ตอนที่5 ทบทวนเหตุผล
คิวผ่าตัดพ่อของปลายฟ้าคืออีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ระหว่างนี้หมอของขวัญก็เข้ามาตรวจอาการคนไข้ทุกวันและยังมีหมอดนัยที่คอยแวะเวียนมาถามไถ่อาการทุกวัน
“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะถึงคิวผ่าตัดแล้วนะคะช่วงนี้ถ้าหากมีอาการปวดรุนแรงให้รีบแจ้งพยาบาลได้ทันที พยายามทานอาหารตามที่โรงพยาบาลจัดให้ทุกมื้อนะคะ ถึงไม่หิวก็ต้องทานเพราะเราต้องเตรียมความพร้อมของร่างกายให้ได้มากที่สุดก่อนผ่าตัดค่ะ” คุณหมอสาวบอกคนไข้และญาติเมื่อเข้ามาตรวจดูอาการประจำวัน
“เป็นยังไงบ้างครับหมอขวัญคนไข้พร้อมสำหรับการผ่าตัดหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มที่ปลายฟ้าเริ่มคุ้นเคยถามขึ้นในขณะที่เจ้าของเสียงเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย
ภีร์แวะถามไถ่เพื่อนหมอด้วยกันเกี่ยวกับอาการคนไข้ ท่าทางจริงจังเวลาทำงานของภีร์ทำให้ปลายฟ้าแอบมอง แต่ก็ไม่กล้าที่จะทักทายหรือถามอะไรออกไปเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะรู้สึกว่าคุณหมอหนุ่มมีท่าทีไม่อยากจะพูดคุยกับเธอมากนัก ปลายฟ้าไม่แน่ใจว่าทำไมบางครั้งชายหนุ่มถึงแสดงท่าทางเหมือนกับว่าไม่ชอบเธอ
“ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งค่ะหมอภีร์แต่ก็อยากให้แข็งแรงมากกว่านี้อีกนิด คิดว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดร่างกายน่าจะพร้อมเต็มร้อยค่ะ” หมอของขวัญหันไปบอกกับภีร์ที่บังเอิญเจอกันระหว่างราวด์วอร์ดพอดี
“คุณลุงล่ะครับรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ปวดท้อง เบื่ออาหาร หรืออาเจียนไหมครับ” ภีร์ถือโอกาสหันไปถามคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง เพราะในใจลึก ๆ ก็อยากทราบอาการของคนป่วยเหมือนกัน
“ก็ปวดท้องหนักเป็นบางครั้งครับหมอแล้วก็รู้สึกเบื่ออาหาร” พ่อของปลายฟ้าตอบหมอภีร์ด้วยท่าทางเนือย ๆ
“หมอขวัญคิวผ่าตัดอาทิตย์หน้านี้เร็วสุดแล้วใช่ไหมครับ” ท่าทางจริงจังของภีร์ที่หันไปถามคุณหมอเจ้าของไข้ทำเอาปลายฟ้าเริ่มจะมีหวังอยู่ในใจ ว่าภีร์จะเปลี่ยนใจมาผ่าตัดให้พ่อของเธอแม้จะเคยผิดหวังจากการปฏิเสธของคุณหมอหนุ่มมาแล้วแต่ตราบใดที่ยังไม่ถึงวันผ่าตัดปลายฟ้าก็หวังอยู่ลึก ๆ ว่าชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจ
“ใช่ค่ะด้วยคิวห้องผ่าตัดและคิวแพทย์ก็คงต้องเป็นอาทิตย์หน้าค่ะ” ภีร์พยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่คุณหมอสาวบอกก่อนจะหันไปมองคนไข้บนเตียงอีกครั้ง
