Share

บทที่ 2

Author: ม่านฝันจันทรา
“ท่าน... ท่านปล่อย... ปล่อยข้า”

มู่หนิงอ้าปาก แต่กลับไม่ได้รับอากาศเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าที่งดงามอย่างยิ่งพลันแดงก่ำขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพราะเลือดคั่ง

เรี่ยวแรงของเจ้าหมอนี่ช่างมหาศาลนัก คิดจะฆ่านางหรืออย่างไร?

“บอกมา เจ้าเป็นใคร”

สายตาที่เย็นเยียบของโม่จิ่นยวน ราวกับต้องการจะมองทะลุเข้าไปถึงจิตวิญญาณของนาง

มู่หนิงทุบตีไปที่มือของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วชี้ไปที่ลำคอของตนเอง ส่งสัญญาณให้เขาปล่อยมือก่อนนางถึงจะพูดได้

ทว่าคนบางคนกลับทำเหมือนพวกสมองทึบ ยังคงบีบลำคอขาวเนียนและบอบบางของนางไว้เช่นเดิม

มู่หนิง “...”

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่เห็นดังนั้น ก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ

สายเลือดเพียงหนึ่งเดียวที่พวกนางอุตส่าห์อ้อนวอนให้มู่หนิงเก็บไว้ จะมาให้เขาบีบคอจนสิ้นใจไปไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อคิดได้ดังนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ก็ยกไม้เท้าในมือขึ้น ฟาดลงไปอย่างแรงบนแขนของโม่จิ่นยวนที่กำลังบีบคอมู่หนิงอยู่ “จิ่นยวน! เจ้ารีบปล่อยหนิงหนิงเดี๋ยวนี้ หากหลานของแม่เป็นอะไรไป แม่ก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!”

“น้องเจ็ด รีบปล่อยน้องสะใภ้เร็วเข้า”

พี่สะใภ้ทั้งหกต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก พากันเข้ามาแกะมือของเขาออก

แม้ว่าโม่จิ่นยวนจะไปที่สนามรบทันทีในวันที่สองหลังจากแต่งงานกับมู่หนิง แต่ในช่วงหนึ่งเดือนที่เขากลับมาพร้อมกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เขาก็พอจะรู้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร

“มู่หนิงตัวจริงอยู่ที่ไหน?”

เขามั่นใจอย่างยิ่งว่า มู่หนิงที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ใช่คนเดิมที่เขารู้จักอย่างแน่นอน

คนประเภทที่ปลอมตัวลอบเข้ามาในจวนแม่ทัพเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่คนดีแน่ เขาจะไม่อนุญาตให้ใครก็ตามนำพาหายนะมาสู่จวนแม่ทัพเป็นอันขาด

“น้องเจ็ด หากเจ้ายังไม่ปล่อยน้องสะใภ้เจ็ดอีก นางกับลูกในท้องจะต้องถูกเจ้าบีบคอจนตายแน่”

พี่สะใภ้ใหญ่เห็นท่าไม่ดี ก็รีบเข้ามาทุบตีที่แขนของเขาอย่างแรง

“คนสารเลว~”

มู่หนิงรู้สึกว่าวินาทีต่อมาตนเองจะต้องถูกบีบคอจนตายแน่

นางแอ่นท้องของตนด้วยความโมโห แล้วกระแทกใส่โม่จิ่นยวนอย่างเดือดดาล

ตายก็ตาย อย่างไรเสียในท้องก็ยังมีลูกของเขาร่วมฝังไปด้วยกัน

ปล่อยให้ลูกของเขาตายด้วยน้ำมือของตัวเอง ไม่ต้องรอให้ฮ่องเต้ลงมือ เขาเองก็คงจะถูกความโกรธแค้นนี้เล่นงานจนตายทั้งเป็น

โม่จิ่นยวนสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกจากท้องของนาง ก็พลันได้สติกลับมา รีบปล่อยมือทันที

เหล่าพี่สะใภ้พากันเข้ามาประคองมู่หนิงที่เพิ่งรอดชีวิตกลับมาได้ด้วยความเจ็บปวดใจ

“หนิงหนิง! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? น้องเจ็ดทำเจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”

“หนิงหนิง...”

