Share

บทที่ ๒ ชะตาแมวเก้าชีวิต

last update Last Updated: 2025-09-13 14:07:39

บทที่ ๒

ชะตาแมวเก้าชีวิต

“ท่านเป็นองครักษ์ของชินอ๋องหรือ”

ใบหน้าหล่อเหลาส่ายหน้า ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหมุนตัวหนึ่งรอบ ชุดองครักษ์ถูกเปลี่ยนเป็นชุดสวยงามผ้ามุ้ง ดูแปลกตาแต่งดงาม

แต่สิ่งที่งดงามที่สุดไม่ใช่ชุดที่สตรีนางนี้ใส่ แต่เป็นใบหน้างดงามหยาดฟ้า บรรยากาศรอบกายดูสูงส่งไม่คล้ายมนุษย์…ไม่สิ! นางไม่ใช่มนุษย์ตั้งแต่หมุนตัวชุดเปลี่ยนแล้ว

“ท่านงดงามขึ้นมาก”

“เจ้าเคยเจอข้ามาก่อนหรือ…อ้อ! นึกออกแล้ว เมื่อสองวันก่อน…ไม่สิ! สองวันสรรค์ก็สองปีมนุษย์”

จิ่วเหลียนฮวามองสตรีตรงหน้า ในหัวนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน…

‘นั่น! ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลหม่า’

จิ่วเหลียนฮวาที่กำลังซักผ้าอยู่ชะงักเมื่อได้ยินคำพูดจากบุรุษวัยกลางคน นางชำเลืองหางตาดูเล็กน้อยก็เห็นว่าเป็นพระปิตุลาของฮ่องเต้จินจิ่นฟู่

‘จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร ต้องมารับโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ…ว่าแต่นางมีนามว่าอันใด’

‘นั่นแหละที่ข้าแปลกใจ’

เสียงถอนหายใจดังขึ้น จิ่วเหลียนฮวาอยากหันไปมองทั้งสองยิ่งนัก แต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้ ลอบฟังสิ่งที่พวกเขาสนทนากัน

‘จิ่วเหลียนฮวา นางมีคำนี้สลักอยู่กลางฝ่ามือตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารก คนที่เลี้ยงนางมาจึงตั้งชื่อให้นางว่าจิ่วเหลียนฮวา’

จิ่วเหลียนฮวานิ่งค้าง เพราะสิ่งที่พระปิตุลากล่าวล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น

จิ่วเหลียนฮวาไม่มีสมาธิซักผ้าแล้ว ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมองไปยังทั้งสองด้วยสายตาเรียบเฉย

นางเคยเห็นพระปิตุลาไม่กี่ครั้งซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตอนที่นางยังเยาว์วัย แต่กับสตรีที่มีใบหน้างามล่มเมืองนั้นนางไม่เคยพบเห็นมาก่อน

‘หม่าจิ่วเหลียนฮวา’

สตรีผู้งดงามเรียกนามดรุณีน้อย จ้องนางด้วยสายตาอ่านยาก ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นสายตาตื่นตะลึง

ตั้งแต่วันนั้นจิ่วเหลียนฮวาก็จำหน้าสตรีผู้งดงามไว้ รอวันที่นางจะเผยกายอีกครั้ง แต่รอมาสองปีนางก็ไม่เผยกายให้จิ่วเหลียนฮวาเห็นอีกเลยจนกระทั่งวันนี้

กลับมาที่ปัจจุบัน…

“ท่านเป็นนางเซียนหรือเจ้าคะ”

“เหตุใดจึงรู้ หรือว่าข้างามสมกับเป็นเทพชั้นสูง”

จิ่วเหลียนฮวาปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นสตรีตรงหน้าใช้สองมือรองคางไว้ ด้วยไม่เข้าใจในท่านี้จึงทำเลียนแบบนาง

“หมายถึงอันใดเจ้าคะ”

“เฮ้อ~”

ยิ้มหวานบนใบหน้างามหายไปทันทีเมื่อเจอคนไม่ทันตน ด้านจิ่วเหลียนฮวาพอโดนถอนหายใจใส่ก็ซ่อนมือไว้ใต้แขนเสื้อนางกำนัล

