ตอนที่ 4 ผิดหวัง
ระหว่างที่พ่อของปลายฟ้ารอเข้ารับการผ่าตัดใหญ่พยาบาลและเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาคอยแนะนำเรื่องการเตรียมร่างกายของคนไข้เพื่อให้พร้อมสำหรับการผ่าตัดให้มากที่สุด ระหว่างนี้ภีร์เข้ามาตรวจคนไข้เตียงข้าง ๆ ตลอดและได้เจอกับปลายฟ้าที่อยู่เฝ้าผู้เป็นพ่อทุกครั้ง
เมื่อทีมแพทย์ได้ข้อสรุปแนวทางการรักษาพ่อของปลายฟ้า ทางแพทย์เจ้าของไข้ก็ได้แจ้งให้ญาติได้รับทราบในวันต่อมา ซึ่งการผ่าตัดครั้งนี้พ่อของปลายฟ้าต้องใช้ศัลยแพทย์ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วย กระบวนการรักษาจะมีหมอแผนกอายุรกรรมทำงานร่วมกับแผนกศัลยกรรม โดยตอนนี้ยังไม่ได้ระบุชื่อแพทย์ที่จะเป็นคนทำการผ่าตัดเพราะทางโรงพยาบาลจะเป็นคนจัดทีมแพทย์เอง
ช่วงสายวันนั้น
ปลายฟ้าและแม่ถูกเชิญให้เข้ารับฟังสรุปแนวทางการรักษาจากทีมแพทย์ภายในห้องประชุมของโรงพยาบาล โดยมีทีมแพทย์ 4 คนและเจ้าหน้าที่อีกสามคนนั่งอยู่ภายในห้อง และอีกฝั่งของโต๊ะก็มีปลายฟ้าและแม่ของเธอนั่งอยู่ เมื่อทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาภายในห้องประชุมจนครบหมอของขวัญซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้เคสนี้ก็เริ่มสรุปแนวทางการรักษาโดยละเอียด
“เชื้อร้ายที่ตรวจพบอยู่ส่วนปลายของกระเพาะอาหารยังไม่ได้ลุกลามไปทั้งหมด ทางทีมแพทย์จึงสรุปแนวทางการรักษาโดยการผ่าตัดซึ่งการผ่าตัดมีให้เลือกอยู่สองวิธีคือ หนึ่งต้องตัดกระเพาะอาหารของคนไข้ออกทั้งหมดเพื่อป้องกันเนื้อร้ายลุกลาม และสองจะใช้วิธีการผ่าตัดชิ้นเนื้อส่วนที่เป็นเนื้อร้ายออกทั้งหมด และจะรักษากระเพาะอาหารส่วนที่ดีไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อจะไม่ให้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคนไข้ต่อไปในอนาคต ทางเราจึงอยากปรึกษาญาติของคนไข้ว่าทางญาติจะตัดสินใจเลือกวิธีการแบบไหน ซึ่งแต่ละแบบนั้นมีข้อดีข้อเสียต่างกัน” แพทย์หญิงของขวัญโชว์แผ่นเอกซเรย์ประกอบคำอธิบายให้ปลายฟ้าและแม่ได้ทราบ
“ก่อนตัดสินใจหนูขอถามความคิดเห็นของหมอภีรภัทรหน่อยค่ะ สำหรับเคสนี้คุณหมอมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ” ปลายฟ้าโยนคำถามไปให้คุณหมอหนุ่มเพื่อประกอบการตัดสินใจแทนที่จะเป็นแพทย์เจ้าของไข้
“สำหรับผม ผมเลือกที่จะตัดเฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อร้ายออกครับและจะใช้การทำคีโมร่วมด้วยเพราะการรักษาอวัยวะส่วนที่สำคัญไว้เป็นแนวทางที่ดีที่สุด การใช้ชีวิตของคนไข้หลังการรักษาก็เป็นเรื่องสำคัญมากเหมือนกัน แต่ญาติคนไข้ต้องเข้าใจด้วยนะครับไม่ว่าจะเลือกวิธีการไหน การผ่าตัดก็มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้นครับ”
