ไม่นานอาหารที่ภาวิชญ์สั่ง ก็ทยอยมาวางตรงหน้า อันตรารู้สึกหิวขึ้นมาทันที วันนี้เขาสั่งสลัดกุ้งกรอบให้เธอ
“ที่นี่มีของกินแบบนี้ด้วยเหรอคะ”
“แน่นอนสิ ไม่มีร้านอาหารจะกินข้าวกันที่ไหนล่ะ กินก่อนเถอะ เมื่อวานก็ไม่ได้กินไปรอบหนึ่งแล้ว เดี๋ยวพี่จะคุยทีเดียว”
อันตราลงมือกับอาหารจานโปรดจนเกือบเกลี้ยง เขาสังเกตว่าเธอไม่กินหอมหัวใหญ่ และเขี่ยเอาไว้ข้าง ๆ
“ไม่ชอบเหรอ”
“มันกลิ่นแรงค่ะ แล้วก็มันแผดก็เลยไม่ชอบ”
เมื่อพวกเขากินเสร็จแล้ว ภาวิชญ์จึงได้เดินไปที่กระจกด้านหน้า ซึ่งเห็นสนามแข่งรถ
“เกือบสามปีก่อน พี่รู้จักคุณอาเสกสรรค์ เขาพาพี่มาที่นี่ เพื่อทดลองขับรถแข่ง”
“คุณพ่อเหรอคะ”
“ใช่ วันนั้นคุณอาไปหาพ่อพี่ที่บริษัท เขาเห็นสีหน้าพี่เหมือนคนตายไปแล้ว ก็เลยขอพ่อพาพี่มาที่นี่ หลังจากวันนั้น ชีวิตพี่ก็เริ่มเห็นแสงสว่าง พบสิ่งที่ชอบ และก็… ลืมความเจ็บปวดจากรักครั้งแรก”
อันตราหันไปมองหน้าเขา ที่มองไปที่สนามแข่ง เขารู้สึกขอบคุณพ่อของอันตรา และรู้ว่าอันตราสอบเข้ามาเรียนที่เดียวกับเขา เสกสรรค์ภูมิใจกับลูกสาวคนนี้มาก
เขามักจะเล่าเรื่องของอันตราให้ภาวิชญ์ฟัง จนเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ จนกระทั่งมาพบเธอที่มหาลัย ถึงจะดูเป็นเด็กเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่กลับมีเสน่ห์บางอย่าง ดึงดูดคนอื่นรอบข้างอยู่เสมอ
“คนนั้นคือพี่สาวของน้องเค้กเหรอคะ ที่เคยเจอที่โรงแรม”
“ใช่ เธอชื่อครีม เป็นเลขาพ่อของพี่เมื่อหลายปีก่อน พวกเราแอบคบกัน พี่อายุน้อยกว่าเธอเกือบห้าปี ก่อนหน้านั้นก็เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนหลัง เธอไปพบกับลูกชายมาเฟียต่างประเทศ เขาทั้งหล่อ รวยและมีอำนาจ อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เธอก็เลยเลือกเขา”
“แต่ทำไมเธอถึงกลับมาล่ะคะ”
“เรื่องนั้นพี่ไม่ได้สนใจ แต่ที่พ่อแม่ของพวกเราตกลงกัน ทุกอย่างมันมีที่มา อีกอย่างพี่อยากถามอันว่า เราจะทำตามที่ตกลงกับผู้ใหญ่เอาไว้ได้ไหม ให้พี่ลองดูแลจนกว่าจะเรียนจบ หลังจากนี้ถ้าอันจะตัดสินใจยังไง พี่จะยอมรับทุกการตัดสินใจของอัน”
“อันไม่อยากเข้าไปวุ่นวายเรื่องของพี่กับ…”
“พี่บอกแล้วไง ว่าพี่ไม่ได้เห็นว่าเธอสำคัญอีกแล้ว”
“แล้วน้องสาวของผู้หญิงคนนั้น ดูเหมือนว่าเธอก็จะชอบพี่”
“วันนั้นที่อันได้ยิน พี่ขู่เธอในห้อง และสั่งห้ามไม่ให้เธอมายุ่งกับพี่อีก”
“วันนั้นเหรอคะ”
“ใช่ วันที่อันทำปากกาตกนั่นแหละ เค้กสร้างความอึดอัดให้พี่มาก พี่รำคาญและทนไม่ไหว เลยทำรุนแรงไป จนเสียงมันลอดออกมาข้างนอก”