“ขออภัยเจ้าค่ะ”

แม้ไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิด แต่นางก็ยังเอ่ยขอโทษเพราะไม่อยากเพิ่มจำนวนคนที่ไม่ชอบตนมากขึ้น เทพชั้นสูงผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากทั้งยังเข้าใจสถานการณ์ของนาง สีหน้าพลันเศร้าหมองในทันที

“ชีวิตเจ้าไม่ง่ายเลย ข้าไม่แปลกใจหากเจ้าจะพูดคำนี้ติดปาก ต่อไปนี้ข้าจะมาหาเจ้าบ่อย ๆ แต่เจ้าไม่ต้องพูดขออภัยข้าแล้ว เพราะเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด”

“จะมาหาข้าบ่อย ๆ หรือเจ้าคะ”

แววตาจิ่วเหลียนฮวาไหวระริก ความรู้สึกของการมีการญาติมิตรกลับมาอีกครั้ง

จิ่วเหลียนฮวาไม่เคยวางใจใครง่าย ๆ ทว่ากลับวางใจสตรีตรงหน้าทั้งที่เจอกันเพียงสองครั้ง

“ใช่! ข้าจะมาหาเจ้าบ่อย ๆ ข้าคือเทพบุปผา เรียกข้าว่าท่านเทพก็พอ”

จิ่วเหลียนฮวาไม่รู้ว่าควรทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างไรจึงย่อกายทำความเคารพแบบธรรมเนียมแคว้นจิน

“คารวะท่านเทพเจ้าค่ะ”

“เด็กดี”

เทพบุปผาส่งยิ้มเอ็นดูจิ่วเหลียนฮวา ก่อนจะกวาดตามองกองผ้าที่นางต้องรับผิดชอบ

“ข้าเพิ่งรับรู้การมีอยู่ของเจ้าเมื่อสองปีก่อน ที่ผ่านมาลำบากมากเลยใช่หรือไม่”

ว่าแล้วเทพบุปผาก็เอื้อมมือมากุมมือจิ่วเหลียนฮวาเอาไว้ ดวงตาเต็มไปด้วยอารมณ์เศร้าใจ

“แค่ซักผ้าเท่านั้น เมื่อเทียบกับนางกำนัลคนอื่นนับว่าลำบาก แต่หากเทียบกับชาวเมืองด้านนอกแล้ว อย่างน้อยก็ยังได้สวมผ้าเนื้อดี มีอาหาร ที่อยู่ อาจโดนแกล้งบ้าง แต่ข้าถือว่าเป็นความบันเทิงในชีวิตเจ้าค่ะ”

“โธ่~เด็กน้อย ใครสอนให้เจ้าคิดแบบนี้ อีคิวสูงยิ่งนัก เจอมาขนาดนี้ยังมองโลกในแง่นี้ได้”

“อีคิวคืออันใดหรือเจ้าคะ”

“คือความฉลาดทางอารมณ์ แต่หากเจ้าไม่มีอีคิวสูงขนาดนี้ก็คงบ้าตายแล้ว แต่จะเป็นไปได้หรือที่เจ้าจะไม่มีภาวะซึมเศร้าเลย ขอข้าตรวจสอบ”

สิ้นคำเทพบุปผาก็ผสานสองมือสอดมือหยาบกระด้างของจิ่วเหลียนฮวา

จิ่วเหลียนฮวาพลันรู้สึกว่าร่างกายเย็นเฉียบ นางไม่อาจขยับตัวได้แต่รู้สึกได้ว่ารอบด้านพลันหยุดเคลื่อนไหว นางกำนัลคนหนึ่งกำลังเดินมาลานซักผ้า ทว่าเท้ากลับหยุดอยู่เพียงเท่านั้น

ในใจจิ่วเหลียนฮวาคิด…

ท่านเทพหยุดเวลาเช่นนั้นหรือ

“ก็นั่นนะสิ จะไม่มีภาวะซึมเศร้าได้อย่างไร โดดเดี่ยวไร้ญาติขาดมิตรแบบนี้”

