Share

บทที่ 3

Author: ม่านฝันจันทรา
มู่หนิงตีเขาไปทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง “ก็บอกแล้วมิใช่หรือว่าข้าแค่ฝันไป อีกอย่าง บุตรสาวที่ไม่เป็นที่รักอย่างข้า จะมีความสามารถอันใดที่จะไปได้ยินเรื่องราวบางอย่างจากท่านอัครเสนาบดีได้”

โม่จิ่นยวนเห็นสีหน้าจริงใจของนาง ไม่มีทีท่าว่ากำลังโกหกแม้แต่น้อย

เรื่องบางอย่าง ก็ใช่ว่าจะไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ เลย เขาก็พอจะมีลางสังหรณ์อยู่บ้างแล้ว

“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”

โม่จิ่นยวนกลัวว่านางจะเป็นกังวล จึงเผลอเอ่ยปากปลอบโยนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“ข้ารู้สึกว่าท่านจะต้องถูกโบยด้วยกระบองทหาร หากท่านเชื่อข้า ในช่วงเวลาคับขันก็จงแอบกินยานี่เข้าไปก่อน มันจะช่วยลดความเจ็บปวดทั้งหมดได้ชั่วคราว และช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเล็กน้อยได้ในทันที”

มู่หนิงกล่าวจบ ในมือก็พลันปรากฏยาเม็ดสีขาวหนึ่งเม็ดขึ้น นางยัดมันใส่ในมือของโม่จิ่นยวน แล้วกำชับอีกครั้ง “อีกอย่าง หากตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ข้าแนะนำว่าท่านแกล้งสลบไปก็ได้”

ในประวัติศาสตร์ ฮ่องเต้สั่งโบยเขาด้วยกระบองทหารมากกว่าร้อยครั้ง เห็นว่าเขาใกล้ตายแล้วจึงไว้ชีวิตลมหายใจสุดท้ายให้หามกลับมา

หวังว่าสมองเขาจะไม่ดื้อด้านเกินไปนัก บางทีหลังจากแกล้งสลบแล้ว อาจจะโดนโบยน้อยลงบ้าง

สิ่งที่นางทำได้ ก็มีเพียงช่วยเขาลดความเจ็บปวดและอาการบาดเจ็บหลังถูกโบยเท่านั้น

จะเชื่อหรือไม่ จะกินหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง

“ขอบคุณ”

โม่จิ่นยวนรับยาเม็ดนั้นมา ซ่อนไว้ในซอกนิ้ว

หลังจากที่เขาจากไป มู่หนิงก็รู้สึกว่าตนเองต้องรีบเคลื่อนไหวเช่นกัน

นางแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ทานอาหารเช้ากับครอบครัว แล้วจึงใช้ข้ออ้างว่าไปเยี่ยมญาติ กลับไปยังจวนอัครเสนาบดีสักเที่ยว

สำหรับนางแล้ว จวนอัครเสนาบดีไม่มีความผูกพันทางสายเลือดให้กล่าวถึงเลยแม้แต่น้อย บิดาชั่วไม่ใช่แค่ชั่ว แต่ยังโลภมากอีกด้วย

ไม่เพียงแต่บิดาชั่วจะชั่วร้าย ฮูหยินผู้เฒ่า อนุภรรยา ลูกอนุภรรยาชายหญิงพวกนั้น ไม่มีใครเป็นคนดีสักคน อีกทั้งมารดาของนางก็ไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว

ดังนั้นครอบครัวเช่นนี้ ต้องเริ่มลงมือจัดการกับพวกเขาก่อน

นางไม่ได้เดินอาด ๆ เข้าไป แต่ใช้ความสามารถในการล่องหนหนึ่งชั่วโมงของมิติ แอบลอบเข้าไปในจวนอัครเสนาบดี

แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะไม่เป็นที่รักมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังรู้ว่าคลังสมบัติอยู่ที่ไหน

แต่จวนอัครเสนาบดีมีการป้องกันที่แน่นหนา อีกทั้งหน้าประตูก็มีคนเฝ้าอยู่ มู่หนิงจึงก้มลงเก็บก้อนหินบนพื้นขึ้นมาก้อนหนึ่ง ขว้างไปด้านหลังภูเขาจำลองในลานเรือน

“ใครอยู่ตรงนั้น?”