“อดทนนะครับผ่าตัดเสร็จเดี๋ยวก็หาย ช่วงนี้ก็อย่างที่หมอขวัญบอกหากมีอาการปวดรุนแรงให้รีบบอกพยาบาลนะครับ ส่วนอาหารผมแนะนำให้ทานทุกมื้อให้ตรงเวลา หรือทานทีละน้อยแต่ทานบ่อย ๆ ก็ได้นะครับแต่ขอให้ทาน” ภีร์ให้กำลังใจพร้อมแนะนำการปฏิบัติตัวแก่พ่อปลายฟ้าก่อนจะขอตัวไปตรวจคนไข้ต่อโดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่นั่งมองเขาตั้งแต่เดินเข้ามา ปลายฟ้ามองตามหลังคุณหมอหนุ่มด้วยสีหน้าผิดหวังอีกตามเคย ถึงจะชื่นชมในการใส่ใจของชายหนุ่มที่ส่งมาให้พ่อของเธอซึ่งเป็นคนไข้แม้ว่าจะไม่ใช่แพทย์เจ้าของไข้ก็ตามแต่ลึก ๆ แล้วสิ่งที่ปลายฟ้าต้องการคืออยากให้นายแพทย์ภีรภัทรใช้ความเก่งด้านการแพทย์ช่วยเหลือพ่อของเธอ
ปลายฟ้าต้องขอลาหยุดงานที่โรงเรียนสอนดนตรีและให้ครูคนอื่นเข้าไปสอนคลาสของเธอแทนเพราะเธอต้องคอยดูแลพ่อที่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล เด็ก ๆ ในห้องทุกคนไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ปลายฟ้าไม่สามารถมาสอนพวกเขาต่อได้เพราะเข้าใจว่าปลายฟ้าต้องดูแลพ่อที่ป่วยยกเว้นมินนี่ลูกศิษย์คนโปรดถึงกลับร้องไห้ฟูมฟายเมื่อรู้ว่าเธอจะไม่ได้เรียนกับครูปลายฟ้าอีกนาน
“ฮึก ๆ ๆ มินนี่ ฮึก ๆ ไม่อยากให้ไป มินนี่จะเรียนกับครูฟ้า ฮือ ๆ”
“โธ่ มินนี่ขาไม่เอาค่ะไม่ร้อง ครูฟ้าไม่ได้หายไปไหนนานนะคะครูฟ้าแค่ลาไปเฝ้าคุณพ่อที่โรงพยาบาลแค่นั้นเอง เดี๋ยวถ้าคุณพ่อครูฟ้าหายครูฟ้าจะกลับมาสอนมินนี่เหมือนเดิมนะคะ มินนี่หยุดร้องไห้ก่อนเดี๋ยวไม่สวยนะคะ” ปลายฟ้านั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กสาวเพื่ออธิบายเหตุผลให้เด็กน้อยเข้าใจหลังจากที่วันนี้แวะมาเขียนใบลาหยุดที่โรงเรียน แต่ลูกศิษย์คนโปรดกลับงอแงไม่ยอมเข้าใจง่าย ๆ
“แล้วครูปลายฟ้าต้องไปเฝ้าคุณพ่อกี่วันคะ” ลูกศิษย์ตัวน้อยถามครูสาว ดวงตากลมเล็กฉ่ำไปด้วยน้ำตาจากการร้องไห้ ปลายฟ้ายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ครูฟ้าก็ยังไม่รู้เลยค่ะมินนี่เพราะพ่อครูฟ้าต้องผ่าตัดครูฟ้าอาจจะต้องคอยดูแลจนกว่าพ่อจะหายดีแต่ครูฟ้าสัญญาค่ะว่าถ้าพ่อครูฟ้าหายแล้วจะรีบกลับมาสอนไวโอลินให้มินนี่ทันทีเลยค่ะ มินนี่คนสวยเข้าใจครูฟ้านะคะ” แม้จะยังไม่เข้าใจครูสาวแต่มินนี่ก็พยักหน้าเชื่อฟังในสิ่งที่ครูพูด
เด็กน้อยกลับบ้านมาด้วยดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้มาอย่างหนัก ภีร์เห็นก็ตกใจเมื่อลูกสาวตัวน้อยเดินเข้าบ้านมาในสภาพที่หน้าตาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“มินนี่!! เป็นอะไรลูกทำไมร้องไห้จนตาบวมแบบนั้นใครทำอะไรมินนี่บอกป่ะป๊ามาสิครับ”
