คณะมนุษศาสตร์
“แม่เจ้าโว้ย! นี่แกจูบพี่ตะวันเลยเหรอ จตุรเทพของฉันโดนปล้นจูบเหรอเนี่ย”
“ทำไมละ ไม่ใช่ว่าจะทำบ่อยแล้วเหรอ”
“สี่จตุรเทพวิศวะ ไม่คบใครเป็นแฟน ยิ่งเรื่องจูบไม่ต้องพูดถึง ต่อให้เขานอนกับใครก็จะไม่จูบ นี่เป็นกฎของพวกเขา”
""อะไรนะ!""
อันตรานิ่งจนหูอื้อ เมื่อเพื่อนสนิทของเธอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เมื่อวานนี้มะปรางมีเรื่องกับแฟนเก่าที่หน้าคณะ หลังจากที่เธอกลับไปแล้ว วันนี้ถึงได้รู้ว่าเธอกับตะวันจูบกันที่หน้าคณะ จนเป็นข่าวดัง อันตราได้แต่นิ่งฟัง
"ไอ้อันทำไมแกหน้าแดงแบบนั้นละ เป็นอะไรไป”
“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร ฉันไม่คิดว่าแค่เรื่องจูบ มันจะมีความหมายกับคนเจ้าชู้อย่างพวกเขา”
“นั่นสิ อันพูดถูกนะ ฉันก็คิดว่าเรื่องนี้เหลวไหลสุด ๆ เลย”
“ไม่นะ ที่ไอ้เนตรพูดมาฉันก็เคยได้ยิน แกจำคนชื่อ “มีน” คณะสังคมได้ไหมล่ะ ยัยนั่นก็เคยควงกับพี่ภาวิชญ์ครั้งหนึ่ง แต่เหมือนจะเลิกติดต่อกันเพราะเรื่องนี้แหละ”
“ภาวิชญ์ คนสูง ๆ ขาว ๆ ลูกเจ้าของโรงแรมห้าดาวนั่นน่ะเหรอ”
“มีนเลิกกับพี่ภาวิชญ์ เพราะจะไปจูบเขา พี่คนนั้นเลยคิดว่าเธอล้ำเส้น ก็เลยเลิกกันไป”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ มะปรางถึงได้ฉุกคิด แต่เมื่อหันมามองหน้าอันตราที่นิ่งอยู่ ก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วง
“อันแกเป็นอะไร ทำไมเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรเลยละ”
“ไม่มีอะไรหรอก”
อันตรานิ่งไปทันที เพื่อนของเธอยังคุยเรื่องระหว่างมะปรางกับตะวันต่อ ส่วนเธอได้แต่ฟังเงียบ ๆ เพราะคิดถึงเรื่องของตัวเอง เมื่อวานนี้ภาวิชญ์ก็จูบเธอเหมือนกัน แต่จูบของเขา… มันจะเหมือนกับที่เนตรพูดจริงเหรอ
‘ไม่หรอก เขาก็แค่ไอ้คนเจ้าชู้ เห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้น อย่าไปเชื่อข่าวลือพวกนั้นเลย’
แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ ถ้าเขาถึงกับเลิกกับแฟนคนเก่าคณะสังคม เพราะเรื่องจูบละก็ แล้วที่ทำกับเธอเมื่อวานล่ะ มันหมายความว่าอะไร วันนี้เหมือนจะมีเรื่องยุ่งทั้งวัน จนกระทั่งพวกเธอจะกลับบ้าน รุ่นพี่ที่เคยเป็นอดีตดาวคณะก็มาหาเรื่องมะปราง สุดท้ายตะวันกับภาวิชญ์ก็เดินเข้ามาห้ามได้ทัน
เย็นวันนั้น / หน้าคณะมนุษยศาสตร์
“อยากรู้ไม่ใช่เหรอ ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”
ตะวันเดินไปช่วยมะปราง อันตรากำลังจะถอย เพราะคนที่มากับเขาคือภาวิชญ์ แต่เธอก็หนีไม่ทัน เขาเดินก้าวขาแค่สองก้าวก็มาถึงเธอ
“จะรีบหนีไปไหนล่ะ ไม่เป็นห่วงเพื่อนเหรอ จะหนีแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ไม่ได้จะหนีสักหน่อย”
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดูจนจบสิ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“แต่…”
“ถ้าเถียงอีก พี่จะทำเหมือนเมื่อคืน ทางที่ดีอย่าเสี่ยงดีกว่า”
เพี๊ยะ!
