เมื่อกินอิ่มแล้ว จ้าวไป๋ลู่จึงช่วยท่านปู่ท่านย่าเก็บกวาดล้างจานชามจนสะอาด เซียวถงเองก็เข้าไปช่วยนางเช่นกัน ชายหญิงชราที่เห็นเช่นนั้นก็เพียงสบตากันและยิ้มเพียงเล็กน้อย ในสายตาของพวกเขา เซียวถงเป็นบุรุษที่ดีคนหนึ่ง หากได้มาเป็นหลานเขย ชีวิตของจ้าวไป๋ลู่ ย่อมมีความสุขไม่น้อย
"พี่ชาย ท่านกลับมาเมื่อใดหรือเจ้าคะ"
"สองสามวันที่แล้ว แต่ต้องเข้าวังหลวงรายงานความเป็นไปให้ฝ่าบาททรงรับรู้เสียก่อน เมื่อเสร็จงานแล้วข้าจึงตั้งใจจะกลับจวน แต่ทว่ากลับพบเจ้าที่กินมูมมามอยู่หน้าร้านจึงต้องแวะมาหา"
"หากท่านว่างมากก็ให้ท่านหมองัดสุนัขออกจากปากบ้างนะเจ้าคะ"
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!!"
เซียวถงที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจเป็นอย่างยิ่ง เขาลอบมองนางอย่างพิจารณาก่อนจะครุ่นคิดในใจ
นางเติบโตเป็นสตรีเต็มตัวแล้ว อีกทั้งยังงดงามมากอีกด้วย
"ไป๋ไป๋"
"หืม"
"ยามนี้ข้ามิต้องไปชายแดนแล้ว เจ้าจะยินดีแต่งงานกับข้าได้หรือไม่"
จ้าวไป๋ลู่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบหันขวับไปมองเซียวถงทันที ก่อนจะหัวเราะออกมา
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ"
"เจ้าขบขันสิ่งใดกัน!!!"
เมื่อเห็นว่านางหัวเราะโดยไร้เหตุผลเช่นนั้น เซียวถงก็ขมวดคิ้วมุ่น จ้าวไป๋ลู่จึงรีบเอ่ยตอบทันที
"พี่ชายตาบอดหรือเจ้าคะ สตรีทั่วเมืองหลวงมีตั้งมากมาย แต่กลับอยากแต่งงานกับคนตะกละอย่างข้า"
"ข้ายอมตาบอด ก็ข้าชอบเจ้านี่นา เจ้าเองก็รู้"
จ้าวไป๋ลู่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หยุดหัวเราะ ก่อนจะนึกถึงเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อน
เซียวถงสารภาพรักกับนางก่อนที่เขาจะไปชายแดน นางมิได้ใส่ใจเท่าใดนัก นางมองเขาเป็นเพียงพี่ชายที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น นางเองยังคิดว่าเขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วเสียอีก
"พี่ชาย ข้าคงแต่งงานกับท่านไม่ได้แล้ว"
"เพราะเหตุใดเล่า"
"ข้ากำลังจะแต่งงานเจ้าค่ะ"
"กับผู้ใด!!!"
"ซื่อจื่อจวนโหวตระกูลหลี่"
ดั่งสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเซียวถง เขากลับมาที่จวนตระกูลเซียวด้วยท่าทางที่เหม่อลอย ก่อนจะยกสุราขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่า ดวงตาคมฉายแววเจ็บปวดอย่างไม่ปิดบัง
ซื่อจื่อจวนโหวตระกูลหลี่
หลี่รั่วหานน่ะหรือ!!!
บุตรชายเพียงคนเดียวขององค์หญิงหงลี่ และแม่ทัพใหญ่ตระกูลหลี่ ยามนี้รั้งตำแหน่งรองแม่ทัพ คุมกองทัพสามกองพลมังกรพยัคฆ์ของราชสำนัก แตกต่างจากเขาที่เป็นเพียงแม่ทัพเล็ก ๆ ที่มีหน้าที่รักษาการชายแดนเพียงเท่านั้น
คนตระกูลจ้าวคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ จึงส่งไป๋ไป๋ให้ไปแต่งงานกับบุรุษหยิ่งยโสผู้นั้น!!!
