สองปีที่แล้ว
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ลูกสาวคนเล็กของตระกูลวัยยี่สิบสองปีที่กำลังนั่งจับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ภายในห้องนอนสีขาวหรูหรา ตกแต่งในธีมเจ้าหญิงในเทพนิยาย
ไม่นานนักแม่บ้านก็มาเคาะประตูห้องนอน เรียกให้ไปพบบิดาที่ห้องทำงาน เธอจึงนำเอกสารแผนการเรียนต่อถือเข้าไปเพื่อขอคำปรึกษาจากบิดามารดาด้วย
ม่านฟ้าเดินเข้ามานั่งในห้องทำงานสีดำสุขุม โดยภายในห้องกว้างมีคุณหญิงเอมฤดี ผู้เป็นมารดา และเมธาวีพี่สาวคนโตของตระกูลนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ทำไมอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตายเลยคะเนี่ย” ลูกสาวคนเล็กเดินมานั่งข้างมารดา ก่อนจะหอมแก้มอ้อนผู้เป็นแม่ฟอดใหญ่
“ม่านฟ้า คุณพ่อมีเรื่องจะขอร้อง”
คำพูดของประมุขในบ้านทำให้เธอหันไปมองบิดาอย่างสนใจ แต่ก็อดที่จะเลิกคิ้วโก่งด้วยความสงสัยไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่หัวหน้าครอบครัวใช้คำว่า ‘ขอร้อง’ กับลูกสาวอย่างเธอ
“คุณพ่อพูดมาเลยค่ะ อย่าเกรงใจ”
“น้องม่าน...ไปดูตัวกับลูกชายบ้านวรหิรัญ ให้คุณแม่ได้ไหมคะ” เอมฤดีเป็นฝ่ายพูดกับลูกสาวแทนสามีที่เอาแต่อึกๆ อักๆ
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มมองที่บิดา เลื่อนไปที่พี่สาวที่นั่งเอามือลูบครรภ์ตนเองอยู่ไม่ไกล ก่อนจะกลับมามองมารดาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก
“จะให้ม่านแต่งงานเหรอคะ”
“ไม่ค่ะ แค่ดูตัว ถ้าน้องม่านไม่ชอบก็หยุดได้ทุกเมื่อ” มือเรียวของมารดาคว้ากุมมือลูกสาวเอาไว้ ให้ลูกสาวคนเล็กเกิดความมั่นใจ
ว่านี่ไม่ใช่การบีบบังคับ...
“งะ...งั้นม่านปฏิเสธเลยได้ไหมคะ” ริมฝีปากอวบอิ่มพูดคล่องเร็วด่วนจี๋ ราวกับกลัวว่าจะถูกใครพูดแทรก “ม่านแพลนจะไปเรียน ป.โทที่อังกฤษพอดี”
เอมฤดีหลุบตามองใบสมัครเข้าศึกษาต่อในมือลูกสาว หยิบเอกสารบนกระดาษสีขาวขึ้นมาถือ ไล่สายตาอ่านชั่วครู่ก็เห็นว่ายังพอมีเวลาก่อนที่จะถึงวันเริ่มเรียน
“เอาอย่างนี้นะคะลูก สามเดือนจากนี้ ถ้าหนูไม่โอเคกับพี่เขา คุณแม่จะเป็นคนไปส่งหนูที่อังกฤษเอง”
คำพูดของมารดาถือเป็นประกาศิต
ม่านฟ้าสูดลมหายใจเข้าช่องปอดตัดความกังวล สลัดท่าทีอึดอัดใจออกไปจนหมด อย่างไรท่านทั้งสองก็ไม่ได้บังคับให้ตบแต่ง
การดูตัวครั้งนี้ท่านคงไตร่ตรอง คัดเลือกคนที่จะดูแลเธอได้ดี เหมือนที่เมธาวีแต่งงานมีครอบครัวกับธันวาพี่เขยของเธอ
แม้ทั้งคู่จะเริ่มต้นจากการดูตัว แต่ก็พัฒนาความสัมพันธ์ และแต่งงานกันในที่สุด
ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่หวังดีกับลูก
“ค่ะ ม่านจะลองดู”
×××
“ไม่ครับ”
“ตาคิม/ไอ้คิม!!”
