เมื่อกินอิ่มแล้ว จ้าวไป๋ลู่จึงช่วยท่านปู่ท่านย่าเก็บกวาดล้างจานชามจนสะอาด เซียวถงเองก็เข้าไปช่วยนางเช่นกัน ชายหญิงชราที่เห็นเช่นนั้นก็เพียงสบตากันและยิ้มเพียงเล็กน้อย ในสายตาของพวกเขา เซียวถงเป็นบุรุษที่ดีคนหนึ่ง หากได้มาเป็นหลานเขย ชีวิตของจ้าวไป๋ลู่ ย่อมมีความสุขไม่น้อย
"พี่ชาย ท่านกลับมาเมื่อใดหรือเจ้าคะ"
"สองสามวันที่แล้ว แต่ต้องเข้าวังหลวงรายงานความเป็นไปให้ฝ่าบาททรงรับรู้เสียก่อน เมื่อเสร็จงานแล้วข้าจึงตั้งใจจะกลับจวน แต่ทว่ากลับพบเจ้าที่กินมูมมามอยู่หน้าร้านจึงต้องแวะมาหา"
"หากท่านว่างมากก็ให้ท่านหมองัดสุนัขออกจากปากบ้างนะเจ้าคะ"
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!!"
เซียวถงที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะชอบใจเป็นอย่างยิ่ง เขาลอบมองนางอย่างพิจารณาก่อนจะครุ่นคิดในใจ
นางเติบโตเป็นสตรีเต็มตัวแล้ว อีกทั้งยังงดงามมากอีกด้วย
"ไป๋ไป๋"
"หืม"
"ยามนี้ข้ามิต้องไปชายแดนแล้ว เจ้าจะยินดีแต่งงานกับข้าได้หรือไม่"
จ้าวไป๋ลู่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบหันขวับไปมองเซียวถงทันที ก่อนจะหัวเราะออกมา
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ"
"เจ้าขบขันสิ่งใดกัน!!!"
เมื่อเห็นว่านางหัวเราะโดยไร้เหตุผลเช่นนั้น เซียวถงก็ขมวดคิ้วมุ่น จ้าวไป๋ลู่จึงรีบเอ่ยตอบทันที
"พี่ชายตาบอดหรือเจ้าคะ สตรีทั่วเมืองหลวงมีตั้งมากมาย แต่กลับอยากแต่งงานกับคนตะกละอย่างข้า"
"ข้ายอมตาบอด ก็ข้าชอบเจ้านี่นา เจ้าเองก็รู้"
จ้าวไป๋ลู่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หยุดหัวเราะ ก่อนจะนึกถึงเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อน
เซียวถงสารภาพรักกับนางก่อนที่เขาจะไปชายแดน นางมิได้ใส่ใจเท่าใดนัก นางมองเขาเป็นเพียงพี่ชายที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น นางเองยังคิดว่าเขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วเสียอีก
"พี่ชาย ข้าคงแต่งงานกับท่านไม่ได้แล้ว"
"เพราะเหตุใดเล่า"
"ข้ากำลังจะแต่งงานเจ้าค่ะ"
"กับผู้ใด!!!"
"ซื่อจื่อจวนโหวตระกูลหลี่"
ดั่งสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเซียวถง เขากลับมาที่จวนตระกูลเซียวด้วยท่าทางที่เหม่อลอย ก่อนจะยกสุราขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่า ดวงตาคมฉายแววเจ็บปวดอย่างไม่ปิดบัง
ซื่อจื่อจวนโหวตระกูลหลี่
หลี่รั่วหานน่ะหรือ!!!
บุตรชายเพียงคนเดียวขององค์หญิงหงลี่ และแม่ทัพใหญ่ตระกูลหลี่ ยามนี้รั้งตำแหน่งรองแม่ทัพ คุมกองทัพสามกองพลมังกรพยัคฆ์ของราชสำนัก แตกต่างจากเขาที่เป็นเพียงแม่ทัพเล็ก ๆ ที่มีหน้าที่รักษาการชายแดนเพียงเท่านั้น
คนตระกูลจ้าวคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ จึงส่งไป๋ไป๋ให้ไปแต่งงานกับบุรุษหยิ่งยโสผู้นั้น!!!
ยิ่งคิดใจของเซียวถงก็ยิ่งบีบรัด เขาขว้างจอกสุราในมือลงพื้นจนมันแตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี
ด้านหลี่รั่วหานนั้น เมื่อขอให้ฮ่องเต้หงหยวนผู้เป็นท่านลุงช่วยเหลือไม่สำเร็จ เขาจึงคิดหาวิธีอื่น
หากไม่มีเจ้าสาว ก็ย่อมไม่มีงานแต่งสินะ!!!
หึหึ!!!
หลี่รั่วหานยกยิ้มเจ้าเล่ห์ หากเขาทำให้จ้าวไป๋ลู่หายสาบสูญไปเสีย ก็จะไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้น
แต่ถ้าหากนางหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่มีสาเหตุ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อเขาเช่นกัน
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เขาจึงแอบติดตามดูการเคลื่อนไหวของนางอย่างลับ ๆ
จนกระทั่งได้พบว่านางกำลังสนทนากับบุรุษผู้หนึ่งอย่างออกรสออกชาติ อีกทั้งยังดูสนิทสนมกันอีกด้วย ดูจากการแต่งกายของบุรุษผู้นั้นคงจะเป็นคนในกองทัพเป็นแน่
หึ!!! สตรีหลายใจแพศยา ต่อหน้าผู้อื่นทำเป็นเรียบร้อยวางท่า แต่ลับหลังกลับหัวร่อต่อกระซิกกับบุรุษอื่นอย่างหน้าไม่อาย!!!