“ค่ะ ฉันเข้าใจค่ะ ฉันขอเลือกวิธีที่คุณหมอภีรภัทรเสนอค่ะ” ปลายฟ้าพยักหน้าเข้าใจสิ่งที่คุณหมอหนุ่มอธิบายให้ฟังเมื่อสักครู่ ดวงตากลมโตมองไปยังคุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตาแห่งความหวังทั้งที่ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าหมอคนไหนจะเป็นคนผ่าตัดให้พ่อเธอ
“งั้นสรุปญาติคนไข้เลือกวิธีที่สองนะคะ ส่วนทีมแพทย์ที่จะทำการผ่าตัดเคสนี้จะเป็นคุณหมอดนัยค่ะ สำหรับวันผ่าตัดจะให้ทางพยาบาลแจ้งญาติคนไข้อีกทีนะคะว่าจะเป็นวันไหน ทางเราจะพยายามสุดความสามารถค่ะ” เมื่อได้คำตอบจากญาติหมอเจ้าของไข้ก็สรุปแนวทางการรักษาให้ฟังอีกครั้งพร้อมแจ้งให้ทราบถึงทีมแพทย์ที่จะทำการผ่าตัดในครั้งนี้
“คุณหมอที่จะทำการผ่าตัดพ่อฉันไม่ใช่หมอภีรภัทรหรอกเหรอคะ” ใบหน้าหวานที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความสงสัยถามออกมาเพราะเข้าใจว่าเคสของพ่อเธอคุณหมอภีรภัทรซึ่งเป็นคนตรวจพบความผิดปกติจะเป็นคนผ่าตัดให้
“เปล่าค่ะ เคสนี้คุณหมอดนัยเป็นคนผ่าตัดค่ะ ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลเราเป็นหมอที่มีความสามารถทุกคน ญาติคนไข้วางใจได้ค่ะ” ภีร์เอียงสายตามองหน้าปลายฟ้าที่กำลังทำหน้าผิดหวังอีกครั้งทั้งที่ก่อนหน้านี้สีหน้าเธอเริ่มดีขึ้นหลังจากได้ฟังการชี้แจงแนวทางการรักษา
เหตุการณ์ก่อนเข้าห้องประชุม
“หมอภีร์คะ ฉันขอทราบเหตุผลหน่อยได้ไหมคะว่าทำไมคุณถึงปฏิเสธการผ่าตัดคนไข้รายนี้ ทั้ง ๆ ที่คุณเป็นคนตรวจเจอและศึกษาข้อมูลมาตั้งแต่แรก” หมอของขวัญหมอแผนกอายุรกรรมถามขึ้นเมื่อเธอโดนภีร์ปฏิเสธการเชิญเข้าร่วมเป็นศัลยแพทย์ในเคสนี้
“เหตุผลส่วนตัวครับและอีกอย่างหมอดนัยเองก็ผ่าตัด เคสลักษณะนี้มาเยอะคงทำได้ดีแน่นอนครับ”
“โอเคค่ะ ฉันยอมรับการตัดสินใจของคุณ”
ทุกคนเดินแยกย้ายออกจากห้องประชุมเมื่อได้ข้อสรุปในการรักษา เหลือเพียงสองคนสุดท้ายที่นั่งเก้าอี้ด้านในสุดคือหมอภีร์และปลายฟ้า ทั้งสองนั่งอยู่โดยไม่มีใครพูดอะไร ก่อนที่ภีร์จะเอื้อมมือไปหยิบเอกสารตรงหน้าแล้วลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง
“คุณหมอภีรภัทรคะ ฉันขอคุยกับคุณสักครู่ได้ไหมคะ” ฝ่ามือหนาที่กำลังเอื้อมเปิดประตูต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลัง
“ครับ มีอะไรกับผมครับ”
“คือ..ฉันจะขอร้องให้คุณหมอมาช่วยผ่าตัดพ่อของฉันได้ไหมคะ คือไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อใจหมอดนัยนะคะ แต่เคสของพ่อฉันคุณหมอเป็นคนตรวจเจอไม่ใช่เหรอคะ ฉันคิดว่าคุณหมอเป็นคนผ่าตัดน่าจะดีกว่า” เสียงเล็กพูดออกไปยาวเหยียดแทบไม่เว้นช่วงหายใจ