เวลากลับมาเดินเป็นปรกติ นางกำนัลคนดังกล่าวก้าวเดินต่อ จุดหมายปลายทางที่นางจะมาคือลานซักล้าง จิ่วเหลียนฮวาเห็นเช่นนั้นจึงรั้งมือเทพบุปผาคิดจะพานางหลบ ทว่าอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ

“ท่านเทพไม่หลบหรือเจ้าคะ”

เทพบุปผายิ้มมุมปากไม่ตอบ ในตอนนั้นเองที่สหายนางกำนัลคนดังกล่าวตอบคำถามแทน

“ไปไหนของนาง จะตามให้ไปช่วยงานเสียหน่อย”

เมื่อไม่เห็นจิ่วเหลียนฮวา นางกำนัลคนดังกล่าวก็หมุนตัวเดินจากไป

“นี่…”

“นางมองไม่เห็นเรา วางใจ”

จิ่วเหลียนฮวาผ่อนลมหายใจ ในตอนนี้เองที่นางรู้ตัวว่าตนแอบกลั้นหายใจเอาไว้

“ข้าเชื่อว่าท่านคือเทพชั้นสูงจริง ๆ แล้วเจ้าค่ะ”

เทพบุปผาตีหน้ายุ่งใส่จิ่วเหลียนฮวาทันที

“คุยกันมาตั้งนานคิดว่าข้าเป็นเทพตัวปลอมหรือ เจ้าหัวแข็งดีนะ ไม่เชืิ่อจนกว่าจะพิสูจน์”

จิ่วเหลียนฮวารีบคิดคำอธิบาย

“ขออภัยท่านเทพเจ้าค่ะ ข้า…”

“ขออภัยกันอีกแล้ว ข้าบอกว่าอย่างไร อยู่กับข้าไม่ต้องขออภัยกับพร่ำเพรื่อ”

“ขอ…” นิ้วเรียวมีแผลตบปากตัวเองเมื่อกำลังจะเผลอกล่าวขออภัยอีกครั้ง “ท่านเทพกับข้ามีความเกี่ยวพันกันอย่างไรหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงอยากมาหาข้าบ่อย ๆ”

เทพบุปผาถอนหายใจ มองเห็นแผลบนนิ้วมือจิ่วเหลียนฮวาแล้วก็ใช้พลังบุปผารักษาแผลให้

“ทุกคนมีชะตาเป็นของตัวเอง ข้ารักษาแผลให้เจ้าได้ แต่ไม่อาจให้พรเจ้าห้ามบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นเรื่องซักผ้ายามอากาศหนาวติดลบแบบนี้ เป็นไปได้เจ้าก็ปฏิเสธบ้าง อย่างไรก็เป็นนางกำนัลเหมือนกัน ไยต้องรับบทเป็นนางทาสเวอร์ชั่นจีนโบราณ”

จิ่วเหลียนฮวามุ่นคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เทพบุปผากล่าว ในใจนางคิด…

หรือจะเป็นภาษาเทพเซียน มนุษย์ชั้นต่ำเช่นข้าฟังไม่ออกก็ไม่แปลกกระมัง

เมื่อทำความเข้าใจได้แล้วนางก็พยักหน้ารับเบา ๆ ดวงตาคู่โตจับจ้องเทพบุปผา มองความงามที่เหมือนไม่มีจริง

“ข้าไม่อยากมีปัญหาเจ้าค่ะ อย่างน้อยตอนที่คนสั่งงานก็ยังได้สนทนากันหลายประโยค ข้าไหวไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”

“แล้วเจ้าไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตบ้างหรือ นางเอกส่วนมากที่เป็นเหมือนเจ้ามักอยากได้รับอิสรภาพ หรือเจ้าไม่อยากได้” ปลายเสียงสูง

จิ่วเหลียนฮวาส่ายหน้าเบา ๆ เริ่มรู้สึกแย่เมื่อตนไม่มีเป้าหมายในชีวิต

“ข้าอยากขอโทษท่านที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต แต่เรื่องนี้ใครจะโทษข้า ต่อว่าข้าอย่างไรข้าก็ขอน้อมรับเอาไว้”

