แชร์

บทที่ 8 แต่งงาน

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-02 15:19:50

จวนตระกูลหนิง

"โง่งมที่สุด ไหนเจ้าว่าหลี่รั่วหานรักเจ้านักหนา เหตุใดเขาจึงยอมตกปากรับคำแต่งงานกับสตรีนางนั้นง่ายดายเช่นนี้เล่า!!!"

หนิงเสวี่ยในยามนี้กำลังนั่งก้มหน้างุดมิเอ่ยวาจาใดออกมา ทำได้เพียงทนฟังผู้เป็นมารดาก่นด่านางโดยไร้หนทางโต้แย้ง 

มารดาของนางมีนามว่า เว่ยจิ่นซาง เป็นบุตรสาวของตระกูลบัณฑิต ตั้งแต่นางจำความได้ ท่านแม่มักจะพูดกรอกหูนางอยู่เสมอว่านางจะต้องเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อม กิริยามารยาทต้องเป็นเลิศ และจะต้องแต่งเข้าจวนโหวตระกูลหลี่เป็นฮูหยินใหญ่ให้ได้ 

เดิมทีนางเองก็มิเข้าใจเท่าใดนัก นางพยายามเอ่ยปากถามผู้เป็นมารดาอยู่หลายครา แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ มีเพียงคำก่นด่าและถากถางเพียงเท่านั้น 

ข้าให้เจ้าทำสิ่งใดก็จงทำ มิต้องมาถามข้าให้มากความ เจ้าจงจำเอาไว้ ว่าจะต้องมัดใจหลี่รั่วหานให้ได้ ทำให้เขาหลงใหลเจ้า มอบทุกอย่างให้กับเจ้า ข้าอยากจะเห็นมารดาของเขา อกแตกตาย ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!!

หนิงเสวี่ยได้ยินท่านแม่พูดประโยคนี้จนนางท่องจำได้ขึ้นใจ นางเองมิรู้ว่าท่านแม่และองค์หญิงหงลี่มีความแค้นใดต่อกันมาก่อน 

คราแรกนางมิได้ชมชอบหลี่รั่วหานเท่าใดนัก แต่เมื่อได้ใกล้ชิดกับเขา นางก็เผลอหลงรักเขาจนหมดหัวใจ 

"เสวี่ยเอ๋อร์!!! เจ้าจงจำเอาไว้ ต่อให้ต้องแต่งเข้าไปเป็นภรรยารอง เจ้าก็ต้องแต่งเข้าจวนโหวให้ได้!!!" 

"ท่านแม่ ท่านกับองค์หญิงหงลี่เคยมีปัญหาขัดแย้งเรื่องใดกันมาก่อนหรือเจ้าคะ ท่านแม่จึงโกรธเคืองพระนางถึงเพียงนี้" 

"หึ!!! ไว้เจ้าแต่งเข้าจวนโหวเสียก่อน แล้วข้าจะเล่าให้ฟัง เฮ้อ!!! ลูกรักของแม่ เจ้าอย่าทำให้แม่ผิดหวังเล่า ยามนี้ตระกูลหนิงของเรากำลังขาดแคลนเงินทอง ท่านพ่อของเจ้าก็ติดการพนัน หากเจ้ามิสามารถแต่งเข้าจวนโหวได้ ตระกูลหนิงของพวกเราคงจบสิ้นเป็นแน่" 

"ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ" 

"อืม เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด" 

"เจ้าค่ะ ท่านแม่" 

หนิงเสวี่ยกลับมาถึงเรือนของตน ก่อนจะเปิดอ่านจดหมายที่หลี่รั่วหานส่งมาให้นาง นางยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบจดหมายเขาเหมือนเช่นทุกคราที่ผ่านมา 

ขอเพียงได้อยู่ข้างกายเขา นางยอมทุกอย่าง รอให้นางได้แต่งเข้าจวนตระกูลโหวเมื่อใด นางจะหาทางกำจัดจ้าวไป๋ลู่ให้พ้นทางเสีย!!! 

ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้น ยามนี้นางกำลังนั่งมองชุดแต่งงานที่เพิ่งตัดเย็บเสร็จด้วยแววตาที่เหม่อลอย เดิมทีนางควรจะต้องดีใจด้วยซ้ำ แต่เพราะการแต่งงานครานี้มิใช่การยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย จะให้นางยิ้มร่าเริงได้เช่นใดกัน 

แต่ช่างเถิด เพียงต่างคนต่างอยู่ เขาอยู่ส่วนเขา นางอยู่ส่วนนาง เพียงเท่านี้ก็คงจะไม่เกิดความหมางใจต่อกัน ไว้เวลาผ่านไปสักพัก นางค่อยหาทางหย่าขาดจากเขาก็ยังไม่สาย เป็นหม้ายแล้วอย่างไรเล่า นางไม่สน!!!