“ฮือ ๆ ฮึก ป่ะป๊า ครู ฮึก ครูปลายฟ้าจะไม่มาสอนไวโอลินมินนี่แล้วค่ะฮือ ๆ” เด็กน้อยเมื่อถูกถามในสิ่งที่กำลังเสียใจก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้งแล้ววิ่งกอดคนเป็นพ่อแล้วเล่าทุกอย่างให้ผู้เป็นพ่อฟัง ภีร์พอจะจับต้นชนปลายถูกแต่ไม่รู้จะปลอบลูกสาวอย่างไรดีจึงได้แต่เล่าความจริงให้ลูกฟังเผื่อลูกจะเข้าใจ
“มินนี่ฟังป่ะป๊านะครับลูก คุณพ่อของครูปลายฟ้าท่านไม่สบายและตอนนี้กำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลของอาภาคย์ และครูปลายฟ้าของลูกก็ต้องคอยดูแลคุณพ่ออยู่ที่โรงพยาบาลจึงไปสอนไวโอลินลูกที่โรงเรียนไม่ได้ แต่เมื่อไหร่ที่พ่อของครูปลายฟ้าหายดีแล้วครูปลายฟ้าก็จะกลับไปสอนไวโอลินลูกเหมือนเดิม ระหว่างนี้มินนี่ก็เรียนกับครูคนอื่นไปก่อนเข้าใจไหมครับ” คำพูดของคนเป็นพ่อบอกลูกสาวอย่างใจเย็นเพื่อหวังจะให้ลูกสาวตัวน้อยเข้าใจและหยุดร้องไห้ แต่คำพูดถัดมาของเด็กสาวทำให้ภีร์ต้องเป็นฝ่ายที่ลำบากใจเอง
“ถ้าอย่างนั้นปะป๊าก็ช่วยรักษาพ่อของครูปลายฟ้าให้หายเร็ว ๆ สิคะ นะคะป่ะป๊า ป่ะป๊าต้องช่วยรักษาพ่อของครูปลายฟ้านะคะ ป่ะป๊าเป็นหมอที่เก่งมากต้องช่วยรักษาคุณพ่อของครูปลายฟ้าได้แน่นอนค่ะ”
“ป่ะป๊าจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะลูก ป่ะป๊าไม่ได้เป็นหมอเจ้าของไข้พ่อของครูปลายฟ้าสักหน่อย”
“ฮือ ๆ ๆ ป่ะป๊าเป็นหมอที่เก่งทำไมจะทำไม่ได้ล่ะคะ ป่ะป๊าก็แค่ไปบอกครูปลายฟ้าว่าจะช่วยรักษาคุณพ่อของเธอให้ก็แค่นั้นเองทำไมป่ะป๊าทำเพื่อมินนี่ไม่ได้” เสียงสะอื้นไห้จากลูกสาวตัวน้อยทำเอาภีร์ไปไม่เป็นเพราะมีไม่บ่อยนักที่มินนี่ลูกสาวของเขาจะงอแงในสิ่งที่ต้องการ ภีร์ไม่เคยขัดใจลูกถ้าหากว่าสิ่งนั้นดูแล้วไม่ได้มีผลกระทบต่ออนาคตที่ดีของมินนี่ภีร์จะจัดการให้ทันที แต่สิ่งที่มินนี่ต้องการในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ภีร์ต้องคิดหนัก
“มินนี่คะฟังป่ะป๊านะ ป่ะป๊าเป็นหมอที่เก่งแต่หมอที่เก่งไม่ได้มีป่ะป๊าคนเดียวและป่ะป๊าก็มีคนไข้มากมายที่ต้องดูแล คุณพ่อของครูปลายฟ้าก็มีหมอที่เก่งคนอื่นดูแล ป่ะป๊าจะไปทำเหมือนที่มินนี่พูดไม่ได้หรอกนะลูก เดี๋ยวหมอที่รักษาพ่อครูปลายฟ้าเขาจะเสียใจ” ภีร์พยายามอธิบายกับลูกสาวหวังให้เข้าใจเขา
“คุณพ่อทำงานที่โรงพยาบาลอาภาคย์ไม่ใช่หรือคะ ให้อาภาคย์เป็นคนสั่งเปลี่ยนหมอที่รักษาพ่อครูปลายฟ้าเป็นคุณพ่อสิคะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ตอนนี้งอง้ำยังไม่ยอมง่าย ๆ ภีร์ส่ายหัวด้วยความเอ็นดูกับความคิดที่โตเกินวัยของลูกสาวที่ข้ามขั้นมาจัดการงานของเขาเป็นฉาก ๆ