เทพบุปผายื่นมือแตะแก้มซีดขาวที่ตอนนี้เย็นเฉียบ แต่กลับไม่ปรากฏสีเลือดให้เห็น

“เจ้าไม่ผิดที่จะไม่มีเป้าหมายในชีวิต คนเราเมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ใจไม่เกี่ยวใคร ไม่มีคนให้ห่วงหา ไม่มีคนให้คอยกังวลใจ ไร้ญาติไม่พอยังไม่มีมิตรสหายอีก จะเอาเป้าหมายในชีวิตมาจากไหน”

“ใครจะอยากเป็นสหายกับสตรีคนสุดท้ายของตระกูลหม่า”

“ตอกย้ำตัวเองอีกแล้ว ข้าช่วยบอกชะตาของเจ้าให้ดีหรือไม่ เจ้าจะเอามาเป็นจุดหมายของชีวิตหรือไม่อยู่ที่เจ้า ข้าไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะดีหรือร้ายต่อเจ้า แต่การที่เจ้าต้องตายเก้าครั้งจะทำให้เจ้ากลับสู่ในที่ที่ควรอยู่”

“ตายเก้าครั้งแล้วกลับไปที่ที่ควรอยู่”

จิ่วเหลียนฮวาหน้าถอดสีแล้ว

“ใช่ เจ้าแมวเก้าชีวิตของข้า เมื่อใดที่เจ้าตายครบเก้าครั้ง เจ้าจะกลับสู่แดนบุปผาของเรา”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๔๒ ส่งพันลี้ก็ต้องลาจาก

    บทที่ ๔๒ส่งพันลี้ก็ต้องลาจาก วันสถาปนาแคว้นสิ้นสุดลงแล้วสำหรับแขกบ้านแขกเมือง จินเทียนหลุนและจินหลี่จินในฐานะตัวแทนราชวงศ์จินเดินทางมาที่ประตูเมืองจิ้งอันส่งราชทูตทั้งสี่แคว้นออกจากเมืองหลวง วันนี้จะไม่น่าใจหายสำหรับใครบางคนหากว่า… ไช่จงซินไม่เดินทางไปกับขบวนด้วย! จินหลี่จินกับไช่จงซินอยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิด เติบโตแล้วก็ยังย้ายไปสร้างสำนักยุทธ์ด้วยกัน ความสัมพันธ์มากกว่าสี่สิบปีมิใช่พูดว่าจะจากกันวันนี้ก็จากกันได้เลย จินเทียนหลุนเห็นเสด็จอามีสีหน้าไม่สู้ดีแล้วก็อดเป็นห่วงความรู้สึกเขาไม่ได้ “เสด็จอา หากทำใจลำบาก ตามท่านอาจารย์ไปด้วยดีหรือไม่ ท่านอาจารย์เองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากเสด็จอา”&nb

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๔๑ ใช้ชีวิตเป็นของตัวเองมานานมากแล้ว

    บทที่ ๔๑ใช้ชีวิตเป็นของตัวเองมานานมากแล้ววงสนทนาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่ไช่จงซินจะสูดน้ำมูก เมื่อทุกคนมองไปหาเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายน้ำตาไหลอาบแก้มเทพบุปผาที่เห็นน้องชายตัวโตผมเริ่มหงอกที่โคนแล้วร้องไห้เหมือนเด็กน้อยก็ยื่นมือไปจับแก้มเขา“น้องพี่ ร้องไห้ทำไม”“พี่รองไม่มาเยี่ยมพวกเราหลายปีแล้ว แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ไปเยี่ยม ตอนนี้ท่านพ่อแก่มากแล้ว ข้าลงจากเขาเหลียงซานครั้งนี้เพราะท่านแม่ส่งสารถึง”เทพบุปผาดวงตาไหววูบ แม้การบำเพ็ญเพียรจะช่วยให้นางตัดจากโลกมนุษย์ แต่เมื่อได้สัมผัสกับญาติสนิทอีกครั้งก็ดึงนางให้กลับมาสู่ห้วงอดีตเพราะเช่นนี้นางจึงปฏิเสธที่จะเจอกับไช่จงซิน!“ท่านแม่ตามเจ้ากลับไปเป็นประมุขตระกูลหรือ”ไช่จงซินพยักหน้ารับ จินหลี่จินเห็นสหายเงียบไปก็เป็นเสียงแทนเขา“ตระกูลไช่ไม่มีทายาทเป็นบุรุษอีกแล้ว เขาเตรียมใจมานานแล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง ประมุขตระกูลไช่ต้องมีคนสืบทอดสักวันหนึ่ง”“เจ้าล่ะหลี่จิน”