“ดูเหมือนว่า จะไม่ค่อยได้ผลนะคะ”
“นั่นคือเหตุผล ที่พี่ต้องมีอัน”
“คะ สุดท้ายแล้วก็ไม่พ้นเป็นไม้กันหมา”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ”
อันตราเผลอหลบสายตาเขา สีหน้าจริงจังของภาวิชญ์ ทำให้เธอเขินจนหัวใจเต้นแรง
“พี่อยากจะดูแลอัน เพื่อเป็นการตอบแทน ในสิ่งที่คุณอาเสกสรรค์เคยทำให้พี่”
“อ้อ แบบนั้นเองเหรอคะ”
“อันคงไม่คิดว่า ตัวเองจะสามารถชอบคนง่าย ภายในสองสัปดาห์หรอกมั้งใช่ไหม ถึงพี่จะหล่อก็เถอะ”
อันตราอดขำออกมาไม่ได้ เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา ภาวิชญ์เองก็ไม่คิดว่า เขาจะกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเธอ แต่นั่นกลับทำให้ทั้งคู่หัวเราะออกมาได้ และทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น
“ค่ะ เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ ถึงแม้ว่าพี่จะหล่อขนาดนั้นก็เถอะ”
“ไม่เอาน่า แซวแบบนี้พี่ก็เขินนะ”
หลายวันถัดมา
หลังจากวันนั้น ภาวิชญ์ก็คอยไปรับไปส่งอันตราอยู่เสมอ พวกเขาเหมือนจะคุยกันมากขึ้น หลังจากที่ไปส่งอันตรา ภาวิชญ์ก็มักจะโทรไปคุยกับเธอเสมอ วันนี้เขาพาเธอไปที่สนามแข่งรถ และต้องเจอกับคนที่ไม่อยากเจออีกครั้งที่หน้าห้องน้ำหญิง
“เธออีกแล้วเหรอ มาถึงที่นี่เชียว”
อันตราหันไปมองหน้าคนที่ทัก เค้กยืนกอดอกอยู่ข้างหลัง และชักสีหน้าไม่พอใจ
“สนามนี้ น้องเค้กเป็นเจ้าของเหรอคะ”
“ว่ายังไงนะคะ”
“พี่ถามว่าสนามแข่งรถนี้ เป็นกิจการของที่บ้านน้องเค้กเหรอคะ”
“เปล่าค่ะ”
“อ้าว แล้วแบบนี้มีสิทธิ์อะไร มาถามคนอื่นแบบนั้นล่ะคะ”
“นี่!”
“อัน!”
ภาวิชญ์เดินเข้ามาทันที เขาเห็นว่าเค้กเดินตามเธอเข้ามา ก็เลยคิดว่าอาจจะมีเรื่อง ก็เลยตามมา เมื่ออันตราเห็นภาวิชญ์เข้ามา ก็หันไปทันที
“พี่จะแข่งแล้ว เลยมาตามน่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
“พี่…”
"ขอโทษด้วยค่ะพี่ภีม อันกำลังจะออกไป พอดีน้องเค้กถามว่าอันมาทำอะไร ก็เลยกำลังจะตอบไปว่า มาให้กำลังใจ "คู่หมั้น" ขอตัวก่อนนะคะน้องเค้ก ไปกันเถอะค่ะพี่ภีม ต้องรีบไปเตรียมตัวไม่ใช่เหรอคะ พรุ่งนี้อันนัดกับคุณแม่เอาไว้ คืนนี้ห้ามกลับหลังเที่ยงคืนนะ"
“รู้แล้วครับ ไปกันเถอะ”
ภาวิชญ์เดินจับมืออันตรา และเดินออกไปทันที โดยไม่ได้ทักเค้กเลยสักคำ เค้กยืนโกรธอยู่หน้าห้องน้ำ ในมือกำหมัดแน่น
“อีเวรนี่วอนเสียแล้ว มึงรู้จักกูน้อยไป อีอันตรา”
เค้กเดินออกมาที่สนามแข่ง ตอนนี้อันตราเดินถือของให้กับภาวิชญ์ เขากำลังจะเดินเข้าสนามแข่ง เธอสวมหมวกกันน็อคให้เขา และภาวิชญ์กำลังใช้มือลูบศีรษะเธอเบา ๆ ภาพนั้นทำให้เค้กตัดสินใจทันที
