บทที่ 10
คำพูดของไป๋ซีเยว่ทำให้กู้หยวนเฉิงฉุกคิดขึ้นมาได้
ความอยากรู้อยากเห็นเรื่องแม่ของเธอ อาจจะยื้อให้หญิงสาวอยู่ที่นี่ได้เพียงอย่างมากก็ไม่กี่เดือน แต่ถ้ามีเรื่องอื่นที่ทำให้เธอสนใจได้
“ถ้าอย่างนั้นเธอคงมีเรื่องให้เรียนรู้อีกมากเลย ที่จริงถ้าเธอเข้าไปปักกิ่ง ก็จะมีมหาวิทยาลัยด้วยนะ ความรู้ระดับเธอต้องไปสอบได้แน่ ๆ”
“ฉันเห็นอยู่ในหนังสือน่าสนใจนะ แต่ฉันไม่เคยเรียนที่นี่ มันจะต้องไปตามลำดับไม่ใช่เหรอ” เพราะอ่านหนังสือไปเยอะมากแล้วจึงรู้เรื่องราวมากขึ้น
“อายุอยู่ในเกณฑ์ ส่วนเรื่องความรู้ ฉันเขียนหนังสือรับรองว่าเธอทำงานให้กับหน่วยงานทหาร เท่านั้นก็น่าจะพอ ที่เหลือเธอก็ไปใช้ความสามารถตัวเองสอบเข้าดู ว่าแต่ถ้าสอบได้มันใช้เวลาเรียนเป็นปีเลยนะ แล้วยังต้องมีค่าใช้จ่าย”
“ฉันต้องหางานทำใช่ไหม”
“บ้าน ไปอยู่กับฉันก็ได้ ส่วนค่าเรียนของเธอฉันดูแลให้ได้ทุกอย่าง” แม้จะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ แต่ไม่มีเรื่องอะไรที่ได้มาโดยไม่มีค่าตอบแทน
“แลกกับอะไรล่ะ” กู้หยวนเฉิงยิ้มราวกับรอคำถามนี้ “เธอก็แค่เป็นคนของฉัน”
“คุณจีบแย่ยิ่งกว่าชายหนุ่มยุคก่อนเสียอีก” ไป๋ซีเยว่พูดออกมาก่อนจะก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ “พูดอย่างนี้เคยมีคนจีบเธออย่างนั้นเหรอ”
“คนที่มาเกี้ยวเยอะแยะ ตั้งแต่ยังไม่ปักปิ่น พวกบิดามารดาก็อยากหมั้นหมายเอาไว้ก่อน พอปักปิ่นแล้วบางคนส่งแม่สื่อมาคุยกับท่านพ่อท่านแม่เลยด้วยซ้ำ แต่ฉันไม่สน ฉันไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ท่านแม่บอกเรื่องความรักเป็นเรื่องสำคัญ”
“แล้วฉันล่ะเธอชอบไหม” ไป๋ซีเยว่ที่โดนอะไรแบบนี้มาสักพักแล้วเริ่มมีแรงที่จะต่อสู้กับชายหนุ่ม เธอยิ้มให้เขาน้อย ๆ ก่อนจะพยักหน้า “แบบนี้ดีกว่าเมื่อครู่หน่อย” กู้หยวนเฉิงที่คิดว่าหญิงสาวพยักหน้าเพราะชอบเขา ก็ทำสีหน้าที่ทั้งชาตินี้คงมีแค่ไป๋ซีเยว่เท่านั้นที่ได้เห็น
“บางครั้งท่าทางของเธอก็ทำให้ฉันเข้าใจว่าเธอไม่มีใจเลยนะ” กู้หยวนเฉิงตัดพ้อ “เช่นนั้นคงไม่นั่งคุยด้วย” ไป๋ซีเยว่พูดลอย ๆ เสียงเบายิ่งกว่าสายลม แต่กู้หยวนเฉิงก็ได้ยิน “จริงเหรอ”
“ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย” ท่าทางแบบนั้นทำให้คนมองอมยิ้ม “ในนี้มีหนังสือนิยายด้วยเหรอ เธอไปเอาท่าทางแบบนั้นมาจากไหนกัน”
“มีนะ ถึงจะไม่เยอะแต่ก็มีอยู่ อ่านแล้วช่วยให้เข้าใจคำของยุคนี้มากขึ้น” กู้หยวนเฉิงเห็นอีกฝ่ายตั้งใจเรียนเรื่องเกี่ยวกับยุคนี้ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“อยากอยู่ที่นี่ตลอดไปไหม” ไป๋ซีเยว่เงียบไปครู่ใหญ่และคิดเกี่ยวกับคำถามที่ได้รับ เพราะตอนนี้ต่อให้อยากกลับก็คงจะทำไม่ได้ง่าย ๆ ที่จริงต้องบอกว่าไม่รู้ว่าจะกลับอย่างไรเลยมากกว่า