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๔๐ ทุกคนต้องรู้ว่าเจ้าเป็นคนโปรดของข้า          

    บทที่ ๔๐ทุกคนต้องรู้ว่าเจ้าเป็นคนโปรดของข้านางรักข้า ไม่ขอรับความเห็นต่าง เห็นทีว่าจะมีโอกาสพูดเรื่องนี้ให้นางคล้อยตามแล้วจินเทียนหลุนลำดับความคิดลำดับคำพูดไว้ในใจ ก่อนที่จะทำน้ำเสียงจริงจังใส่นาง“ไม่ว่าความรักหรือความยึดติดหรืออะไรก็ตาม ในเมื่อเจ้าพูดแล้ว ห้ามคืนคำเป็นอันขาด ห้ามรู้สึกเช่นนี้กับใครนอกจากข้า…”“...”“เจ้าไม่ยอมให้ข้าสละตำแหน่งอ๋อง เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรทุกคนถึงจะรู้ว่าเจ้าเป็นของข้า ต้องทำอย่างไรถึงจะถูกใจเจ้า ช่วยบอกได้หรือไม่”คำก็ข้าสองคำก็ข้า เขาไม่คิดจะแทนตัวเองว่าเปิ่นหวางแล้วหรือ“ทำเหมือนเดิมที่เป็นมาเถิดเพคะ”...ไม่แน่ว่าหม่อมฉันจะตายวันตายพรุ่งจิ่วเหลียนฮวาเว้นคำพูดนี้เอาไว้ในใจ นางหลุบตาอยู่จึงไม่เห็นว่าชายหนุ่มดวงตาไหววูบ“เหมือนเดิมก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงนะสิ ต่อไปหากมีใครเข้ามายุ่มย่ามกับเจ้าจะว่าอย่

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๓๙ เจ้าไม่ต้องเป็นนางกำนัลแล้ว

    บทที่ ๓๙เจ้าไม่ต้องเป็นนางกำนัลแล้วจินเทียนหลุนเดินจับข้อมือจิ่วเหลียนฮวาเข้ามาในห้องหนังสือแทนที่จะเป็นห้องบรรทมเขาเพราะไม่อยากใช้สถานที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อหัวใจเช่นนั้นในหัวเห็นภาพตัวเองเหวี่ยงจิ่วเหลียนฮวาเข้ากับผนังแล้วบดขยี้จุมพิตนาง ไม่ให้ปากน้อย ๆ ได้มีโอกาสโต้เถียงหรือว่าเม้มปากยามที่เขาขึ้นเสียงใส่ทว่าเขาไม่อาจชนะภาพในหัวได้ เมื่อปิดประตูในห้องหนังสือก็ทำเพียงดึงนางมานั่งที่โต๊ะน้ำชา สนทนากันด้วยเหตุผลไม่ใช้อารมณ์“นั่ง”จิ่วเหลียนฮวาถูกดันไหล่ให้นั่งเก้าอี้ ชายหนุ่มรู้ว่าหากไม่ทำเช่นนี้ จิ่วเหลียนฮวาจะต้องนั่งลงที่พื้นแน่“ดื่มชา”จิ่วเหลียนฮวาทำตามที่เขาบอก จับป้านชาเทใส่ให้เขาก่อนถึงค่อยเทใส่ให้ตัวเอง“เชิญท่านอ๋องก่อนเพคะ”จิ่วเหลียนฮวาไม่ยอมดื่มหากไม่เห็นเขาดื่มก่อน จินเทียนหลุนจึงยกชาเย็นชืดดื่มจนหมด จิ่วเหลียนฮวาถึงดื่มชาตาม สีหน้าฉายความสดชื่นในทันทีเมื่อได้ดื่มน้ำหลังอาหารจินเทียนหลุนเห็นเช่นนั้น ความคุกร

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๓๘ ไม่พอพระทัยหม่อมฉันหรือเพคะ