“ตายจริง”
อันตราอุทานขึ้น เมื่อพี่ลูกพีชหันไปตบหน้ารุ่นพี่ตะวัน ภาวิชญ์ดึงอันตราออกมาข้างหลัง
“อย่าเข้าไป เดี๋ยวโดนลูกหลง”
“แต่เขาเป็นเพื่อนพี่นะคะ”
“มันจัดการเองได้ ไม่ต้องเข้าไปยุ่งหรอก”
อันตราหันไปมองมะปราง เธอห่วงเพื่อนของตัวเองมากกว่า แต่ดูเหมือนว่าตะวันจะจัดการทุกอย่างแล้ว จนรุ่นพี่คนสวยเดินกลับไป อันตราถึงได้รีบเดินเข้าไปหามะปราง และกำลังจะแยกย้าย เดิมทีนัดกันเพื่อจะไปดูหนัง แต่ตอนนี้ทุกคนเริ่มไม่มีใครอยากไปแล้ว
“งั้นพวกเรากลับบ้านก่อนนะคะ อัน…ไม่ไปเหรอ”
“คือว่าเรา…”
“ไม่ไปครับ พี่มีธุระกับเพื่อนพวกเราหน่อย”
เนตรและทรายหันมามองอันตรา ซึ่งมีภาวิชญ์ดึงแขนอยู่ข้าง ๆ เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองเพื่อน แต่ก็ส่งสายตาบอกทุกวันเชิงว่า “พรุ่งนี้ฉันเล่าให้ฟัง” ซึ่งตอนนี้เนตรกับทราย เริ่มงงจนทำอะไรไม่ถูก
“ไอ้ตะวันกูไปก่อนนะ”
“เออ เจอกันพรุ่งนี้”
“อันเดี๋ยวสิ นี่แก… จะไปไหน”
“ปราง…คือว่า”
“น้องปรางไปเคลียร์กับตะวันก่อนดีกว่าครับ ส่วนเรื่องของพี่กับน้องอันไม่มีอะไรหรอก ก็แค่มีอะไรต้องตกลงกันนิดหน่อย ใช่ไหมครับอันตรา ไปกันได้หรือยัง”
“ระ เราไปก่อนนะปราง แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
ภาวิชญ์รีบดึงอันตราออกมาทันที หลังจากบอกลาทุกคนแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะขัดขืน เพราะเขาขู่จะแกล้งเธอ เมื่อขึ้นมาบนรถได้ ภาวิชญ์ก็รีบขับออกไปทันที
“จะพาไปไหน”
“ไปคุยกันหน่อย คงต้องไปที่ที่อันจะหนีไม่ได้แล้ว จะได้ไม่ต้องวิ่งตามหาจนห้างปิด เหมือนเมื่อวาน”
อันตราหันไปมองหน้าเขา เธอแทบไม่เชื่อว่า เมื่อวานนี้ภาวิชญ์จะตามหาเธอ จนกระทั่งห้างสรรพสินค้าปิด เพราะเธอกลับบ้านเลย หลังจากที่ถูกเขาขโมยจูบแรกไป
“เมื่อวานนี้”
“ทำไมคะ”
“ครั้งแรกเหรอ”
เมื่อเขาถามขึ้นมา เธอก็เริ่มกำหมัดแน่น หัวใจก็เต้นแรงไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย เธอรีบหันหน้าหนี เพราะไม่อยากให้เขาเห็นหน้าแดงก่ำของเธอ แต่ภาวิชญ์ก็ไม่ถามอะไรอีก เขาแค่ขับรถไปตามเส้นทางที่คิดไว้เท่านั้น