องครักษ์ที่เฝ้าประตูได้ยินความเคลื่อนไหว ก็ชักกระบี่ที่เอวออกมาอย่างระแวดระวัง เดินตรงไปยังด้านหลังภูเขาจำลอง

มู่หนิงฉวยโอกาสนี้ รีบแอบเข้าไปในคลังสมบัติอย่างรวดเร็ว

บิดาชั่วนี่ช่างโลภไม่ธรรมดาจริง ๆ สุ่มเปิดหีบใบหนึ่ง ข้างในก็เต็มไปด้วยทองคำและเงินแท่ง

เก็บให้หมด เก็บให้เรียบ

เงินทอง ตั๋วเงิน ภาพวาดอักษร ไข่มุก หยก เสบียงอาหาร ผ้าไหม เครื่องลายคราม

แม้กระทั่งโต๊ะหนังสือและเก้าอี้ไม้จันทน์สีม่วงในคลังสมบัติ มู่หนิงก็ไม่เว้น เก็บไปจนเกลี้ยงแล้ว

อาศัยช่วงที่เวลายังไม่หมดหนึ่งชั่วโมง มู่หนิงอาศัยทักษะจากชาติที่แล้ว พลิกตัวขึ้นไปบนขื่อหลังคา

“พอตั้งท้องแล้วก็อุ้ยอ้ายจริง ๆ เมื่อครู่เกือบจะตกลงไปแล้ว”

มู่หนิงตบหน้าอก พึมพำกับตัวเองอย่างใจหายใจคว่ำ จากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดหลังคาออก แล้วจากไปอย่างเงียบเชียบ

คิดว่ามันจะจบลงเพียงเท่านี้หรือ?

ไม่ ๆ ๆ นี่ไม่ใช่นิสัยของมู่หนิงนางเลยสักนิด

ตราบใดที่เป็นคนที่นางหมายหัวไว้ รับรองได้ว่าจะต้องถูกจัดการจนสิ้นเนื้อประดาตัว

มู่หนิงมาถึงเรือนหลังแห่งหนึ่ง

เรือนนี้ ก็คือสถานที่ที่เจ้าของร่างเดิมเคยอาศัยอยู่

นางไม่กลัวว่าจะมีคนมา อย่าว่าแต่ตอนนี้นางแต่งงานออกไปแล้วเลย ต่อให้เป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังอาศัยอยู่ในเรือนนี้ ก็มีเพียงคนที่มาส่งอาหารวันละสามมื้อเท่านั้นที่จะแวะมา

มิติสามารถใช้ล่องหนได้หนึ่งชั่วโมง และต้องใช้เวลาพักคูลดาวน์หนึ่งชั่วโมง ดังนั้นนางจึงต้องรอให้หมดระยะเวลาคูลดาวน์ก่อน ถึงจะออกเดินทางใหม่ได้

เมื่อถึงเวลา นางก็รีบไปยังห้องของฮูหยินอัครเสนาบดีทันที รวมถึงห้องของอนุภรรยาทั้งสาม และเหล่าบุตรธิดาของอนุภรรยาคนอื่น ๆ

ของมีค่าใด ๆ ก็ตามที่นางมองแล้วชอบ ก็ถูกปล้นไปจนเกลี้ยง

โชคดีที่เรือนของคนในครอบครัวอยู่ใกล้กันมาก อีกทั้งนางยังจงใจเลือกเวลาอาหารกลางวันเพื่อเข้าไปปล้น ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงไม่มีทางมีใครรู้เรื่องของหาย

หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จ นางก็รีบออกมาจากจวนอัครเสนาบดี จากนั้นก็ไปซื้อของจำนวนหนึ่งที่ถนนใหญ่ และสั่งให้คนห่อส่งไปยังสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง ก่อนจะเก็บทั้งหมดเข้าไปในมิติ

แต่นางกลับไม่รู้เลยว่า ในขณะนี้ที่จวนแม่ทัพกำลังวุ่นวายใจอย่างหนัก

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่กังวลว่านางจะไปถูกรังแกที่จวนอัครเสนาบดีเหมือนเช่นเคย จึงได้พาเหล่าพี่สะใภ้ทั้งหกยกขบวนกันไปอย่างยิ่งใหญ่ เตรียมจะไปหนุนหลังให้นาง

“ท่านแม่! เหล่าพี่สะใภ้ ท่านกำลังจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ?”

มู่หนิงกลับมา เห็นพวกนางกำลังเดินออกจากประตูพอดี จึงเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย

“หนิงหนิงกลับมาแล้วหรือ พวกเรานึกว่าเจ้ากลับไปแล้วจะถูกรังแก กำลังเตรียมตัวจะไปจวนอัครเสนาบดีเพื่อหนุนหลังให้เจ้าอยู่เชียว”

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ก้าวเข้ามา ตรวจดูตามเนื้อตามตัวนางด้วยความกังวลว่ามีบาดแผลหรือไม่

“ท่านแม่! ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”

มู่หนิงเหลือบมองยามเฝ้าประตูสองคนที่อยู่หน้าประตู แล้วกระซิบเสียงต่ำ “วันนี้เดิมทีข้าตั้งใจจะกลับไปที่จวนอัครเสนาบดี แต่พอนึกขึ้นได้ว่าท่านพ่อไม่ชอบข้า ข้าก็เลยเดินเล่นอยู่ข้างนอกตลอดทั้งเช้า”

เรื่องที่จวนอัครเสนาบดีถูกขโมยขึ้น จะต้องถูกค้นพบในไม่ช้าอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องเตรียมการป้องกันตัวไว้ก่อน

“เจ้าเด็กคนนี้ อยากจะไปเดินเล่นก็ควรจะพาสาวใช้ไปด้วยสักสองคนสิ หากเกิดอุบัติเหตุอะไรข้างนอกขึ้นมาจะทำอย่างไร”

น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าโม่เต็มไปด้วยความกังวล ไม่มีการตำหนิแม้แต่น้อย

พี่สะใภ้ใหญ่ก้าวเข้ามา กำชับด้วยความห่วงใยว่า “น้องเจ็ด! วันหลังจะออกไปข้างนอกต้องพาสาวใช้ไปด้วย รู้หรือไม่?”

“เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านแม่และเหล่าพี่สะใภ้ที่เป็นห่วง”

มู่หนิงยิ้มหวานสดใส เม้มปากพลางลูบท้องของตนเอง มองไปทางพี่สะใภ้ใหญ่พลางเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ใหญ่! ยังมีอาหารกลางวันเหลืออยู่หรือไม่? ข้าหิวมากเลย”

เจ้าตัวเล็กในท้องนี่ ช่างตะกละไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

ตอนที่นางพักผ่อนอยู่ที่เรือนหลังของจวนอัครเสนาบดี นางก็กินของไปไม่น้อยเลย

ก็แค่ไม่ได้กินอาหารหลัก นี่มันเพิ่งจะนานแค่ไหนกันเชียว ก็ทำให้นางหิวจนใจสั่นตาลายไปหมดแล้ว

“มีสิ มีแน่นอน พวกเราไม่รู้ว่าเจ้าจะกลับมากินมื้อกลางวันหรือไม่ ก็เลยสั่งให้คนเก็บส่วนของเจ้าไว้ให้เป็นพิเศษ”

พี่สะใภ้รองฟางเหวินจูงมือนางอย่างเอ็นดู หันไปมองสาวใช้ข้างกาย “ยังไม่รีบไปสั่งพ่อครัว ยกอาหารที่เก็บไว้ให้ฮูหยินเจ็ดออกมาอีก”

“เจ้าค่ะ ฮูหยินรอง”

สาวใช้รับคำสั่ง แล้วรีบวิ่งไปยังห้องครัว

“จริงสิ ท่านแม่ จิ่นยวนยังไม่กลับมาหรือเจ้าคะ?”