ยิ่งคิดใจของเซียวถงก็ยิ่งบีบรัด เขาขว้างจอกสุราในมือลงพื้นจนมันแตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี
ด้านหลี่รั่วหานนั้น เมื่อขอให้ฮ่องเต้หงหยวนผู้เป็นท่านลุงช่วยเหลือไม่สำเร็จ เขาจึงคิดหาวิธีอื่น
หากไม่มีเจ้าสาว ก็ย่อมไม่มีงานแต่งสินะ!!!
หึหึ!!!
หลี่รั่วหานยกยิ้มเจ้าเล่ห์ หากเขาทำให้จ้าวไป๋ลู่หายสาบสูญไปเสีย ก็จะไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้น
แต่ถ้าหากนางหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่มีสาเหตุ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อเขาเช่นกัน
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เขาจึงแอบติดตามดูการเคลื่อนไหวของนางอย่างลับ ๆ
จนกระทั่งได้พบว่านางกำลังสนทนากับบุรุษผู้หนึ่งอย่างออกรสออกชาติ อีกทั้งยังดูสนิทสนมกันอีกด้วย ดูจากการแต่งกายของบุรุษผู้นั้นคงจะเป็นคนในกองทัพเป็นแน่
หึ!!! สตรีหลายใจแพศยา ต่อหน้าผู้อื่นทำเป็นเรียบร้อยวางท่า แต่ลับหลังกลับหัวร่อต่อกระซิกกับบุรุษอื่นอย่างหน้าไม่อาย!!!
อยากกระโดดถีบขาคู่มันทั้งสองคนยิ่งนัก!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงรีบมุ่งหน้ากลับจวน ก่อนจะนำเรื่องนี้ไปบอกเล่าให้องค์หญิงหงลี่ผู้เป็นมารดาฟัง เมื่อองค์หญิงหงลี่ได้ยินเรื่องที่บุตรชายตนเล่าให้ฟังก็ไม่ได้มีท่าทีใดใดจนหลี่รั่วหานเริ่มแปลกใจ
"ท่านแม่ นางเป็นสตรีที่ไม่สำรวมนะขอรับ!!!"
"ไม่สำรวมเช่นไร?"
"ก็นางนั่งสนทนากับบุรุษ!!!"
"เหอะ นางเพียงนั่งพูดคุยกับบุรุษ เจ้าก็เหมารวมว่านางไม่ดีเสียแล้ว เท่าที่ข้าฟังเจ้าพล่ามมาครึ่งชั่วยามเนี่ย นางมิได้สนทนากับบุรุษตามลำพังแม้แต่น้อย แต่เป็นร้านอาหาร ผู้คนผ่านไปมามากมาย หากนางอยากจะพลอดรัก มิสู้นัดกันไปในที่ลับตาผู้คนไม่ดีหรอกหรือ บางครานั่นอาจจะเป็นญาติฝั่งใดฝั่งหนึ่งของนางก็ได้ เจ้าน่ะโง่ยิ่งนักไม่ใช้สมองไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เอ๊ะ โง่เหมือนผู้ใดกันนะ อ้อ!!! โง่เหมือนท่านพ่อของเจ้า!!!"
"ท่านแม่!!!"
แม่ทัพใหญ่ที่ได้ยินผู้เป็นภรรยาเอ่ยปากด่าเขาทางอ้อมก็สะดุ้งโหยง รีบก้มหน้างุดและไม่เอ่ยวาจาใดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ
ใครจะกล้า!!! คราก่อนเขาถูกนางทุบตีจนหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวัน ให้ตายเถิด!!! แต่ก่อนนางอ่อนหวานน่าทะนุถนอมกว่านี้เขายังจำได้ดี!!!
"ท่านพ่อ ท่านช่วยข้าโน้มน้าวท่านแม่หน่อยเถิดขอรับ"
หลี่รั่วหานหันไปเอ่ยกับผู้เป็นบิดา แม่ทัพใหญ่หลี่ทำได้เพียงส่ายหน้าไปมา หากเขาเอ่ยปากช่วยพูดออกหน้าแทนบุตรชาย แน่นอนว่าภรรยายอดรักจะต้องยกเท้าถีบเขาแน่นอน
"หยุดหาพวกได้แล้ว เดือนหน้าเป็นฤกษ์ดี แม่จะจัดงานแต่งให้เจ้ากับไป๋ไป๋!!!"
"ไม่แต่งขอรับ!!!"