“ขอปฏิเสธอีกครั้ง”
เจ้าของห้องทำงานหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง เดินเปิดประตูระเบียงออกไปยืนด้านนอก หยิบบุหรี่ราคาแพงขึ้นจุดสูบสงบจิตสงบใจ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาดูตัว...
นับตั้งแต่อายุย่างเข้ายี่สิบแปด กระทั่งตอนนี้สามสิบสอง คิมหันต์ผ่านการดูตัวจากการจับคู่ของบุพการีมาแล้วทั้งหมดเจ็ดครั้ง!
แล้วทุกครั้งก็มักจะเจอแต่ผู้หญิงบ้านรวย ไม่รู้จักทำมาหากิน นั่งอวดเล็บคุยแต่เรื่องชอปปิงน่าปวดหัว เขาเหนื่อยที่จะเชื่อถือรสนิยมของพ่อแม่เขาเต็มแก่
“รอบนี้ดีแน่นอนลูก น้องเรียนจบปุ๊บ ม้าก็ไปทาบทามมาให้เลย”
แทนที่ลูกชายคนโตจะสบายใจกับคำพูดของมารดา เขากลับตกใจจนเผลอทำบุหรี่หลุดจากปาก จนต้องเอาเท้าเหยียบดับไฟก่อนที่จะลามไหม้พรมในห้อง
“ม้า ผมอายุสามสิบสอง จะให้คบกับนักศึกษา มีหวังนักข่าวเอาไปประโคมเขียนจนหุ้นบริษัทร่วง” คิ้วหนากระตุกหงึก เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง
ระหว่างที่คุณนายวรรณษาเปิดไอแพดตนเองหารูปลูกสาวบ้านนั้น มือหนาหยิบมือถือมากดส่งข้อความหาใครบางคนสองสามประโยค ก่อนจะวางมันทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานอย่างเดิม
“นี่ น่ารักมาก หนูม่านฟ้า” มือเรียวสวมเครื่องประดับเต็มข้อมือ ยื่นไอแพดสีเงินลงบนโต๊ะทำงานลูกชายให้ดูสาวที่หามาเป็นสะใภ้ใหญ่ให้
คิมหันต์ส่ายหน้าปฏิเสธมารดาทันควัน ไม่แม้แต่จะมองให้เสียเวลา เขาไม่มีทางแต่งงานกับเด็กอายุห่างกันเป็นรอบแบบนั้น
ตอนเขาอยู่ปอหก เด็กคนนั้นเพิ่งลืมตาดูโลก เมื่อเขาเรียนจบปริญญาตรี เด็กคนนั้นเพิ่งจะอยู่ปอหก ไม่รู้ว่าหย่าขวดนมหรือยังด้วยซ้ำ
เขาไม่อยากเดินไปไหนมาไหนกับภรรยา แล้วต้องคอยตอบคำถามว่าเดินกับลูกหรือเปล่า เมียอายุเท่าไหร่
อายตายชัก
“คนนี้ลูกสาวคนเล็กเพื่อนม้าแกนะ ก็ลองไปเจอกันหน่อย” เจ้าสัวหลี่ ผู้เป็นบิดาพยักพเยิดให้ลูกชายคนโตตามน้ำ
แต่มีหรือที่คิมหันต์จะหลงกลผู้เป็นพ่อ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าพ่อของเขาอยู่ฝั่งแม่ หากเขาตกปากรับคำ มีหวังคุณนายวรรณษาได้เอาคำพูดครั้งนี้มาผูกมัดเขาไม่จบไม่สิ้น
“น่า ตาคิม ม้าอยากอุ้มหลานเต็มแก่แล้วอะ” เมื่อบังคับไม่ได้ผล คุณแม่คนสวยจึงเปลี่ยนเป็นงอแงแทน
ลูกชายคนโตถอนหายใจกับเรื่องที่ได้ยินซ้ำๆ เป็นรอบที่ร้อยที่พัน ใช้มือเปิดโน้ตบุ๊กเช็กอีเมลหน้านิ่ง
“ไอ้เหมันต์ไงม้า ไอ้วสันต์ด้วย” เขาเอาลิ้นดุนเพดานปากอย่างรำคาญ เกาหน้าผากระบายความเครียดแล้วชำเลืองมองมารดาเล็กน้อย “ให้น้องแต่งงานก่อน ผมไม่ถือหรอกนะ”
“ไอหย๊า เอ็งไม่ถือแต่บรรพบุรุษเขาถือนะ มีหวังอากง อาหม่ามาบีบคอป๊าตายห่า” เจ้าสัวหลี่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง หยิบกระดาษทิชชูมาซับเหงื่อบนใบหน้าอย่างวิตก