หลังจากมู่หนิงกลับถึงจวน เมื่อเห็นว่าบนใบหน้าของทุกคนไม่มีแววเศร้าโศกเสียใจ ก็รู้ได้ว่าโม่จิ่นยวนยังไม่กลับมา แต่นางก็ยังเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ยังเลย”

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ส่ายหน้า

ตระกูลโม่ของพวกเขาเป็นขุนนางที่ภักดีมาทุกยุคสมัย จนมาถึงรุ่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น บุตรชายเจ็ดคนออกรบ กลับมาเพียงคนเดียว ความภักดีนี้มีขุนเขา แม่น้ำ ตะวันและจันทราเป็นพยาน

นางนึกว่าโม่จิ่นยวนเพียงแค่เข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าหารือราชการเช่นเคย จึงไม่ได้กังวลอันใด

“ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินน้อย แย่แล้วขอรับ ท่านแม่ทัพถูกโบยด้วยกระบองทหารหกสิบที ตอนนี้สลบไสลไม่ได้สติ ถูกหามกลับมาแล้ว พวกท่านรีบไปดูเถอะขอรับ”

มู่หนิงกินข้าวไปได้เพียงครึ่งเดียว พ่อบ้านก็พรวดพราดเข้ามารายงานด้วยความตื่นตระหนก

“อะไรนะ?”

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่พอได้ยินดังนั้น ก็เกือบจะหน้ามืดเป็นลมล้มพับไป

“ท่านแม่ระวังเจ้าค่ะ”

พี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้ห้ารีบประคองร่างที่สั่นเทาของนางไว้

“ตอนนี้ท่านแม่ทัพถูกหามไปไว้ที่ใด?”

ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ก้าวเท้าที่ชราภาพของตนเอง รีบเดินไปยังห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยถามพ่อบ้าน

พ่อบ้านตอบกลับ “อยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของจวนแม่ทัพขอรับ อีกทั้งกรมการคลังยังได้ส่งทหารทางการกองหนึ่งมา บอกว่าท่านแม่ทัพขโมยของในท้องพระคลัง จะไปตรวจสอบที่คลังสมบัติขอรับ”

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ต่างก็รีบเร่งฝีเท้าด้วยความโกรธ พอคิดถึงโม่จิ่นยวนที่หมดสติถูกหามกลับมา ทุกคนก็พากันขอบตาแดงก่ำด้วยความกระวนกระวาย

มู่หนิงเดินตามไปติด ๆ

เดิมทีนึกว่าหลังจากจัดการหงอิงไปแล้ว ฮ่องเต้ไม่ได้รับข่าวการทำแท้งจนเสียชีวิตของนาง เรื่องการใส่ร้ายป้ายสีอาจจะถูกเลื่อนออกไป

ดูจากตอนนี้แล้ว พรุ่งนี้เช้า ข้อหากบฏและการถูกเนรเทศ ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

เมื่อคิดได้ดังนั้น มู่หนิงที่อยู่ด้านหลังก็ค่อย ๆ หยุดฝีเท้าลง ฉวยโอกาสก่อนที่คนจากกรมการคลังจะไปถึงคลังสมบัติ ตัดสินใจที่จะชิงตัดหน้าไปที่นั่นก่อน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 30