“หมอที่ทำการตรวจวินิจฉัยไม่จำเป็นต้องทำการรักษาด้วยตัวเองเพราะการรักษาจะถูกประเมินโดยทีมแพทย์ที่เหมาะสมเพราะฉะนั้นทีมแพทย์ที่ทางโรงพยาบาลเลือกมานั้นเหมาะสมที่สุดแล้วครับ ผมขอตัวนะครับมีตรวจคนไข้ต่อ” ภีร์พูดจบก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำว่าคนที่ยังยืนอยู่ในห้องนั้นจะรู้สึกแบบไหนที่ได้รับคำตอบแบบนั้นกลับไป
“ฉันก็แค่ไว้ใจคุณที่สุด ทำไมคุณใจร้ายจังคะ” ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำสีใสที่พร้อมจะไหลหยดลงอาบแก้ม กระดาษทิชชูสีขาวถูกดึงออกมาจากกล่องและเช็ดลวก ๆ ที่หางตา
ซื๊ด..เสียงซื๊ดน้ำมูกที่ตั้งท่าจะไหลออกมากลับเข้าไปที่เดิม
เฮ้อ!..ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปลายฟ้าใช้เวลาจัดการอารมณ์และความรู้สึกที่แย่ของตัวเองประมาณห้านาที เมื่อเช็กความเรียบร้อยบนใบหน้าที่เกือบชุ่มไปด้วยน้ำตาแล้วก็รีบสาวเท้าเดินกลับไปหาผู้เป็นพ่อที่ห้องพักผู้ป่วย
“พ่อเป็นยังไงบ้างคะรู้สึกปวดท้องหรือเปล่า” ปลายฟ้าที่เดินกลับมาหาผู้เป็นพ่อในห้องผู้ป่วยถามขึ้นเบา ๆ แม้จะดีใจที่พ่อของเธอจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีแต่ลึก ๆ ก็ยังเสียใจเมื่อคนที่จะทำการผ่าตัดให้พ่อเธอไม่ใช่หมอคนที่เธอหวังและเชื่อใจ
“ก็นิดหน่อยพอทนได้”
“อีกไม่กี่วันพ่อจะต้องเข้ารับการผ่าตัดแล้วนะพ่อต้องทำใจให้สบายไม่ต้องกังวลอะไรหมอที่นี่เขาเก่งเขาจะช่วยให้พ่อหาย” ร่างบางที่นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้พยายามกลั้นน้ำตาและฝืนยิ้มบอกคนเป็นพ่อเสียงเบา มือบางยื่นไปจับแขนที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลาของคนเป็นพ่อเพื่อให้กำลังใจ
“แล้วหมอที่จะผ่าตัดให้พ่อคือคนไหนล่ะ ใช่หมอผู้ชายที่เจอวันก่อนหรือเปล่าที่บอกว่าเป็นคนตรวจเจอน่ะ” เสียงแหบถามลูกสาวเพราะอยากรู้ว่าหมอคนไหนจะเป็นคนที่ช่วยตัดเจ้าเนื้อร้ายไปให้พ้นร่างกายของตน เพราะเอาเข้าจริง ๆ ตอนนี้ครอบครัวเขาก็ฝากความหวังไว้ที่หมอหนุ่มคนนั้นเพียงคนเดียว
“หมอที่จะผ่าตัดให้พ่อชื่อหมอดนัยค่ะเขาเคยผ่าตัดเคสลักษณะนี้มาเยอะพ่อไม่ต้องกังวลไปนะคะหมอที่นี่เก่งทุกคนค่ะ ทางโรงพยาบาลเขาจัดทีมแพทย์ที่เก่งที่สุดมารักษาพ่อเลยนะคะ” เสียงเจื้อยแจ้วบอกกับผู้เป็นพ่อออกไป สายตาเศร้าสร้อยพยายามไม่สบตาผู้เป็นพ่อเพราะกลัวจะเห็นความกังวลที่ซ่อนอยู่ในแววตาที่ปิดไม่มิด
“หมอภีร์คะมีอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงเรียกคุณหมอหนุ่มไม่ได้มีเพียงภีร์เท่านั้นที่ได้ยินแต่หญิงสาวที่กำลังนั่งเฝ้าผู้เป็นพ่ออยู่ก็ได้ยินจนต้องหันไปมองเช่นกัน ปลายฟ้าหันไปมองคุณหมอหนุ่มก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากัน ดวงตากลมโตที่ภีร์เห็นอยู่ตอนนี้เจือไปด้วยความผิดหวังยามที่มองมายังเขาแต่ชายหนุ่มไม่คิดสนใจ