สนามแข่งรถ
“ทำไมต้องมาที่นี่คะ”
“เพราะว่าอันจะหนีไม่ได้ นอกจากพี่จะพาออกไปน่ะสิ”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับพี่แล้วนะคะ”
“แต่พี่มี เยอะด้วย เราต้องคุยกัน ลงมาก่อนสิ”
อันตราลังเลนิดหน่อย เมื่อเขาเดินมาเปิดประตูให้ ที่นี่เป็นสนามแข่งรถขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีแค่สมาชิกเท่านั้น ที่สามารถเข้ามาได้ อีกอย่างก็เสียงดังเอาเรื่อง
“เสียงดังขนาดนี้ จะคุยรู้เรื่องได้ยังไง”
“โน่นไง มีที่คุยอยู่ ที่นั่นนั่งได้ ห้องแอร์เก็บเสียง ไปกันเถอะไม่ต้องมองแบบนั้น พี่รับรองความปลอดภัยได้”
สายตาของเธอ ไม่ได้เชื่อเขาเลยสักนิด ภาวิชญ์จึงหย่อนกุญแจรถของเขา เข้าไปที่กระเป๋าของเธอ
“ทำอะไรคะ”
“กุญแจรถของพี่ อยู่ในนั้นแล้ว รับรองได้ว่าจะไม่หนี และไม่ทำอะไรที่ทำให้อันเสียหาย ทีนี้จะไปได้หรือยัง ยืนที่นี่หนวกหูนะ”
เธอเดินตามเขาขึ้นไปที่ชั้นบน ซึ่งเป็นห้องกระจกที่กันเสียง ที่นั่นมองเห็นสนามแข่งได้ชัดเจน เธอไม่เคยรู้เลยว่า สนามแข่งรถที่พ่อของเธอชื่นชอบนักหนา จะเป็นแบบนี้ เพราะว่าพ่อไม่เคยพาเธอมาเพราะรู้ว่าอันตราไม่ชอบอะไรที่เสียงดัง
ห้องชั้นสอง
“นั่งก่อนสิ เดี๋ยวพี่จะสั่งน้ำมาให้ เอาน้ำส้มปั่นเหมือนเดิมไหม”
“ค่ะ ขอบคุณ”
เธอแค่หันไปบอกเขา ภาวิชญ์เดินออกไปเพื่อสั่งอาหาร เธอจึงได้เปิดกระเป๋า และหยิบกุญแจรถหรูของเขาออกมา อันตราอดอยิ้มไม่ได้ แต่วันนี้ทำไมเขาถึงพาเธอมาที่นี่กันนะ
“รอเดี๋ยวนะ ไม่เกินสิบนาที”
“พี่มีอะไรจะคุยก็ว่ามาเถอะค่ะ จะได้รีบกลับ”
“พี่อยากจะ… ขอโทษเรื่องที่ทำไปเมื่อวานนี้”
อันตราไม่คิดว่า เขาจะขอโทษตรง ๆ แบบนี้ ถึงจะตกใจ แต่เรื่องที่เพื่อน ๆ พูดในวันนี้ กลับทำให้รู้สึกไปอีกแบบหนึ่ง พอเขาพูดขึ้นมาแบบนี้ เธอก็เริ่มรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย
“แต่พี่ไม่เสียใจนะ ที่จูบอัน”
“คะ?”