“เรื่องของวันข้างหน้า ยังไม่รู้หรอก” หญิงสาวพูดตัดบทแล้วก้มลงอ่านหนังสือตรงหน้า แม้ท่าทางจะดูเหมือนตั้งอกตั้งใจ แต่ความคิดกลับลอยไปแสนไกล
“หลายวันแล้วที่ลูกหายไป ท่านพี่คิดว่านางจะไปอยู่ที่ใด” ซือเหยาถามผู้เป็นสามีที่ห่วงบุตรสาวไม่แพ้กัน
“เจ้ารู้เรื่องนี้ดียิ่งว่าข้าอีกไม่ใช่หรือ” คำนี้ไม่ใช่คำตำหนิหรืออะไร แต่ตั้งแต่ไป๋ซีเยว่โตมาโดยไม่ได้มองชายหนุ่มใดในสายตา ซือเหยาก็คิดกังวลเสมอว่านางอาจจะเป็นเหมือนตนเอง คือคู่ไม่ได้อยู่ในยุคนี้ และแม้ว่าจะเตือนไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใกล้กับบ่อน้ำพุมากไปนัก แต่ดูโชคชะตาหนีอย่างไรก็คงไม่พ้น
สองสามีภรรยาได้แต่ทำใจ หากไม่ได้เพิ่งเรียกซีเยว่เข้าบ้านคงต้องคิดว่านางหายไปที่อื่นเป็นแน่ แต่ในเมื่ออดีตเคยเกิด เหตุใดจึงจะเกิดอีกครั้งไม่ได้กันเล่า
“ลูกจะเจอคนที่ดีใช่หรือไม่เจ้าคะ” ซือเหยาที่ยังกังวลไม่หายถามสามีของตน “เจ้าสอนสั่งนางดีถึงเพียงนั้น อย่าได้กังวลไปเลย ข้าเชื่อว่าลูกของเราเก่งและฉลาดพอ ไม่ว่านางจะอยู่ที่ไหนก็จะอยู่ได้อย่างดีแน่ ๆ และหากใครมองไม่เห็นค่าของนางเพียงเพราะนางปรากฏตัวขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด คนคนนั้นก็ไม่คู่ควร” คำของสามีย้ำชัดถึงเรื่องราวในอดีตของตัวซือเหยา
นางเข้าใจคำของสามีดีเพราะได้ผ่านมาแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้บุตรสาวต้องผ่านอะไรเช่นนั้น แต่หากเป็นชะตากรรมก็คงต้องทำใจ
ไป๋ซีเยว่ยืนอยู่หน้าบ่อน้ำพุ หญิงสาวเขียนจดหมายและพยายามคิดส่งมันไปให้ถึงท่านพ่อท่านแม่ของตน ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ถือว่าได้ทำอะไรสักอย่างแล้ว จะได้ไม่เสียใจภายหลัง
“ท่านพ่อท่านแม่ ลูกอยู่ที่นี่สบายดี แต่ว่ากลับไม่สามารถกลับไปหาพวกท่านได้ ไม่รู้ว่านี่เป็นโชคชะตาหรืออะไร แต่ในเมื่อต้องอยู่ ลูกก็จะอยู่อย่างดีและมีประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ เหมือนอย่างที่ท่านพ่อท่านแม่ทำเสมอมา”
“ซีเยว่” เสียงตะโกนเรียกหญิงสาวดังมาแต่ไกล “เธอจะหนีกลับเหรอ” กู้หยวนเฉิงที่มองจากบนตึกเห็นไป๋ซีเยว่ยืนอยู่หน้าบ่อน้ำพุก็รีบวิ่งลงมา
“ฉันไม่ผิดคำพูดหรอก ถ้าจะกลับไปจริง ๆ ฉันจะบอกดี ๆ ตอนนี้ก็แค่คิดถึงคนที่บ้านก็เท่านั้น” กู้หยวนเฉิงยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เหมือนอีกฝ่ายเปิดเผยความในใจให้เขาได้รู้บ้าง
