกูลอิทธิฤทธิ์ครับ”
“อ่อ แจนจำเขาได้เคยเจอที่งานสังคมครั้งหนึ่งน่ะค่ะ งั้นคงง่ายที่จะคุยหน่อย” ตระกูลอิทธิฤทธิ์เป็นลูกค้ารายใหญ่ของครอบครัวฉัน เป็นตระกูลที่เบื้องหน้าทำธุรกิจอสังหา แต่เบื้องหลังก็ดำสนิทซึ่งก็ไม่ต่างจากตระกูลฉันเท่าไหร่
ไม่นานนักก็มีคนคุ้มกันคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“คุณหนูครับ พวกเขามาแล้วครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็นั่งไขว้ห้างมองไปยังประตู ร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคุ้นอยู่บ้าง เพราะเคยเจอสองสามหน ฉันจึงเอ่ยทักก่อนตามมารยาทของคนค้าขาย
“สวัสดีค่ะ คุณเจมส์ ไม่เจอกันตั้งนานนะคะ” ฉันยื่นมือออกไปจับมือพอเป็นพิธี
“เช่นกันครับคุณแจน”
“เชิญทางนี้ค่ะ”
“ครับ”
“ขอบคุณที่ทำการค้ากับทางเรานะคะ สินค้าตรงหน้าทั้งหมดแจนเป็นคนตรวจสอบเอง รับรองไม่มีผิดพลาดค่ะ จะตรวจสินค้าก่อนไหมคะ”
“ถ้าคุณแจนเป็นคนตรวจเองผมก็สบายใจครับ ไม่ต้องตรวจอีกรอบหรอกครับ”
“นี่เป็นเอกสารรายการทั้งหมดนะคะ”
“ครับ ผมโอนส่วนที่เหลือให้แล้วนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ หวังว่าจะได้ทำการค้ากันอีกนะคะ”
“เอ่อ คุณแจนครับ”
“คะ” ในขณะที่คุณเจมส์ทำเป็นเอื้อมมือจะมารั้งฉัน พี่ทิมก็เข้าขวางเขาไว้ทันที จนเขาชะงักไป
“เอ่อ... ผมขอโทษนะครับ ผมไม่ได้จะล่วงเกินอะไร” เขายกมือพลางยิ้มมาให้ด้วยใบหน้ายิ้ม
“ขอโทษแทนพี่เขาด้วยค่ะ เขาทำตามคำสั่งของป๊าแจน”
“ลูกสาวสวยก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาสินะครับ”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้ค่ะ”
“ผมแค่จะชวนทานข้าวสักมื้อได้ไหมครับ” คุณเจมส์เอ่ยออกมา
“ทานข้าว? ต้องดูเจตนาก่อนค่ะว่าชวนทานเพราะอะไร ถ้าชวนเพราะจีบก็ต้องขอปฏิเสธน่ะค่ะ แต่ถ้าชวนเพราะการค้าทางธุรกิจ ก็ยินดีเสมอค่ะ”
“ได้ครับ ไว้จะรอโอกาสนั้นครับ”
“แจนขอตัวก่อนนะคะคุณเจมส์ ส่วนสินค้าเดี๋ยวแจนให้พี่ทิมจัดการเคลื่อนย้ายไปที่รถของคุณเจมส์ค่ะ”
ฉันปลีกตัวออกมาเมื่อเห็นว่าปิดดีลสำเร็จโดยให้พี่ทิมมือขวาคุณพ่อจัดการที่เหลือต่อ
แสงแดดยามเย็นเริ่มทอแสงสาดส่องเข้ามา ฉันกับพี่เวลล์กำลังนั่งทานอาหารว่างกันอยู่ริมทะเล บรรยากาศดีสุด ๆ“ทานแตงโมหน่อยไหมครับ”“ค่ะ” ฉันยิ้มตอบเขา“ม่ะ...