ทุกคนต่างเอ่ยถามนางด้วยความเป็นห่วง ตรวจสอบอาการของนาง

“แค่ก ๆ ~”

มู่หนิงสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปอย่างตะกละตะกลาม ด้วยความที่รีบร้อนเกินไป ประกอบกับความรู้สึกไม่สบายที่ลำคอ จึงทำให้นางไอออกมาอย่างรุนแรง

คิดดูว่านางเป็นถึงประมุขสำนักมังกรเทวะแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด กลับไม่มีหนทางต่อต้านเมื่ออยู่ภายใต้เงื้อมมือของโม่จิ่นยวน หากชายผู้นี้อยู่ในสภาพที่ร่างกายสมบูรณ์เต็มที่ เขาจะต้องทรงพลังและน่าเกรงขามสะท้านปฐพีเพียงใด

สมแล้วที่เป็นยอดขุนพลอันดับหนึ่งที่ประชาชนเทิดทูนบูชามานานนับพันปี แม้แต่นางเองก็ยังมองเขาเป็นไอดอล

แต่ว่า...

“โอ๊ย~”

หลังจากที่มู่หนิงผ่อนคลายลงได้แล้ว ก็ยกขาขึ้นเตะเข้าไปที่ขาของเขา ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด “โม่จิ่นยวน ท่านบ้าไปแล้วกระมัง บีบคอข้าเสียขนาดนั้น อยากจะให้ข้าพูดอะไร? อีกอย่าง ถ้าท่านอยากจะฆ่าข้ากับลูกก็บอกมาตรง ๆ ไม่ต้องมาทำรังเกียจข้าแบบนี้”

หึ~ ไอดอลบ้าบออะไรกัน

นางมู่หนิงคนนี้ ทั้งชีวิตยังไม่เคยถูกใครบีบคอมาก่อน

ผู้ชายคนนี้ เมื่อครู่เขาคิดจะฆ่านางจริง ๆ

“ไม่ใช่ เมื่อครู่ข้าคือ... คือ...”

โม่จิ่นยวนก้าวเข้ามาเพื่อจะอธิบายให้นางฟัง ผลลัพธ์คือเพิ่งจะเดินเข้าไป ก็โดนเตะเข้าให้หนึ่งที

เมื่อเห็นสายตาที่โกรธเกรี้ยวของมู่หนิงในตอนนี้ เขาก็พลันพบว่าตนเองไม่สามารถอธิบายอะไรได้ อีกทั้งยังหาเหตุผลใด ๆ มาอธิบายไม่ได้ด้วย

เพราะว่าเมื่อครู่นี้ เขาเกิดจิตสังหารขึ้นมาจริง ๆ

หากไม่ใช่นางใช้ท้องที่ตั้งครรภ์กระแทกเขา ป่านนี้นางกับลูกของเขา ก็คงต้องจบชีวิตลงเพราะความหวาดระแวงของเขาไปแล้ว

“ข้าไม่อยากฟังท่านอธิบาย”

มู่หนิงถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง แล้วหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่าโม่และพี่สะใภ้ทั้งหก กล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านแม่ พี่สะใภ้ทุกท่าน หนิงหนิงหิวแล้วเจ้าค่ะ”

“แม่ครัวทำอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไป พวกเราไปกินข้าวกันเดี๋ยวนี้เลย”

มู่หนิงถูกเหล่าพี่สะใภ้ประคองออกจากห้องโถงใหญ่ไปด้วยความสงสาร ทิ้งให้โม่จิ่นยวนยืนอึ้งอยู่ที่เดิมคนเดียว

เมื่อเขามาถึงโต๊ะอาหาร สตรีทั้งหลายกลับไม่ได้รอเขาเหมือนเช่นเคย ต่างเริ่มกินอาหารเย็นกันไปแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่เห็นเขานั่งลง ก็พยายามส่งสายตาให้เขาอย่างเต็มที่ ส่งสัญญาณให้เขาคีบกับข้าวและขอโทษมู่หนิงเสีย

หลังจากที่โม่จิ่นยวนได้รับสัญญาณแล้ว ก็รีบคีบซี่โครงหมูตุ๋นน้ำแดงชิ้นหนึ่ง วางลงในถ้วยของมู่หนิงอย่างระมัดระวัง แล้วเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจ “ขอโทษด้วย เมื่อครู่ข้าหุนหันพลันแล่นไปหน่อย”