บทที่ 31“ตั้งแต่เด็กผมเคยถามพ่อตลอดว่าผมทำดีหรือยัง แต่พ่อไม่เคยบอกว่ามันดี ตอนนี้ผมไม่สนใจอีกแล้วว่าพ่อจะคิดอย่างไร ในเมื่อทำแค่ไหนก็ไม่ดีสำหรับพ่ออยู่ดี ผมก็จะทำในแบบของผมเอง” “ลูกพูดกับพ่ออย่างนี้ได้อย่างไรหยวนเฉิง...” กู้หยวนเฉิงหันมองแม่ตัวเอง “ทำไมผมจะพูดไม่ได้ แม่เคยเห็นใจผมบ้างไหม ตั้งแต่เด็กมาผมเคยใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นไหม มีแต่แม่อยากให้เป็นอะไร พ่อชอบให้ผมทำอะไร หากแม่อยากเอาใจพ่อ แม่ก็ทำเองสิครับ จะมาใช้ผมเป็นเครื่องมือทำไม แม่เห็นใจผมบ้างไหมหรือแค่ทำทุกอย่างเพื่อสนองความต้องการของแม่เท่านั้น” “พูดจาไม่สมกับเป็นคนตระกูลกู้” กู้หยวนเฉิงหัวเราะเย้ยหยันตัวเองและคนตรงหน้า “พ่อเคยถามผมหรือเปล่าว่าผมอยากเป็นไหม เป็นคนตระกูลกู้ต้องเป็นอย่างไรเหรอครับ พ่อเคยทำให้ปู่พอใจได้ไหม ผมมั่นใจเลยว่าไม่ได้ ความต้องการของคนตระกูลกู้ช่างสูงส่งจริง ๆ แต่ผมคงเป็นไม่ไหว ผมแค่อยากมีครอบครัวของผมแค่นั้น เป็นคนธรรมดาที่ช่วยเหลือคนอื่น...” กู้หยวนเฉิงชี้ไปที่ซีเยว่“พ่อกับแม่รู้ไหมว่าเธอ...ไม่สิ อธิบายบอกไปก็คงไม่ทำให้พ่อแม่เข้าใจหรอก ครั้งนี้ผมจะออกไปจากบ้านหลังนี้อีกครั้ง แต่มันไม่ใช่การหนี ผ
บทที่ 30“ไปข้างบนเถอะ” กู้หยวนเฉิงที่เดินออกมารีบประคองภรรยาของเขาขึ้นไปบนบ้าน แต่เพียงแค่เดินผ่านแม่ของเขา เสียงของแม่เขาก็ดังตามมา“เดินไปทั่วราวกับเห็นที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ได้ ก็เพราะลูกชายของฉันยืนกรานจะรับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีที่ยืนในตระกูลกู้หรอกนะ” แม้จะไม่พูดอะไรออกมาแต่ไป๋ซีเยว่กลับคิดอะไรอยู่มากมายในหัวของเธอในตอนนี้“คำพูดของพ่อคุณหมายความว่าอย่างไร” ไป๋ซีเยว่ไม่อยากคิดมากไปเอง เธอท้อง...นี่เป็นความจริงที่เธอยังไม่ได้บอกสามี เธอรู้ตั้งแต่ยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่แค่อยากแน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไร จึงคิดว่าจะบอกเขาตอนที่ทุกอย่างมันดีกว่านี้ แต่คำที่ได้ยินเมื่อครู่“พ่อไม่คิดถึงอะไรนอกจากตระกูลหรอก หลานจากฉันก็คือทายาทของเขา เธอไม่ต้องกังวลหรอก ปัญหายังมาไม่ถึง เอาแค่วันพรุ่งนี้พวกเราจะอยู่ที่นี่ไหวไหมดีกว่า”ไป๋ซีเยว่เงียบไป เธอรู้สึกไม่มั่นใจกับการรับมือกับปัญหาครอบครัวของคนตรงหน้าเลยสักนิด กู้หยวนเฉิงที่วางแผนรบได้ แต่กลับจัดการพ่อแม่ของตัวเองไม่ได้“พรุ่งนี้เราย้ายไปหาบ้านเช่ากันไหม แล้วค่อยทำอย่างเธอบอก หนีไปอยู่มณฑลไกล ๆ”“แล้วต้องหนีไปไกลแค่ไ