พี่ป้อน” เขาจิ้มแตงโมที่หวานฉ่ำนั้นป้อนให้ ฉันโน้มตัวเข้าไปกินอย่างมีความสุข “อร่อยไหมครับ”“อร่อยค่ะ แจนชอบแตงโม”“แล้วพี่ล่ะ แจนชอบไหม”“เอ๊ะ มันวกมาเวนี้ได้ยังไงกันคะพี่ ไม่ชอบค่ะ แต่รักเลย ฮี่...” เอ่ยจบเขายื่นมือมาบีบแก้มฉันด้วยความหมั่นเขี้ยว จากนั้นเขาก็ยังเอาแต่ป้อนผลไม้ให้ฉันทาน ถามว่าฉันกินไหม ก็กินสิผู้ชายหล่อป้อนทั้งที“แจนครับพอดีพี่มีประชุมด่วนของโรงพยาบาล พี่ขอตัววิดิโอคอลที่ประชุมสักครู่นะครับ”“ได้สิคะ งั้นแจนขอลงไปเล่นน้ำหน่อยนะคะ อยากเอาตัวจุ่มน้ำแล้ว”“ระวังด้วยนะครับ อย่างลงไปเล่นน้ำลึกมากล่ะ”“ค่ะพี่ แจนจะอยู่ใกล้ๆ นี่แหละค่ะ” เขาสวมผ้าคลุมที่เตรียมไว้พร้อมหยิบไอแพดปลีกตัวไปนั่งเก้าอี้ชายหาดใส่หูฟังพร้อมประชุม สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังและตึงเครียดมากขึ้นก็จริงล่ะนะ ถึงแม้เราจะมาพักผ่อน แต่งานก็ต้องดำเนินต่อไป จริงๆ แล้วฉันก็มีงานที่ต้องสะสาง แต่เพราะมีพ่อ มีพี่ทิม มีแฟรงค์ จึงสามารถวางใจได้ แต่พี่เวลล์เขาเป็นหมอ
ณ.ห้องครัวพี่เวลล์เข้าครัวทำกับข้าวให้ฉันตามที่ฉันร้องขอว่าอยากกิน กลิ่นผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้าหอมฉุนไปทั่วบ้านพัก ทำเอาฉันสูดฟึดฟัด เพราะกลิ่นมันหอมจนอดไม่ไหว“หอมมาก อยากทานแล้วค่ะ” ฉันเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลัง ในขณะที่เขากำลังจัดเตรียมอาหารเหล่านั้นวางบนโต๊ะอาหาร"งั้นก็รอทานให้อร่อยนะพี่ตั้งใจทำให้แจนเป็นพิเศษเลยนะครับ"“ค่ะ..^^”ฉันนั่งรอที่โต๊ะอาหาร พร้อมแล้วกับการทานข้าวมื้อพิเศษที่เขามอบให้ อาหารง่ายๆ อย่างโจ๊กและผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้า แบบพิเศษใส่ใจ“เสร็จแล้วครับ”“อื้อหื้อ น่าทานมาก ๆ ค่ะ จะทานแล้วนะคะ” ฉันที่ตั้งท่าจะทานแล้วนั้น ดันโดนพี่เวลล์ห้ามไว้ก่อน“เดี๋ยวสิครับ ล้างมือรึยัง ก่อนทานล้างมือก่อนครับ”“ก็ได้ค่ะ” ฉันทำหน้ามุ่ย แต่ก็ลุกไปล้างมือแต่โดยดี พอล้างเสร็จก็กลับมานั่งที่เดิม โดยที่พี่เวลล์เองก็เข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหารแล้ว“ทานเยอะๆ นะครับ” เขาไม่ใช่แค่พูด แต่ตักอาหารมาใส่จานให้ฉันด้วย ทั้งการกระทำและคำพูดเขาอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก นอกจากพ่อ ก็เขานี่แหละที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นหัวใจได้จริงๆ“พี่เองก็ทานเยอะๆ นะคะ”“ครับ” ฉันยิ้มให้เขา เขาก็ยิ้มให้ฉัน เราต่างก็ทานอาหา