แม้ว่าเขาจะยังคงคิดไม่ตกว่า เหตุใดมู่หนิงถึงได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้

เมื่อครู่เขาได้ลองสังเกตดูอีกครั้งอย่างละเอียดแล้ว เด็กในครรภ์ของนางมีความรู้สึกผูกพันทางสายเลือดกับเขาอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นตัวปลอม

ตกลงว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลตรงไหนกันแน่ เขายังคงต้องสังเกตการณ์อย่างละเอียดต่อไปอีก

ตอนนี้คงต้องทำให้นางสงบลงก่อน แล้วค่อยดูว่าหลังจากนี้นางจะมีท่าทีหรือแผนการอะไรต่อไป

“อืม”

มู่หนิงเพียงแค่ตอบอืมอย่างเย็นชา

“ดื่มน้ำแกงอีกหน่อย”

โม่จิ่นยวนเห็นว่านางไม่ได้ปฏิเสธ จึงตักน้ำแกงไก่ให้นางอีกถ้วย

“อืม!”

มู่หนิงยังไม่มีอารมณ์จะไปสนใจเขาในตอนนี้ ยังคงตอบอืมอย่างเย็นชาเช่นเดิม

นางกำลังตรวจสอบดูว่ามิติของนางยังอยู่หรือไม่

เมื่อรับรู้ได้ว่ามิติได้ทะลุมิติตามมาด้วย ในชั่วขณะนั้น มู่หนิงก็ดีใจจนยกยิ้มมุมปาก

โชคดีที่มิติยังอยู่ มะรืนนี้ก็คือวันที่จะถูกเนรเทศแล้ว พรุ่งนี้คงมีเรื่องให้ต้องยุ่งอีกมาก

ทุกคนเห็นรอยยิ้มของนาง ก็คิดว่านางคงจะยกโทษให้โม่จิ่นยวนแล้ว จึงพากันยิ้มตามไปด้วย

“น้องเจ็ด กินเนื้อเยอะ ๆ หน่อยนะ”

เหล่าพี่สะใภ้กลัวว่านางจะหิวแล้ว จึงพากันแย่งคีบกับข้าวคีบเนื้อให้นาง

“ขอบคุณพี่สะใภ้ทุกท่าน”

มู่หนิงมองดูแววตาที่เอ็นดูรักใคร่ตนเองของพวกนาง พอนึกถึงจุดจบของพวกนางในภายภาคหน้า ความอยากอาหารก็ลดลงไปไม่น้อยในทันที

พี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองถูกคนแทงตายอย่างโหดเหี้ยมระหว่างทางที่ถูกเนรเทศ พี่สะใภ้สาม พี่สะใภ้ห้า และพี่สะใภ้หกถูกคนบีบบังคับจนต้องกระโดดหน้าผาตาย

ที่น่าสงสารที่สุดคือพี่สะใภ้สี่ เพราะนางไม่มีวรยุทธ์ จึงเป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่ายที่สุด ระหว่างทางที่ถูกคุมตัว นางถูกพวกทหารทางการผลัดกันข่มเหงย่ำยีตลอดทั้งคืน สุดท้ายเพราะทนความอัปยศไม่ไหวจึงโขกศีรษะกับกำแพงจนตาย

ครั้งหนึ่ง พวกนางก็เคยเป็นนักรบหญิงที่ติดตามสามีเข้าสู่สนามรบ สังหารศัตรูมานับไม่ถ้วน

ความกล้าหาญในการรบของพวกนาง ไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษใดเลย

ครอบครัวที่ดีเช่นนี้ นางจะไม่มีวันยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็ดขาด

วันรุ่งขึ้น

หลังจากที่มู่หนิงตื่นขึ้นมา ก็เห็นโม่จิ่นยวนกำลังเก็บผ้าปูที่นอนและผ้าห่มบนพื้น ถึงนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนเพราะความโกรธ นางจึงไล่เขาลงไปนอนที่พื้น

แต่การจะอาละวาดก็ต้องดูสถานการณ์ด้วย เมื่อนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ นางกำลังจะเอ่ยปากเตือนโม่จิ่นยวน ด้านนอกประตูก็มีเสียงบ่าวชายเข้ามารายงาน

“ท่านแม่ทัพ! ฝ่าบาทมีพระราชประสงค์เร่งด่วน ให้ท่านรีบเข้าวังไปปรึกษาหารือขอรับ”