อันตราหันไปมองหน้าเขา ตกใจยิ่งกว่าเดิม ที่เขาบอกว่าไม่เสียใจ เธอเริ่มมึนงง หัวใจก็เต้นถี่ขึ้นอีกครั้ง
“พี่บอกว่าพี่ไม่เสียใจยังไงล่ะ พี่ตั้งใจ”
“ทำไมคะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกอย่างพี่ไม่ได้ชอบผู้หญิงอย่างฉัน สเปกพี่คือผู้หญิงอายุมากกว่าแล้วก็สวย เซ็กซี่ เหมือนกับแฟนเก่าพี่ไม่ใช่เหรอ”
ภาวิชญ์เงยหน้าขึ้น และถอนหายใจอย่างแรงขึ้นมาทันที นี่สินะเหตุผลของเรื่องทั้งหมด ไม่ว่าอันตราจะไปรู้เรื่องแบบนั้นมาจากไหน วันนี้เขาคงต้องคุยให้เคลียร์ทุกเรื่อง
“ว่าแล้วเชียว นี่ไปฟังใครเขาพูดมาอีกล่ะ”
“เพื่อนสนิทพี่ไงล่ะคะ เขาคุยกันที่หอสมุด”
ภาวิชญ์เห็นสีหน้าแดงก่ำ และริมฝีปากบางที่เริ่มสั่น ก็ทำให้เขาเริ่มคอแห้งอีกรอบ เขาเดินมานั่งข้าง ๆ เธอ และดึงเอวเธอเข้ามาจนติด
“จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!”
“นิสัยที่ชอบแอบฟังคนอื่นคุยกันเนี่ย เมื่อไหร่จะเลิกเสียที เพราะเรื่องนี้เหรอถึงทำให้ไม่พอใจ ถ้าอย่างนั้นพี่จะเล่าทุกอย่างที่เป็นเรื่องจริงให้ฟังทั้งหมดเอง”
ภาวิชญ์อารมณ์ดี เพราะอันตราอนุญาตให้เขาไปทานข้าวเช้ากับเธอ ก่อนจะขับไปที่คณะ เขาพบกับตะวันที่โรงอาหารของคณะมนุษย์ฯ ซึ่งตอนนี้ตะวันแทบจะมาสิงอยู่ที่นี่แล้ว หลังจากปรับความเข้าใจกับแฟนสาวได้ “เชอะ ได้เมียแล้วลืมเพื่อน”“ใครเหรอคะ”“โน่นไง เธอเป็นเพื่อนสนิทอันเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”“อ่อ นั่นเหรอคะ พวกเขาน่ารักดีนะคะ”“น่ารักอะไร ถ้าอันดื้อขนาดนั้น พี่คงทำเหมือนตะวันไม่ไหว ผู้หญิงอะไรดื้อโคตร ๆ เลย”“ว่าเพื่อนอันเหรอคะ”“ไม่ใช่สักหน่อย จะว่ายังไงดีล่ะ โชคดีที่แฟนของพี่ไม่ใช่คนดื้อแบบเมียไอ้ตะวัน ไม่งั้นพี่คงปวดหัวตาย”“ก็ลองดูสักหน่อยสิคะ ไม่แน่ว่าอันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้”“จ้าแม่คนชอบขู่ วันนี้กินอะไร เดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้”“เหมือนเดิมค่ะ”“กินแต่ข้าวต้มกุ้ง หน้าแดงจะเหมือนกุ้งอยู่แล้ว”“ก็ชอบนี่คะ ไม่ไปซื้อให้ก็นั่งเฉย ๆ ไปเองก็ได้”“นั่งเลย เดี๋ยวจัดการเอง”อันตราได้แต่นั่งยิ้ม เมื่อหันไปมองตะวันกับมะปราง ที่นั่งทานข้าวด้วยกัน เธอแค่ยกมือทักทายเพื่อนสาว ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากโรงอาหารไปเธอกับภาวิชญ์เริ่มเป็นที่สนใจของคนที่คณะ แต่ตอนนี้อันตราเลือกจะไม่สนใจแล้ว เพราะต่อให้สน แล้วเ