เวลาล่วงเลยมาจนถึงต้นวสันต์ฤดู สายลมในยามนี้อบอุ่นขึ้นไม่น้อย หมู่มวลดอกไม้นานาพรรณพากันเบ่งบานสะพรั่งรับสายลม เหล่าราษฎรต่างเริ่มการเพาะปลูกกันอย่างขยันขันแข็ง 

เฉกเช่นเดียวกับในยามนี้ ที่จวนตระกูลจ้าวกำลังวุ่นวายกับการแต่งกายให้จ้าวไป๋ลู่ วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีที่นางจะต้องแต่งเข้าจวนโหวตระกูลหลี่ จ้าวไป๋ลู่มองดูตนเองที่ยามนี้สวมชุดเจ้าสาวสีแดงงดงาม ใบหน้าสวยหวานถูกประทินโฉมจนงดงาม ฮูหยินหลิวอิ๋งมองดูบุตรสาวของตนด้วยความห่วงใย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา 

"อยู่ที่อื่นจะปฏิบัติตนเฉกเช่นอยู่จวนของตนมิได้อีกแล้ว เจ้าจงเคารพพ่อแม่สามีและเชื่อฟังสามีให้มาก เข้าใจหรือไม่" 

"เจ้าค่ะท่านแม่" 

ฮูหยินหลิวอิ๋งพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเอ่ยถาม หมิงอวี้สาวใช้น้อยที่กำลังจะติดตามไปรับใช้จ้าวไป๋ลู่ 

"หมิงอวี้ นี่ก็เลยฤกษ์ยามมานานแล้ว เหตุใดซื่อจื่อจึงไม่มาเสียที" 

"ข้าน้อยจะรีบไปดูเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" 

จ้าวไป๋ลู่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง นางเดาไม่ผิดจริง ๆ เขาจงใจหักหน้านางชัด ๆ มีที่ไหนกันขบวนเจ้าบ่าวมาถึงล่าช้าเพียงนี้ เขาตั้งใจให้นางอับอายสินะ

"ฮูหยินเจ้าคะ ซื่อจื่อมาถึงแล้วเจ้าค่ะ!!!" 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นฮูหยินหลิวอิ๋งจึงหันมาบอกให้จ้าวไป๋ลู่เตรียมตัว จ้าวไป๋ลู่ลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน นางแอบหยิบเม็ดเกาลัดที่ซ่อนเอาไว้ใต้แขนเสื้อเข้าปากไปหลายเม็ด ก่อนจะรีบเคี้ยวและกลืนลงท้อง แล้วจึงนำพัดสีแดงมาปิดบังใบหน้างามของตนเอาไว้ ก่อนจะเดินตามผู้เป็นมารดาออกจากเรือน 

พัดนี่ก็มีประโยชน์ไม่น้อย ยามข้าเคี้ยวเกาลัด จอมมารหลี่จะได้ไม่เห็น ฮ่า ๆ ๆ ๆ 

หลี่รั่วหานเดินเข้ามาในจวนตระกูลจ้าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา เขาสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงขับให้ความหล่อเหลาสง่างามของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น 

"ซื่อจื่อ ตระกูลจ้าวคงต้องฝากไป๋ไป๋ให้ท่านช่วยดูแลแล้ว" 

จ้าวเยียนบิดาของจ้าวไป๋ลู่เอ่ยกับหลี่รั่วหานด้วยความนอบน้อม หลี่รั่วหานส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

"ข้าไม่มีเวลามาสนทนากับคนระดับล่าง ไปได้แล้ว ข้ายังมีงานต้องทำ" 

ว่าแล้วเขาก็เดินนำหน้าไปโดยที่ไม่รอจ้าวไป๋ลู่เลยแม้แต่น้อย จ้าวไป๋ลู่เบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนจะเดินตามเขาไปจนถึงหน้าประตูจวน 

"จะยืนโง่อีกนานหรือไม่ เข้าไปนั่งสิ หรือจะให้ข้าโยนเจ้าเข้าไป" 