“โธ่ มินนี่อะไรจะขนาดนั้นลูก” คนเป็นพ่อเริ่มอ่อนใจในความต้องการอย่างแรงกล้าของลูกสาว
“นะคะป่ะป๊าขา ป่ะป๊าช่วยคุณพ่อของครูปลายฟ้านะคะ ครูปลายฟ้าจะได้กลับมาสอนมินนี่เร็ว ๆ มินนี่จะได้เล่นไวโอลินเก่ง ๆ ไม่มีครูคนไหนเก่งเท่าครูปลายฟ้าแล้วนะคะป่ะป๊า”
หลังจากได้ฟังคำอ้อนวอนจากลูกสาวตัวน้อยบวกกับภาพความเสียใจของลูกสาวในวันนี้จึงทำให้ภีร์ต้องคิดทบทวนเรื่องเคสพ่อของปลายฟ้าอีกครั้ง
ภีร์ตัดสินใจไลน์ไปปรึกษาเรื่องนี้กับภาคย์และเวย์ว่าเขาจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี
Line : ห้องแชตกลุ่มหมอเทวดา
ภีร์ : กูมีเรื่องปรึกษา
ภาคย์: อืม ว่ามา
ภีร์ : มินนี่ร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนักจนกูเอาแทบไม่อยู่เพราะครูสอนไวโอลินลาไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล
เวย์: แล้ว…
ภีร์: ตอนนี้มินนี่ต้องการให้กูเป็นคนผ่าตัดให้พ่อของปลายฟ้า แต่กูไม่อยากยุ่งกับเคสนี้
ภาคย์: แล้วมีเหตุผลอะไรที่ทำให้มึงปฏิเสธเคสนี้ตั้งแต่แรก ทั้ง ๆ ที่มึงเองก็รู้ตัวว่าเคสนี้ศัลยแพทย์ที่เหมาะสมที่สุดคือมึง มึงลองกลับไปคิดหาเหตุผลดูแล้วมึงจะได้คำตอบว่ามึงควรจะปล่อยผ่านหรือหันหลังกลับไป”
เวย์: คำตอบก็รู้อยู่แก่ใจ ถ้าศักดิ์ศรีมันค้ำคอมากนักก็ลาออกจาการเป็นหมอ คำปณิธานแรกของการเรียนหมอคืออะไรมึงจำได้ไหม ถึงมึงจะแค่เรียนตามเพื่อนแต่เป็นสิ่งที่มึงเลือกแล้วมึงควรจะจำไว้นะ..เสียเวลากูนอนกอดเมียฉิบหาย”
คำถามที่ถูกถามกลับจากภาคย์และคำตอบที่ได้จากเวย์แม้จะไม่ใช่คำชี้ขาดให้ภีร์สามารถตัดสินใจได้ทันทีในตอนนี้ แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มเริ่มทบทวนอีกครั้งแม้ว่าพฤติกรรมของญาติคนไข้จะเป็นสิ่งที่คุณหมอหนุ่มพร่ำบอกตัวเองว่ารับไม่ได้ แต่จรรยาบรรณและปณิธานของความเป็นแพทย์ที่ถูกเวย์ถามมาก็ทำเอาภีร์ต้องคิดหนัก
ตอนที่ 33 ขอบคุณที่เกิดมา“อือ..อื้อ” สิ้นเสียงคำตอบภีร์ก็กระโจนใส่ร่างบางราวเสือเจอเนื้อชิ้นโปรดที่ยืนเฝ้าอยู่เนิ่นนาน บัดนี้ถึงเวลาเจ้าของชิ้นเนื้ออนุญาตให้ลิ้มรสได้จึงไม่รีรอที่จะเขมือบเข้าปากภีร์จัดการถอดชุดนอนปลายฟ้าจนเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ก่อนจะหันกลับมาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองพลางซุกคลอเคลียจนหญิงสาวเริ่มคล้อยตาม เขาอาศัยจังหวะนั้นแทรกตัวกลางหว่างขา ยกมือขึ้นลูบกลีบดอกไม้อวบนูนเบา ๆ ก่อนที่น้ำหล่อลื่นสีใสจะแทรกซึมออกมาตอบสนองปลายฟ้าเม้มปากแน่นเมื่อถูกพันธะการข้อมือตรึงไว้เหนือศีรษะทุยด้วยมือหนาเพียงข้างเดียว แรงกระทุ้งเข้ามาในกายของช่วงล่างทำเอาปลายฟ้าน้ำตาคลอ พยายามกัดฟันแน่นข่มความเจ็บ“อึก..