“อุ่ย! เห็นแล้วเหรอ ว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย อันไปลองใส่หน่อยสิ ชุดพยาบาลนี่เป็นไง”“พี่ภีม! ใครจะใส่ มันโป๊ เอาออกไปเลยนะ!”“อันจ๋าาา…. นะ ๆ คนดีของพี่ พี่อยากเห็นอันใส่ พี่ว่ามันน่ารักดีจะตาย อีกอย่างอันก็รูปร่างดี หุ่นสวย หน้าอกตู้ม ๆ นั่นน่ะ ไหนจะก้นงอน ๆ นั่นอีก ใส่ชุดนี้แล้วต้องออกมาดูดีแน่เลย เชื่อพี่สิ”“นี่มันโรคจิตเกินไปแล้ว อันไม่มีทางใส่ชุดพวกนี้เด็ดขาด!”อันตรากำลังจะเดินเข้าไปในห้อง ภาวิชญ์จึงรีบหันไปคว้าเธอและกอดทันที เขาเริ่มใช้เสียงออดอ้อนแฟนสาวทันที เพื่อไม่ให้เธองอนเขา คิดเอาไว้แล้วว่าอันตราคงโกรธแน่ ถ้าเห็นว่าเขาซื้อชุดพวกนี้มา ก็เธอเป็นสาวเนิร์ดที่แต่งตัวถูกระเบียบของมหาลัยเป๊ะ ๆ ขนาดนี้ จะกล้าใส่ชุดแบบนี้เหรอ ถ้าเขาไม่บิ๊วอารมณ์เธอก่อน“ที่รักครับ อย่าพึ่งโกรธพี่สิ พี่ก็แค่อยากลองซื้อมาเท่านั้นเอง ไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ แต่พี่ก็แค่อยากเห็น ที่สำคัญอันก็ใส่ให้พี่ดูแค่คนเดียวเอง ไม่ได้ใส่ให้ใครดูสักหน่อย จริงไหมครับ”“ไม่ต้องเลย เอาเก็บไว้ให้….”“ให้ใครล่ะครับ ก็มีเมียแค่คนเดียวนี่”“เมียอะไร อย่ามาข้ามขั้น…อื้อ…ปล่อยเลยไม่ต้องมาทำแบบนี้นะ ยังไงอันก็ไม่ใส่หรอก”“น่าเสีย
เขาเดินเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง อันตราตกใจจนเกือบจะทำมือถือตก เพราะกำลังจัดจานอาหารเช้าอยู่ ตอนนี้แม่ของเธอบอกว่ากำลังรอเรืออยู่ เพราะช่วงสุดสัปดาห์นี้ เป็นวันครบรอบแต่งงานของพ่อแม่เธอทั้งคู่จึงไปท่องเที่ยวเกาะล้าน ซึ่งโปรแกรมนี้ถูกวางเอาไว้นานแล้ว และเธอก็ทราบแล้วว่า พ่อแม่จะไม่อยู่สักพัก และพอกลับมาไม่กี่วัน ก็ต้องบินไปที่อังกฤษต่อ พร้อมกับพ่อแม่ของภาวิชญ์ เพราะทั้งสองบ้านทำธุรกิจร่วมกัน“อ๊ะ ค่ะแม่ แล้วอันจะบอกปราง…อื้ออ ค่ะ”ภาวิชญ์เริ่มคลอเคลียรอบกกหู พลางกระซิบไปที่หูของเธอเบา ๆ“ถ้าอยู่กับพี่จนถึงเย็นวันอาทิตย์ พี่ถึงจะยอมปล่อย”“ค่ะแม่…ปล่อยก่อน”“อะไรน่ะอัน เป็นอะไรไปลูก เสียงไม่ค่อยดีเลย”“ค่ะแม่ พอดีว่าอันกำลังทำอาหารเช้าให้เพื่อน ๆ อยู่ ก็เลยไม่สะดวก แม่กับพ่อเที่ยวให้สนุกนะคะ”“จ้า งั้นแค่นี้นะ”“ค่ะแม่”ติ๊ด!