จ้าวไป๋ลู่พยายามอดกลั้นเป็นอย่างมากที่จะไม่ด่าเขากลับ นางเดินเข้าไปนั่งในเกี้ยวอย่างว่าง่าย ไม่นานนักขบวนเจ้าสาวก็ออกเดินทางจากจวนตระกูลจ้าวมุ่งหน้าไปที่จวนโหวตระกูลหลี่ 

จ้าวไป๋ลู่แหวกม่านหน้าต่างออก ก่อนจะชะโงกหน้ามองกลับไป แล้วจึงพบกับบิดามารดาและพี่ชายที่ยืนโบกมือให้นางอยู่ที่ด้านหน้าประตูจวนตระกูลจ้าว

สายลมพัดพากลีบดอกหมู่ตานให้ลอยมาตามสายลม จ้าวไป๋ลู่ยื่นมือออกไปรองรับกลีบดอกหมู่ตานสีแดงที่โปรยปรายลงมาอย่างช้า ๆ กลิ่นหอมของมันสร้างความพึงพอใจให้นางไม่น้อย 

ไม่นานนักขบวนเจ้าสาวก็มาถึงจวนโหวตระกูลหลี่ เพราะคนแบกเกี้ยวแบกได้ไม่ดีจนมันโคลงเคลง จ้าวไป๋ลู่จึงรู้สึกคลื่นไส้ไม่น้อย นางนำเม็ดเกาลัดเข้าปากเพื่อจะเคี้ยว แต่กลับเห็นหลี่รั่วหานยื่นหน้าเข้ามาหานางในเกี้ยวเสียก่อน 

เพราะความตกใจปะปนกับอาการพะอืดพะอม นางจึงอาเจียนเม็ดเกาลัดใส่ใบหน้าของหลี่รั่วหานทันที 

หลี่รั่วหาน "..."

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หยกงามใต้เงาจันทร์   บทเสริม หนิงเสวี่ย

    หวังเจียหมิ่นเดินถือกล่องใส่อาหารไว้ในมือ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนวัดไป๋หม่า เขาทำเช่นนี้มาร่วมปี เขาเองก็เต็มใจทำโดยไม่เคยปริปากบ่นแม้เพียงน้อยเสียงกวาดพื้นดังมาเป็นระยะ หวังเจียหมิ่นจ้องมองสตรีตรงหน้าที่ยามนี้นางเกล้าผมอย่างเรียบร้อย สวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา กำลังถือไม้กวาดกวาดใบไม้อย่างตั้งใจนางคือหลี่หลานฮวา หรือก็คือ หนิงเสวี่ย นั่นเอง นางเสียสติอยู่ร่วมปี กว่าจะทำใจยอมรับเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่นางจะยอมรับว่านางกับหลี่รั่วหานเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน และไม่ง่ายเลยกว่านางจะยอมรับว่าสตรีที่นางเกลียดชังนักหนา แท้จริงแล้วคือมารดาผู้ให้กำเนิดนาง แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ในท้ายที่สุดนางก็ทำใจยอมรับมันได้ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม นางอุทิศตัวให้พระโพธิสัตว์ ชาตินี้จะขอสร้างบุญเพื่อไถ่บาปกรรมที่นางเคยทำเอาไว้ทั้งหมด แม่ทัพใหญ่หลี่ องค์หญิงหงลี่และหลี่รั่วหานยังคงมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ พวกเขายังคงพูดกับนางเหมือนเช่นทุกครา ว่ายังรอวันที่นางจะยินดีกลับจวนโหวอีกครั้ง ซึ่งนางเองก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใดนางรู้สึกผิดต่อทุกคน ด้วยความรู้สึกผิดในใจนางจึงเล

  • หยกงามใต้เงาจันทร์   บทที่ 53 วิวาห์อีกครา (จบบริบูรณ์)