มะ..มันเจ็บค่ะ..เอาออกก่อนได้ไหม” ปลายฟ้าบอกเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอเบ้า“เข้ามาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะให้ผมเอาออกอีกเหรอฟ้า อดทนหน่อยนะคนดียิ่งเอาออกแล้วใส่เข้ามาใหม่คุณจะยิ่งเจ็บ”“มันใหญ่เกินไป มันเข้าไม่ได้หรอกค่ะ” เพียงแค่เห็นภีร์ใช้ลิ้นดันมุมปากก็พานหายใจไม่ทั่วท้อง“ธรรมชาติสร้างหญิงและชายให้เกิดมาคู่กัน เราสองคนจะเข้ากันได้ดี ผ่อนคลายนะคนดี” ภีร์ปลอบประโลมคนใต้ร่างที่ตอนนี้นอนเ
ตอนที่32 เรื่องเล่าหลอกเด็กมื้อค่ำบรรยากาศที่เงียบสงัดยามค่ำคืนพระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปและมีแสงไฟหลากสีสว่างขึ้นแทน บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ไม่ห่างกันต่างกำลังมีความสุขกับครอบครัวในมื้อค่ำ ภีร์และปลายฟ้านั่งทานอาหารที่ช่วยทำขึ้นมาอย่างมีความสุข“คุณกลัวผีไหม” อยู่ ๆ ภีร์ก็ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าปลายฟ้านั้นทานอาหารเสร็จแล้ว“ที่นี่มีผีด้วยเหรอคะ ฉันนึกว่ามีแต่ที่เมืองไทยเสียอีก” ปลายฟ้าไม่ได้ตอบคำถามของภีร์แต่กลับถามกลับด้วยสีหน้าจริงจัง“ที่ไหนก็มีผีทั้งนั้นแหละ ยิ่งที่เยอรมันบ้านเมืองมีแต่หลังเก่าแก่อาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ รุ่นปู่ รุ่นย่า ตกทอดมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เขาเล่ากันว่าบรรพบุรุษของที่นี่หลังจากเสียชีวิตจะอยู่คอยดูแลทรัพย์สมบัติให้ลูกหลาน แล้วคุณคิดว่าบ้านหลังนี้ที่มีอายุเกือบร้อยปีตอนนี้จะมีแค่เราไหมที่อยู่ที่นี่”ปลายฟ้าที่ตั้งใจฟังภีร์เล่าตั้งแต่ต้นจนจบ ในหัวก็จินตนาการตามสิ่งที่ชายหนุ่มเล่า ตากลมโตหันมองซ้ายมองหน้าต่าง มองประตู เหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง“คุณแกล้งเล่าให้ฉันกลัวใช่ไหมคะ”“ผมโตจนอายุเท่านี้แล้วไม่มาเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แบบนี้หรอก เพื่อนคนเยอรมันเขาเล่าให้ผ