ก๊อกๆๆ
ไม่ทันที่คิมหันต์จะพูดอะไรต่อ เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้น ก่อนที่ลูกชายคนรองของบ้านจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้ารีบร้อน
“เฮีย ทำไมยังไม่เข้าประชุมอีก คนทางฝั่งมาเลย์เขารอ... อ้าว! ป๊า ม้า โอ้โห! ตัวการทำเฮียเข้าประชุมสายนี่เอง” เหมันต์กอดอกมองบุพการีหน้าขรึม ก่อนจะคลายมือลงแล้วเดินมาจูงแขนมารดาให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“อ๊ะ! อาเหม ม้าคุยเรื่องสำคัญกับเฮียอยู่นะ” คุณนายวรรณษาขืนตัวออกจากแขนแข็งแรงของลูกชาย แต่ไร้ผล
“วันหลังก็ได้ม้า เฮียต้องคุยเรื่องพัฒนาแอปฯ ป๊าด้วยครับ” คนแรงเยอะกว่าออกแรงพยุงหลังมารดาออกมานอกห้อง ทำให้เจ้าสัวหลี่ต้องเดินตามออกไปด้วยอย่างเสียไม่ได้
เมื่อทุกอย่างในห้องสงบลง คิมหันต์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องไปพบผู้หญิงที่มารดาหาไว้ให้อยู่ดี แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ค่อยหาวิธีจัดการอย่างที่เขามักจะทำตลอด
เสียงแจ้งเตือนแอปพลิเคชันส่งข้อความดังขึ้นจากมือถือส่วนตัว เรียกความสนใจจากชายหนุ่ม เขาละมือจากเมาส์มาเปิดอ่านข้อความ ที่ถูกส่งมาจากน้องคนรองพลางหยักยิ้มมุมปาก
เจ้าของมือถือออกจากหน้าจอปัจจุบัน เข้าไปที่แอปพลิเคชันธนาคาร กดโอนเงินตามจำนวนที่ตกลงให้ปลายทางก่อนจะกลับมายังหน้าแช็ตกลุ่ม
:: GROUP NO PARENTS ::
W1NTER : เฮียอย่าช้า เลขเดิม
MR KIM : SENT A PHOTO TO GROUP
RAINNY : SENT A STICKER TO GROUP
ทันทีที่เขาส่งสลิปโอนเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทเข้าไลน์กลุ่ม วสันต์ น้องชายคนเล็กที่วันนี้ออกไปเที่ยวเตร่นอกบ้าน ก็ส่งสติกเกอร์คนโกรธตาลุกเป็นไฟเข้ามาในกลุ่ม เขาหัวเราะออกมากับนิสัยทะเล้นของน้องคนเล็ก แล้วนั่งอ่านบทสนทนาในกลุ่มเงียบๆ
RAINNY : เฮียเหม เอามาหารกันเลย
W1NTER : หารส้นตีนกูไหม ใครใช้ให้มึงออกไปปาร์ตี้
RAINNY : พี่น้องกัน หวงเรื่องเงินๆ ทองๆ แทงกันตายมาเยอะแล้วน้า
W1NTER : เลิกใช้ชื่อไลน์ว่าเรนนี่ให้ได้ก่อน ไอ้เวร
คิมหันต์หัวเราะกับเรื่องไม่เป็นเรื่องในกลุ่มอยู่พักใหญ่ ก่อนจะปิดหน้าจอมือถือลงตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่ค้างไว้ต่อ ถือว่าเป็นโชคร้ายของวสันต์ที่ไม่อยู่บ้านในวันที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เหมันต์จึงเป็นผู้ทำหน้าที่หลอกบิดามารดาออกจากห้องทำงาน แล้วนั่งรับทรัพย์คนเดียว
แม้จะไม่ใช่มาเฟียสีเทา แต่คนอย่างคิมหันต์ก็มีน้องชายทั้งสองที่คลานตามกันมาห่างๆ คอยเป็นมือซ้ายและมือขวา กันคุณนายวรรณษากับเจ้าสัวหลี่ไม่ให้มายุ่งวุ่นวายได้พักหนึ่ง
เงินเท่านั้นที่น็อคเอฟวรี่ธิง!