    บทที่ ๓๘ไม่พอพระทัยหม่อมฉันหรือเพคะจิ่วเหลียนฮวาแปลกใจในตัวเองเล็กน้อยที่ท้องหิวเหมือนอดอาหารสามวันทั้งที่นางรู้สึกว่าตนจากโลกไปเพียงครึ่งเค่อตามระยะเวลาสวรรค์เท่านั้น“อีกถ้วยหรือไม่ เปิ่นกงเลี้ยงเจ้าได้โดยไม่สะเทือนคนหน้าแข้งอยู่แล้ว”ฝูเจี้ยนถานเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามทานหมดไปหนึ่งถ้วยแล้ว“ไม่เจอกันเกือบสี่วัน อย่าบอกว่าเจ้าไม่ได้ทานอันใดเลย” เขาถามโดยไม่ได้คิดอะไร ไม่นึกว่าจิ่วเหลียนฮวาจะพยักหน้ารับ“จะว่าอย่างนั้นก็ได้เพคะ ร่างกายจดจำได้ดียิ่ง แต่ว่า…ต่อให้จดแค่ไหน ท้องหม่อมฉันก็ใส่ได้เพียงเท่านี้”จิ่วเหลียนฮวาตอบชายหนุ่มก่อนที่จะกวาดตามองหาร้านน้ำชา แต่เมื่อคิดได้ว่าจะเดือดร้อนคนตรงหน้าอีก นางถึงได้ถือวิสาสะยกถ้วยบะหมี่ขึ้นซดน้ำ“เสียมารยาทต่อหน้าองค์รัชทายาทแล้ว”“เช่นนี้เรียกว่าประหารก่อนแล้วค่อยรายงานหรือไม่ ไฉนทำไปแล้วเพิ่งมาคิดได้”จิ่วเหลียนฮวาหน้าซีด ไม่ได้ตั้งตัวว่าอีก

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๓๗ เกือบสี่วันทุกคืนที่ไม่ได้นอน

    บทที่ ๓๗เกือบสี่วันทุกคืนที่ไม่ได้นอน“เด็กสมัยนี้ แสดงความรักกันไม่เลือกที่”เสียงของสตรีวัยกลางคนดังขึ้นลอย ๆ ขัดจังหวะคู่รักทั้งสองวัดความคิดถึงกันด้วยคำพูดและการกระทำ สองหนุ่มสาวผละกอด หลงฮ้าวยังมีสีหน้าปรกติต่างจากเทพบุปผาที่ตีหน้ายุ่งไล่หลังสตรีวัยกลางคนนั้น“อยู่ ๆ ก็โดนคุณน้าอิจฉา เราไปแสดงความรักกันเพียงสองคนเถอะหลงฮ้าว”“ตามใจเจ้า แล้วนางเล่า”หลงฮ้าวมองมาที่จิ่วเหลียนฮวา หญิงสาวจึงย่อกายลงคารวะเขา มั่นใจว่า ‘ท่านเขย’ ที่ซูเมี่ยวพูดถึงก็คือเขา“เดี๋ยวข้าไปส่งนางที่จวนจือเล่อก่อน…ไปเสี่ยวจิ่ว!”“มิเป็นไรเจ้าค่ะท่านเทพ”จิ่วเหลียนฮวารีบโบกมือปฏิเสธเพราะไม่อยากขัดความสุขของเทพที่นางเคารพ“มิเป็นไรได้อย่างไร ข้าพาเจ้าไปก็ต้องพากลับ ทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช่นนี้มิใช่ข้า”“ท่านเขยเพิ่งออกจากด่านมิใช่หรือเจ้าคะ กว่าจะได้พบท่านเทพไม่ง่ายเลย ไปใช้เวลาด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ จวนจือเล่ออยู่ใกล้แค่นี้ ข้าเดินกลับเองได้เจ้าค่ะ”เทพเซียนทั้งสองมีสีหน้าพอใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำว่าท่านเขยจากปากจิ่วเหลียนฮวา“ข้าไปเดินเล่นทางนั้นนะเจ้าคะ ลาท่านเทพทั้งสองเจ้าค่ะ” ว่าแล้วก็ย่อกายลงทำความเคารพหนึ่งคร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status