“ข้ารู้แล้ว”

โม่จิ่นยวนเก็บผ้าห่มในมือเข้าไปในตู้ แล้วหันหลังกำลังจะไปเปิดประตูห้องเพื่อเตรียมตัวเข้าวัง

มู่หนิงรีบพลิกตัวลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ดึงรั้งเขาที่กำลังจะออกไป พร้อมเอ่ยปากเตือน “ท่านแม่ทัพเดินทางไปครั้งนี้ต้องระวังตัวให้มาก เมื่อคืนข้าฝัน ฝันว่าท่านเข้าวังไปแล้วเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น”

โม่จิ่นยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นึกถึงการกระทำของนางที่จู่ๆ ก็จะทำแท้งเมื่อวานนี้ จึงเอ่ยถามเชิงหยั่งเชิง “เจ้าฝันจริง ๆ หรือว่าไปรู้อะไรมาจากบิดาของเจ้ากันแน่?”

แม้ว่าจะผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว แต่ความสงสัยที่เขามีต่อนางก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 30

    นางจะอยู่เป็นเพื่อนโม่จิ่นยวน อย่างน้อยก็เพื่อให้เขารู้ว่า เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง“ก็ได้ขอรับ”ท่านหมอเห็นว่านางไม่กลัวจริง ๆ จึงไม่ได้พูดอะไรมากยาแก้ปวดที่มู่หนิงให้ ออกฤทธิ์เร็วมาก ท่านหมอเพิ่งจะคว้านเนื้อไปได้ไม่กี่ครั้งก็เห็นผลแล้วสีหน้าของโม่จิ่นยวน จากที่เจ็บปวดจนแทบขาดใจ ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งท่านหมอคิดว่าเขาเจ็บจนชาไปแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรมากหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น ท่านหมอก็เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัวโม่จิ่นยวนที่ถูกพันแผลแล้ว นอนฟุบอยู่บนตักของมู่หนิงอย่างอ่อนแรง ไม่นานก็ทนไม่ไหวหลับไป“ท่านหมอ ทั้งหมดเท่าไหร่หรือเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่เดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าโม่จิ่นยวนไม่เป็นอะไรแล้ว จึงค่อยวางใจลงท่านหมอคำนวณดูแล้วกล่าวว่า “ทั้งหมดสิบห้าอีแปะขอรับ”หยางซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองเจ้าหน้าที่หลี่ที่อยู่ด้านข้าง แล้วพูดว่า “ท่านเจ้าหน้าที่! ได้โปรดคืนห่อผ้าที่ท่านแม่ให้ข้ามาสักครู่ ข้าอยากจะหยิบเงินออกมาจ่ายเจ้าค่ะ”เจ้าหน้าที่หลี่กล่าวอย่างลำบากใจ “ขออภัย หากไม่ได้รับอนุญาตจากรองแม่ทัพจาง ข้าให้ไม่ได้”“ท่านไม่คืนห่อผ้าให้พวกเรา แล้วพวกเราจะเอาเงินที่ไหน

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 29

    เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย โม่จิ่นยวนจึงจำต้องเอ่ยปากปฏิเสธ “ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่แม่ทัพโม่”“ก็จริงอยู่ ท่านแม่ทัพโม่เพิ่งจะรบชนะกลับเมืองหลวงเมื่อเดือนก่อน ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่เจิ้นกั๋ว จะถูกเนรเทศได้อย่างไร”ท่านหมอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าเขาไม่น่าจะเป็นแม่ทัพโม่ได้ คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่แซ่เดียวกันเท่านั้นฮูหยินผู้เฒ่าโม่รู้ดีว่า หากตนเองเป็นอะไรไปเพราะอารมณ์ มีแต่จะกลายเป็นภาระให้ทุกคนนางพยายามข่มอารมณ์ บอกกับตัวเองในใจอยู่ตลอดว่าลูกชายกำลังได้รับการรักษาแล้ว ดังนั้นอย่าได้เสียใจจนเกินไปโม่จิ่นยวนที่ถูกฆ่าเชื้อด้วยน้ำเกลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ็บปวดจนแทบจะมึนงงไปหมดแล้วมู่หนิงนั่งลงข้างกาย กุมมือของเขาไว้แล้วให้กำลังใจว่า “สู้ ๆ นะ ท่านต้องรีบหายเร็ว ๆ จะได้ปกป้องทุกคนระหว่างทางได้”ในบันทึกประวัติศาสตร์ มี ‘ข่าวการตาย’ ของเขาออกมาหลังจากถูกเนรเทศได้ครึ่งเดือน จากนั้นก็หายตัวไปเกือบห้าปี ถึงได้มีบันทึกเรื่องราวของเขาอีกครั้งแม้จะไม่รู้ว่าผลกระทบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปเพราะการปรากฏตัวของนางหรือไม่ แต่ตอนนี้ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะให้กำลังใจโม่จิ่นยวนให้