❀┈┈┈┈┈┈❀
คิมหันต์รู้สึกตัวตื่นกลางดึก เนื่องจากคนในอ้อมกอดตัวร้อนจี๋ จนแผงอกเขาแทบละลาย อากาศด้านนอกยังมีฝนตกลงมาไม่หยุด เสียงฟ้าผ่า ฟ้าร้องยังคงดังต่อเนื่อง เมื่อเปิดผ้าห่มผืนใหญ่ออก ร่างกายบอบบางก็เต็มไปด้วยเหงื่อชื้นจากฤทธิ์ไข้ แม้ก่อนนอนเขาจะให้เธอทานยาลดไข้ไปแล้วหนึ่งรอบ แต่อาการก็ยังไม่ทุเลาลงมือหนาหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา พบว่าเลยสี่ชั่วโมงแล้วจากการทานยาครั้งแรก ชายหนุ่มลุกออกจากเตียง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับยาลดไข้และน้ำในมือ ตั้งวางไว้โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะขยับเข้ามาพยุงคนตัวเล็กเข้ามาแนบอก“หนูขา กินยา”เสียงของเขาปลุกให้เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หลังจากทานยาลดไข้เรียบร้อย คิมหันต์วางเธอลงนอนหนุนหมอนหนา ร่างสูงเดินหายไปในห้องน้ำชั่วครู่ ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กกับกะละมังที่หยิบติดมือจากในครัวตอนไปเอาน้ำเพราะเสื้อที่เธอสวมใส่อยู่เปียกชื้นจากเหงื่อกาฬ อาจทำให้น้องนอนไม่สบายตัว นิ้วเรียวยาวเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อบนเรือนร่างบอบบางอย่างอ่อนโยน โดยมีสายตาปรือเปล่าของเจ้าของร่างมอง หากแต่ไม่สามารถขัดขืนการกระทำนั้นได้“พี่เช็ดตัว
วันนี้ม่านฟ้าตื่นขึ้นมาแต่เช้า สิ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถข่มตานอนต่อได้ แม้จะอยู่ในภาวะง่วงงุน คือเสี่ยสิงห์ที่มานั่งรอเธอที่ห้องนั่งเล่นตั้งแต่ยังไม่แปดโมง ยิ่งไปกว่านั้น มารดากลับเข้าห้องมาบอกว่าเสี่ยสิงห์ชวนไปทานอาหารเช้าที่บ้านคนตัวเล็กนวดคลึงขมับอย่างคิดไม่ตก สุดท้ายจึงกดโทรออกหาคิมหันต์อย่างหมดหนทาง‘แต่งตัวรอเลย ใกล้ถึงแล้วจะส่งข้อความบอก’และเมื่อข้อความจากคนตัวโตส่งมาบอกว่าอยู่หน้าบ้านเธอแล้ว หญิงสาวก็รีบกุลีกุจอหยิบกระเป๋าสะพายลงไปด้านล่าง“หนูม่านฟ้า”เสี่ยสิงห์ลุกขึ้นยืนทันทีที่เท้าของเธอแตะพื้นชั้นล่าง ม่านฟ้ายกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้ามาหามารดาที่นั่งคุยเป็นเพื่อนเสี่ยใหญ่อยู่“คือม่านลืมบอกคุณแม่ ว่าม่านนัดพี่คิมหันต์ไว้ค่ะ” หญิงสาวพูดกับมารดาเสียงอ่อย จงใจให้ชายรุ่นพ่อได้ยินไปด้วยแน่นอนว่าเสี่ยสิงห์เองก็นั่งไม่ติด เมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน แต่ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรต่อ ร่างสูงกำยำของคนที่ม่านฟ้ารออย่างใจจดใจจ่อก็เดินเข้ามายังตัวบ้าน“สวัสดีครับน้าเอม” ชายหนุ่มกล่าวทักทายมารดาของคนตัวเล็กอย่างสนิทสนม ก่อนจะเดินมาหยุดเคียงข้างหญิงสาว “ขอโทษที่มาสายนะครับ