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ” สายตาคมของภีร์ละจากปลายฟ้าแล้วหันไปตอบพยาบาลสาวก่อนจะเดินนำไปที่เตียงคนไข้ในความดูแลโดยไม่ได้สนใจทักทายหรือพูดอะไรกับคนที่สบตากับตนเมื่อครู่ที่ผ่านมา ปลายฟ้ารู้สึกผิดหวังและเสียใจเพราะเธอเคยหวังลึก ๆ ว่าคุณหมอหนุ่มที่เคยเจอกันมาบ้างที่โรงเรียนสอนดนตรีจะเห็นใจเธอ อย่างน้อยก็ในฐานะครูของลูกสาวเขาก็ยังดีแล้วช่วยผ่าตัดให้พ่อของเธอ แต่กลายเป็นว่าปลายฟ้าคิดผิดเพราะนอกจากภีร์จะไม่ใช่คนที่ผ่าตัดให้พ่อของเธอแล้ว คุณหมอหนุ่มยังแสดงท่าทางเหมือนไม่ต้องการจะคุยกับเธอด้วยซ้ำ
ภีร์ใช้เวลาตรวจคนไข้ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็แล้วเสร็จและกลับไปนั่งทำงานต่อที่โต๊ะบนห้องทำงานชั้นบนซึ่งเป็นห้องทำงานประจำของทั้งสามคนซึ่งห้องอยู่ติดกับห้องทำงานส่วนตัวของผู้บริหารโรงพยาบาลอย่างหมอภาคย์
แววตาเศร้าสร้อยของหญิงสาวเมื่อตอนสายในห้องประชุม ดวงตากลมโตที่คลอไปด้วยน้ำตากับเสียงปนสะอื้นยังวนอยู่ในหัวของเขา ภีร์หยิบเอกสารงานวิจัยขึ้นมาอ่านหวังจะไล่ภาพนั้นออกจากหัวแต่มือเจ้ากรรมกลับเผลอไปหยิบวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งกระเพาะอาหารจนในหัวเขาตอนนี้เหมือนเกิดภาพหลอนขึ้นในหัวตลอดเวลา
“โธ่เว้ย! ออกไปจากหัวฉันสักทีได้ไหม” ใบหน้าหล่อเหลาฟุบลงกับโต๊ะมือสองข้างยกขึ้นผมจนฟูฟ่องไม่เป็นทรง
“มึงเป็นห่าอะไร ถ้าเหนื่อยมึงก็ไปนอนพักสักงีบ นั่งโวยวายอยู่แบบนี้ก็ไม่ช่วยห่าอะไร” เวย์ที่เดินเข้ามาพอดีพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนอยู่ในสภาพที่ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
“กูตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหมวะ” ใบหน้าคมที่เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเอ่ยถามเพื่อนออกไป
“อะไรของมึงไอ้ภีร์ ช่วยขยายรูปประโยคคำถามของมึงด้วยกูไม่ใช่ไอ้ภาคย์ที่จะเข้าใจทุกสิ่งที่มีพูด” สายตางุนงงมองหน้าเพื่อน แต่ไม่ทันที่ภีร์จะตอบกลับก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แอ๊ด…
“มองหน้ากูมีอะไร” ภาคย์ถามขึ้นเมื่อสายตาของเพื่อนทั้งสองจับจ้องมาที่ตน
“กูตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหมวะ” คำถามเดิมที่ถามเวย์ก่อนหน้าถามภาคย์ออกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ภีร์ได้รับคำตอบที่ตัวเองต้องการ
“ถูกหรือผิดมึงรู้ตัวดีที่สุด”