บทที่ 29แม้จะรู้ว่าแม่สามีไม่ชอบ และพ่อสามีก็ยังคงคิดเหมือนกัน แต่ในเมื่อตั้งใจจะทำให้ถึงที่สุดแล้ว ซีเยว่จึงตัดสินใจลงมาช่วยคนงานในครัวจัดอาหารเย็น“คุณไม่ต้องมาช่วยก็ได้ค่ะ ปกติคุณนายก็ไม่ทำ” ซีเยว่ยิ้มเมื่อเธอเดินเข้ามาในครัวแล้วทุกคนตกใจและแปลกใจมากกว่าไม่ต้อนรับ“ฉันแค่อยากทำอาหารที่บำรุงร่างกายให้พวกท่านได้ลองน่ะค่ะ” คนงานในครัวเข้าใจ หญิงสาวคงอยากจะทำตัวให้แม่สามีรัก แต่คงจะยากสักหน่อยเพราะเหมือนอคติจะอยู่ในใจไปแล้วไป๋ซีเยว่อยู่ในครัวเกือบสองชั่วโมงเพื่อทำอาหารที่ต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถหากินได้ หลังจากทำเสร็จเธอรีบกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็จำเป็นต้องเดินผ่านแม่สามีที่นั่งอยู่ที่ห้องโถงก่อนขึ้นบันได“แต่งตัวให้ดีอย่างไรก็ไล่กลิ่นสาบบ้านนอกออกไปไม่ได้สินะ” สายตาเหยียด ๆ ถูกส่งมาให้ ไป๋ซีเยว่ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินหนีไป ไม่แม้แต่จะต่อความยาวกับคนอายุมากกว่า “ผู้ใหญ่พูดด้วยไม่ได้ยินหรืออย่างไร” แม้แม่สามีของเธอจะลุกขึ้นมายืนต่อว่าซีเยว่ก็ทำเพียงแค่หันมองแล้วก้มหัวให้ก่อนจะเดินหนีมาเท่านั้นเธอไม่คิดว่าการพูดจาจะมีประโยชน์อะไร ที่จริงตอนนี้เธอเริ่มคิดแล้วว่าที่นี่ไม่น่าอยู่ โ
บทที่ 28ไป๋ซีเยว่มองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้า เธอรู้แค่ว่ามันใหญ่แค่นั้นไม่ได้ตื่นเต้นหรือคิดว่ามันแตกต่างอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่ากู้หยวนเฉิงมีตระกูลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่เมื่อหันไปมองคนข้าง ๆ กู้หยวนเฉิงมองประตูคฤหาสน์ของตนด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก เขาไม่ได้รู้สึกดีกับมันสักเท่าไร ถ้าหากเลือกเกิดได้เขาอยากเป็นแค่คนธรรมดา ๆ แบบป๋ออี้หรันมากกว่า แต่มันคงทำไม่ได้“คุณชายกลับมาแล้วเหรอครับ” หยวนเฉิงไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ส่งของของเขาและของซีเยว่ไปให้กับลุงคนทำสวนเท่านั้น“เอาไปไว้ที่ห้องผม” “ไม่ต้องเอาไปไหนทั้งนั้นนั่นแหละ กลับมาได้แล้วเหรอ นึกว่าลืมไปแล้วว่ามีบ้านอยู่ตรงนี้” คุณนายกู้มองลูกสะใภ้ของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า “ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ...” ซีเยว่ยังไม่ทันตอบอีกฝ่ายก็พูดต่อ “ถึงได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัว อายุเท่านี้ก็แต่งงานแล้ว หนังสือคงไม่รู้เลยล่ะมั้ง” ใบหน้าเหยียด ๆ นั่นทำให้ซีเยว่ไม่ค่อยพอใจนัก เธอเริ่มเข้าใจคำของกู้หยวนเฉิงแล้วที่ไม่อยากกลับบ้าน ขนาดลูกชายอยู่ตรงนี้ อีกฝ่ายยังไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด“ผมแค่กลับมาเยี่ยมก่อนจะเข้าไปรายงานตัวครับ ถ้าแม่ไม่พอใจผมเลยไปนอนที่กรมเลยก็ได้”
