"หย่ากับเธอให้เร็วที่สุด ฉันรู้นะว่าทำไมพี่ถึงยอมแต่งงานกับเมิ่งซิงหลวนตั้งแต่แรก ก็เพราะพี่กลัวว่าเธอจะรังแกเหยาเหยาในบ้านเมิ่งใช่ไหมล่ะ? ตอนนี้เหยาเหยาก็เหนือกว่าเดิมมากแล้ว พี่ไป๋ไม่จำเป็นต้องประนีประนอมขนาดนั้น"คำพูดที่ตรงไปตรงมาของเพื่อนๆ พี่น้อง ทำให้ทุกคนจับจ้องไปที่โจวยวี่ไป๋เพื่อรอฟังคำตอบใบหน้าคมและดวงตาลึกดุดันนั้นเสื้อสูทของเขาถูกแขวนไว้ด้านข้าง ตอนนี้เขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่ไว้ข้างใต้เท่านั้น แขนเสื้อเชิ้ตขาวได้ถูกพับขึ้น เขาถือแก้วไวน์เปล่าเมื่อได้ยินคำถามนั้น คิ้วคมของเขาก็ขมวดขึ้นเล็กน้อยทันทีที่ได้ยิน เขาพูด "ฉันบอกให้ทนายความร่างข้อตกลงหย่าแล้ว"เสียงทุ้มลึกราวกับเชลโล่กล่าวทว่าสำหรับหูของเมิ่งซิงหลวนนั้นสิ่งที่ได้ยินราวกับคำพิพากษาจากนรกหย่างั้นเหรอ?โจวยวี่ไป๋บอกว่าต้องการหย่ากับเธอ?เมื่อได้ยินเขาพูดจบ เมิ่งซิงหลวนก็ลมแทบจับราวกับตอนนี้มีคนสาดน้ำเย็นใส่เธอ จนสั่นสะท้านตั้งแต่หัวจรดเท้าร่างบางสั่นตั้งแต่แรกแล้วที่โจวยวี่ไป๋อยากจะหย่ากับเธอ ไม่เพียงแค่นั้นยังแต่งงานกับเธอเพื่อปกป้องเมิ่งทิงเหยาอีกต่างหากห้าปีของความรักไร้เดียงสากับสอง
แปดพยางค์ที่เอ่ยนั้นช่างเบาหวิว ทว่าเพียงพอให้ทุกคนตรงนั้นได้ยินแจ่มแจ้งเมิ่งซิงหลวนอยากหย่ากับโจวยวี่ไป๋แล้วเป็นเธอคนนั้นที่เริ่มก่อน! ช่างแปลกใหม่เสียเหลือเกิน!พวกเขาไม่รับรู้ถึงความสิ้นหวังหรือความเจ็บปวดใดๆ ของเมิ่งซิงหลวน บางคนราวกับมองมันเป็นแค่ละครหลังข่าวที่น่าตื่นตาเท่านั้นม่านตาของเจ้าตัวที่ถูกพูดถึงเขม่นขึ้น เขาเม้มริมฝีปากบางๆ มองดูเมิ่งซิงหลวนอย่างเย็นชาเมิ่งทิงเหยาที่นั่งข้างเขาแอบเก็บงำความสุขในใจไม่แสดงมันออกมา แต่กลับทำหน้าเหมือนกับจะโทษตัวเองแทนเธอเดาว่าเมิ่งซิงหลวนคงเห็นภาพที่เธอกับโจวยวี่ไป๋ดื่มด้วยกัน"พี่สาวเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันกับพี่ยวี่ไป๋บริสุทธิ์ใจนะ วันนี้พวกเราบังเอิญเจอกันตอนกลับจากต่างประเทศ.. ถ้าพี่ไม่อยากเจอฉันเดี๋ยวฉันไปเอง"เมิ่งทิงเหยานั้นมีใบหน้าน่ารักราวกับเด็กสาววัยสะพรั่ง คิ้วของเธอขมวดเล็กน้อยและดวงตาใสของเธอกลับคลอเบ้าดูน่าสงสารเมิ่งซิงหลวนรู้สึกปวดหัวมากขึ้นไปอีกเธอพยายามที่สุดแล้วเพื่อรักษาศักดิ์ศรีอันน้อยนิด เธอบีบมือตัวเองและจ้องเมิ่งทิงเหยามุมปากโค้งขึ้นอย่างเย้ยหยัน"อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น แต่เธอก็พูดถูกเรื่องหนึ่ง ฉันไม