    จ้าวไป๋ลู่ยื่นน้ำตาลก้อนหนึ่งให้หลี่รั่วหานเพื่อให้เขาใช้แก้อาการแสบร้อนในปาก เขารีบยัดน้ำตาลก้อนนั้นเข้าปากทันที ยามนี้ปากของเขาบวมราวกับโดนฝูงผึ้งรุมต่อย สร้างความขบขันให้แก่นางไม่น้อย "หลี่รั่วหาน" "หืม" "ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกข้าว่า พวกเขาชอบท่านมาก" "จริงหรือ?" "จริงสิ แต่จะให้ข้ากลับเข้าจวนไปง่าย ๆ ก็คงจะไม่ดีเท่าใดนัก" "จ้าวไป๋ลู่ เรามาแต่งงานกันอีกรอบเถิด!!!" "ท่านว่าอย่างไรนะ" "ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอีกรอบ เรามาแต่งงานกันเถอะ" "หลี่รั่วหาน ท่านแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะแต่งกับข้าอีกครั้ง" "แน่ใจสิ""หากข้าไม่ได้อ่อนโยนเหมือนแต่ก่อนเล่า ไม่ใช่คนที่ท่านสามารถเอาเปรียบได้เช่นแต่ก่อนอีกเล่า" "ข้าก็ยังยืนยันที่จะแต่งกับเจ้าเช่นเดิม" "ท่านจะไม่โกหกข้า ไม่ทำร้ายข้าอีกครั้งใช่หรือไม่" "ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้ากับลูกเสียใจอีกเป็นอันขาด" "หากท่านผิดสัญญา ข้าจะไม่กลับไปหาท่านอีก" "ห้าปีที่ข้ารอเจ้า มันเป็นบทเรียนชั้นดีที่สอนข้าอย่างสาหัสแล้วจ้าวไป๋ลู่" "ตกลง เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับท่านอีกครา" "จริงหรือ เจ้าพูดจริงหรือ!!!" "หน้าข้าเหมือนคนโกหกหรือ?" "ก็ข้าคิดว่าเจ้า..." "หุบปาก!!!"

  • หยกงามใต้เงาจันทร์   บทที่ 52 เอาใจครอบครัวภรรยา

    จวนตระกูลจ้าวหลี่รั่วหานมาตามที่ตกลงกับจ้าวไป๋ลู่เอาไว้ ยามนี้เขากำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ที่ห้องโถงด้านในจวนตระกูลจ้าว อดทนกับสายตากดดันของจ้าวเยียน ฮูหยินหลิวอิ๋ง และจ้าวเฉียน ที่มองเขาด้วยแววตาที่เย็นเยียบแต่เพื่อนางกับลูกเขายอม จ้าวเยียนปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ซื่อจื่อ ท่านแน่ใจแล้วหรือ ที่จะลดตัวลงมาหาพวกเรา" "แน่ใจขอรับ ข้าเต็มใจทำทุกสิ่งเพื่อจ้าวไป๋ลู่กับลูก" "ก็ดี ท่านทำอาหารเป็นหรือไม่ แม่ครัวเก่าเพิ่งจะลาออกไป ฮูหยินข้ากำลังอยากได้ลูกมือทำครัวอยู่พอดี" "ได้เลยขอรับ" ฮูหยินหลิวอิ๋งปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงจดหมายที่องค์หญิงหงลี่ส่งมาให้นาง ในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า จัดการให้หนัก! ยามนี้นางกับองค์หญิงหงลี่ปรับความเข้าใจกันด้วยดีแล้วหลี่รั่วหานเดินตามฮูหยินหลิวอิ๋งเข้ามาในโรงครัว ก่อนจะจ้องมองนางที่กำลังหยิบมีดคมขึ้นมาถือเอาไว้ ในใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบแปลก ๆ "มีดนี่คมมาก ข้าใช้มันหั่นเนื้อเป็นประจำ เป็นมีดประจำตัวของข้า เดิมทีข้าอยากส่งต่อมันให้กับจ้าวไป๋ลู่ ซื่อจื่อท่านรู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงอยากส่งต่อมีดนี้ให้บุตรสาวของข้า"

  • หยกงามใต้เงาจันทร์   บทที่ 51 ตามง้ออีกครา

    ยามนี้เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเช่นเคย และมีเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เซียวถงกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับสวีลั่วลั่ว ทั้งสองพบรักกันเมื่อหนึ่งปีก่อนจ้าวไป๋ลู่ยินดีกับทั้งสองเป็นอย่างมาก และนางดีใจที่เซียวถงจะมีสตรีที่ดีพร้อมมาคอยดูแลเสียที ส่วนนางเองก็ยังไม่ได้ใจอ่อนกับหลี่รั่วหาน แม้ว่าเขาจะพยายามตามง้อนางก็ตาม ยามนี้จ้าวหยางอายุได้สี่ขวบปีแล้ว เป็นวัยที่กำลังช่างพูดช่างคุย บางคราเขาตื่นมาชวนนางคุยกลางดึกก็เคยทำมาแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของเซียวถงและสวีลั่วลั่ว จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางไปร่วมงานในครานี้ด้วย งานเลี้ยงจัดอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างมาร่วมยินดีกับบ่าวสาวกันมากมายจ้าวไป๋ลู่มองดูเซียวถงกับสวีลั่วลั่วที่หยอกล้อกันตามประสาคู่แต่งงานก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย งานแต่งของนางไม่เคยมีความทรงจำเหล่านี้อยู่เลยแม้แต่น้อย "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพบหลี่รั่วหานที่เดินมาพร้อมกับหลัวเทียนเฉิน นางเพียงมองเขาแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา "แม่นางไป๋ไป๋ ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครา" "ใต้เท้าหลัว" "อย่าเรียกบ่อย ข้ากลัวจะตกหลุมรักเจ้