อยากกระโดดถีบขาคู่มันทั้งสองคนยิ่งนัก!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงรีบมุ่งหน้ากลับจวน ก่อนจะนำเรื่องนี้ไปบอกเล่าให้องค์หญิงหงลี่ผู้เป็นมารดาฟัง เมื่อองค์หญิงหงลี่ได้ยินเรื่องที่บุตรชายตนเล่าให้ฟังก็ไม่ได้มีท่าทีใดใดจนหลี่รั่วหานเริ่มแปลกใจ
"ท่านแม่ นางเป็นสตรีที่ไม่สำรวมนะขอรับ!!!"
"ไม่สำรวมเช่นไร?"
"ก็นางนั่งสนทนากับบุรุษ!!!"
"เหอะ นางเพียงนั่งพูดคุยกับบุรุษ เจ้าก็เหมารวมว่านางไม่ดีเสียแล้ว เท่าที่ข้าฟังเจ้าพล่ามมาครึ่งชั่วยามเนี่ย นางมิได้สนทนากับบุรุษตามลำพังแม้แต่น้อย แต่เป็นร้านอาหาร ผู้คนผ่านไปมามากมาย หากนางอยากจะพลอดรัก มิสู้นัดกันไปในที่ลับตาผู้คนไม่ดีหรอกหรือ บางครานั่นอาจจะเป็นญาติฝั่งใดฝั่งหนึ่งของนางก็ได้ เจ้าน่ะโง่ยิ่งนักไม่ใช้สมองไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เอ๊ะ โง่เหมือนผู้ใดกันนะ อ้อ!!! โง่เหมือนท่านพ่อของเจ้า!!!"
"ท่านแม่!!!"
แม่ทัพใหญ่ที่ได้ยินผู้เป็นภรรยาเอ่ยปากด่าเขาทางอ้อมก็สะดุ้งโหยง รีบก้มหน้างุดและไม่เอ่ยวาจาใดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ
ใครจะกล้า!!! คราก่อนเขาถูกนางทุบตีจนหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวัน ให้ตายเถิด!!! แต่ก่อนนางอ่อนหวานน่าทะนุถนอมกว่านี้เขายังจำได้ดี!!!
"ท่านพ่อ ท่านช่วยข้าโน้มน้าวท่านแม่หน่อยเถิดขอรับ"
หลี่รั่วหานหันไปเอ่ยกับผู้เป็นบิดา แม่ทัพใหญ่หลี่ทำได้เพียงส่ายหน้าไปมา หากเขาเอ่ยปากช่วยพูดออกหน้าแทนบุตรชาย แน่นอนว่าภรรยายอดรักจะต้องยกเท้าถีบเขาแน่นอน
"หยุดหาพวกได้แล้ว เดือนหน้าเป็นฤกษ์ดี แม่จะจัดงานแต่งให้เจ้ากับไป๋ไป๋!!!"
"ไม่แต่งขอรับ!!!"
"อารั่ว!!!"
"หากท่านแม่จะให้ลูกแต่งนางเข้าจวน เช่นนั้นลูกจะแต่งหนิงเสวี่ยเข้ามาพร้อมกันขอรับ"
"อารั่ว!!! ไม่มีผู้ใดแต่งภรรยาพร้อมกันสองคนในคราเดียว!!!"
"เช่นนั้นลูกก็ไม่แต่งกับเด็กผีนั่นเด็ดขาด!!!"
"อ๊าา!!! เช่นนั้นข้าก็จะวิ่งชนเสาให้ตายไปเสีย เจ้าจะได้ทำตามใจตนเองได้ หึ ลูกไม่รักดี ข้าจะตายต่อหน้าเจ้าเดี๋ยวนี้!!!"
"ท่านแม่!!!"
"ฮูหยิน!!!"
"ปล่อยข้า!!!"
"ท่านแม่!!!"
องค์หญิงหงลี่พูดจบก็พุ่งตัวเข้าไปชนเสาจนล้มลงหมดสติ โลหิตสด ๆ ไหลซึมออกมาที่กลางหน้าผากของนาง สร้างความตกใจให้แก่หลี่รั่วหานและแม่ทัพใหญ่เป็นอย่างมาก
"ไปตามท่านหมอสิ!!! ท่านแม่ ลูกยอมแล้วขอรับ!!! ลูกยอมแล้วขอรับ!!!"
หลี่รั่วหานทำได้เพียงตกปากรับคำไปส่ง ๆ รอให้เขาแต่งจ้าวไป๋ลู่เสร็จสิ้นเสียก่อน เขาจะรับหนิงเสวี่ยมาเป็นฮูหยินรอง หลังจากนั้นเขาค่อยหาทางทำให้หนิงเสวี่ยขึ้นมาเป็นภรรยาเอกของเขาให้ได้!!!