    นางจะอยู่เป็นเพื่อนโม่จิ่นยวน อย่างน้อยก็เพื่อให้เขารู้ว่า เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง“ก็ได้ขอรับ”ท่านหมอเห็นว่านางไม่กลัวจริง ๆ จึงไม่ได้พูดอะไรมากยาแก้ปวดที่มู่หนิงให้ ออกฤทธิ์เร็วมาก ท่านหมอเพิ่งจะคว้านเนื้อไปได้ไม่กี่ครั้งก็เห็นผลแล้วสีหน้าของโม่จิ่นยวน จากที่เจ็บปวดจนแทบขาดใจ ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งท่านหมอคิดว่าเขาเจ็บจนชาไปแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรมากหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น ท่านหมอก็เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัวโม่จิ่นยวนที่ถูกพันแผลแล้ว นอนฟุบอยู่บนตักของมู่หนิงอย่างอ่อนแรง ไม่นานก็ทนไม่ไหวหลับไป“ท่านหมอ ทั้งหมดเท่าไหร่หรือเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่เดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าโม่จิ่นยวนไม่เป็นอะไรแล้ว จึงค่อยวางใจลงท่านหมอคำนวณดูแล้วกล่าวว่า “ทั้งหมดสิบห้าอีแปะขอรับ”หยางซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองเจ้าหน้าที่หลี่ที่อยู่ด้านข้าง แล้วพูดว่า “ท่านเจ้าหน้าที่! ได้โปรดคืนห่อผ้าที่ท่านแม่ให้ข้ามาสักครู่ ข้าอยากจะหยิบเงินออกมาจ่ายเจ้าค่ะ”เจ้าหน้าที่หลี่กล่าวอย่างลำบากใจ “ขออภัย หากไม่ได้รับอนุญาตจากรองแม่ทัพจาง ข้าให้ไม่ได้”“ท่านไม่คืนห่อผ้าให้พวกเรา แล้วพวกเราจะเอาเงินที่ไหน

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 29

    เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย โม่จิ่นยวนจึงจำต้องเอ่ยปากปฏิเสธ “ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่แม่ทัพโม่”“ก็จริงอยู่ ท่านแม่ทัพโม่เพิ่งจะรบชนะกลับเมืองหลวงเมื่อเดือนก่อน ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่เจิ้นกั๋ว จะถูกเนรเทศได้อย่างไร”ท่านหมอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าเขาไม่น่าจะเป็นแม่ทัพโม่ได้ คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่แซ่เดียวกันเท่านั้นฮูหยินผู้เฒ่าโม่รู้ดีว่า หากตนเองเป็นอะไรไปเพราะอารมณ์ มีแต่จะกลายเป็นภาระให้ทุกคนนางพยายามข่มอารมณ์ บอกกับตัวเองในใจอยู่ตลอดว่าลูกชายกำลังได้รับการรักษาแล้ว ดังนั้นอย่าได้เสียใจจนเกินไปโม่จิ่นยวนที่ถูกฆ่าเชื้อด้วยน้ำเกลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ็บปวดจนแทบจะมึนงงไปหมดแล้วมู่หนิงนั่งลงข้างกาย กุมมือของเขาไว้แล้วให้กำลังใจว่า “สู้ ๆ นะ ท่านต้องรีบหายเร็ว ๆ จะได้ปกป้องทุกคนระหว่างทางได้”ในบันทึกประวัติศาสตร์ มี ‘ข่าวการตาย’ ของเขาออกมาหลังจากถูกเนรเทศได้ครึ่งเดือน จากนั้นก็หายตัวไปเกือบห้าปี ถึงได้มีบันทึกเรื่องราวของเขาอีกครั้งแม้จะไม่รู้ว่าผลกระทบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปเพราะการปรากฏตัวของนางหรือไม่ แต่ตอนนี้ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะให้กำลังใจโม่จิ่นยวนให้