"อารั่ว!!!"
"หากท่านแม่จะให้ลูกแต่งนางเข้าจวน เช่นนั้นลูกจะแต่งหนิงเสวี่ยเข้ามาพร้อมกันขอรับ"
"อารั่ว!!! ไม่มีผู้ใดแต่งภรรยาพร้อมกันสองคนในคราเดียว!!!"
"เช่นนั้นลูกก็ไม่แต่งกับเด็กผีนั่นเด็ดขาด!!!"
"อ๊าา!!! เช่นนั้นข้าก็จะวิ่งชนเสาให้ตายไปเสีย เจ้าจะได้ทำตามใจตนเองได้ หึ ลูกไม่รักดี ข้าจะตายต่อหน้าเจ้าเดี๋ยวนี้!!!"
"ท่านแม่!!!"
"ฮูหยิน!!!"
"ปล่อยข้า!!!"
"ท่านแม่!!!"
องค์หญิงหงลี่พูดจบก็พุ่งตัวเข้าไปชนเสาจนล้มลงหมดสติ โลหิตสด ๆ ไหลซึมออกมาที่กลางหน้าผากของนาง สร้างความตกใจให้แก่หลี่รั่วหานและแม่ทัพใหญ่เป็นอย่างมาก
"ไปตามท่านหมอสิ!!! ท่านแม่ ลูกยอมแล้วขอรับ!!! ลูกยอมแล้วขอรับ!!!"
หลี่รั่วหานทำได้เพียงตกปากรับคำไปส่ง ๆ รอให้เขาแต่งจ้าวไป๋ลู่เสร็จสิ้นเสียก่อน เขาจะรับหนิงเสวี่ยมาเป็นฮูหยินรอง หลังจากนั้นเขาค่อยหาทางทำให้หนิงเสวี่ยขึ้นมาเป็นภรรยาเอกของเขาให้ได้!!!
หวังเจียหมิ่นเดินถือกล่องใส่อาหารไว้ในมือ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนวัดไป๋หม่า เขาทำเช่นนี้มาร่วมปี เขาเองก็เต็มใจทำโดยไม่เคยปริปากบ่นแม้เพียงน้อยเสียงกวาดพื้นดังมาเป็นระยะ หวังเจียหมิ่นจ้องมองสตรีตรงหน้าที่ยามนี้นางเกล้าผมอย่างเรียบร้อย สวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา กำลังถือไม้กวาดกวาดใบไม้อย่างตั้งใจนางคือหลี่หลานฮวา หรือก็คือ หนิงเสวี่ย นั่นเอง นางเสียสติอยู่ร่วมปี กว่าจะทำใจยอมรับเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่นางจะยอมรับว่านางกับหลี่รั่วหานเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน และไม่ง่ายเลยกว่านางจะยอมรับว่าสตรีที่นางเกลียดชังนักหนา แท้จริงแล้วคือมารดาผู้ให้กำเนิดนาง แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ในท้ายที่สุดนางก็ทำใจยอมรับมันได้ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม นางอุทิศตัวให้พระโพธิสัตว์ ชาตินี้จะขอสร้างบุญเพื่อไถ่บาปกรรมที่นางเคยทำเอาไว้ทั้งหมด แม่ทัพใหญ่หลี่ องค์หญิงหงลี่และหลี่รั่วหานยังคงมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ พวกเขายังคงพูดกับนางเหมือนเช่นทุกครา ว่ายังรอวันที่นางจะยินดีกลับจวนโหวอีกครั้ง ซึ่งนางเองก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใดนางรู้สึกผิดต่อทุกคน ด้วยความรู้สึกผิดในใจนางจึงเล
จ้าวไป๋ลู่ยื่นน้ำตาลก้อนหนึ่งให้หลี่รั่วหานเพื่อให้เขาใช้แก้อาการแสบร้อนในปาก เขารีบยัดน้ำตาลก้อนนั้นเข้าปากทันที ยามนี้ปากของเขาบวมราวกับโดนฝูงผึ้งรุมต่อย สร้างความขบขันให้แก่นางไม่น้อย "หลี่รั่วหาน" "หืม" "ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกข้าว่า พวกเขาชอบท่านมาก" "จริงหรือ?" "จริงสิ แต่จะให้ข้ากลับเข้าจวนไปง่าย ๆ ก็คงจะไม่ดีเท่าใดนัก" "จ้าวไป๋ลู่ เรามาแต่งงานกันอีกรอบเถิด!!!" "ท่านว่าอย่างไรนะ" "ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอีกรอบ เรามาแต่งงานกันเถอะ" "หลี่รั่วหาน ท่านแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะแต่งกับข้าอีกครั้ง" "แน่ใจสิ""หากข้าไม่ได้อ่อนโยนเหมือนแต่ก่อนเล่า