12.00 น.ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความปวดเมื่อยไปทั้งร่างกายอยู่บนเตียงฟูกนุ่มแล้ว และกำลังนอนกอดกันตัวเป็นเกลียวกับคนข้างๆ ที่ฉันรักมาก ร่างกายเรายังเปลือยเปล่าล่อนจ้อน เพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเสพสุขกันไปกี่ยก แต่ที่แน่ ๆ ระเบียงนั่น ฉันวนไปทุกมุม ขนมาทุกท่า แถมพี่เวลล์ตัวดีดันแข็งแรงทั้งร่างกายและน้องชายเขาก็ตื่นไม่พัก จึงต้องเป็นฉันที่ทนรับอยู่ร่ำในคืนที่ผ่านมาอย่างหนักหน่วงเขายังนอนหลับสนิท สองมือเขากอดฉันแน่น ส่วนใบหน้าฉันก็แนบชิดกับแผงอกของเขา ฉันเงยหน้ามองเขา ดูสิตอนนอนก็ยังหล่อเลย ขนตายาวงอน ริมฝีปากได้รูป จมูกโด่งสันทัดผิวขาวเปล่งปลั่ง สันกรามที่บาดคม เฮ้อหล่อจนร้องขอชีวิตนั่นและ เป็นบุญของฉันที่ได้มีโอกาสมารักเขาจริง ๆดวงตาเขาค่อย ๆ เปิดออกหลุบมองฉัน เขาค่อย ๆ ฉีกยิ้มก่อนจะออกแรงแขนรัดฉันแน่นขึ้น“แจนทำให้พี่เวลล์ตื่นเหรอคะ”“ป่าวหรอกครับ ความรักต่างหากที่ทำให้พี่ตื่น”“ดีนะ แจนยังไม่ได้ทานข้าวไม่งั้นมีอ้วกแน่ๆค่ะ” สิ้นคำฉัน เขายิ้มมองฉันก่อนจะลูบหัวเบาๆ ก้มหอมฟอดใหญ่ๆ บนหัวฉัน“ทนนะ หลังจากนี้จะได้ยินแบบนี้บ่อยขึ้น เพราะพี่คลั่งรักแจนไม่ไหว”“กลัวแล้ววววววว
“ขี้โกงจังนะครับ ทำไมเสร็จไปก่อนพี่แล้วล่ะ” เขากอดฉันแน่นอีกครั้ง“ก็เป็นเพราะใครล่ะ โดนขนาดนี้ใครจะทนไหวคะ”“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” ฉันเอียงคอแหงนมองคนด้านหลังก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ เขายิ้มมุมปากยักคิ้วให้ฉัน พลางก้มหน้าลงมาจุ๊บฉันหนึ่งที“ให้ตายเถอะ บอกอย่าเล่นกับระบบ พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ แจนไม่ยอมโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก” ฉันลุกขึ้นหันหน้าไปเผชิญกับเขาที่นั่งอยู่ ผลักไหล่เขาให้ลงนอนราบบนโซฟาใหญ่นี้ พลางมองต่ำตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะคว่ำนั่งบนลำตัวของเขา ก็รู้แหละว่าตรงนั้นของเขามันแข็งขื่นขนาดไหนเพราะระหว่างขาฉันที่กำลังทับมันอยู่สัมผัสได้ ทำเอาตื่นเต้นชะมัดเป็นฉันบ้างที่เลียริมฝีปาก ทอดสายมองเขาอย่างยิ้มร้าย โน้มตัวลงเอาหน้าเกยไหล่เขาสองมือซุกซนสอดเข้าใต้เสื้อเพื่อสัมผัสผิวเขา มันแน่นมือถนัด ซิกแพคเป็นลอนที่จับก็รับรู้ได้ความแข็งแกร่งของหน้าท้องนั่น ทำเอาอยากเห็นด้วยตาเปล่าเสียตอนนี้“อื้ม...” เสียงครางเล็กๆ เมื่อมือฉันสัมผัสเข้ากับหัวนมของเขา มะ...ไม่ไหวแล้ว เสียงกับร่างกายของเขานี่มันทำเอาฉันคลั่งแทบบ้าเหมือนกันฉันทนไม่ไหวอีกต่อไป ถกเสื้อเขาไปกองไว้เหนืออก เผยให้เห็นแผง