ภาวิชญ์เห็นเธอกดวางสายแล้ว จึงได้เริ่มซุกจมูกไปที่ซอกคออีกครั้ง อันตราหันมาดันเขาออกไป“พอได้แล้วค่ะ กินข้าวเช้าก่อนสิคะ”“ก็กำลังจะกินอยู่นี่ไงล่ะ”“อ๊ะ ไม่ใช่สิ พี่…อื้อ”ภาวิชญ์ก้มลงจูบเธอ และเริ่มใช้ลิ้นเกลี่ยไปทั่วริมฝีปาก ก่อนจะเกี่ยวตวัดลิ้นของเธอไปมา สุดท้า
“อ๊ะ! อือออ….มันเสียว อ๊ะ”เขาไม่ได้สอดเข้าไป แต่ก็ใช้นิ้วเกลี่ยไปมา สลับกับการสอดกระแทกเข้าไปที่หว่างขาของเธอ อันตราหนีบได้พอดีความคับแน่นที่เขาต้องการ นิ้วของภาวิชญ์บีบเคล้นหน้าอกและเกลี่ยยอดแข็งเป็นไตของเธอ อันตราต้องอ้าปากระบายความเสียว ภายใต้ฝักบัวน้ำอุ่นที่ราดลงมา “เซ็กซี่เป็นบ้าเลย เมียใครเนี่ย”“อ๊ะ! พี่ภีมคะ อันจะ…อ๊าาา!! อูยยย เสียวมาก จะ…”“จะเสร็จแล้ว เต็มที่เลยที่รัก พุ่งออกมาได้เลย อาาา…. อุ่นมาก”น้ำใส ๆ พุ่งพรวดออกมา จากร่องรักที่หนีบเอ็นร้อนเขาเอาไว้ อันตราเร่าร้อนกว่าที่เขาคิด ตอนนี้เขาเองก็ทนไม่ไหวแล้ว ทั้งเสียงร้องและผิวเนื้อนุ่มแน่นของเธอ ทำให้เขาเกือบจะคลั่งตาย“อาาา อัน!! พี่ไม่ไหวแล้ว”“อื้อออ”เขากดจูบแน่น ๆ ไปที่ไหล่ของเธอจนเกิดรอย เมื่อน้ำขุ่นใสพุ่งไปที่ผนัง อันตรารู้สึกร้อนที่หน้าขา ซึ่งเขาใช้เสียดสีไปมาจนเสร็จ ทั้งคู่หอบแข่งกันใต้ฝักบัวอุ่น ภาวิชญ์จับเธอหันมา จูบเน้น ๆ ไปอีกครั้ง และล้างตัวให้เธอ“หิวข้าวไหม”“นี่กี่โมงแล้วค่ะ”“เกือบสองทุ่มแล้ว”“จะสองทุ่มแล้วเหรอคะ แย่แล้วต้อง…”“โทรไปบอกที่บ้าน ว่าจะนอนหอกับเพื่อน คืนนี้อยู่กับพี่นะครับ”“ว่ายังไงนะคะ”
แฮก แฮก…..ร่างบางนอนหอบ โดยมีภาวิชญ์กอดเอาไว้ เธอเริ่มเหนื่อยจนเหงื่อผุดตามตัว และซุกเข้าหาอกกว้างของเขา ตอนนี้เธอถูกเขาถอดเสื้อผ้าจนหมด แต่ตัวเองกลับยังไม่ถอดเลยสักชิ้น“พี่ภีมขี้โกงนี่คะ”“เปล่าเสียหน่อย พี่กำลังจะถอด เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีไหม”เธอเอามือทุบไปที่หน้าอกของเขา