เมิ่งทิงเหยาพยายามหันเหความสนใจด้วยการเปลี่ยนเรื่องแน่นอนว่าไม่มีใครรู้เรื่องที่เธอท้อง! กระทั่งเพื่อนสนิทเพื่อนรักของเธอ เธอก็ไม่ได้บอกพวกเขาด้วยซ้ำ เมิ่งซิงหลวนรู้ได้อย่างไร?เมิ่งทิงเหยาตัวสั่นด้วยความกลัว น้ำตาเธอไหลท่วมทุกอย่างเต็มไปด้วยความวุ่นวาย"พอได้แล้ว!"อุณหภูมิรอบตัวโจวยวี่ไป๋เย็นยะเยือก ดวงตาเข้มของเขาราวกับปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเขามองไปที่เมิ่งซิงหลวนอย่างแปลกใจที่เห็นเธอทำตัวก้าวร้าวพูดจาปากจัดประหนึ่งเขาไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน"เมิ่งซิงหลวน เหยาเหยาเป็นน้องสาวเธอนะ เธอรู้ใช่ไหมว่าถ้าสิ่งที่เธอพูดหลุดออกไป น้องสาวของเธอจะถูกทำลายไม่เป็นชิ้นดี"น้ำเสียงทุ้มลึกของเขาต่างโทษทุกอย่างเป็นความผิดของหญิงสาวหัวใจเธอยังเจ็บปวดทว่าตอนนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นด้านชาเธอพูดแต่เรื่องจริงเท่านั้น แต่โจวยวี่ไป๋กลับปกป้องเมิ่งทิงเหยาอย่างนี้ในตอนนั้นเอง เมิ่งซิงหลวนรู้สึกได้ว่าคนที่เธอเคยรักและคิดว่าจะพูดปกป้องเธอได้ตายลงในหัวใจเธอหัวเราะเบาๆ โดยดวงตาฉายแววเสียดสีโจวยวี่ไป๋เห็นเมิ่งซิงหลวนรู้สึกหดหู่อย่างไม่มีเหตุผล ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรอย่างถี่ถ้วนนั้น บางคนก็เริ่มด่าเม
เมิ่งซิงหลวนเดินออกจากบาร์ซีโร่ดีกรีความแข็งแกร่งที่มีในที่สุดก็สลายหายไป เหลือเพียงหัวใจที่ยับเยินไปด้วยบาดแผลท้องฟ้าเริ่มมืดลง สายลมยามเย็นพัดผ่าน และความเหงาเข้ารายล้อมหญิงสาวเธอแค่นยิ้มเล็กน้อยราวเยาะเย้ยตัวเอง ก่อนที่เธอจะรู้สึกสงสารตัวเองขึ้นมา เสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง"อาจารย์เมิ่ง! รอฉันที ไม่ต้องเดินเร็วขนาดนั้นก็ได้!"เสียงหญิงสาวเต็มไปด้วยความสลดใจผสมกับลมหายใจหอบแรงเมิ่งซิงหลวนหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียง จนกระทั่งเจียงเมี่ยวเมี่ยวตามเธอทัน เธอโน้มตัวสักพักเพื่อสูดอากาศเข้าไปและยืดตัวขึ้นเมื่อเธอหายใจทันแล้วดวงตาของเจียงเมี่ยวเมี่ยวแดงก่ำจนเห็นได้ชัดว่าร้องไห้มาอย่างหนักสายตาของเมิ่งซิงหลวนจึงสงบนิ่งไม่ไหวติง เธอรู้อยู่แล้วว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่เธอคำนวณดูว่าไอ้ผู้ชายคนนี้อยู่ไหน เธอก็เห็นแล้วว่าความสัมพันธ์นี้จะจบลงด้วยการที่ผู้ชายนอกใจ"อาจารย์เมิ่ง คุณรู้ตั้งแต่แรกใช่ไหมว่าเขานอกใจ?"ขณะที่พูดดวงตาของเจียงเมี่ยวเมี่ยวก็เต็มไปด้วยน้ำตาคลอเบ้าเธอมีหน้าอ่อนวัยแตกต่างกับการแต่งหน้าหนาของเธอแม้ยืนด้วยส้นสูงข้างหน้าเมิ่งซิงหลวน เธอก็ยังเตี้ยกว่า
ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็ระเบิดคำถามลงอย่างบ้าคลั่ง"เมิ่งซิงหลวน หลินเช่อแขนหัก เธอทำเหรอ? เหยาเหยากลับบ้านไปบอกว่าไม่สบายตัว ตอนนี้ก็ไข้ขึ้นยังไม่ตื่นเลย""เมิ่งซิงหลวน ทำไมเธอร้ายได้ขนาดนี้"ทุกคำพูดราวกับมีดคมเฉือนแทงร่างกายของเมิ่งซิงหลวน เธอหัวเราะเบาๆหลังจากที่หัวเราะมากพอแล้ว เธอก็พูดว่า "โจวยวี่ไป๋ ฉันก็สงสัยนะบางครั้งว่าคุณตั้งใจหาคนมาปั่นหัวฉันหรือเปล่า""ทำให้ฉันดูง่ายกับคุณมาตลอดเจ็ดปี""ถ้าฉันสามารถขนาดนั้นทำไมฉันไม่ฆ่าพวกเขาให้ตายเพื่อคลายโกรธเลยล่ะ? ทำไมไม่ไปถามพวกเขาว่าพวกเขาทำเลวอะไรไว้บ้าง?"เสียงถากถางและเย็นชาของเมิ่งซิงหลวนทำให้โจวยวี่ไป๋รู้สึกไม่สบายใจวินาทีต่อมา เมิ่งซิงหลวนพูดต่อ "อย่าลืมเรื่องหย่าที่สำนักงานเขตตอนแปดโมงล่ะ"เมื่อได้ยินเสียง 'บี๊บ' ตัดสายใบหน้าของชายคนนั้นก็หม่นลงนี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งซิงหลวนตัดสายเขาด้วยตัวเองโจวยวี่ไป๋หงุดหงิดและนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนข้างเตียงของเมิ่งทิงเหยา จนกระทั่งถึงเวลาต้องออกไปวันนี้ฟ้าสดใสเมิ่งซิงหลวนมาตรงเวลาและรอเพื่อเข้าสำนักงานเขตผิวโดดเด่นและสวยงามของเธอสะกดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
ทันีที่เขาเรียกชื่อเธอ ร่างหญิงสาวก็หายวับไปบริเวณหัวมุมถนนราวกับเขาเป็นสัตว์ป่าร้ายกาจเมิ่งซิงหลวนเดินเจอร้านสะดวกซื้อแล้วจึงนั่งลงเธอดูเงินคงเหลือในโทรศัพท์แล้วพบว่ามันไม่พอที่จะทำให้เธอหาบ้านใหม่ได้เป็นเวลาเจ็ดปีที่เธอทุ่มเทอยู่กับโจวยวี่ไป๋แม้เธอจะได้เงินมาเท่าไหร่ เธอก็เอาไปซื้อของขวัญให้เขาจนหมดแน่ล่ะสุนัขที่ซื่อสัตย์กับเจ้าของก็ไม่เหลืออะไรทั้งนั้นเมิ่งซิงหลวนมองดูค่าบ้านที่สูงลิ่วในโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเรียบเฉยครุ่นคิดว่าจะดีลกับมันยังไดี ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น"อาจารย์เมิ่ง! ตอนนี้คุณอยู่ไหน? เมื่อคืนฉันสร้างปัญหาให้คุณอย่างมาก บอกที่อยู่ของคุณมาทีฉันจะไปหาคุณเลย"เมิ่งซิงหลวนให้ที่อยู่ไปเพียงสิบห้านาทีต่อมา เจียงเมี่ยวเมี่ยวที่ตาบวมราวกับลูกวอลนัทยืนอยู่ตรงหน้าเมิ่งซิงหลวนเธอเหงื่อออกท่วมตัวด้วยความร้อน แม้กระทั่งหน้าม้าของเธอยังเปียกชุ่ม"อาจารย์เมิ่ง ทำไมคุณออกไปโดยไม่บอกอะไรเลยล่ะ ดีนะที่ฉันไม่ลืมที่จะบันทึกเบอร์โทรไว้"เจียงเมี่ยวเมี่ยวดื่มน้ำแร่อึกๆ เพื่อให้หายใจทัน ดวงตาของเธอฉายแววขัดใจเมิ่งซิงหลวนเลิกคิ้วก่อนที่เธอจะได้พูดอไร เจียงเมี่ย