“สาวสวยคนนั้นเหรอ”
“ฉันอยากให้มันอาย จนไม่กล้ามาที่นี่อีก ทำได้ไหม”
“เอาเธอเป็นเดิมพันสิ แค่นี้ก็ทำลายเธอได้แล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาที่นี่ ก็เพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอ”
“นั่นสินะ ทำไมคิดไม่ถึงกันนะ”
คืนวันเสาร์
วันนั้นภาวิชญ์รับอาสามาส่งอันตรา ที่พาคุณแม่ของเธอไปทำเล็บกับคุณแม่ของเขา ระหว่างทางกลับบ้าน ก็ได้รับสายจากก้องภพ ว่าที่สนามแข่งมีงานสำคัญ
“อะไรวะไอ้ก้อง วันนี้กูไม่ว่าง”
อันตราได้ยินเสียงลอดผ่านออกมา แต่ฟังไม่ออกเลยสักคำ ภาวิชญ์ตัดสินใจจอดรถ และคุยกับก้องภพให้จบ ซึ่งได้ความว่า คู่แข่งต้องการให้ทีมของพวกเขาลงแข่ง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูล่ะ”
“กูไม่อยากให้วุ่นวาย มึงมาก่อนได้ไหม อีกอย่างฝั่งเราก็เสือกไปรับปากว่าจะแข่ง”
“วันนี้กูไม่ว่าง กูมีนัด”
“ทีมที่มาท้าแข่งคือ “เซเรียว” คนที่ลงแข่งคือ “ไอ้ริว” มึงอยากแข่งกับมันมาตลอดไม่ใช่เหรอ”
ภาวิชญ์นิ่งไป และหันมามองหน้าอันตรา เขาไม่รู้ว่าเธอคิดยังไง เขาไม่ได้อยากไป แต่อีกฝ่ายคือคู่แข่ง ที่เขาอยากเอาชนะให้ได้สักครั้ง
“เดี๋ยวกูโทรกลับ”
“อ้าวเดี๋ยว! ไอ้เพื่อนเวร! วางหูไปเฉย”
ภาวิชญ์นั่งคิดอยู่ที่รถ อันตราจึงหันมาถามเขา
“พี่ภีมไปเถอะค่ะ เดี๋ยวอันกลับบ้านเองก็ได้”
“อัน พี่อยากให้อันไปด้วยกับพี่ แค่วันนี้ได้ไหม”
“ทำไมล่ะคะ”
“ไม่รู้สิ เซเรียลเป็นคู่แข่งที่พี่เคยแพ้มาก่อน พี่เคยอยากเอาชนะเขาให้ได้สักครั้ง แต่ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วย”
อันตราไปที่สนามแข่งกับเขาบ่อย จนคุ้นเคยกับเพื่อน ๆ ของเขาแล้ว อีกอย่างก้องภพก็เป็นรุ่นพี่ของเธอ เขาสามารถดูแลเธอได้ ระหว่างที่ภาวิชญ์กำลังแข่งอยู่
“ในเมื่อพี่ภีมอยากจะแข่ง ก็ไปเถอะค่ะ”
“วันนี้อันไปกับพี่ด้วยได้ไหม”
“ถ้าอันไปด้วย จะไม่ทำให้พี่เสียสมาธิเหรอคะ”
ภาวิชญ์โน้มตัวเข้ามา เขาดึงเธอเข้ามากอด อันตราได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นแรงอยู่ข้างใน ตั้งแต่วันที่เขาจูบเธอ ภาวิชญ์ก็ไม่เคยทำแบบนั้นอีกเลย พึ่งจะมีวันนี้ ที่เขารู้สึกว่าอยากพาเธอไปกับเขาด้วย
“ถ้ามีอันไปกับพี่ด้วย พี่จะไม่กลัว ไปเชียร์และให้กำลังใจพี่ อยู่ข้างสนามอีกสักวันได้ไหม”