“คุณลูกขา ยิ้มหน่อยค่ะ” เอมฤดีผู้เป็นมารดามองลูกสาวที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างกายผู้คนในงานที่เดินผ่านไปมาต่างก็หันมามองหญิงสาววัยยี่สิบสี่ ที่ตอนนี้สวยพร้อมสะพรั่ง หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แอบชำเลืองมองมาที่ลูกสาวคนเล็กของเอมฤดีด้วยสายตาชื่นชมม่านฟ้าในตอนนี้สวยเด่นเสียจนกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งงาน แม้หญิงสาวจะกำลังแสดงสีหน้าบูดบึ้งที่ถูกบังคับมาก็ตามย้อนไปก่อนหน้านี้สามชั่วโมง ม่านฟ้านอนเอกเขนก เกลือกกลิ้งบนที่นอนอย่างเบื่อหน่าย ตั้งแต่เธอกลับจากอังกฤษ บรรดาเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาก็แต่งงานออกเรือนกันจนหมด จะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกอย่างเก่ากระทั่งเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น“น้องม่านขา วันนี้ออกไปข้างนอกกับคุณแม่หน่อยนะคะ” มารดาโผล่เพียงหน้าออกมาจากประตูห้องนอนเรียกความรัก ความเอ็นดูจากลูกสาวคนเล็กได้เป็นอย่างดีนิสัยออดอ้อนของเธอ คงได้มาจากคนเป็นแม่อย่างแน่นอน“ได้สิคะ” ตอบกลับด้วยอารมณ์อยากหลีกหนีจากความเบื่อหน่ายโดยไม่คิดว่าข้างนอกที่มารดาหมายถึงคือ งานวันเกิดครบรอบหกสิบห้าปีของเจ้าสัวหลี่เดจาวูช
สองปีต่อมาเจ้าของใบหน้าคมคายนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ราคาแพงไม่วางตา ซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่กำลังจะถูกวางขายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า งานในมือเลยต้องรีบสะสางให้แล้วเสร็จก่อนวันเปิดตัวติ๊ง!เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เป็นน้องชายคนเล็กที่ส่งรูปเข้ากลุ่มแช็ตอย่างเช่นทุกครั้ง มือหนาถ่างซูมรูปภาพที่ถูกแคปหน้าจอจากไอจีสตอรีของใครบางคน ภาพเรียวนิ้วเล็ก แต่งแต้มด้วยสีทาเล็บชมพูขาว วาดลวดลายซากุระถือบอร์ดดิ้งพาสสีขาว แนบหนังสือเดินทาง ฉากหลังเป็นสนามบินที่มีคนพลุกพล่าน:: GROUP NO PARENTS ::RAINNY : หน่วยข่าวกรองเฮียอย่างเอาอะMR KIM : โอนเงินให้แล้วRAINNY : เข้าแล้วค่ะ ฮิๆW1NTER: แล้วเอาไงต่อMR KIM: ไม่ใช่เรื่องต้องรีบRAINNY: ใจเย็น เดี๋ยวน้องก็หนีไปอีกMR KIM: ไม่ต้องรีบ เตรียมไว้หมดแล้วหลังจากปิดหน้าจอมมือถือลง ร่างสูงโปร่งก็เอนกายแนบพนักพิงเก้าอี้ ครุ่นคิดเรื่องเมื่อสองปีก่อน ที่ตนเองตัดสินใจช้าหลายอย่าง กว่าจะรู้ตัวอีกที คนตัวเล็กก็หนีหายไปต่างประเทศเสียแล้วหลังจากที่มีปากเสียงกันที่หน้าบ้านเธอวันนั้น บ่ายวันต่อมาคิมหันต์ก็ได้รับข่าวว่าบริษัทซอฟต์แวร์ที่ญี่ปุ่นเ