ไม่ใช่คนที่ท่านสามารถเอาเปรียบได้เช่นแต่ก่อนอีกเล่า" "ข้าก็ยังยืนยันที่จะแต่งกับเจ้าเช่นเดิม" "ท่านจะไม่โกหกข้า ไม่ทำร้ายข้าอีกครั้งใช่หรือไม่" "ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้ากับลูกเสียใจอีกเป็นอันขาด" "หากท่านผิดสัญญา ข้าจะไม่กลับไปหาท่านอีก" "ห้าปีที่ข้ารอเจ้า มันเป็นบทเรียนชั้นดีที่สอนข้าอย่างสาหัสแล้วจ้าวไป๋ลู่" "ตกลง เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับท่านอีกครา" "จริงหรือ เจ้าพูดจริงหรือ!!!" "หน้าข้าเหมือนคนโกหกหรือ?" "ก็ข้าคิดว่าเจ้า..." "หุบปาก!!!"
จวนตระกูลจ้าวหลี่รั่วหานมาตามที่ตกลงกับจ้าวไป๋ลู่เอาไว้ ยามนี้เขากำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ที่ห้องโถงด้านในจวนตระกูลจ้าว อดทนกับสายตากดดันของจ้าวเยียน ฮูหยินหลิวอิ๋ง และจ้าวเฉียน ที่มองเขาด้วยแววตาที่เย็นเยียบแต่เพื่อนางกับลูกเขายอม จ้าวเยียนปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ซื่อจื่อ ท่านแน่ใจแล้วหรือ ที่จะลดตัวลงมาหาพวกเรา" "แน่ใจขอรับ ข้าเต็มใจทำทุกสิ่งเพื่อจ้าวไป๋ลู่กับลูก" "ก็ดี ท่านทำอาหารเป็นหรือไม่ แม่ครัวเก่าเพิ่งจะลาออกไป ฮูหยินข้ากำลังอยากได้ลูกมือทำครัวอยู่พอดี" "ได้เลยขอรับ" ฮูหยินหลิวอิ๋งปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงจดหมายที่องค์หญิงหงลี่ส่งมาให้นาง ในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า จัดการให้หนัก! ยามนี้นางกับองค์หญิงหงลี่ปรับความเข้าใจกันด้วยดีแล้วหลี่รั่วหานเดินตามฮูหยินหลิวอิ๋งเข้ามาในโรงครัว ก่อนจะจ้องมองนางที่กำลังหยิบมีดคมขึ้นมาถือเอาไว้ ในใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบแปลก ๆ "มีดนี่คมมาก ข้าใช้มันหั่นเนื้อเป็นประจำ เป็นมีดประจำตัวของข้า เดิมทีข้าอยากส่งต่อมันให้กับจ้าวไป๋ลู่ ซื่อจื่อท่านรู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงอยากส่งต่อมีดนี้ให้บุตรสาวของข้า"
ยามนี้เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเช่นเคย และมีเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เซียวถงกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับสวีลั่วลั่ว ทั้งสองพบรักกันเมื่อหนึ่งปีก่อนจ้าวไป๋ลู่ยินดีกับทั้งสองเป็นอย่างมาก และนางดีใจที่เซียวถงจะมีสตรีที่ดีพร้อมมาคอยดูแลเสียที ส่วนนางเองก็ยังไม่ได้ใจอ่อนกับหลี่รั่วหาน แม้ว่าเขาจะพยายามตามง้อนางก็ตาม ยามนี้จ้าวหยางอายุได้สี่ขวบปีแล้ว เป็นวัยที่กำลังช่างพูดช่างคุย บางคราเขาตื่นมาชวนนางคุยกลางดึกก็เคยทำมาแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของเซียวถงและสวีลั่วลั่ว จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางไปร่วมงานในครานี้ด้วย งานเลี้ยงจัดอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างมาร่วมยินดีกับบ่าวสาวกันมากมายจ้าวไป๋ลู่มองดูเซียวถงกับสวีลั่วลั่วที่หยอกล้อกันตามประสาคู่แต่งงานก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย งานแต่งของนางไม่เคยมีความทรงจำเหล่านี้อยู่เลยแม้แต่น้อย "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพบหลี่รั่วหานที่เดินมาพร้อมกับหลัวเทียนเฉิน นางเพียงมองเขาแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา "แม่นางไป๋ไป๋ ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครา" "ใต้เท้าหลัว" "อย่าเรียกบ่อย ข้ากลัวจะตกหลุมรักเจ้