ตอนที่31 เพศศึกษา“อ่ะ!” ปลายฟ้าร้องเสียงหลงอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มรั้งเธอเข้าหา สองขาเรียวถูกจับแยกออก ก่อนที่ภีร์จะดันตัวเองแทรกเข้าหว่างขา“คุณจะทำอะไรคะ”“บางทีความไร้เดียงสาของคุณ ก็ทำให้ผมแทบทนไม่ไหวนะฟ้า” คำตอบของภีร์ปลายฟ้าได้ฟังถึงกลับหน้าแดงไม่รู้เพราะกำลังโกรธหรือกำลังอาย“ทนอะไรไม่ไหวคะ คุณโกรธฉันเหรอคะ” ปลายฟ้าตีความหมายเป็นอย่างแรก จนภีร์ถึงกับส่ายหัวและถอนหายใจเสียงดัง“เฮ้อ! ผมคิดถูกหรือผิดกันแน่ ขึ้นเองก็ต้องเอาลงเองสินะ คุณไปเก็บของเถอะผมขอไปจัดการตัวเองก่อน” ปลายฟ้าเบิกตาเล็กน้อย เมื่อเริ่มเข้าใจความหมายสิ่งที่ภีร์พูดได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างที่ตอนนี้กำลังเร่งฝีเท้าเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด“คุณน่ากลัวกว่าที่ฉันคิดเลยนะคะคุณหมอ ฉันจะรอดจากเงื้อมมือคุณไปอีกกี่วันกันคะ ตาหมอบ้ากาม” บ่นพึมพำกับตัวเองเสร็จก็รีบไปจัดการจัดเก็บข้าวของก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับออกมาเพราะเธอยังไม่กล้าสู้หน้าเขาตอนนี้ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ฟ้า..คุณจะขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวันแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ออกมาสูดบรรยากาศข้างนอกบ้าง” ภีร์ตะโกนเรียกปลายฟ้าที่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องตั้งแต่มาถึงจนป่านนี้ยังไม่กลั
ตอนที่30 เพื่อเธอเมื่อใกล้ถึงวันเดินทางปลายฟ้ายิ่งกังวลมากขึ้นที่จะต้องห่างจากคนรักรวมทั้งพ่อและแม่ ทางด้านภีร์ที่อีกสองวันก็ต้องเดินทางไปพร้อมปลายฟ้าแล้วแต่ยังไม่ยอมบอกปลายฟ้าเรื่องที่เขาจะไปเยอรมันด้วย“อีกสองวันคุณก็ต้องเดินทางแล้ว เราคงไม่มีโอกาสได้มานั่งทานข้าวด้วยกันแบบนี้แล้วสิ ผมคงคิดถึงเสียงไวโอลินของคุณมากแน่ ๆ” คนที่มีความลับพูดเศร้า ๆ แม้ในใจจะไม่ได้เศร้าเหมือนคำพูดที่ออกมาก็ตาม“คุณอย่าพูดแบบนี้สิไหนคุณบอกฉันว่าเยอรมันใกล้แค่นี้เอง คุณบินไปหาฉันแป๊บเดียวก็ถึงไง” ปลายฟ้าที่กำลังเอื้อมมือไปตักอาหารตรงหน้าชักมือกลับทันทีเพราะรู้สึกอิ่มขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อถูกแฟนหนุ่มเอ่ยเรื่องที่จะต้องห่างกันขึ้นมา“ผมพูดเล่น..อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ กลายเป็นว่าผมทำให้คุณต้องอิ่มทั้งที่ทานข้าวไปได้เพียงไม่กี่คำ ยังไงผมจะรีบบินไปหาคุณทันทีที่ว่างผมสัญญา ทานข้าวต่อเถอะนะ” เสียงทุ้มที่เจือไปด้วยความห่วงใยของภีร์บอกกับปลายฟ้าก่อนจะตักอาหารใส่จานให้หญิงสาว ภีร์แทบอยากหยิกตัวเองที่เกิดอยากแสดงละครตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อหน้าคนรักแล้วดันมาแสดงได้เนียนจนเกือบเอาน้ำตาแฟนสาวร่วงภีร์อยากให้ปลายฟ้าเสพติดเข