จวนตระกูลหนิง "โง่งมที่สุด ไหนเจ้าว่าหลี่รั่วหานรักเจ้านักหนา เหตุใดเขาจึงยอมตกปากรับคำแต่งงานกับสตรีนางนั้นง่ายดายเช่นนี้เล่า!!!"หนิงเสวี่ยในยามนี้กำลังนั่งก้มหน้างุดมิเอ่ยวาจาใดออกมา ทำได้เพียงทนฟังผู้เป็นมารดาก่นด่านางโดยไร้หนทางโต้แย้ง มารดาของนางมีนามว่า เว่ยจิ่นซาง เป็นบุตรสาวของตระกูลบัณฑิต ตั้งแต่นางจำความได้ ท่านแม่มักจะพูดกรอกหูนางอยู่เสมอว่านางจะต้องเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อม กิริยามารยาทต้องเป็นเลิศ และจะต้องแต่งเข้าจวนโหวตระกูลหลี่เป็นฮูหยินใหญ่ให้ได้ เดิมทีนางเองก็มิเข้าใจเท่าใดนัก นางพยายามเอ่ยปากถามผู้เป็นมารดาอยู่หลายครา แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ มีเพียงคำก่นด่าและถากถางเพียงเท่านั้น ข้าให้เจ้าทำสิ่งใดก็จงทำ มิต้องมาถามข้าให้มากความ เจ้าจงจำเอาไว้ ว่าจะต้องมัดใจหลี่รั่วหานให้ได้ ทำให้เขาหลงใหลเจ้า มอบทุกอย่างให้กับเจ้า ข้าอยากจะเห็นมารดาของเขา อกแตกตาย ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!! หนิงเสวี่ยได้ยินท่านแม่พูดประโยคนี้จนนางท่องจำได้ขึ้นใจ นางเองมิรู้ว่าท่านแม่และองค์หญิงหงลี่มีความแค้นใดต่อกันมาก่อน คราแรกนางมิได้ชมชอบหลี่รั่วหานเท่าใดนัก แต่เมื่อได้ใกล้ชิดกับเขา นางก็เผลอหลงรักเขาจนหมดห
การแต่งงานผ่านไปอย่างทุลักทุเล ยามที่กำลังยกน้ำชาคำนับฟ้าดิน หลี่รั่วหานก็แกล้งจ้าวไป๋ลู่ โดยการใช้ไหล่ของเขากระแทกไหล่ของนาง จนน้ำชาในถ้วยกระฉอกมาโดนใบหน้าของนางเต็ม ๆ จ้าวไป๋ลู่เองก็มิยอมแพ้ ยามที่ต้องตักขนมมงคลป้อนให้เขากิน นางก็ตักขึ้นมาเต็มช้อนโดยที่ไม่เป่าให้หายร้อนเสียก่อน ก็ยัดเข้าปากเขาในทันที ภาพที่เจ้าบ่าวตาเหลือกช่างสร้างความสุนทรีย์ให้คนในงานไม่น้อย ช่างเป็นงานแต่งที่บันเทิงเสียจริง!!! "เฮ้อ!!! หมิงอวี้ข้าหิวแล้ว" "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ บ่าวจะนำหมั่นโถวมาให้ท่านนะเจ้าคะ" ยามนี้นางมานั่งพักในเรือนหอเรียบร้อยแล้ว จ้าวไป๋ลู่ยกมือขึ้นลูบท้องด้วยความหิวโหย ให้ตายเถิด การแต่งงานมันช่างทรมานเสียจริงเชียว ไม่นานหมิงอวี้ก็นำหมั่นโถวมาให้นางสามลูก จ้าวไป๋ลู่กินจนหมดก่อนจะทิ้งกายลงนอนบนเตียง ความอิ่มทำให้นางรู้สึกง่วงงุนไม่น้อย จึงผล็อยหลับไปเสียอย่างนั้น หลังจากส่งแขกเหรื่อเรียบร้อยแล้ว หลี่รั่วหานก็เดินเข้ามาในห้องหอก่อนจะสั่งให้หมิงอวี้ออกไปเสีย เขาเดินเข้าไปหาจ้าวไป๋ลู่ และยกเท้าขึ้นมาเขี่ยขานางอย่างรังเกียจ "อ๊าาาา ซาลาเปาไส้หมูแดง ซดน้ำซุปด้วย เยี่ยม!!!" หลี่รั่วหานรู้สึกห
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว หลี่รั่วหานจึงเดินออกมาจากด้านหลังต้นสาลี่ แล้วจ้องมองจ้าวไป๋ลู่อย่างเอาเรื่อง "เจ้านี่มารยาเยอะเสียจริง ทำทีมาบอกว่าจะดูต้นทางให้ข้า แต่แท้จริงแล้ว เจ้าคงอยากดูของข้าจนตัวสั่นสินะ!!!" จ้าวไป๋ลู่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองเขาด้วยความตกใจ ให้ตายเถิด!!! นางแค่แวะผ่านมาเองนะ "ซื่อจื่อคงเข้าใจผิดแล้วกระมังเจ้าคะ เดิมทีข้าเพียงรู้สึกเบื่อหน่ายจึงอยากจะออกมาเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายอารมณ์เพียงเท่านั้น แต่กลับ ได้ยิน เอ่อ... ชักขึ้นชักลง ชักลงชักขึ้น ฮ่า ๆ ๆ ๆ" "หุบปาก เดี๋ยวนี้นะ!!!" "ซื่อจื่อ ข้าอุตส่าห์มีน้ำใจดูต้นทางให้ท่านนะเจ้าคะ" "ใครขอร้องเจ้ากัน!!!" "ไม่มีเจ้าค่ะ" "จำไว้!!! อย่าเสนอหน้ามายุ่งเรื่องของข้าอีก!!!" "เจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ อุ๊ย ชักขึ้นชักลง ชักลงชักขึ้น ฮ่า ๆ ๆ ๆ"จ้าวไป๋ลู่หัวเราะจนตัวงอ สร้างความโมโหให้แก่หลี่รั่วหานเป็นอย่างมาก เขากระชากแขนนางเข้าหาตัวอย่างสุดแรง ก่อนจะจ้องนางเขม็ง "ท้าทายข้าหรือ!!!" เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น จ้าวไป๋ลู่จึงพยายามดันตนเองออกจากการเกาะกุมของเขา "ข้าเจ็บนะเจ้าคะ!!!" "เจ็บหรือ!!! หึ!!! เมื่อครู่ยัง