บทที่ 27กู้หยวนเฉิงและไป๋ซีเยว่เดินผ่านคนมากมายเข้าไปที่ลานกว้างหน้าหอระฆัง พวกเขาเห็นป๋ออี้หรันยืนรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองโบกมือให้กันทันทีที่เห็น “ในที่สุดก็มาสักที นึกว่าจะต้องไปตามแล้ว” ป๋ออี้หรันอย่างไรก็ยังเป็นคนพูดมากอยู่ดี “กลัวไหม” กู้หยวนเฉิงถามไป๋ซีเยว่ คนที่เมืองหลวงเดินไม่ค่อยดูคน และบรรดาคนที่ขายของก็มักจะถึงเนื้อถึงตัว“ชุดนี้เหมาะกับแม่หนูมากเลยนะ สนใจไหม” ไป่ซีเยว่มองแล้วก็พยักหน้า ที่จริงมันก็ไม่ต่างอะไรกับตลาดชายแดนเมื่อก่อน คนเยอะมากมาย“ชุดนี้เหมาะกับเธอดี เอาไหมฉันซื้อให้” ซีเยว่ส่ายหน้า “ให้ฉันได้ใช้เงินบ้างเถอะ”“ฉันเองก็ไม่ค่อยได้ใช้เหมือนกันนะ” “จะเถียงกันทำไม แม่หนูก็เอาไปสองชุด ซื้อเองด้วย ให้สามีของหนูซื้อให้ด้วยดีไหม” สุดท้ายแวะร้านแรกก็ได้ชุดมาตั้งสองชุด “พูดเยอะจนแม่ค้าล้อเลย” ป๋ออี้หรันที่เดินตามมาก็อดหัวเราะขำไม่ได้ แม้สองคนนี้จะแต่งกันมานาน แต่ก็ยังมีท่าทางเกร็ง ๆ ต่อกันอยู่ดี“อุ๊ย น่ารักจัง” ไป๋ซีเยว่เห็นกิ๊บติดผมแล้วก็หยุดยืนดู คงเป็นเพราะคนที่นี่ไม่ค่อยประดับผมเท่าไร แต่เธอชอบมาก แม้จะไม่เหมือนกับการปักปิ่นแบบนั้นแต่มันก็ดูสวยดี“สวยทั
บทที่ 26รถไฟเที่ยวพิเศษสำหรับเหล่าทหารที่กลับไปยังเมืองหลวงและมณฑลต่าง ๆ จอดนิ่งอยู่ที่ชานชาลา เสียงหวีดเบา ๆ ของหัวรถจักรทำให้ไป๋ซีเยว่ที่เพิ่งเคยเห็นรถไฟครั้งแรกออกจะตื่นเต้นแต่ก็ต้องพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้“เพิ่งเคยขึ้นครั้งแรกใช่ไหม” กู้หยวนเฉิงกระซิบเบา ๆ ข้างหูภรรยาของเขา ซีเยว่พยักหน้า “ใช่ เหมือนที่ท่านแม่เคยเล่า แต่ว่ามันมีเร็วกว่านี้ด้วยนะ” “รู้ได้อย่างไรว่าเร็วกว่า” “ท่านแม่บอกว่ามันมีหลายแบบ อันนี้มีไอน้ำน่าจะเป็นรถไฟหัวจักรไอน้ำใช่ไหม” กู้หยวนเฉิงพยักหน้า “ใช่ ขึ้นไปกันเถอะ” ไม่ว่าอะไรในชีวิตของไป๋ซีเยว่ก็ดูจะใหม่ทั้งหมดเมื่อได้มาอยู่ข้างกายของกู้หยวนเฉิง แม้หลายสิ่งจะแตกต่างจากที่เคยได้ยินแม่ของเธอเล่าแต่มันก็ดูคลับคล้ายพอไปถึงที่นั่งซีเยว่ก็จะเอาของขึ้นเก็บด้านบนหัวที่เป็นที่เก็บของ แต่กู้หยวนเฉิงก็จัดการให้ “อะไรจะหวานกันขนาดนั้น นั่งไปสองคนเลยฉันนั่งตรงนี้คนเดียวก็ได้” ป๋ออี้หรันแกล้งชนกู้หยวนเฉิงก่อนจะเดินไปนั่้งฝั่งตรงข้าม“ว่าแต่รถไฟมันโยกเยก ร้อยโทไป๋ก็นั่งดี ๆ นะครับ หรือจะให้เพื่อนของผมประคองเอาไว้ก็ได้” “ปากนายนี่ ไปนั่งที่อื่นเลย”“เห็นฉันเป็นส่วนเกิน