เว่ยจิ่นซางหยิบยาพิษออกมาจากในอกเสื้ออีกขวดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาองค์หญิงหงลี่ช้า ๆ "ตายซะเถอะ ในที่สุดข้าก็ล้างแค้นได้สำเร็จสักที" ฉึก! ยังไม่ทันที่เว่ยจิ่นซางจะสังหารองค์หญิงหงลี่ได้สำเร็จ มีดเล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาที่แผ่นหลังของนางทะลุมาที่หน้าท้อง เมื่อนางหันกลับไปช้า ๆ จึงได้พบว่าเป็นฝีมือของหนิงเสวี่ย "นะ!!! นังชั่ว นังเนรคุณ!!!" "ฮือออออ" หนิงเสวี่ยแทงมีดจนสุดด้าม ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งบนพื้นแล้วปิดหน้าร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวดเว่ยจิ่นซางตกตายด้วยมีดเล่มนั้นของหนิงเสวี่ย"ท่านแม่!!!"ด้านนอกมีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูพุ่งเข้ามา เป็นหลี่รั่วหานนั่นเอง เขามองสภาพศพของเว่ยจิ่นซางที่นอนตายอยู่บนพื้นดวงตาเบิกกว้าง ข้าง ๆ กันมีหนิงเสวี่ยที่นั่งร้องไห้อยู่ เขาไม่มีเวลาสนใจหนิงเสวี่ยมากนัก เขารีบวิ่งเข้าไปแก้มัดให้องค์หญิงหงลี่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจ้าวไป๋ลู่และลูกที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ข้าง ๆ กัน"ไป๋ไป๋!!!" "นางสลบไม่ได้สติมาหลายชั่วยามแล้ว" เสียงของหลี่รั่วหานปลุกหนิงเสวี่ยให้ตื่นจากความสับสนและหวาดกลัวในจิตใจ นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขาช้า ๆ เมื่อเขาหันมาส
นางกรอกยาพิษทั้งที่มือก็สั่นไม่น้อย ยิ่งได้เห็นแววตาที่แข็งกระด้างขององค์หญิงหงลี่ที่มองมา มือนางก็สั่นมากยิ่งขึ้น จนทำยาพิษหกลงพื้นไปเสียดื้อ ๆ องค์หญิงหงลี่กินยาพิษนั้นไปไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ แต่นางก็กระอักโลหิตสีดำออกมาไม่น้อย เว่ยจิ่นซางที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะสะใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง แปะ แปะ แปะ หนิงเสวี่ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเว่ยจิ่นซาง "ท่านแม่" เว่ยจิ่นซางหันมามองหนิงเสวี่ยด้วยสายตาที่เย็นชา "ผู้ใดเป็นแม่เจ้ากัน?" "เอ๋? ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้เจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจ" เว่ยจิ่นซางปรายตามองหนิงเสวี่ยอย่างดูแคลน แววตาที่เคยมองนางประดุจลูกในไส้ แววตาที่อ่อนโยนเลือนหายไปจนหมดสิ้น ยามนี้มีเพียงความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจ รอเวลานี้มานานเหลือเกิน นางรอจนกระทั่งถึงวันนี้!!! "ฮ่า ๆ ๆ ๆ การได้มองเห็นบุตรสาวกำลังฆ่ามารดาของตนเองกับมือ ช่างเป็นภาพที่งดงามเสียจริง ๆ" เว่ยจิ่นซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข หนิงเสวี่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ด้านองค์หญิงหงลี่ที่ได้ยินเว่ยจิ่นซางเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ใจของนางก็เต้นแรงอย่างบ