หลี่รั่วหานลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าของอีกวัน วันนี้เขามิต้องเข้าไปที่ค่ายทหารเนื่องจากเป็นวันหยุดพัก จึงคิดจะนอนต่ออีกสักหน่อย ตระกูลหลี่ของเขานั้น แม้ท่านพ่อจะเป็นถึงราชบุตรเขยของราชวงศ์ แต่เพราะมีใจซื่อสัตย์และรักชาติบ้านเมือง ต่อสู้เพื่อบ้านเมืองมาโดยตลอด จึงยังดำรงตำแหน่งท่านแม่ทัพใหญ่ได้อย่างสมเกียรติ อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากเสด็จลุงเป็นอย่างมากอีกด้วย ในขณะที่เขากำลังจะล้มตัวลงนอนต่อ พลันก็ได้กลิ่นอาหารลอยโชยมาเตะจมูก กลิ่นหอมของเครื่องเทศทำให้ความอยากอาหารของเขามีมากขึ้นกว่าเดิม เดิมทีที่คิดว่าจะนอนต่ออีกสักหน่อย เขาจึงเปลี่ยนใจมุ่งหน้าไปที่โรงครัวทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ใจของเขาสั่นระรัวอย่างแปลกประหลาด จ้าวไป๋ลู่ในยามนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำอาหาร ใบหน้าสวยมีเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นมาเต็มใบหน้า ทรงผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นอย่างลวก ๆ ทุกท่วงท่าของนางงดงามและอ่อนช้อย จนเขาสัมผัสได้ว่ายามที่นางทำอาหารช่างน่ามองยิ่งนัก น่ามองกับผีน่ะสิ!!! แม้ในใจจะก่นด่านาง แต่ยามนี้เขาต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้ให้ลุล่วงเสียก่อน แสร้งทำดีให้นางตายใจ ท้ายที่สุดก็ค่อยไล่นางออกจากจวน หรือไม
เมื่อรถม้าหยุดลงที่หน้าตลาด หลี่รั่วหานและจ้าวไป๋ลู่ก็เดินเที่ยวชมตลาดโดยรอบ เขามองดูนางที่ยิ้มแย้มอารมณ์ดี บางคราก็หัวเราะชอบใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่ได้เห็นรอบกาย ทำให้เขาเผลอยิ้มตามไปด้วย บางทีนางอาจจะไม่ได้เลวร้ายดั่งเช่นที่เขาคิดใช่หรือไม่!!! เมื่อเดินตามตรอกต่าง ๆ มาเรื่อย ๆ ก็มาถึงร้านเครื่องประดับร้านหนึ่ง หลี่รั่วหานเลือกซื้อปิ่นหยกแกะสลักลวดลายเป็นดอกโบตั๋นมอบให้จ้าวไป๋ลู่ นางรับมันมาพิจารณาก่อนจะยิ้มตาหยี "ข้าชอบ ซื่อจื่อ ท่านช่วยซื้อกำไลหยกวงนั้นให้ข้าอีกสักอันได้หรือไม่?" "เจ้านี่โลภไม่เบานะ!!!" "ไหนท่านบอกว่าเราต้องแกล้งเล่นละครตบตาผู้คน เหตุใดเพียงเท่านี้จึงซื้อให้ข้าไม่ได้เล่า!!!" "หุบปาก!!! มิเช่นนั้นข้าจะลากคอเจ้าออกจากร้านนี่เสีย!!!" "ชิ!!!" ท้ายที่สุดเขาก็ยอมซื้อปิ่นหยกและกำไลหยกให้นางอย่างละชิ้น "ไป๋ไป๋" ระหว่างทางที่กำลังจะกลับไปที่รถม้า ก็มีเสียงบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยเรียกชื่อของจ้าวไป๋ลู่ขึ้นมา เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มให้เขาทันที "พี่เซียวถง ท่านมาได้เช่นไรเจ้าคะ" "ข้ามาซื้อขนมให้ท่านแม่น่ะ เจ้าเล่า" "ข้ามาเดินเที่ยวตลาดเจ้าค่ะ" "ดีเลย นี่หมั่นโถวไส้เนื้อที่เจ
ห้องทรงอักษร "โอ้วววว ซี้ดดด ได้ยินว่าราษฎรแถบชนบทขาดแคลนอาหาร เจ้าจัดการหรือยังรัชทายาท!""อ๊าาา เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ!!!'"หงหลี่หยวน เจ้าอย่าให้มันพุ่งมาทางนี้โอ้ววว มันจะเปื้อนฎีกาของข้า!!!""ไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ มันจะพุ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ อ๊าาาา!!!""บัดซบ!!! ฎีกาข้า!!! ซี้ดดด!!!"หลี่รั่วหานที่กำลังเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องทรงอักษร เมื่อได้ยินเสียงโหยหวนจากด้านในก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยรีดพิษกันอีกแล้วสินะ!!!เสด็จลุงมีรับสั่งเรียกเขาเข้าวังเพื่อหารือเรื่องภัยแล้ง เพราะได้รับความโปรดปรานเขาจึงสามารถเข้าออกห้องทรงอักษรได้อย่างตามใจชอบ"ครื้นเครงกันแต่เช้าเลยนะพ่ะย่ะค่ะ""อารั่ว!!!""พี่รั่ว!!!"ฮ่องเต้หงหยวนและองค์รัชทายาทหงหลี่หยวนหันมาส่งยิ้มทักทายให้หลี่รั่วหาน หลี่รั่วหานมองภาพตรงหน้าก่อนจะเผลอขบขันออกมาให้ตายเถิด!!! ยุคสมัยของเสด็จลุง ยามหารือราชกิจต้องแก้ผ้าไปด้วยเช่นนี้หรือ?เฮ้อ!!! คงไม่ดีเท่าใดกระมังเขาต้องร่วมแก้ด้วยจึงจะถูก!เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลี่รั่วหานจึงปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนออกก่อนจะสาวชักลำแท่งเอ็นร้อนอย่างเมามันเช่นเดียวกัน ฮ่องเต้หงหยวนและองค์รัชทา