เขายังคงวุ่นอยู่กับการจูบฉันอยู่แบบนั้นไม่มีท่าทีว่าจะคลายจูบเสียที ลมหายใจเขารดถี่ขึ้น ร้อนขึ้น พอๆ กับสัมผัสริมฝีปากของเขาที่พยายามบดเบียดรุกเข้ามาในโพรงปากฉัน ฉันก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรปล่อยให้เขาทำตามใจ“อึก...โอ๊ย!!” พี่เวลล์กับฉันกำลังพรมจูบกันเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่จู่ ๆ เป็นฉันเองที่ต้องผลักเขาออก“เป็นอะไรไปครับ” พี่เวลล์ประคองใบหน้าฉันมองหน้าด้วยความตกใจ“ขะ...ขาฉันค่ะ”“ขาเป็นอะไรครับ”“พี่ทับขาฉันค่ะ ฉันเจ็บ” สิ้นคำ เขาเหลือบไปมองดูแล้วก็เป็นให้เขาเห็น ก็ขาแกร่งของเขาทับขาเรียวเล็กของฉันจริง ๆ ไม่เจ็บได้ไง โซฟามันเล็กนิดเดียวนะเขาลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยกขาฉันก่ายตักเขามานวดให้ฉัน อย่างแผ่วเบา“พี่ขอโทษครับพี่ไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่เป็นไรค่ะ โซฟามันแคบ” ฉันยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วยกขาที่ก่ายตักเขาออกวางลงปกติ“นั่นสิเนอะ ถ้าเป็นที่โล่งๆ คงจะดีกว่าใช่ไหมครับ”“ใช่ค่ะ...แต่เอ๊ะ ที่โล่งๆ ว๊าย!!!” พี่เวลล์ยกฉันพาดบ่าโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด“พะ...พี่จะยกแจนไปไหนเนี่ยตกใจหมดเลย”“ก็ไปหาที่โล่งๆ ต่อไงล่ะ”“หมายถึงห้องนอนเหรอคะ”“ก็ใช่ แต่...หึ” เพราะฉันถูกพาดบ่าไว้ ทำให้มองไม่เห็นใบหน
เรากลับมาถึงบ้านพักของเรา เมื่อกำลังจะเดินเข้าบ้านฉันกลับหยุดเดินและฉุดรั้งเขาไว้ ฉันหันหน้ามองออกไปยังผืนทะเลตรงหน้าบ้านที่กำลังทอประกายด้วยแสงจันทร์ค่ำคืนนี้ พลางสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนจะหันไปมองเขา“เป็นอะไรไปรึเปล่าครับ”“พี่คะ พี่รู้สึกยังไงบ้าง พี่อึดอัดใจรึเปล่าที่พี่เห็นฉันเป็นแบบนี้ ฉันรู้ว่าพี่เกลียดมาเฟีย ตอนนี้พี่กำลังข่มใจไว้ใช่ไหมคะ พี่ฝืนอยู่ใช่ไหม พี่กำลัง.......” ฉันพล่ามสาธยายไม่รู้จบ ฉันแค่รู้สึกกลัว กลัวว่าเขาจะไม่โอเค กับสิ่งที่ฉันเป็น และสิ่งที่ฉันกระทำ ฉันพะวงมันมาตลอด แต่ฉันก็อดไม่ได้เพราะฉันเป็นคนแบบนี้ มันแบบกระวนกระวายใจจนแทบบ้า อดีตมันยังคอยย้ำเตือนเสมอเขาไม่ปล่อยให้ฉันพูดจบ แต่เดินเข้าสวมกอดฉันแน่น จับศีรษะฉันแนบกับอกของเขาไว้ ลูบอย่างแผ่วเบา“พี่ไม่เป็นอะไรเลย สิ่งที่พี่เห็นยิ่งทำให้เข้าใจมุมแจนมากขึ้น เป็นพี่ที่คิดมากไปเอง พี่ผิดที่เอาอดีตที่เจอมาตัดสินจนทำให้รักของเราเคยล่มไปแบบนั้น”“พี่ไม่เกลียดฉันแล้วใช่ไหมคะ ที่ฉันเป็นมาเฟีย”“ไม่เลยครับ แล้วแจนล่ะครับ ยังโกรธพี่อยู่ไหม” เขาดันฉันออกจับไหล่ฉันทั้งสองข้าง สายตาก้มมองฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันมองเขาด้ว