"มีเรื่องอะไรกัน?"คุณหญิงโจวเดินลงบันไดไปอย่างช้าๆ โดยมีโจวเพียนหรานลูกสาวของเธอช่วยพยุงลงเธอสวมชุดกี่เพ้าสีเรียบสง่างามหรูหรา ดวงตาทั้งสองดูเฉียบคมจริงจังคนรับใช้เงียบทันทีด้วยความเคารพแล้วพูด "คุณผู้หญิง คุณเมิ่งมาค่ะ"สองปีหลังจากแต่งงานเข้ามาในตระกูลโจว เธอไม่ได้แม้กระทั่งตำแหน่งคุณนายโจวด้วยซ้ำการเรียกเธอว่าคุณเมิ่งนั้นบ่งบอกว่าตระกูลโจวกันเธอออกไปและไม่ยอมรับในตัวเธอเมิ่งซิ่งหลวนรู้สึกสงสารและสมเพชตัวเองคุณหญิงโจวเหลือบมองเมิ่งซิ่งหลวนอย่างเย็นชาแล้วตำหนิ "เธอแต่งงานมาสองปีแล้วแต่เธอกลับยังทำตัวเหมือนมาจากตระกูลบ้านนอก ตระกูลเมิ่งช่างสอนลูกสาวมาดีจริงๆ!"โจวเพียนหรานเยาะเย้ย สายตาฉายแววรังเกียจ เธอพูดแทรกเข้ามา "เมิ่งซิงหลวน ฉันบอกเธอไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าเธอมาบ้านใหญ่ เธอก็ต้องมารายงานก่อน ในเมื่อเธอแต่งงานกับพี่ชายของฉันก็ต้องทำตามกฎของบ้าน... "เมิ่งซิ่งหลวนทนไม่ไหวอีกต่อไปเธอหมดความอดทน ขัดจังหวะพูดอย่างตรงไปตรงมา "แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าเธอเป็นคนดูแลบ้านใหญ่ล่ะ? เลิกพูดอ้อมค้อมกันซะเถอะ ฉันกับโจวยวี่ไป๋หย่ากันแล้ว ตอนนี้ฉันมาเป็นแขกคุณปู่โจวต่างหาก"หลังพ
ชายชราคนนั้นเต็มไปด้วยผมสีขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่นที่แสดงให้เห็นประสบการณ์ชีวิตที่สง่างามห้องรับแขกทันใดนั้นเองก็เงียบสงัดลงสายตาแหลมคมของชายชรากวาดมองผู้คนตรงนั้นทีละคน จนในที่สุดก็มาเจอเมิ่งซิ่งหลวน แววตาอ่อนโยนลงทันที"หนูเมิ่งมาแล้วเหรอ? ขอโทษด้วย ปู่มีเรื่องทำให้ช้าไปหน่อย เอ้านั่งเสียสิ เสี่ยวฟางไปชงชาเสีย ใช้ชาดีๆ ที่เพิ่งได้มาไม่นานนี้สิ"คนรับใช้ที่ถูกเรียกชื่อตกใจ เธอเหลือบมองไปที่คุณหญิงโจวก่อนที่จะรีบไปห้องครัวโจวเพียนหรานกัดริมฝีปากล่างด้วยความไม่พอใจในความลำเอียงของชายชรา"คุณปู่ ใครกันแน่ที่เป็นหลานสาวของปู่? เมิ่งซิ่งหลวนเป็นแค่คนนอกเท่านั้น! ถ้าเธอไม่ใช้เล่ห์กลสกปรกแล้วล่ะก็เธอจะเข้ามาในตระกูลโจวได้อย่างไร?"ได้ยินคำพูดหยาบคายของหลานสาว สีหน้าของชายชราก็เข้มลงทันที แววตาแสดงให้เห็นถึงความโกรธ"โจวเพียนหราน ปู่บอกไปกี่ทีแล้วว่าซิ่งซิ่งเป็นพี่สะใภ้ หลานต้องเคารพเธอ! แม่เธอสอนมาแบบนี้เหรอ? ไม่มีมารยาทเลยสักนิด!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวเพียนหรานก็รู้สึกแย่และคว้าแขนของแม่ไว้เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองเต็มไปด้วยความไม่พอใจในขณะนี้เมิ่งซิ่งหลวนท