หนทางจากเมืองหลวงไปยังหมู่บ้านชนบทใช้เวลาเดินทางร่วมสิบวัน ระหว่างทางที่พัก จ้าวไป๋ลู่และหมิงอวี้สาวใช้ข้างกาย จะช่วยกันจัดเตรียมอาหารอย่างใส่ใจเสมอการเดินทางครานี้มีท่านพ่อและพี่ชายของนางติดตามมาด้วย อีกทั้งยังมีเซียวถงตามมาด้วยเช่นเดียวกัน "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ พักก่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านเพิ่งจะเดินทางมาถึง คงจะเหนื่อยล้ามิใช่น้อย" จ้าวไป๋ลู่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางมองดูบรรยากาศโดยรอบของหมู่บ้านชนบทก่อนจะถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง เดิมทีนางมิอยากติดตามหลี่รั่วหานมา แต่เมื่อได้มาเห็นสภาพตรงหน้าความคิดของนางก็พลันเปลี่ยนไปช่างน่าเวทนายิ่งนัก ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเฉาเหี่ยวตาย เด็กและคนชราผอมโซเสียจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก "ข้าติดตามมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือซื่อจื่อ มิได้มาพักผ่อนสบายใจ เจ้าจงเร่งรีบไปที่โรงครัว ข้าจะทำอาหารให้มากเสียหน่อย" "เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย" หมิงอวี้รับคำก่อนจะรีบเร่งไปที่โรงครัว เพื่อให้เหล่าทหารช่วยตระเตรียมโรงครัวให้พร้อม เมื่อจ้าวไป๋ลู่มาถึง นางก็จัดการปรุงอาหารทันทีอย่างไม่รอช้า โชคดีที่ระหว่างการเดินทางมีการหยุดพัก ทำให้นางเก็บผักป่ามาได้จำนวนไม่น้อย แม้มันจะไม่สดใหม่เท่าใดนัก แ
จ้าวไป๋ลู่อารมณ์เสียแล้ว นางจึงเดินมาทิ้งตัวนั่งที่สะพานไม้แห่งหนึ่ง ก่อนจะมองดูที่ใต้สะพาน ยามนี้น้ำแห้งเหือดจนเห็นได้ชัด ภัยแล้งช่างรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ"น้องสาว เหตุใดจึงมานั่งคนเดียวเล่า" "พี่เซียวถง" จ้าวไป๋ลู่เงยหน้าไปมองเซียวถงที่กำลังเดินมาหานาง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างกายนาง พร้อมกับยื่นสาลี่มาให้นางผลหนึ่ง จ้าวไป๋ลู่รับมันมาก่อนจะกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ความหวานและฉ่ำน้ำจากผลสาลี่ทำให้นางรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง "เขาดีต่อเจ้าหรือไม่?" "เอ๋?" "สามีเจ้าน่ะ เขาดีต่อเจ้าหรือไม่?" เซียวถงเอ่ยถามจ้าวไป๋ลู่ด้วยความห่วงใย ตั้งแต่นางแต่งเข้าจวนโหว เขาก็พยายามทำใจมาตลอด ถึงขนาดเกือบจะออกบวช แต่เพราะท่านพ่อท่านแม่ห้ามปรามเอาไว้เขาจึงไม่ได้ทำเช่นนั้น "ดีเจ้าค่ะ" "จริงหรือ แต่ข้าได้ยินมาว่าเขามีคนรักอยู่ก่อนแล้ว" คำพูดนี้ของเซียวถงทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวไป๋ลู่เลือนรางลงไปเล็กน้อย นางไม่ได้เอ่ยเรื่องข้อตกลงระหว่างหลี่รั่วหานให้เซียวถงฟังเพราะคิดว่าไม่จำเป็นเท่าใดนัก "ข้าแต่งเป็นภรรยาของเขาแล้ว อีกอย่างแม่สามีก็รักและเอ็นดูข้าไม่น้อย ขอบคุณพี่ชายที่เป็นห่วง" "ไป๋ไป๋ หากย
หวังเจียหมิ่นเดินถือกล่องใส่อาหารไว้ในมือ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนวัดไป๋หม่า เขาทำเช่นนี้มาร่วมปี เขาเองก็เต็มใจทำโดยไม่เคยปริปากบ่นแม้เพียงน้อยเสียงกวาดพื้นดังมาเป็นระยะ หวังเจียหมิ่นจ้องมองสตรีตรงหน้าที่ยามนี้นางเกล้าผมอย่างเรียบร้อย สวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา กำลังถือไม้กวาดกวาดใบไม้อย่างตั้งใจนางคือหลี่หลานฮวา หรือก็คือ หนิงเสวี่ย นั่นเอง นางเสียสติอยู่ร่วมปี กว่าจะทำใจยอมรับเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่นางจะยอมรับว่านางกับหลี่รั่วหานเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน และไม่ง่ายเลยกว่านางจะยอมรับว่าสตรีที่นางเกลียดชังนักหนา แท้จริงแล้วคือมารดาผู้ให้กำเนิดนาง แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ในท้ายที่สุดนางก็ทำใจยอมรับมันได้ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม นางอุทิศตัวให้พระโพธิสัตว์ ชาตินี้จะขอสร้างบุญเพื่อไถ่บาปกรรมที่นางเคยทำเอาไว้ทั้งหมด แม่ทัพใหญ่หลี่ องค์หญิงหงลี่และหลี่รั่วหานยังคงมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ พวกเขายังคงพูดกับนางเหมือนเช่นทุกครา ว่ายังรอวันที่นางจะยินดีกลับจวนโหวอีกครั้ง ซึ่งนางเองก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใดนางรู้สึกผิดต่อทุกคน ด้วยความรู้สึกผิดในใจนางจึงเล