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 28

    เจ้าหน้าที่หลี่ถามว่า “ท่านคือท่านหมอของร้านนี้หรือ?”ท่านหมอตอบกลับอย่างนอบน้อม “เรียนท่านเจ้าหน้าที่ ข้าเองขอรับ”เจ้าหน้าที่หลี่ยื่นนิ้วชี้ไปที่โม่จิ่นยวน แล้วพูดว่า “บาดแผลของเขาติดเชื้อแล้ว ต้องจัดการหน่อย ท่านไปดูเถิด”หยางซูหว่านและจางหลานจือประคองโม่จิ่นยวนนั่งลงบนม้านั่งด้านข้างท่านหมอเปิดเสื้อของเขาออกดู บาดแผลจากกระบี่ยาวห้าเซนติเมตร ตอนนี้เน่าเปื่อยเป็นหนองแล้ว เขาพลันสูดหายใจเข้าลึกอย่างหนาวเหน็บแล้วกล่าวว่า “บาดแผลของคุณชายผู้นี้ติดเชื้อรุนแรงแล้ว ต้องตัดเนื้อเน่าออกไปเท่านั้น”“ตัดเนื้อหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่พอได้ยินว่าจะต้องตัดเนื้อ แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจจนน้ำตาไหลออกมาในทันทีเรื่องอย่างการตัดเนื้อที่ติดเชื้อ ตอนที่นางยังสาวเคยผ่านมาแล้วในสนามรบ ความเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับหัวใจจะฉีกขาดนั้น บัดนี้จะต้องเกิดขึ้นกับลูกชายของนางอีกครั้ง นี่มันทรมานยิ่งกว่าการคว้านเนื้อของนางเสียอีก“ขอรับ และต้องขูดออกให้หมดจด มิฉะนั้นหากติดเชื้อรุนแรงเกินไป อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้” ท่านหมอพยักหน้า แล้วจับชีพจรให้โม่จิ่นยวนอีกครั้ง ก่อนจะถามอย่างตกใจว่า “บาดแผล

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 27

    “หัวหน้า เจ้าหน้าที่หลิวตายแล้ว”เจ้าหน้าที่หลี่ เข้าไปอังจมูกของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง ก็พบว่าเขาไม่หายใจแล้ว“อะไรนะ?”รองแม่ทัพจางรีบหันกลับไปดู แต่กลับไม่พบบาดแผลใด ๆ บนร่างกายของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง นอกจากบาดแผลที่ดวงตาซึ่งถูกเศษกระเบื้องตกใส่เมื่อครู่“เป็นไปได้อย่างไร ถูกกระเบื้องตกใส่ตา ไม่น่าจะถึงตายได้นี่”ตอนแรกท่านรองแม่ทัพจางคิดว่าที่เจ้าหน้าที่ท้องป่องล้มลง เป็นฝีมือของคนตระกูลโม่ที่เดินตามหลังมา แต่เมื่อบนร่างกายของเขาไม่มีบาดแผลอื่นใด เรื่องนี้ก็พลันดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที“สมควรตายแล้ว เจ้าอ้วนน่าตายนี่คอยหาเรื่องพวกเรามาตลอดทาง สมควรแล้วที่จะตายอย่างกะทันหัน”พี่สะใภ้สี่อวิ๋นชิงชิงเห็นภาพนี้ ในใจก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกเจ้าหน้าที่ท้องป่องเตะเมื่อครู่ ตอนนี้ยังคงเจ็บแปลบ ๆ อยู่เลย พอเห็นเขาตายนางจึงรู้สึกสะใจอย่างยิ่งพี่สะใภ้ห้าโจวชิงอี๋ก็ยิ้มพลางกล่าวเสริมวา “สมกับคำพูดที่ว่า คนชั่วย่อมได้รับกรรมตามสนอง สมควรแล้วจริง ๆ”นางแสร้งคาดเดาว่า “พวกท่านว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเศษกระเบื้องแทงเข้าไปในลูกตาของเขาลึกเกินไป ทำให้ศีรษะติดเชื้ออย่