อันตราถูกเขาพาเข้ามา จับถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำใต้ฝักบัว แปรงฟันและสระผมให้เรียบร้อย กระทั่งเป่าผมให้แห้ง เขาแทบจะเปลี่ยนเป็นพ่อคนได้อยู่แล้ว เมื่ออยู่กับอันตรา นานวันเข้าสิ่งเหล่านี้ ภาวิชญ์ก็ทำไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาเป่าผมให้เขาอยู่“แห้งแล้วค่ะ”“พี่ชอบเวลาอันใส่เสื้อเชิ้ตของพี่แบบนี้มากเลยรู้ไหม มันเซ็กซี่มาก”“อันรู้ค่ะ ถึงได้ยั่วพี่แบบนี้ไงล่ะคะ”“รู้ใจแบบนี้ คืนนี้คงต้องคุยกันยาวแล้วล่ะ”“อ๊ะ พึ่งจะอาบน้ำมา เบา ๆ หน่อย อุ๊ย พี่ภีม เสียว อาาา”เขาปลดกระดุมออกไม่กี่เม็ด และเริ่มใช้ลิ้นดุนดันที่หน้าอกอวบตรงหน้า รอยคิสมาร์คเริ่มหายไปแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ เขาให้เธอได้พักช่วงมีรอบเดือน ซึ่งอันตรารู้ว่าภาวิชญ์อัดอั้นแค่ไหน เพราะมือของเธอที่จับที่เป้ากางเกงของเขา รู้สึกได้ถึงความแข็งขืนของมังกรยักษ์ในนั้น“อูยย เบาหน่อยเมียจ๋า มันแข็งจนไม่ไหวแล้ว”“ก็อย่าเล้าโลมเยอะสิคะ รีบเข้ามา”“พี่กลัวอันเจ็บ ต้องทำให้พร้อมก่อน”เขาอ่อนโยนกับเธอเสมอ ทุกครั้งที่มีเซ็กซ์กัน ไม่มีครั้งไหนที่ภีมจะเร่งรีบและทำให้เธอเจ็บเลย อีกอย่างต่อให้เขาต้องการเธอมากแค่ไหน ถ้าอันตราบอกว่าไม่ เขาก็จะไม่รบกวนเธอ
ห้าวันถัดมา“อันครับ… ตื่นได้แล้วนะ”“อือ พี่ภีม อันไม่อยากไปแล้ว ฮืออ”“ไม่เอาน่าอย่างอแง เดี๋ยวพวกคุณแม่จะรอนาน วันนี้ไปดูอีกสองที่สุดท้ายแล้ว ถ้าอันไม่ชอบก็จบ ไม่ต้องไปอีกแล้วตกลงไหม แต่ตอนนี้ลุกขึ้นมาก่อน รีบไปอาบน้ำเร็ว”เขารู้ว่าแฟนสาวคงไม่อยากตื่น ในวันหยุดที่เธอมีรอบเดือนแบบนี้ แต่ทั้งคู่นัดกับคุณแม่ทั้งสองเอาไว้ ว่าจะไปดูสถานที่จัดงานหมั้น เพราะสองครอบครัวทำธุรกิจร่วมกัน ดังนั้นเรื่องการจัดงาน ก็จำเป็นต้องแจ้งอย่างเป็นทางการ แต่อันตราที่ถูกพาพวกแม่ ๆ ไปดูสถานที่มากว่าหลายวัน ก็ดูเหมือนจะไม่มีที่ไหนถูกใจเธอเลย“มาครับ รีบตื่นพี่จะอาบน้ำให้ เร็ว ๆ เข้า"“ไม่ได้! อันอาบเองพี่จะบ้าเหรอ อันมีรอบเดือน”“พี่ลืมไป เอาน่า เอาไว้หลังจากไปดูสถานที่เสร็จแล้ว จะพาไปกินไอศกรีมร้านโปรดของอัน ดีไหม”“พี่ภีมจะบ้าเหรอ เป็นประจำเดือนใครเขากินไอติมกันล่ะ ไม่เอา ขอกุ้ง ตัวโต ๆ น้ำจิ้มซีฟู๊ด”“ได้หมดเลย แต่ตอนนี้ลุกขึ้นมาอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพี่เตรียมชุดให้"“ฮือ…วันหยุดของฉัน”"เอาน่า หลังจากนี้ก็ไม่ยุ่งแล้วล่ะ เชื่อพี่"เชื่อกับผีน่ะสิ เธอคิดในใจ เพราะหลังจากไปดูสถานที่ สุดท้ายก็ลงเอยที่อันตราคิดว่า