จ้าวไป๋ลู่ยื่นน้ำตาลก้อนหนึ่งให้หลี่รั่วหานเพื่อให้เขาใช้แก้อาการแสบร้อนในปาก เขารีบยัดน้ำตาลก้อนนั้นเข้าปากทันที ยามนี้ปากของเขาบวมราวกับโดนฝูงผึ้งรุมต่อย สร้างความขบขันให้แก่นางไม่น้อย "หลี่รั่วหาน" "หืม" "ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกข้าว่า พวกเขาชอบท่านมาก" "จริงหรือ?" "จริงสิ แต่จะให้ข้ากลับเข้าจวนไปง่าย ๆ ก็คงจะไม่ดีเท่าใดนัก" "จ้าวไป๋ลู่ เรามาแต่งงานกันอีกรอบเถิด!!!" "ท่านว่าอย่างไรนะ" "ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอีกรอบ เรามาแต่งงานกันเถอะ" "หลี่รั่วหาน ท่านแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะแต่งกับข้าอีกครั้ง" "แน่ใจสิ""หากข้าไม่ได้อ่อนโยนเหมือนแต่ก่อนเล่า ไม่ใช่คนที่ท่านสามารถเอาเปรียบได้เช่นแต่ก่อนอีกเล่า" "ข้าก็ยังยืนยันที่จะแต่งกับเจ้าเช่นเดิม" "ท่านจะไม่โกหกข้า ไม่ทำร้ายข้าอีกครั้งใช่หรือไม่" "ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้ากับลูกเสียใจอีกเป็นอันขาด" "หากท่านผิดสัญญา ข้าจะไม่กลับไปหาท่านอีก" "ห้าปีที่ข้ารอเจ้า มันเป็นบทเรียนชั้นดีที่สอนข้าอย่างสาหัสแล้วจ้าวไป๋ลู่" "ตกลง เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับท่านอีกครา" "จริงหรือ เจ้าพูดจริงหรือ!!!" "หน้าข้าเหมือนคนโกหกหรือ?" "ก็ข้าคิดว่าเจ้า..." "หุบปาก!!!"
จวนตระกูลจ้าวหลี่รั่วหานมาตามที่ตกลงกับจ้าวไป๋ลู่เอาไว้ ยามนี้เขากำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ที่ห้องโถงด้านในจวนตระกูลจ้าว อดทนกับสายตากดดันของจ้าวเยียน ฮูหยินหลิวอิ๋ง และจ้าวเฉียน ที่มองเขาด้วยแววตาที่เย็นเยียบแต่เพื่อนางกับลูกเขายอม จ้าวเยียนปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ซื่อจื่อ ท่านแน่ใจแล้วหรือ ที่จะลดตัวลงมาหาพวกเรา" "แน่ใจขอรับ ข้าเต็มใจทำทุกสิ่งเพื่อจ้าวไป๋ลู่กับลูก" "ก็ดี ท่านทำอาหารเป็นหรือไม่ แม่ครัวเก่าเพิ่งจะลาออกไป ฮูหยินข้ากำลังอยากได้ลูกมือทำครัวอยู่พอดี" "ได้เลยขอรับ" ฮูหยินหลิวอิ๋งปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงจดหมายที่องค์หญิงหงลี่ส่งมาให้นาง ในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า จัดการให้หนัก! ยามนี้นางกับองค์หญิงหงลี่ปรับความเข้าใจกันด้วยดีแล้วหลี่รั่วหานเดินตามฮูหยินหลิวอิ๋งเข้ามาในโรงครัว ก่อนจะจ้องมองนางที่กำลังหยิบมีดคมขึ้นมาถือเอาไว้ ในใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบแปลก ๆ "มีดนี่คมมาก ข้าใช้มันหั่นเนื้อเป็นประจำ เป็นมีดประจำตัวของข้า เดิมทีข้าอยากส่งต่อมันให้กับจ้าวไป๋ลู่ ซื่อจื่อท่านรู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงอยากส่งต่อมีดนี้ให้บุตรสาวของข้า"
ยามนี้เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเช่นเคย และมีเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เซียวถงกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับสวีลั่วลั่ว ทั้งสองพบรักกันเมื่อหนึ่งปีก่อนจ้าวไป๋ลู่ยินดีกับทั้งสองเป็นอย่างมาก และนางดีใจที่เซียวถงจะมีสตรีที่ดีพร้อมมาคอยดูแลเสียที ส่วนนางเองก็ยังไม่ได้ใจอ่อนกับหลี่รั่วหาน แม้ว่าเขาจะพยายามตามง้อนางก็ตาม ยามนี้จ้าวหยางอายุได้สี่ขวบปีแล้ว เป็นวัยที่กำลังช่างพูดช่างคุย บางคราเขาตื่นมาชวนนางคุยกลางดึกก็เคยทำมาแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของเซียวถงและสวีลั่วลั่ว จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางไปร่วมงานในครานี้ด้วย