ตอนที่ 33 ขอบคุณที่เกิดมา“อือ..อื้อ” สิ้นเสียงคำตอบภีร์ก็กระโจนใส่ร่างบางราวเสือเจอเนื้อชิ้นโปรดที่ยืนเฝ้าอยู่เนิ่นนาน บัดนี้ถึงเวลาเจ้าของชิ้นเนื้ออนุญาตให้ลิ้มรสได้จึงไม่รีรอที่จะเขมือบเข้าปากภีร์จัดการถอดชุดนอนปลายฟ้าจนเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ก่อนจะหันกลับมาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองพลางซุกคลอเคลียจนหญิงสาวเริ่มคล้อยตาม เขาอาศัยจังหวะนั้นแทรกตัวกลางหว่างขา ยกมือขึ้นลูบกลีบดอกไม้อวบนูนเบา ๆ ก่อนที่น้ำหล่อลื่นสีใสจะแทรกซึมออกมาตอบสนองปลายฟ้าเม้มปากแน่นเมื่อถูกพันธะการข้อมือตรึงไว้เหนือศีรษะทุยด้วยมือหนาเพียงข้างเดียว แรงกระทุ้งเข้ามาในกายของช่วงล่างทำเอาปลายฟ้าน้ำตาคลอ พยายามกัดฟันแน่นข่มความเจ็บ“อึก..มะ..มันเจ็บค่ะ..เอาออกก่อนได้ไหม” ปลายฟ้าบอกเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอเบ้า“เข้ามาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะให้ผมเอาออกอีกเหรอฟ้า อดทนหน่อยนะคนดียิ่งเอาออกแล้วใส่เข้ามาใหม่คุณจะยิ่งเจ็บ”“มันใหญ่เกินไป มันเข้าไม่ได้หรอกค่ะ” เพียงแค่เห็นภีร์ใช้ลิ้นดันมุมปากก็พานหายใจไม่ทั่วท้อง“ธรรมชาติสร้างหญิงและชายให้เกิดมาคู่กัน เราสองคนจะเข้ากันได้ดี ผ่อนคลายนะคนดี” ภีร์ปลอบประโลมคนใต้ร่างที่ตอนนี้นอนเ
ตอนที่32 เรื่องเล่าหลอกเด็กมื้อค่ำบรรยากาศที่เงียบสงัดยามค่ำคืนพระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปและมีแสงไฟหลากสีสว่างขึ้นแทน บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ไม่ห่างกันต่างกำลังมีความสุขกับครอบครัวในมื้อค่ำ ภีร์และปลายฟ้านั่งทานอาหารที่ช่วยทำขึ้นมาอย่างมีความสุข“คุณกลัวผีไหม” อยู่ ๆ ภีร์ก็ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าปลายฟ้านั้นทานอาหารเสร็จแล้ว“ที่นี่มีผีด้วยเหรอคะ ฉันนึกว่ามีแต่ที่เมืองไทยเสียอีก” ปลายฟ้าไม่ได้ตอบคำถามของภีร์แต่กลับถามกลับด้วยสีหน้าจริงจัง“ที่ไหนก็มีผีทั้งนั้นแหละ ยิ่งที่เยอรมันบ้านเมืองมีแต่หลังเก่าแก่อาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ รุ่นปู่ รุ่นย่า ตกทอดมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เขาเล่ากันว่าบรรพบุรุษของที่นี่หลังจากเสียชีวิตจะอยู่คอยดูแลทรัพย์สมบัติให้ลูกหลาน แล้วคุณคิดว่าบ้านหลังนี้ที่มีอายุเกือบร้อยปีตอนนี้จะมีแค่เราไหมที่อยู่ที่นี่”ปลายฟ้าที่ตั้งใจฟังภีร์เล่าตั้งแต่ต้นจนจบ ในหัวก็จินตนาการตามสิ่งที่ชายหนุ่มเล่า ตากลมโตหันมองซ้ายมองหน้าต่าง มองประตู เหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง“คุณแกล้งเล่าให้ฉันกลัวใช่ไหมคะ”“ผมโตจนอายุเท่านี้แล้วไม่มาเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แบบนี้หรอก เพื่อนคนเยอรมันเขาเล่าให้ผ