“น้องม่าน ทำหน้าให้ดีๆ หน่อยสิคะลูก”เสียงมารดาตำหนิ เมื่อลูกสาวที่วันนี้แต่งองค์ทรงเครื่องสวยงามด้วยชุดสีขาวปักคริสตัลหรูหราตามธีมงานวันเกิดเจ้าสัวหลี่ที่เน้นสีเงินสีทอง แต่ทว่าใบหน้าหวานกลับบูดบึ้ง บ่งบอกว่าไม่เต็มใจมางานนี้เท่าไหร่นักหากพี่สาวของเธอไม่กำลังตั้งครรภ์ คนที่ออกงามสังคมกับครอบครัวก็ต้องเป็นพี่สาวไม่อยากเจอเขาคนนั้นเลย“สุขสันต์วันเกิดนะคะเจ้าสัว” เอมฤดียื่นของขวัญที่บรรจุในหีบห่อหรูหราให้เจ้าของวันเกิด ก่อนจะส่งให้ภรรยาถือแทนม่านฟ้ายกมือประนมไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างมีมารยาท แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าคิมหันต์ยืนมาอยู่ด้านหลังมารดาของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบมือเรียวลดมือลง ไม่ไหว้คนนิสัยไม่ดีให้เสียมือ เมินหน้าหนีไม่มองคนอายุเยอะกว่า ก่อนจะเดินไปหลบหลังมารดาหาเกราะกำบัง“เราไปนั่งคุยกันทางนู้นดีกว่าเอม” คุณนายวรรณษาเอ่ยปากชวนเพื่อน พร้อมกับออกแรงจูงมืออย่างมีนัย “ตาคิม พาน้องไปหาอะไรกินด้วยนะ”“ครับ”ชายหนุ่มรับคำมารดาไม่มีอิดออด ประจวบเหมาะกับเหมันต์และวสันต์เดินตามมาสมทบภายหลัง ม่านฟ้ายกมือไหว้ทักทายผู้มาใหม่เจือรอยยิ้ม ทำเอาคนถูกเมินขบเขี้ยวเหลือบตามองอย่า
หลายวันมานี้ เรื่องที่เขาสร้างเอาไว้ แทนที่จะถูกมารดาด่าดุด่าอย่างทุกครั้ง แต่สถานการณ์ภายในบ้านกลับเงียบสงบเสียจนลูกชายคนโตอดแปลกใจไม่ได้ นั่นอาจจะหมายถึงม่านฟ้าไม่ได้ฟ้องทางฝั่งผู้ใหญ่“ตาคิม มานี่ๆ” เสียงมารดาเรียกตัวเขาไว้ ระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสองคิมหันต์เหลือบสายตาคมไปที่น้องชายคนรองอย่างเหมันต์ ที่นั่งดูทีวีกับมารดา เห็นได้ชัดว่าเหมันต์มีท่าทีลุกลี้ลุกลน เมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียกเขา“ครับ”ชายหนุ่มเดินมาหย่อนกายนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามน้องสาย ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เตรียมตัวเตรียมใจที่จะโดนมารดาดุด่าอย่างทุกที“หนูม่านฟ้าเป็นยังไงบ้าง”คุณนายวรรณษาถามลูกชายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในมือยังถือไอแพดเครื่องใหญ่ กดพิมพ์ข้อความขยุกขยิกราวกับกำลังสนทนากับใครบางคนไปด้วยหากให้เดาก็คงเป็นมารดาของน้องม่านนั่นแหละ“ก็...อย่างที่แม่รู้มานั่นแหละครับ” คิมหันต์ตอบเลี่ยงบาลี ชำเลืองสายตามองน้องชายที่แม้ตาจะจ้องรายการทีวีอยู่ แต่เหงื่อแตกพลั่กอย่างมีพิรุธ“ดีเลย แล้วเมื่อไหร่จะนัดน้องออกไปเที่ยวอีกล่ะ”“นัด?”คำพูดของมารดาสร้างความประหลาดใจให้คนตัวโตไม่น้อย ไม่มีครั้งไหนเลยที่คิมหั