งานเลี้ยงจัดอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างมาร่วมยินดีกับบ่าวสาวกันมากมายจ้าวไป๋ลู่มองดูเซียวถงกับสวีลั่วลั่วที่หยอกล้อกันตามประสาคู่แต่งงานก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย งานแต่งของนางไม่เคยมีความทรงจำเหล่านี้อยู่เลยแม้แต่น้อย "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพบหลี่รั่วหานที่เดินมาพร้อมกับหลัวเทียนเฉิน นางเพียงมองเขาแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา "แม่นางไป๋ไป๋ ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครา" "ใต้เท้าหลัว" "อย่าเรียกบ่อย ข้ากลัวจะตกหลุมรักเจ้
เว่ยจิ่นซางหยิบยาพิษออกมาจากในอกเสื้ออีกขวดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาองค์หญิงหงลี่ช้า ๆ "ตายซะเถอะ ในที่สุดข้าก็ล้างแค้นได้สำเร็จสักที" ฉึก! ยังไม่ทันที่เว่ยจิ่นซางจะสังหารองค์หญิงหงลี่ได้สำเร็จ มีดเล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาที่แผ่นหลังของนางทะลุมาที่หน้าท้อง เมื่อนางหันกลับไปช้า ๆ จึงได้พบว่าเป็นฝีมือของหนิงเสวี่ย "นะ!!! นังชั่ว นังเนรคุณ!!!" "ฮือออออ" หนิงเสวี่ยแทงมีดจนสุดด้าม ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งบนพื้นแล้วปิดหน้าร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวดเว่ยจิ่นซางตกตายด้วยมีดเล่มนั้นของหนิงเสวี่ย"ท่านแม่!!!"ด้านนอกมีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูพุ่งเข้ามา เป็นหลี่รั่วหานนั่นเอง เขามองสภาพศพของเว่ยจิ่นซางที่นอนตายอยู่บนพื้นดวงตาเบิกกว้าง ข้าง ๆ กันมีหนิงเสวี่ยที่นั่งร้องไห้อยู่ เขาไม่มีเวลาสนใจหนิงเสวี่ยมากนัก เขารีบวิ่งเข้าไปแก้มัดให้องค์หญิงหงลี่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจ้าวไป๋ลู่และลูกที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ข้าง ๆ กัน"ไป๋ไป๋!!!" "นางสลบไม่ได้สติมาหลายชั่วยามแล้ว" เสียงของหลี่รั่วหานปลุกหนิงเสวี่ยให้ตื่นจากความสับสนและหวาดกลัวในจิตใจ นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขาช้า ๆ เมื่อเขาหันมาส
นางกรอกยาพิษทั้งที่มือก็สั่นไม่น้อย ยิ่งได้เห็นแววตาที่แข็งกระด้างขององค์หญิงหงลี่ที่มองมา มือนางก็สั่นมากยิ่งขึ้น จนทำยาพิษหกลงพื้นไปเสียดื้อ ๆ องค์หญิงหงลี่กินยาพิษนั้นไปไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ แต่นางก็กระอักโลหิตสีดำออกมาไม่น้อย เว่ยจิ่นซางที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะสะใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง แปะ แปะ แปะ หนิงเสวี่ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเว่ยจิ่นซาง "ท่านแม่" เว่ยจิ่นซางหันมามองหนิงเสวี่ยด้วยสายตาที่เย็นชา "ผู้ใดเป็นแม่เจ้ากัน?" "เอ๋? ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้เจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจ" เว่ยจิ่นซางปรายตามองหนิงเสวี่ยอย่างดูแคลน แววตาที่เคยมองนางประดุจลูกในไส้ แววตาที่อ่อนโยนเลือนหายไปจนหมดสิ้น ยามนี้มีเพียงความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจ รอเวลานี้มานานเหลือเกิน นางรอจนกระทั่งถึงวันนี้!!! "ฮ่า ๆ ๆ ๆ การได้มองเห็นบุตรสาวกำลังฆ่ามารดาของตนเองกับมือ ช่างเป็นภาพที่งดงามเสียจริง ๆ" เว่ยจิ่นซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข หนิงเสวี่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ด้านองค์หญิงหงลี่ที่ได้ยินเว่ยจิ่นซางเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ใจของนางก็เต้นแรงอย่างบ