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 28

    เจ้าหน้าที่หลี่ถามว่า “ท่านคือท่านหมอของร้านนี้หรือ?”ท่านหมอตอบกลับอย่างนอบน้อม “เรียนท่านเจ้าหน้าที่ ข้าเองขอรับ”เจ้าหน้าที่หลี่ยื่นนิ้วชี้ไปที่โม่จิ่นยวน แล้วพูดว่า “บาดแผลของเขาติดเชื้อแล้ว ต้องจัดการหน่อย ท่านไปดูเถิด”หยางซูหว่านและจางหลานจือประคองโม่จิ่นยวนนั่งลงบนม้านั่งด้านข้างท่านหมอเปิดเสื้อของเขาออกดู บาดแผลจากกระบี่ยาวห้าเซนติเมตร ตอนนี้เน่าเปื่อยเป็นหนองแล้ว เขาพลันสูดหายใจเข้าลึกอย่างหนาวเหน็บแล้วกล่าวว่า “บาดแผลของคุณชายผู้นี้ติดเชื้อรุนแรงแล้ว ต้องตัดเนื้อเน่าออกไปเท่านั้น”“ตัดเนื้อหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าโม่พอได้ยินว่าจะต้องตัดเนื้อ แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจจนน้ำตาไหลออกมาในทันทีเรื่องอย่างการตัดเนื้อที่ติดเชื้อ ตอนที่นางยังสาวเคยผ่านมาแล้วในสนามรบ ความเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับหัวใจจะฉีกขาดนั้น บัดนี้จะต้องเกิดขึ้นกับลูกชายของนางอีกครั้ง นี่มันทรมานยิ่งกว่าการคว้านเนื้อของนางเสียอีก“ขอรับ และต้องขูดออกให้หมดจด มิฉะนั้นหากติดเชื้อรุนแรงเกินไป อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้” ท่านหมอพยักหน้า แล้วจับชีพจรให้โม่จิ่นยวนอีกครั้ง ก่อนจะถามอย่างตกใจว่า “บาดแผล

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 27

    “หัวหน้า เจ้าหน้าที่หลิวตายแล้ว”เจ้าหน้าที่หลี่ เข้าไปอังจมูกของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง ก็พบว่าเขาไม่หายใจแล้ว“อะไรนะ?”รองแม่ทัพจางรีบหันกลับไปดู แต่กลับไม่พบบาดแผลใด ๆ บนร่างกายของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง นอกจากบาดแผลที่ดวงตาซึ่งถูกเศษกระเบื้องตกใส่เมื่อครู่“เป็นไปได้อย่างไร ถูกกระเบื้องตกใส่ตา ไม่น่าจะถึงตายได้นี่”ตอนแรกท่านรองแม่ทัพจางคิดว่าที่เจ้าหน้าที่ท้องป่องล้มลง เป็นฝีมือของคนตระกูลโม่ที่เดินตามหลังมา แต่เมื่อบนร่างกายของเขาไม่มีบาดแผลอื่นใด เรื่องนี้ก็พลันดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที“สมควรตายแล้ว เจ้าอ้วนน่าตายนี่คอยหาเรื่องพวกเรามาตลอดทาง สมควรแล้วที่จะตายอย่างกะทันหัน”พี่สะใภ้สี่อวิ๋นชิงชิงเห็นภาพนี้ ในใจก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกเจ้าหน้าที่ท้องป่องเตะเมื่อครู่ ตอนนี้ยังคงเจ็บแปลบ ๆ อยู่เลย พอเห็นเขาตายนางจึงรู้สึกสะใจอย่างยิ่งพี่สะใภ้ห้าโจวชิงอี๋ก็ยิ้มพลางกล่าวเสริมวา “สมกับคำพูดที่ว่า คนชั่วย่อมได้รับกรรมตามสนอง สมควรแล้วจริง ๆ”นางแสร้งคาดเดาว่า “พวกท่านว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเศษกระเบื้องแทงเข้าไปในลูกตาของเขาลึกเกินไป ทำให้ศีรษะติดเชื้ออย่