ตอนที่29 ตัดสินใจปลายฟ้านั่งคิดทบทวนเรื่องการไปเข้าร่วมแสดงดนตรีนานาชาตินี้อยู่หลายรอบกว่าจะตัดสินใจปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อแม่ในตอนเช้า“ทำไมยังไม่ไปสอนล่ะลูกนี่ก็สายแล้วนะมีอะไรหรือเปล่า” เสียงมารดาของปลายฟ้าถามขึ้นเมื่อวันนี้ลูกสาวยังไม่ออกจากบ้านทั้งที่ดูเวลาก็สายแล้ว“ฟ้ามีเรื่องที่จะบอกพ่อกับแม่น่ะค่ะ” ท่าทางเหมือนคนที่มีอะไรในใจของลูกสาวทำให้นิธิพ่อของปลายฟ้าอดเป็นห่วงไม่ได้จึงถามขึ้นมาอีกคน“มีอะไรก็พูดมาเถอะลูกพ่อกับแม่พร้อมรับฟังเสมอ”“วงดนตรีที่ประเทศเยอรมันที่ฟ้าสมัครไว้เขาแจ้งมาว่าสนใจในผลงานของฟ้าเลยอยากให้ไปร่วมฝึกซ้อมและร่วมแสดงโชว์ในเทศกาลดนตรีนานาชาติที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้านี้ค่ะ”“จริงหรือลูกนี่ฟ้ากำลังจะได้ไปทำตามฝันของตัวเองแล้วสิ” คนเป็นแม่เมื่อได้ฟังในสิ่งที่ลูกสาวบอกก็ดีใจจนรอยยิ้มฉาบไปทั่วใบหน้า แต่ก็แปลกอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมปลายฟ้าถึงดูไม่ค่อยดีใจเหมือนที่ควรจะเป็น“จริงค่ะแม่พี่เรนรุ่นพี่ที่เป็นคนสอนดนตรีฟ้าพึ่งมาบอกเมื่อวาน ฟ้าต้องให้คำตอบเขาภายในอาทิตย์นี้”“แล้วทำไมลูกถึงดูไม่ค่อยดีใจเลยล่ะทั้งที่มันเป็นสิ่งที่ลูกเคยฝันไว้ และวันนี้มันก็ใกล้ที
ตอนที่28 เป็นแฟนกัน“แล้วคุณอยากไปหรือเปล่า” ภีร์เอ่ยถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบมาสักพัก“ฉันเป็นห่วงพ่อค่ะ ท่านพึ่งผ่าตัดมาร่างกายยังไม่แข็งแรงดี ฉันไม่อยากทิ้งท่านอยู่กันลำพังแค่สองคน”“แต่มันคือความฝันของคุณ”“ใช่ค่ะ มันคือความฝันของฉันแต่..ฉันก็ไม่อยากทิ้งครอบครัวไปตอนนี้”“คุณลองไปปรึกษาพวกท่านดูก่อน อีกอย่างคุณก็แค่ไปซ้อมและขึ้นเล่นงานเทศกาลดนตรีนานาชาติ ยังไม่รู้ว่าจะได้เซ็นสัญญาหรือเปล่า พอถึงวันนั้นเราก็ค่อยมาคุยกันอีกที ระหว่างที่คุณไม่อยู่พ่อคุณผมช่วยดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”“แต่ถ้าฉันผ่านการคัดเลือกฉันต้องเซ็นสัญญาและทำงานอยู่ที่นั่นตลอด ฉันคิดว่า” ท่าทางสับสนระหว่างความฝันและความห่วงครอบครัวที่กำลังตีกันของปลายฉันทำให้ภีร์ต้องยื่นมือไปกุมมือเธอเอาไว้เบา ๆ“ถ้ามันคือความฝันและสิ่งที่คุณรักผมก็อยากให้คุณทำมันให้เต็มที่ โอกาสแบบนี้มันไม่ได้มีเข้ามาบ่อย ๆ นะปลายฟ้า คุณอาจจะคิดว่าคุณยังเด็กยังมีเวลาอีกมากมาย โอกาสมันไม่ได้เพิ่มจำนวนครั้งตามอายุคนเราหรอกนะ” คนที่ผ่านเรื่องราวและประสบการณ์ชีวิตมาพอสมควรบอกปลายฟ้าพร้อมยิ้มบาง ๆ นัยน์ตาคู่คมฉายแววอาทรอย่างจริงใจ“คุณอยากให้ฉันไปมากเลยเห