  • หยกงามใต้เงาจันทร์   บทที่ 50 เสียสติ

    เว่ยจิ่นซางหยิบยาพิษออกมาจากในอกเสื้ออีกขวดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาองค์หญิงหงลี่ช้า ๆ "ตายซะเถอะ ในที่สุดข้าก็ล้างแค้นได้สำเร็จสักที" ฉึก! ยังไม่ทันที่เว่ยจิ่นซางจะสังหารองค์หญิงหงลี่ได้สำเร็จ มีดเล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาที่แผ่นหลังของนางทะลุมาที่หน้าท้อง เมื่อนางหันกลับไปช้า ๆ จึงได้พบว่าเป็นฝีมือของหนิงเสวี่ย "นะ!!! นังชั่ว นังเนรคุณ!!!" "ฮือออออ" หนิงเสวี่ยแทงมีดจนสุดด้าม ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งบนพื้นแล้วปิดหน้าร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวดเว่ยจิ่นซางตกตายด้วยมีดเล่มนั้นของหนิงเสวี่ย"ท่านแม่!!!"ด้านนอกมีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูพุ่งเข้ามา เป็นหลี่รั่วหานนั่นเอง เขามองสภาพศพของเว่ยจิ่นซางที่นอนตายอยู่บนพื้นดวงตาเบิกกว้าง ข้าง ๆ กันมีหนิงเสวี่ยที่นั่งร้องไห้อยู่ เขาไม่มีเวลาสนใจหนิงเสวี่ยมากนัก เขารีบวิ่งเข้าไปแก้มัดให้องค์หญิงหงลี่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจ้าวไป๋ลู่และลูกที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ข้าง ๆ กัน"ไป๋ไป๋!!!" "นางสลบไม่ได้สติมาหลายชั่วยามแล้ว" เสียงของหลี่รั่วหานปลุกหนิงเสวี่ยให้ตื่นจากความสับสนและหวาดกลัวในจิตใจ นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขาช้า ๆ เมื่อเขาหันมาส

  • หยกงามใต้เงาจันทร์   บทที่ 49 ความจริงที่แสนเจ็บปวด

    นางกรอกยาพิษทั้งที่มือก็สั่นไม่น้อย ยิ่งได้เห็นแววตาที่แข็งกระด้างขององค์หญิงหงลี่ที่มองมา มือนางก็สั่นมากยิ่งขึ้น จนทำยาพิษหกลงพื้นไปเสียดื้อ ๆ องค์หญิงหงลี่กินยาพิษนั้นไปไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ แต่นางก็กระอักโลหิตสีดำออกมาไม่น้อย เว่ยจิ่นซางที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะสะใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง แปะ แปะ แปะ หนิงเสวี่ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเว่ยจิ่นซาง "ท่านแม่" เว่ยจิ่นซางหันมามองหนิงเสวี่ยด้วยสายตาที่เย็นชา "ผู้ใดเป็นแม่เจ้ากัน?" "เอ๋? ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้เจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจ" เว่ยจิ่นซางปรายตามองหนิงเสวี่ยอย่างดูแคลน แววตาที่เคยมองนางประดุจลูกในไส้ แววตาที่อ่อนโยนเลือนหายไปจนหมดสิ้น ยามนี้มีเพียงความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจ รอเวลานี้มานานเหลือเกิน นางรอจนกระทั่งถึงวันนี้!!! "ฮ่า ๆ ๆ ๆ การได้มองเห็นบุตรสาวกำลังฆ่ามารดาของตนเองกับมือ ช่างเป็นภาพที่งดงามเสียจริง ๆ" เว่ยจิ่นซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข หนิงเสวี่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ด้านองค์หญิงหงลี่ที่ได้ยินเว่ยจิ่นซางเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ใจของนางก็เต้นแรงอย่างบ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status