ตอนที่31 เพศศึกษา“อ่ะ!” ปลายฟ้าร้องเสียงหลงอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มรั้งเธอเข้าหา สองขาเรียวถูกจับแยกออก ก่อนที่ภีร์จะดันตัวเองแทรกเข้าหว่างขา“คุณจะทำอะไรคะ”“บางทีความไร้เดียงสาของคุณ ก็ทำให้ผมแทบทนไม่ไหวนะฟ้า” คำตอบของภีร์ปลายฟ้าได้ฟังถึงกลับหน้าแดงไม่รู้เพราะกำลังโกรธหรือกำลังอาย“ทนอะไรไม่ไหวคะ คุณโกรธฉันเหรอคะ” ปลายฟ้าตีความหมายเป็นอย่างแรก จนภีร์ถึงกับส่ายหัวและถอนหายใจเสียงดัง“เฮ้อ! ผมคิดถูกหรือผิดกันแน่ ขึ้นเองก็ต้องเอาลงเองสินะ คุณไปเก็บของเถอะผมขอไปจัดการตัวเองก่อน” ปลายฟ้าเบิกตาเล็กน้อย เมื่อเริ่มเข้าใจความหมายสิ่งที่ภีร์พูดได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างที่ตอนนี้กำลังเร่งฝีเท้าเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด“คุณน่ากลัวกว่าที่ฉันคิดเลยนะคะคุณหมอ ฉันจะรอดจากเงื้อมมือคุณไปอีกกี่วันกันคะ ตาหมอบ้ากาม” บ่นพึมพำกับตัวเองเสร็จก็รีบไปจัดการจัดเก็บข้าวของก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับออกมาเพราะเธอยังไม่กล้าสู้หน้าเขาตอนนี้ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ฟ้า..คุณจะขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวันแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ออกมาสูดบรรยากาศข้างนอกบ้าง” ภีร์ตะโกนเรียกปลายฟ้าที่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องตั้งแต่มาถึงจนป่านนี้ยังไม่กลั
ตอนที่30 เพื่อเธอเมื่อใกล้ถึงวันเดินทางปลายฟ้ายิ่งกังวลมากขึ้นที่จะต้องห่างจากคนรักรวมทั้งพ่อและแม่ ทางด้านภีร์ที่อีกสองวันก็ต้องเดินทางไปพร้อมปลายฟ้าแล้วแต่ยังไม่ยอมบอกปลายฟ้าเรื่องที่เขาจะไปเยอรมันด้วย“อีกสองวันคุณก็ต้องเดินทางแล้ว เราคงไม่มีโอกาสได้มานั่งทานข้าวด้วยกันแบบนี้แล้วสิ ผมคงคิดถึงเสียงไวโอลินของคุณมากแน่ ๆ” คนที่มีความลับพูดเศร้า ๆ แม้ในใจจะไม่ได้เศร้าเหมือนคำพูดที่ออกมาก็ตาม“คุณอย่าพูดแบบนี้สิไหนคุณบอกฉันว่าเยอรมันใกล้แค่นี้เอง คุณบินไปหาฉันแป๊บเดียวก็ถึงไง” ปลายฟ้าที่กำลังเอื้อมมือไปตักอาหารตรงหน้าชักมือกลับทันทีเพราะรู้สึกอิ่มขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อถูกแฟนหนุ่มเอ่ยเรื่องที่จะต้องห่างกันขึ้นมา“ผมพูดเล่น..อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ กลายเป็นว่าผมทำให้คุณต้องอิ่มทั้งที่ทานข้าวไปได้เพียงไม่กี่คำ ยังไงผมจะรีบบินไปหาคุณทันทีที่ว่างผมสัญญา ทานข้าวต่อเถอะนะ” เสียงทุ้มที่เจือไปด้วยความห่วงใยของภีร์บอกกับปลายฟ้าก่อนจะตักอาหารใส่จานให้หญิงสาว ภีร์แทบอยากหยิกตัวเองที่เกิดอยากแสดงละครตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อหน้าคนรักแล้วดันมาแสดงได้เนียนจนเกือบเอาน้ำตาแฟนสาวร่วงภีร์อยากให้ปลายฟ้าเสพติดเข