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 26

    มู่หนิงยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ฉวยโอกาสที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กลุ่มของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง นางก็หยิบก้อนหินเล็ก ๆ ขึ้นมา แล้วแอบส่งให้พี่สะใภ้รองฟางเหวินซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด นางมีเพียงฝีมือ แต่ไม่มีพลังลมปราณ ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงต้องให้พี่สะใภ้ที่มีพลังลมปราณเป็นผู้จัดการฟางเหวินสบตากับนาง เห็นเพียงมู่หนิงชี้นิ้วไปที่ศีรษะพลางมองไปยังเจ้าหน้าที่ท้องป่อง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกระเบื้องที่แตกบนหลังคาวัดร้าง ทันใดนั้นนางก็เข้าใจในทันทีจึงหนีบก้อนหินไว้ระหว่างนิ้วมู่หนิงยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อบังสายตาของทุกคนให้ ฟางเหวินหาจังหวะที่เหมาะสม ใช้พลังลมปราณดีดก้อนหินออกไป“เพียะ~”เสียงกระเบื้องแตกพลันดังขึ้น เศษกระเบื้องร่วงหล่นลงมาจากหลังคา พอดีกับที่ตกลงบนใบหน้าของเจ้าหน้าที่ท้องป่อง“อ๊า~ ตาข้า”เมื่อเจ้าหน้าที่ท้องป่องได้ยินเสียง ก็เงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ แต่ไม่คาดคิดว่าเศษกระเบื้องที่แตกจะพุ่งเข้าเสียบตาซ้ายของเขาทันที เขาล้มลงนอนกับพื้นและกรีดร้องอย่างเจ็บปวดกระเบื้องดี ๆ อยู่ เหตุใดจู่ ๆ ถึงแตกได้?รองแม่ทัพจางเหลือบมองเหล่าสะใภ้ตระกูลโม่ รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้อ

  • หมอเทวดาทะลุมิติ มาอุ้มท้องให้แม่ทัพไร้ทายาท   บทที่ 25

    มู่หนิงมองไปยังรองแม่ทัพจางที่อยู่ด้านข้าง กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “ท่านเจ้าหน้าที่! ตอนนี้สามีของข้าไม่สบาย ได้โปรดให้น้ำเขาดื่มสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”รองแม่ทัพจางไม่ได้ถามอะไรมาก หันหลังกลับไปหยิบกาน้ำจากบนหลังม้าที่อยู่นอกวัดร้างแล้วยื่นให้นาง “น้ำมาแล้ว”“ขอบคุณเจ้าค่ะ”มู่หนิงกำลังจะยื่นมือไปรับกาน้ำ“น้องสะใภ้เจ็ด เจ้ากำลังตั้งครรภ์ไม่สะดวกที่จะนั่งยอง ๆ ให้ข้าป้อนน้ำน้องเจ็ดเองเถอะ”พี่สะใภ้ใหญ่หยางซูหว่านก้าวออกมา รับกาน้ำจากมือของรองแม่ทัพจางพี่สะใภ้รองฟางเหวินและพี่สะใภ้ห้าโจวชิงอี๋ช่วยกันพยุงโม่จิ่นยวนขึ้น “น้องเจ็ด ตื่นสิ ตื่นเร็วเข้า”หยางซูหว่านเรียกโม่จิ่นยวนอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น พี่สะใภ้คนอื่น ๆ ก็เข้ามารุมเรียกเช่นกัน“น้องเจ็ดเขา... คงจะไม่ตายใช่ไหม?”อวิ๋นชิงชิงเห็นว่าเรียกโม่จิ่นยวนอย่างไรก็ไม่ตื่น ตกใจจนร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจพี่สะใภ้รองฟางเหวินได้ยินดังนั้น ก็รีบตวาดว่า “น้องสี่อย่าพูดจาเหลวไหล น้องเจ็ดไม่เป็นอะไรหรอก”“จิ่นยวน! ตอนนี้แม่เหลือเจ้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวแล้ว เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดนะ”ฮูหยินผู้เฒ่าโ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status