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 26

    มู่หนิงยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ฉวยโอกาสที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กลุ่มของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง นางก็หยิบก้อนหินเล็ก ๆ ขึ้นมา แล้วแอบส่งให้พี่สะใภ้รองฟางเหวินซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด นางมีเพียงฝีมือ แต่ไม่มีพลังลมปราณ ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงต้องให้พี่สะใภ้ที่มีพลังลมปราณเป็นผู้จัดการฟางเหวินสบตากับนาง เห็นเพียงมู่หนิงชี้นิ้วไปที่ศีรษะพลางมองไปยังเจ้าหน้าที่ท้องป่อง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกระเบื้องที่แตกบนหลังคาวัดร้าง ทันใดนั้นนางก็เข้าใจในทันทีจึงหนีบก้อนหินไว้ระหว่างนิ้วมู่หนิงยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อบังสายตาของทุกคนให้ ฟางเหวินหาจังหวะที่เหมาะสม ใช้พลังลมปราณดีดก้อนหินออกไป“เพียะ~”เสียงกระเบื้องแตกพลันดังขึ้น เศษกระเบื้องร่วงหล่นลงมาจากหลังคา พอดีกับที่ตกลงบนใบหน้าของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง“อ๊า~ ตาข้า”เมื่อเจ้าหน้าที่ท้องป่องได้ยินเสียง ก็เงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ แต่ไม่คาดคิดว่าเศษกระเบื้องที่แตกจะพุ่งเข้าเสียบตาซ้ายของเขาทันที เขาล้มลงนอนกับพื้นและกรีดร้องอย่างเจ็บปวดกระเบื้องดี ๆ อยู่ เหตุใดจู่ ๆ ถึงแตกได้?รองแม่ทัพจางเหลือบมองเหล่าสะใภ้ตระกูลโม่ รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้อ

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 25

    มู่หนิงมองไปยังรองแม่ทัพจางที่อยู่ด้านข้าง กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “ท่านเจ้าหน้าที่! ตอนนี้สามีของข้าไม่สบาย ได้โปรดให้น้ำเขาดื่มสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”รองแม่ทัพจางไม่ได้ถามอะไรมาก หันหลังกลับไปหยิบกาน้ำจากบนหลังม้าที่อยู่นอกวัดร้างแล้วยื่นให้นาง “น้ำมาแล้ว”“ขอบคุณเจ้าค่ะ”มู่หนิงกำลังจะยื่นมือไปรับกาน้ำ“น้องสะใภ้เจ็ด เจ้ากำลังตั้งครรภ์ไม่สะดวกที่จะนั่งยอง ๆ ให้ข้าป้อนน้ำน้องเจ็ดเองเถอะ”พี่สะใภ้ใหญ่หยางซูหว่านก้าวออกมา รับกาน้ำจากมือของรองแม่ทัพจางพี่สะใภ้รองฟางเหวินและพี่สะใภ้ห้าโจวชิงอี๋ช่วยกันพยุงโม่จิ่นยวนขึ้น “น้องเจ็ด ตื่นสิ ตื่นเร็วเข้า”หยางซูหว่านเรียกโม่จิ่นยวนอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น พี่สะใภ้คนอื่น ๆ ก็เข้ามารุมเรียกเช่นกัน“น้องเจ็ดเขา... คงจะไม่ตายใช่ไหม?”อวิ๋นชิงชิงเห็นว่าเรียกโม่จิ่นยวนอย่างไรก็ไม่ตื่น ตกใจจนร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจพี่สะใภ้รองฟางเหวินได้ยินดังนั้น ก็รีบตวาดว่า “น้องสี่อย่าพูดจาเหลวไหล น้องเจ็ดไม่เป็นอะไรหรอก”“จิ่นยวน! ตอนนี้แม่เหลือเจ้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวแล้ว เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดนะ”ฮูหยินผู้เฒ่าโ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status