ตอนที่29 ตัดสินใจปลายฟ้านั่งคิดทบทวนเรื่องการไปเข้าร่วมแสดงดนตรีนานาชาตินี้อยู่หลายรอบกว่าจะตัดสินใจปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อแม่ในตอนเช้า“ทำไมยังไม่ไปสอนล่ะลูกนี่ก็สายแล้วนะมีอะไรหรือเปล่า” เสียงมารดาของปลายฟ้าถามขึ้นเมื่อวันนี้ลูกสาวยังไม่ออกจากบ้านทั้งที่ดูเวลาก็สายแล้ว“ฟ้ามีเรื่องที่จะบอกพ่อกับแม่น่ะค่ะ” ท่าทางเหมือนคนที่มีอะไรในใจของลูกสาวทำให้นิธิพ่อของปลายฟ้าอดเป็นห่วงไม่ได้จึงถามขึ้นมาอีกคน“มีอะไรก็พูดมาเถอะลูกพ่อกับแม่พร้อมรับฟังเสมอ”“วงดนตรีที่ประเทศเยอรมันที่ฟ้าสมัครไว้เขาแจ้งมาว่าสนใจในผลงานของฟ้าเลยอยากให้ไปร่วมฝึกซ้อมและร่วมแสดงโชว์ในเทศกาลดนตรีนานาชาติที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้านี้ค่ะ”“จริงหรือลูกนี่ฟ้ากำลังจะได้ไปทำตามฝันของตัวเองแล้วสิ” คนเป็นแม่เมื่อได้ฟังในสิ่งที่ลูกสาวบอกก็ดีใจจนรอยยิ้มฉาบไปทั่วใบหน้า แต่ก็แปลกอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมปลายฟ้าถึงดูไม่ค่อยดีใจเหมือนที่ควรจะเป็น“จริงค่ะแม่พี่เรนรุ่นพี่ที่เป็นคนสอนดนตรีฟ้าพึ่งมาบอกเมื่อวาน ฟ้าต้องให้คำตอบเขาภายในอาทิตย์นี้”“แล้วทำไมลูกถึงดูไม่ค่อยดีใจเลยล่ะทั้งที่มันเป็นสิ่งที่ลูกเคยฝันไว้ และวันนี้มันก็ใกล้ที
ตอนที่28 เป็นแฟนกัน“แล้วคุณอยากไปหรือเปล่า” ภีร์เอ่ยถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบมาสักพัก“ฉันเป็นห่วงพ่อค่ะ ท่านพึ่งผ่าตัดมาร่างกายยังไม่แข็งแรงดี ฉันไม่อยากทิ้งท่านอยู่กันลำพังแค่สองคน”“แต่มันคือความฝันของคุณ”“ใช่ค่ะ มันคือความฝันของฉันแต่..ฉันก็ไม่อยากทิ้งครอบครัวไปตอนนี้”“คุณลองไปปรึกษาพวกท่านดูก่อน อีกอย่างคุณก็แค่ไปซ้อมและขึ้นเล่นงานเทศกาลดนตรีนานาชาติ ยังไม่รู้ว่าจะได้เซ็นสัญญาหรือเปล่า พอถึงวันนั้นเราก็ค่อยมาคุยกันอีกที ระหว่างที่คุณไม่อยู่พ่อคุณผมช่วยดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”“แต่ถ้าฉันผ่านการคัดเลือกฉันต้องเซ็นสัญญาและทำงานอยู่ที่นั่นตลอด ฉันคิดว่า” ท่าทางสับสนระหว่างความฝันและความห่วงครอบครัวที่กำลังตีกันของปลายฉันทำให้ภีร์ต้องยื่นมือไปกุมมือเธอเอาไว้เบา ๆ“ถ้ามันคือความฝันและสิ่งที่คุณรักผมก็อยากให้คุณทำมันให้เต็มที่ โอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีเข้ามาบ่อย ๆ นะปลายฟ้า คุณอาจจะคิดว่าคุณยังเด็กยังมีเวลาอีกมากมาย โอกาสมันไม่ได้เพิ่มจำนวนครั้งตามอายุคนเราหรอกนะ” คนที่ผ่านเรื่องราวและประสบการณ์ชีวิตมาพอสมควรบอกปลายฟ้าพร้อมยิ้มบาง ๆ นัยน์ตาคู่คมฉายแววอาทรอย่างจริงใจ“คุณอยากให้ฉันไปมากเลยเห