รัชชานนท์ถึงกับหน้าเหวอไปทันที ช่วงหนึ่งปีนี้เขาถูกย้ายไปดูแลสาขาเชียงใหม่ และพึ่งได้มีโอกาสกลับมาที่กรุงเทพ ไม่คิดเลยว่าลูกสาวท่านประธานที่เขาหมายตาเอาไว้ จู่ ๆ จะมีคู่หมั้นไปแล้ว นี่เขาพลาดอะไรไป“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนนท์ ผมภาวิชญ์ ลูกชายคุณภาษิต”“คุณภาษิตเหรอ คุณหมายถึงท่านประธานภาษิต เจ้าของท่าเรือและเจ้าของโรงแรมนี้”“ครับ ดีใจที่ได้พบกันนะครับ”“ครับ ผมรัชชานนท์ ยินดีที่ได้รู้จัก เอ่อ วันนี้พี่ยังมีธุระ เอาไว้พี่โทรหานะอัน”“ค่ะพี่นนท์ สวัสดีค่ะ”“ไปก่อนนะครับคุณภาวิชญ์ เอาไว้พบกันใหม่”“ครับ จริงสิงานหมั้นของเรา อันก็เชิญคุณนนท์ไปด้วยใช่ไหม”“เอ่อ...”อันตราทำหน้าอึดอัดเล็กน้อย เพราะรู้ว่านนท์คิดยังไงกับเธอ แต่เรื่องนี้เธอยังไม่ทันได้คิด ก็เจอเขาเสียก่อน ภาวิชญ์ยืนยิ้มและหันไปมองนนท์ ซึ่งแทบจะยิ้มไม่ออก“ถ้ายังไงจะให้อันเชิญไปนะครับ หวังว่าจะได้พบกัน ในงานหมั้นของเราสองคน”“ครับ พี่ยินดีด้วยนะอัน”“ขอบคุณค่ะพี่นนท์ อันขอตัวก่อนนะคะ”อันตรารีบเดินกลับเข้าไปในห้อง เธอสังเกตว่าภาวิชญ์พูด และยิ้มน้อยลง จนกระทั่งนั่งฟังเรื่องที่พ่อแม่ของทั้งคู่ไปต่างประเทศ และซื้อของมาฝากทั้งคู
“หมั้นเหรอคะ เร็วขนาดนี้เลย”“ทำไมดูเหมือนไม่ดีใจเลยล่ะ หรือว่ามีแต่พี่ ที่ดีใจอยู่คนเดียว”“ไม่ใช่สักหน่อย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เร่งล่ะคะ”ภาวิชญ์ดึงเธอเข้ามาจนชิดอีกครั้ง “ก็เพราะพี่ใจร้อนน่ะสิ อีกอย่างไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว แต่อันยังต้องเรียนอีกตั้งสองปี ถ้าไม่หมั้นเอาไว้ก่อน พี่จะไปทำงานอย่างสบายใจได้ยังไง ต่อไปก็ไม่ได้มาเฝ้าที่มหาลัยแล้ว”“ดูทำหน้าเข้าสิ ทำไมคะ ไม่ไว้ใจอันเหรอ ตลอดเวลาไม่มีใครเข้ามาเลยนะคะ มีแต่ทางพี่ภีม”“ไม่ใช่สักหน่อย เรื่องแบบนี้มันบอกได้ด้วยเหรอ ว่าจะมาได้เมื่อไหร่ ไม่รู้แหละ วันเสาร์ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้กลับบ้านกันดีกว่า นะครับ”“แล้วรายงานล่ะคะ”“ก็เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ แก้อีกนิดเดียวเอง อันก็เอาหนังสือมาเก็บหมดแล้วนี่ เอาน่านี่ก็จะห้าโมงแล้ว กลับกันเถอะ รู้ไหมว่าพี่เมื่อยมากเลย ปวดหัวไปหมดแล้วเนี่ย”“ก็ได้ ๆ ไม่ต้องดัน ขอเก็บหนังสือก่อน”“เดี๋ยวก็มีคนมาเก็บเองแหละน่า ไปกันเถอะ รีบกลับบ้าน”อันตราถูกภาวิชญ์ดึงกลับบ้าน เขาแทบจะอุ้มเธออยู่แล้ว ช่วงนี้อันตราแทบจะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ หลังเลิกเรียนเลย เพราะภาวิชญ์เรียนเสร็จ เป็นต้องมานั่งเฝ้าเธอหน้าคณะ ไม่กลับบ้านก็ต