เพราะอายที่จะตอบ เขาจับมือเธอได้ก็เริ่มหันมาจูบอีกครั้ง มือไม้เริ่มไม่อยู่สุขจนกระทั่งนั่งคร่อมร่างเปลือยเธอเอาไว้ และถอดเสื้อออก อกกว้างที่มีกล้ามแน่น ๆ อันตราแค่เห็นก็หน้าแดง“อย่ามองแบบนั้นสิ พี่รู้ว่าตัวเองหล่อและหุ่นดี แต่มองแบบนั้นมันก็เขินนะ”“คนหลงตัวเอง”อันตราไม่ลืม ที่จะใช้มือปิดหน้าอกเอาไว้ ภาวิชญ์ทนไม่ไหวแล้ว น้องชายที่ดีดจนตุงเป้ากางเกงก็เหมือนกัน เขาถอดชุดไม่นาน เมื่ออันตราได้เห็นรูปร่างผู้ชายเปลือยครั้งแรก เธอก็เกือบจะเป็นลม“ไหวไหม พี่ว่าแล้วเชียว อันจะต้องเป็นลม ก็พี่ออกจะเซ็กซี่ขนาดนี้”“คนบ้าอะไรเนี่ย! เอาแต่ชมตัวเองอยู่ได้”“คนบ้าที่รักเธอยังไงล่ะ ยัยคู่หมั้นขี้อาย”“บ้า…”“แล้วรักไหมล่ะ”เมื่อเธอไม่ตอบ เขาก็มีวิธีทำให้เธอพูดไม่หยุด คืนนี้เป็นเวลาของเขา ก็ลองดูว่าเธอจะดื้อได้อีกแค่ไหน ซองถุ
ตึง!!!“บัดซบเอ๊ย!”ภาวิชญ์โกรธ จนหันไปชกตู้ล็อกเกอร์จนเสียงดัง ริวไม่ตกใจเลยสักนิด เขารู้ว่าภาวิชญ์โมโหเพราะอะไร และเข้าใจเขาดี“แต่ฉันบอกเฮียเลิศว่า วิธีสกปรกแบบนั้น อย่าเอามาใช้กับสนามแข่งนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่พอใจมาก โชคดีที่วันนี้เป็นฉัน ไม่ใช่คนอื่นที่คิดสกปรกอย่างเธอคนนั้น ไม่งั้นก็ไม่อยากคิดเหมือนกัน”“สารเลว!”“ฉันมาเตือนนาย เพราะคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวมาก เธอเหมือนคนโรคจิตที่ตามป่วนคนอื่น ระวังเอาไว้ด้วย”“ขอบใจนายมากนะริว”ริวเดินมาตบไหล่เขาอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้ม“คู่หมั้นของนาย เธอดูรักนายมากเลยนะ เห็นแล้ว… แอบอิจฉาเหมือนกัน ไปก่อนล่ะ”“แล้วเจอกันนะริว”กลับมาที่ห้องภาวิชญ์“ทั้งหมดนั่น เป็นแผนของเธอเหรอคะ ทำไมทำถึงขนาดนี้”“ทีนี้บอกพี่ได้หรือยัง ว่าจู่ ๆ ทำไมถึงโกรธพี่ขนาดนี้”“คือเรื่องนี้ เมื่อเช้าก่อนจะขึ้นไปที่ห้องเรียน อันเจอน้องเค้กที่มาดักรออยู่หน้าคณะค่ะ”“ว่าแล้วยังไงล่ะ… แล้วเงียบเชียวนะ ทำไมไม่โทรมาบอกพี่”“ตอนนั้นมันสับสนนี่คะ ก็เลยไปถามเพื่อน ๆ ดู พวกเธอก็บอกว่า มันมีเรื่องแบบนี้จริง ๆ”“ก็เลยคิดเป็นตุเป็นตะ แล้วเหมารวมและตัดสินพี่ไปเลย ไม่ยุติธรรมเลยแฮะ