จ้าวไป๋ลู่ถูกลักพาตัวมาที่เรือนโกโรโกโสหลังหนึ่งบนหุบเขา นางกอดจ้าวหยางเอาไว้แนบอก พยายามปกป้องบุตรชายเอาไว้อย่างสุดชีวิต "ลงมา!!! เดินเข้าไป!!!" ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนพากันล้อมตัวนางเอาไว้ ก่อนจะบังคับให้นางเดินเข้าไปในเรือนหลังนั้น เมื่อนางมาถึงก็พบกับองค์หญิงหงลี่ที่ยามนี้ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ใบหน้าขององค์หญิงหงลี่บวมเป่งคล้ายกับถูกตบตีมาอย่างหนัก "ท่านแม่!!!" "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ถูกนำมาขังรวมเอาไว้กับองค์หญิงหงลี่ นางกอดจ้าวหยางไว้แนบอก ก่อนจะหันมองไปโดยรอบอย่างระแวดระวัง พวกมันจับตัวนางมาด้วยเหตุใดกัน ไม่นานนักความสงสัยของนางก็กระจ่าง เมื่อได้พบกับ หนิงเสวี่ยและมารดาของนาง หนิงเสวี่ยจ้องมองนางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะสลับมองมาที่จ้าวหยางอย่างเกลียดชัง "หึ!!! ตายยากเสียจริงนะจ้าวไป๋ลู่ เจ้าไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังคลอดเด็กนรกนี่ออกมาอีกด้วย!!!" "อย่ายุ่งกับบุตรของข้า" "ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาขอร้องข้ากัน" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องที่ท่านแม่บอกเล่าให้ฟัง ท่านแม่บอกว่าจ้าวไป๋ลู่รอดตายกลับมาได้อีกทั้งยังมีบุตรชายที่เกิดจากหลี่รั่วหานตามมาอีกด้
เมื่อหลี่รั่วหานกลับมาถึงจวน เขาก็ได้พบข่าวร้ายว่าท่านแม่ของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนี้ท่านพ่อออกไปตรวจตราชายแดนยังไม่กลับเมืองหลวง เขาเองก็เอาแต่ตามติดจ้าวไป๋ลู่และลูก ระยะนี้จึงไม่ได้สนใจมารดาของตนมากเท่าใดนัก"เจ้าเล่ามา ท่านแม่หายไปได้เช่นไร!!!" "บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เดิมทีฮูหยินกำลังเดินเล่นอยู่ที่ริมสระบัวท้ายจวน แล้วเกิดอยากกินขนมกุ้ยฮวา จึงให้บ่าวมาทำ ฮูหยินบอกว่าอยากอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพังจึงให้สาวใช้ปลีกตัวออกมาจนหมด พอบ่าวกลับไปก็ไม่พบฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ" หลี่รั่วหานที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที เขาสั่งให้คนค้นหาท่านแม่จนทั่วจวน เผื่อว่าจะเป็นลมอยู่ที่ใดสักแห่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบตัวขององค์หญิงหงลี่ เขาจึงรีบเข้าวังกราบทูลฮ่องเต้หงหยวนในทันที ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้น เมื่อเสร็จธุระจากร้านอาหารแล้ว นางจึงสั่งให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไปยังวัดไป๋หม่า เพื่อจะพาจ้าวหยางไปไหว้พระขอพรแต่ระหว่างทาง รถม้าของนางก็เกิดหยุดลงกะทันหัน จู่ ๆ ก็มีชายชุดดำสี่ห้าคนเข้ามาลักพาตัวของนางและจ้าวหยางไป ข่าวที่องค์หญิงหงลี่หายตัวไปยังไม่ทันได้สืบทราบ หลี่รั่วหานก็ได้รับข่าวร้ายจากจวนต
ยามนี้เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าราษฎรต่างพากันออกมาทำมาหากิน บ้างก็ทำเรือกสวนไร่นา บ้างก็ออกมาขายของที่ตลาด ช่างเป็นบรรยากาศที่คึกคักเป็นอย่างมาก วันนี้จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางที่มีอายุสองขวบกว่าแล้ว มาที่ร้านอาหารของท่านปู่ท่านย่า นางอยากให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิตให้มาก ๆ จึงตั้งใจให้เขาเรียนรู้ทุกอย่างในชีวิต "นี่ เต้าหู้ เด็กดีพูดตามแม่สิ เต้าหู้" "เต้าหู้ ท่านแม่ ท่านแม่ เต้าหู้" "เก่งมากเลยจ้ะลูกรัก" จ้าวไป๋ลู่ตบมือให้จ้าวหยางด้วยความชื่นชม เด็กน้อยที่เห็นเช่นนั้นก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข "ขอหม้อไฟสองที่ ซุปซี่โครงหมูหนึ่งที่" "เชิญ..." จ้าวไป๋ลู่หันไปมองก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะจางหายไป มาอีกแล้ว!!! "แม่นางคนงาม ข้ารอหม้อไฟอยู่นะ" หลัวเทียนเฉินเอ่ยด้วยท่าทียั่วเย้า หลี่รั่วหานที่เห็นเช่นนั้นจึงแอบยื่นมือไปหยิกบั้นท้ายหลัวเทียนเฉินจนเขาสะดุ้งโหยง หึ!!! ถึงข้าจะเหลือแขนเดียวแต่ข้าก็สู้นะ!!! "ใต้เท้ารอสักครู่ พี่เซียวถงนั่งก่อนเถิด" จ้าวไป๋ลู่เดินกลับเข้าไปในโรงครัวพักใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับจ้าวหยาง นางวางหม้อไฟลงบนโต๊ะ พร้อมกับซุปกระดูกหมูที่มีพริกสีแดงสดลอยเต็ม