หลังจากไปเยี่ยมเค้กกลับมาแล้ว อันตราก็กลับมาเก็บของเงียบ ๆ ที่ห้องพักของภาวิชญ์ ก่อนจะออกจากโรงพยาบาล วันนี้เขาให้กองทัพมาช่วยขับรถไปส่งให้ ก้องภพเองก็มาช่วยเขาด้วย เพราะวันนี้ตะวันมีนัดกับมะปราง ทั้งคู่เลยมาไม่ได้ เมื่อทั้งสองคนมาส่งทั้งคู่ที่คอนโด ก็รีบกลับทันที“ขอบใจนะไอ้ก้อง ไอ้กองทัพ”“ไม่เป็นไร มึงก็พักผ่อนให้ดี ไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องบางอย่าง พวกเราก็ทำเต็มที่แล้ว น้องอันก็ด้วยนะ ไม่ต้องคิดมากแล้ว”“ขอบคุณค่ะพี่ก้อง”ก้องภพรู้ว่า อันตรารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยชีวิตเค้กเอาไว้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อเห็นสภาพของรุ่นน้องที่เคยสวย ปากดีและคอยหาเรื่องเธอไม่หยุด ต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียงคนป่วยแบบนั้น ก็ทำให้อันตรารู้สึกแย่ลงไปนิดหน่อยเธอเข้ามาในห้องที่คุ้นเคย ก็พอจะทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง ภาวิชญ์เดินเอาของไปเก็บ และหันมากอดเธอจากด้านหลัง อันตราจับเขาเอาไว้“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ”หยดน้ำตาหล่นใส่หลังมือของภาวิชญ์ ทำให้เขาตกใจ และรีบหันมาจับตัวเธอหันมา แฟนสาวของเขากำลังร้องไห้ “อย่าร้องนะ อันไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น อย่าร้องอีกเลย”“อันขอโทษค่ะ…”ภาวิชญ์กอด
ครีมหันมายิ้ม และจับมืออันตราด้วยความรู้สึกขอบคุณจากหัวใจ หากวันนั้นอันตราไม่ช่วยบริจาคเลือดให้ เค้กก็คงยังไม่พ้นขีดอันตรายจนถึงวันนี้ “เค้กคงดีใจ ที่อันอยากไปเยี่ยมเธอ ขอบคุณมากเลยนะคะ”“เอาไว้อันจะชวนพี่ภีมไปเยี่ยมเธอนะคะ”“จ้ะ”ห้องพักของภาวิชญ์“ไม่ไปหรอก พวกเราก็ช่วยไปเยอะแล้ว อันบริจาคเลือดให้ นั่นก็มากไปแล้วนะ ต้องไปเยี่ยมด้วยเหรอ”“อะไรกันคะ เห็นรีบร้อนไปช่วยขนาดนั้น นึกว่าเป็นห่วงเสียอีก”“ไม่ต้องมาประชดเลยนะ เดี๋ยวพี่หายแล้วจะโดนไม่ใช่น้อย”“ใครกลัวกันล่ะคะ ตอนนี้อย่าพึ่งปากดี กินข้าวก่อน”“ป้อนหน่อยสิ นะครับ”อันตราได้แต่ส่ายหน้า และเดินมาแกะชามข้าวที่พึ่งมาส่ง เธอกำลังป้อนข้าวเขา ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตะวัน มะปรางและเพื่อน ๆ ก็เดินเข้ามา จนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัว ภาวิชญ์เกือบสำลักเมื่อเห็นหน้าเพื่อน ๆ “โอ้โหไอ้วิชญ์ ป่วยแค่นี้ถึงกับแดกข้าวเองไม่ได้ พวกมึงดู ๆ อ้อนฉิบหายเลยว่ะ”“ไอ้เวร! เงียบไปเลย มาทำอะไรกันเยอะแยะ”“โธ่ไอ้เพื่อนเวร! กูกับปรางเป็นคนพามึงมาส่งโรงพยาบาล ยังไม่สำนึกอีก มีหน้ามาถามว่ามาทำไม ปรางดูสิ มันด่าพี่”ตะวันหันไปฟ้องมะปราง อันตราได้แต่ก้มหน้า เ